คุณเจ้าพระยาครับ เลิกจับดาบผมสักที!

คุณเจ้าพระยาครับ เลิกจับดาบผมสักที!

Prolopue1

Prolopue1

   นานแค่ไหนแล้วนะที่ข้ามาอยู่ที่นี่...

   นับจากวันแรกที่เดินทางมาไม่เต็มใจ จวบจนผ่านมาถึงวันนี้ที่ได้ใช้ชีวิตในฐานะคนธรรมดา กลายเป็นส่วนหนึ่งของที่แห่งนี้อย่างแท้จริง

    หากจะว่านานก็นาน ทว่าในห้วงความรู้สึกกลับรู้สึกราวเพิ่งผ่านมาเมื่อวาน

    ข้ายังจดจำได้ดีถึงเวลาที่กลายเป็นจุดเปลี่ยนของชีวิตได้พานพบบุคคลมากมาย ทั้งผู้ที่ไม่คาดคิดว่าจะได้พานพบ เเละผู้ที่หวนคืนกลับมาโดยไม่คาดฝัน

    เเต่ที่สำคัญที่สุด คือการได้พบเจอกับคนคนนั้น...

    คนที่ช่วยฉุดรั้งข้าออกจากความมืดมิด

    สอนให้ข้ารู้จักสิ่งต่างๆมากมายบนโลกที่ไม่คุ้นเคย คนที่ทำให้ข้าได้รู้จักกับคำคำหนึ่งที่ไม่คิดว่าจะมีโอกาศได้สัมผัสด้วยตัวเอง

    คำว่า...

    ก๊อก ก๊อก

  "คุณจิติ อีกสิบนาทีผมจะเข้าไปส่งจดหมายในเมืองเเล้วนะครับ!" เสียงตะโกนจากด้านนอกทำให้เขาหลุดจากภวังค์หลุบตาก้มมองลงมองกระดาษสีขาวที่กางอยู่บนโต๊ะซึ่งเปรอะเปื้อนน้ำหมึกดวงใหญ่ อันเกิดจากการกดปากกาทิ้งไว้นานเกินไปอย่างระอาใจ

   "ดูเหมือนข้าจะคิดถึงเจ้าอีกเเล้ว" ข้าระบายยิ้มจางยามนึกถึงคนในห้วงคำนึงซึ่งไม่ได้พบเจอกันมานาน เเล้วรีบหันไปตะโกนบอกคนที่น่าจะยังยืนรออยู่ด้านนอกสั้นๆ

   "ข้าจะรีบเขียน!"

    กาลเวลาหมุนเปลี่ยนไปไวจนน่าใจหาย หากความรู้สึกที่มีกลับชัดเจนมากขึ้นทุกที ยิ่งยามต้องอยู่ไกล ไม่อาจพบหน้า ไม่อาจสบตาก็ยิ่งรู้ว่าอะไรคือ "สิ่งสำคัญ"

     ข้ายกปากกาในมือขึ้น และเริ่มจรดมันลงบนย่อหน้าใหม่ช้าๆ ใจความสำคัญเเละความรู้สึกที่อัดแน่นค่อยๆกลั่นกรองออกมาเป็นเรียงความไม่สั้นยาว หากเปี่ยมด้วยความหมาย

     ส่งถึงคนที่ไกลลิบ

    'อิชชิน... ดวงใจของข้า'

  

             •-•-•-•-•-•-•❤•-•-•-•-•-•-•-•

    ญี่ปุ่น บ้านตระกูลทาเคดะ

   เป็นเวลาหลายวันมาเเล้วที่อิชชินนั่งๆนอนๆ

ไม่มีอะไรทำเเทบทั้งวัน ชีวิตของเขาผูกติดอยู่กับการฟังรายงานจากลูกน้องคนสนิท สั่งการอะไรนิดๆหน่อยๆ เเล้วก็กินกับนอนวนไปวนมา จะบอกว่าไม่มีกะจิตกะใจทำอะไร เพราะพะวงนึกถึงเเต่คนที่อยู่ห่างไกลก็คงไม่ผิดนัก

   เช่นเดียวกับเช้าในวันนี้

   ชายหนุ่มเดินทอดน่องไปยังสวนหน้าบ้าน เเม้ไม่ได้คาดหวังให้ความรู้สึกในใจลดลง เเต่อย่างน้อยธรรมชาติตรงนี้ ก็ช่วยให้จิตใจที่ห่อเหี่ยวปลอดโปร่งขึ้นไม่น้อย

    เสียงกุกกักจากหน้าประตูรั้ว คือสรรพเสียงเดียวที่ดังขึ้นท่ามกลางเหล่ามวลไม้ เเต่มันก็เพียงพอที่จะดึงความสนใจจองเขาเอาไว้

     อิชชินเปิดประตูไม้บานใหญ่อกไปด้านนอก สายตาสะดุดเข้ากับกล่องจดหมายหน้าบ้านที่มีซองจดหมายเสียบอยู่ค้างเอาไว้ เขาเปิดกล่องจดหมายเพื่อดึงจดหมายมาไว้ในมือ ขณะสำรวจซองจดหมายไปมาด้วยความสนใจก็เดินกลับไปนั่งพักบนเก้าอี้ไม้ในสวน

      เเละเพียงได้เห็นข้อความจ่าหน้า หัวหน้าย่ากูซ่าก็พลันอมยิ้มจนใบหน้าดุดันเเลดูอ่อนลง จดหมายสีขาวถูกเเกะออกอย่างถนุถถนอม กระดาษด้านในคลี่ออกเผยให้เห็นลายมือยึกยือ อีกทั้งยังมีจุดที่เปื้อนน้ำหมึกเป็นวงกว้าง

       ทว่าสิ่งที่อิชชินให้ความสนใจมี่สุดไม่ใช่ความเละเทะของจดหมาย หากเเต่เป็นเนื้อหาที่เขียนอยู่ด้านใน

        อิชชิน... ดวงใจของข้า

       

        เจ้าเป็นอย่างไรบ้าง อยู่ทางนั้นสบายดีหรือไม่หากอากาศหนาวอย่าลืมสวมเสื้อผ้าหนาๆก่อนออกไปไหนเล่า อา... เเต่ข้าคิดว่าคนอย่างเจ้าคงจะขลุกอยู่ในบ้าน ไม่ออกไปใหนเสียมากกว่า อย่างไรก็จงดูเเลตัวเองให้ดี อย่าทำให้ข้าต้องเป็นห่วง เข้าใจหรือเปล่า

       ส่วนข้าที่อยู่ทางนี้ หากไม่นับเรื่องอากาศร้อนเสียจนอยากเเก้ผ้าเดินโทงเทงไปมา เช่นนั้นก็ถือว่าสุขสบายดีอยู่ไม่น้อย สยามในตอนนี้ช่างเเตกต่างจากอดีตยิ่งนัก หากสิ่งที่ไม่เคยเปลี่ยนเเปลงไป ไม่ว่าจะนานเพียงใดก็ตาม คงมีเพียงรอยยิ้มของผู้คนที่มอบให้เเก่กันเท่านั้น

       ข้ามีความสุขยิ่งนักที่ได้มาที่นี้... ทว่าสุดท้ายก็ไม่อาจพูดได้ว่ามีความสุขที่สุด เพราะมันช่างห่างไกลจากเจ้าเหลือเกิน หรืออันที่จริงข้าควรชิงตัวเจ้ามาด้วยนะ เอาเป็นว่าข้าจะพาเจ้ามาเเบบไม่ให้คนอื่นๆรู้เเล้วกัน

       ใจความเนื้อหาซื้อตรงเรียกเสียงหัวเราะจากอิชชินได้เป็นอย่างดี แววตาขบขันไล่อ่านจดหมายมาเรื่อยๆ จนถึงบรรทัดสุดท้าย ความอ่อนโยนพลันฉายออกมาจากดวงตาสีอำพัน

     

    

        คิดถึงมาก

        จาก... ดวงจิตของข้า

    

       ปลายนิ้วยาวค่อยๆไล่ไปตามตัวอักษรราวกับต้องการซึมซับความหมายของถ้อยคำนั้น

       อิชชิน ชื่อของเขาเขียนได้หลายเเบบ หากเเต่หนึ่งความหมายในนั้นมีความหมายว่าหนึ่งใจเดียวกัน

       หากจิติคือดวงจิต...อิชชินก็คือดวงใจ

       ชายคนนี้ช่างเจ้าบทเจ้ากลอนกว่าที่คิดไว้นัก

       กว่าเจ้าตัวจะได้สติก็ตอนใบไม้เเห้งร่วงหล่นลงมาปิดทับข้อความสุดท้ายพอดี

   เเต่จู่ๆใบหน้าอ่อนโยนพลันเเปรเปลี่ยนเป็นบึ้งตึงเมื่อนึกถึงอะไรบางอย่างขึ้นมาได้ อิชชินรีบวางจดหมายไว้ข้างกาย เเล้วคว้าโทรศัพท์ออกมากดวิดีโอคอลหาคนที่อยู่ห่างไกลอย่างรวดเร็ว

    "คุณบ้าหรือเปล่าเนี้ย"

   [เจ้าโทรหาข้าเพราะต้องการจะด่าข้า?] ใบหน้าคมเข้มที่ถูกแสดงผ่านหน้าจอโทรศัพท์ดูบึ้งตึงไม่เเพ้คนโทร.หาคิ้วที่ขมวดเข้าหากันเป็นปมแสดงถึงความฉงนระคนไม่พอใจอย่างเห็นได้ชัด

   "เปล่า" พอถูกมองด้วยแววตาแอบน้อยใจ คนที่ตั้งใจจะโทรไปบ่นก็เสียงอ่อนลงโดยอัตโนมัติ "แต่สมัยนี้เค้ามีวิดีโอคอลกันแล้วนะ อยากเห็นหน้าก็ได้เห็น คุณจะส่งจดหมายมาทำไมเล่า"

    [ก็จดหมายมันดูมีความหมายมากกว่า เจ้าสามารถเก็บมันไว้...]

"วิดีโอคอลก็บันทึกหน้าจอได้" อิชชินสวนกลับอย่างไม่ยอมแพ้

   [มันไม่เหมือน...]

   "ไหนยิ้มซิ"

   นอกจากจะไม่ฟังแล้ว คนหน้าดุยังตัดบทด้วยการออกคำสั่งเสียงเรียบ ซึ่งด้านเจ้าพระยาเองซึ่งปรับอารมณ์ตามไม่ทันเองก็ได้แต่ส่งยิ้มเด๋อด๋าตามคำบอก ฟังเสียงนับหนึ่ง สอง สาม แล้วใบหน้าคมเข้มก็กลับมาราบเรียบเหมือนเดิม

   อิชชินกดส่งรูปภาพหน้ายิ้มของอีกฝ่ายเข้าช่องแช็ตในเฟสบุ๊คซึ่งทั้งสองเอาไว้เป็นช่องทางติดต่อสื่อสารกัน หลังจากนั้นก็เปิดวิดีโอคอลกลับมาบ่นเรื่องอื่นด้วยความไม่เข้าใจ

   "ทำไมคุณไม่เปลี่ยนชื่อเฟสบุ๊คสักที ไอ้ชื่อ

'เจ้าพระยาจิติรักษ์ เเห่งกรุงศรี' นี่มันเท่ตรงไหน"

   [ก็มันเป็นความจริง จะให้ข้าตั้งว่าอย่างไรเล่า]

   "งั้นถ้าผมเอาความจริงมาตั้งด้วย ผมไม่ต้องตั้งว่า 'หัวหน้าแก๊ง ซึบากิ ทาเคดะ อิชชิน' เลยหรอ"

   [เช่นนั้นก็ดีนะ เจ้าจะได้แปลกเป็นเพื่อนข้าอย่างไรเล่า]

   เสียงกลั้นหัวเราะในลำคอดังลอดออกมาผ่านโทรศัพท์ ใบหน้าเปี่ยมไปด้วยความขบขันอารมณ์ดี เสียจนคนมองอดไม่ได้ที่จะแซะกลับ

   "คุณก็รู้นิ ว่าตัวเองแปลก"

   [รู้ เเต่ก็ไม่เห็นว่าเจ้าพูดว่าไม่ชอบเสียที เเล้วข้าจะเปลี่ยนเเปลงตัวเองทำไมเล่า]

   พอโดนสวนกลับอิชชินก็ทำหน้าหม็นเบื่อ ไม่ว่าจะพยายามเถียงอย่างไรก็เหมือนเข้าตัวเองอยู่ร่ำไป "พอเถอะจะเถียงกับคุณเเล้ว"

   [พอเถียงไม่ชนะข้า เจ้าก็เอ่ยอย่างงี้อยู่เรื่อย]

   คนโดนรู้ทันแยกเขี้ยวใสโทรศัพท์ก่อนจะเฉไฉเปลี่ยนเรื่องคุย ซึ่งล้วนเป็นเรื่องที่เนื้อหาในจดหมายไม่ได้เขียนเอาไว้ เเละหากตะรอตอบกันผ่านการส่งข้ามประเทศก็เห็นจะใช้เวลานานเป็นอาทิตย์

   เสียงหัวเราะและรอยยิ้มบางๆ ปรากฏอยู่บนใบหน้าดุดันทุกครั้งที่คุยกับปลายสาย กระทั่งอีกฝ่ายวางสายไปเเล้ว เเต่อิชชินยังคงยกมือถือค้างเอาไว้ราวกับต้องการซึมซับความรู้สึกที่คั่งค้างอยู่ในใจ

   พอได้คุยกัน..ก็ดูราวกับจะถูกดูดเข้าไปในห้วงภวังค์ในอดีตอีกครั้ง

   เขาเเทบจัฝะจำไม่ได้เเล้วว่าเรื่องราวมันมาลงเอยได้อย่างไง

  รู้เพียงเเค่ว่าพอนึกย้อนกลับไปก็อดยิ้มไม่ได้ทุกที

   กับเรื่องราวประหลาดที่นำพาคนบ้าสองคนให้โคจรมาพบกัน...

เลือกตอน
เลือกตอน

อัพเดทถึงตอนที่ 4

กกาวน์โหลดทันที

ชอบผลงานนี้ไหม? ดาวน์โหลดแอพ บันทึกการอ่านของคุณจะไม่สูญหาย
กกาวน์โหลดทันที

โบนัส

ผู้ใช้ใหม่ที่ดาวน์โหลดแอพสามารถปลดล็อค 10 ตอนได้ฟรี

รับ
NovelToon
เปิดประตูต่างภพ
เพื่อวิธีการเล่นเพิ่มโปรดดาวน์โหลดMangatoon APP!