หลังจากกลับจากการปราบปราม
ที่บ้านของเฟิง.....
ฝูไป๋: นี้เจ้าได้แผลหรอ!!!
-เพียงเฟิงเดินเข้าเพื่อจะพักผ่อน แม่นางฝูไป๋ นางยืนกอดอกขวางทางเองเอาไว้ก่อนจะลากเฟืองไปนั่งที่โต๊ะหินอ่อน
สำหรับเฟิงการได้รับแผลจากการต่อสู้ถือเป็นเรื่องปกติ ถึงแผลนี้จะได้จากการถูกเหยียนอี้ต่อยก็เถอะ และบางครั้งก็เผลอลืมหลบกระพี่ของนางจนได้แผล
เฟิง: แม่นางข้าสบายดี เพียงแค่ข้าอยากพักผ่อนเล็กน้อย
ฝูไป๋: ไม่ได้ เจ้ามีแผลนะ อยู่นิ่ง ข้าจะทำแผลให้
-ในเวลานั้นเป็นครั้งแรกที่เฟิงรู้สึกว่าตัวเองไม่อาจขัดคำสั่งได้และต้องทำอย่างเชื่อฟัง และเป็นครั้งแรกที่รู้สึกว่าตัวเองได้รับความใส่ใจ แม้จะจากคนที่เพิ่งพบกันก็ตาม
เพราะสายลมที่พัดโชยและกลิ่มหอมหวานจากตัวของแม่นางฝูไป๋ ทำให้เฟิงรู้สึกสงบอย่างน่าประหลาดก่อนจะพล้อยกลับไป
ฝูไป๋: เจ้าควรดูแลร่างกายตัวเองให้ดีสิ นี้เจ้าเคยรักษาแผลบนตัวบ้างไหมเนี้ย
ฝูไป๋ ยังคงบ่นเฟิงระหว่างทำแผลไปด้วย ก่อนจะเห็นว่าเมิงนั้นได้นั่งหลับไปแล้ว นางจึงหยุดบ่นและดึงเฟิงมานอนบนตักช้าๆ และค่อยๆร้องเพลงออกมาเบาๆ
เสียงที่ใสและไพเราะได้ถูกขับร้องออกมาบาวครั้งก็ช้าบางครั้งก็เร็ว ในบางครั้งบทเพลงก็ชวนให้เศร้า ในบางครั้งบทเพลงก็ทำให้รู้สึกมีกำลัง
ในระหว่างนั้นนางก็ลูบไล้ใบหน้าของเฟิงที่ยังคงหลับอยู่อย่างช้าๆ ลมหายใจอุ่นออกมาตอนหายใจออกได้รดลงที่ตักของนาง
-แม้เวลาจะผ่านไปนาน แต่นางก็ยังคงเฝ่ารอใครคนนั้นที่เคยช่วยชีวิตนาง จนกระทั่งวันที่เขาได้มาอยู่ที่แห่งนี้ แม้เฟิงจะจำนางไม่ได้แต่นางหาได้สนใจไม่ ของเพียงนางได้รู้จักและเคียงข้างเฟิงแบบนี้ก็เป็นพอ
แม้ในตอนนั้นเฟิงจะปกปิดตัวตนแต่นางจำดาบเล่มนั้นได้ดี ดาบที่ภายนอกราวจะผุพังได้ตลอดเวลา ทว่าคมดาบกลับถูกดูแลรักษาอย่างดี จนสามารถสะท้อนภาพของสิ่งที่กำลังถูกฟันได้อย่างชัดเจน
ในมือที่แสนจะหยาบกระด้าง บ่งบอกถึงความพยายามอย่างชัดเจน รอยแผลเป็นที่จืดจางหลายๆจุดบ่งบอกวิถีชีวิตของเฟิงได้ว่าเคยใช้ชีวิตตลอดเวลาที่ผ่านมาอย่างไร
เพราะนางยังคงว่าง และเฟิงเริ่มสลึมสลือกำลังจะตื่น นางจึงจับเฟิงกดลงที่ตักคืน และหยิบไม้ที่ปลายมีก้อนสำลีอยู่แหย่เข้าไปที่หูของเฟิงช้าๆ
ฝูไป๋:อย่าเพิ่งขยับนะ ให้ข้าแคะหูให้เถอะ..
เฟิง: อ..อืม.. ขอ..ขอบ...คุ..คุณ....
เสียงสลึมสลือของเฟิงพูดออกมาอย่างแผ่วเบาก่อนจะหลับไปอีกครั้ง
ในบ้านที่เงียบสงบ มีเพียงร่างของทั้งสองที่อยู่ใต้ต้นไม้ที่ร่มรื่น
ก่อนเวลาจะผ่านไปจวนตะวันจะลับขอบฟ้า เฟิงลืมตาตื่นขึ้นพบว่าบาดแผลและรอยฝกข้ำทั้งหมดถูกรักษาไปแล้วและตนเองกำลังหนุนตักของใครบางคน
พลันที่รู้สึกตัวดีเฟิงก็รีบดีดตัวลุกนั่งก่อนจะอุ้มนางอย่างอ่อนโยนเข้าไปนอนที่หน้าทางเดินในบ้าน
เหยียนอี้:เฟิงอยู่ไหม ข้าเข้าไปนะ
ที่หน้าบ้านเหยียนตี้นางตะโกนเรียกเองก่อนจะเปิดประตูเข้าไปหลังได้รับอนุญาต ในมือนางถือถุงผ้าขนาดใหญ่สองถุงยื่นให้เฟิง
เฟิง: ขอบคุณ เข้ามาข้างในก่อนสิ
เฟิงรับถุงมาและเชิญเหยียนอี้เข้ามา แต่ในเวลาเดียวกัน แม่นางฝูไป๋ก็ตื่นและลุกขึ้นมาเห็นทั้งสองคุยกันอย่างสนิทสนม
สิ่งนั้นทำให้นางรู้สึกแย่เล็กน้อยเมื่อเทียบกับตนแล้ว -
เฟิงมักเว้นระยะห่างเสมอ และพยายามตอบคำถามสั้นๆ
นางเอามือทาบอกของตนเองก่อนจะพึมพำเบา หรือเขาชอบแบนๆ พลันความคิดนั้นแล่นเข้ามานางก็รีบสลัดความคิดนั้นทิ้ง และแอบดูทั้งสองคุยกันต่อไป
เหยียนอี้:ข้าไปก่อนนะ
เฟิง:เดินทางปลอดภัยขอรับ...
เฟิงยืนส่งเหยียนอี้ที่เดินจากไปก่อนจะเดินตรงเข้าบ้านไปและพบแม่นางฝูไป๋ที่ยืนแอบอยู่หลังเสาที่มีฉากกั้น
เฟิง:แม่นาง เหตุใดจึงมายืนที่ตรงนี้เล่า...
ฝูไป๋:ข้าเพียงแอบฟังที่เจ้าคุยกับเหยียนอี้นะ
เฟิง:นั้นคือสหายของข้าในสนามรบเราพบกันสามสี่ครั้ง ท่านอย่าได้ใส่ใจ ในบางครั้งนางก็จะมาที่นี้ แต่จะว่าไปเหตุใดท่านจึงยังอยู่ที่นี้เล่า ท่านไม่คิดจะกลับบ้านกลับเรือนหรือ
ฝูไป๋:ข้ารอทานข้าวฝีมือเจ้านะ
เฟิง:เช่นนั้นโปรดรอ จะว่าไปพรุ่งนี้ข้าไม่อยู่นะขอรับ ข้าต้องไปที่หอนางโลม
เพียงสิ้นประโยคนั้น บรรยากาศที่เย็นยะเยือกอย่างไม่ทราบสาเหตุก็ได้แผ่ซ่านออกมาทำให้เองรู้สึกหายใจลำบากและรู้สึกถูกคุกคามอย่างมาก
ในวันนั้น เสียงร้องลั่นได้ดังก้องไปทั่วพื้นที่ราวกับเกิดเหตุฆาตกรรมขึ้น โดยเฉพาะเสียงร้องที่แสนเจ็บปวดก่อนจะเงียบหายไป
ด้วยสารเหตุนั้นเกิดจากแม่นางฝูไป๋ กัดเฟิงจนเกิดรอยฟันไปทั่วตัวอีกทั้งยังสลัดไม่หลุด หากใครเห็นฉากนี้เข้าเฟิงคงรู้สึกอับอายจนอยากมุดดินหนีเพราะองครักษ์ที่เคยกวาดล้างทั้งกองทัพได้มาพ่ายแพ้ให้กับสตรีคนหนึ่ง
***ดาวน์โหลด NovelToon เพื่อเพลิดเพลินไปกับประสบการณ์การอ่านที่ดียิ่งขึ้น!***
อัพเดทถึงตอนที่ 6
Comments