คฤหาสน์ตะกูลบัลธาซาร์
"คุณปู่ขาาาา~~" อลิซต้าวิ่งเข้ามา
"ว่าไงจ๊ะ หลานรักของปู่...มานี่มายัยตัวน้อย เดี๋ยวนี้ตัวกลมขึ้นนะ.....แต่ก็น่ารักจ้ำม่ำดี" อาร์โนด์ลูบหัวหลานสาวด้วยความเอ็นดู
'ฉันอ้วนเพราะฉันหยุดกินไม่ได้'
"เด็กกำลังโต...แต่ว่า แก้มนี่ขอได้ไหม~" อชินเลอะหยิกแก้มน้องสาวด้วยความหมั่นเขี้ยว
"แอ้!...เจ็บ" 'ให้ตายเถอะแก้มฉันยืดหมดแล้ว'
"อย่าไปแกล้งน้องแบบนั้นสิ...ตาชิน" อารีเซียดุลูกชายที่ชอบแกล้ง
"เฮียซิง...อย่าแกล้ง" อลิซต้ากอดอก ขมวดคิ้ว
"เฮียไม่ซิงแล้วครับ....เรียกใหม่" อชินเลอะพูดเย้าแหย่น้องสาว
"แกพูดอะไรเนี่ย เดี๋ยวหมวยก็จำอะไรไม่ดีๆ จากแกมา" อเบลารด์ดุน้องชาย พูดอะไรไม่คิด
"เฮียซิง"
"อ่าาา...ok ซิงก็ซิง" อชินเลอะพูดอย่างยอมแพ้
"จะว่าไปตอนนี้เป็นยังไงบ้างอเบลารด์ ทางอังกฤษกำลังวุ่นวาย มีผลกระทบกับเราบ้างไหม" อาร์โนด์เอ่ยถามด้วยความเป็นห่วงหลานที่ทำงานเป็นผู้รักษาอยู่ทางอังกฤษ
"ครับ...วุ่นวายมาก มีเจ้าหน้าที่บำบัดตาย พวกเขาแอบช่วยผู้เสพความตายที่บาดเจ็บ พอหมอนั่นฟื้นก็ฆ่าผู้บำบัดแล้วหนีไป"
"แย่จริงๆเลย ทำคุณแต่กลับได้โทษ" อารีเซียได้ฟังแล้วก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกหงุดหงิดแทนเจ้าหน้าที่ที่ช่วยรักษา
"วันก่อน มีชายคนนึง มาโรงพยาบาลด้วยอาการบาดเจ็บสาหัส ผู้บำบัดทุกคนพยายามรักษาแล้วแต่ไม่เป็นผล ผมว่ามันคือ....คำสาป" อเบลารด์เล่าถึงอาการบาดเจ็บที่เขาได้พบเจอมา
"คำสาป....คำสาปแบบไหนกัน ถึงรักษาไม่ได้" อองเดรถามขึ้น
"เหมือนโดนดาบฟัน เลือดไหลไม่หยุด" อเบลารด์ตอบ เขาเองก็ไม่เคยเห็นคำสาปแบบนี้มาก่อน "เห็นพยาบาลพูดกันว่า พวกเขาไปรุมทำร้ายชายคนหนึ่ง คนคนนี้น่าจะเก่งทางด้านศาสตร์มืด"
"แล้วคนที่ถูกสาปเป็นยังไง ตายมั้ยเฮีย"
"เขาเป็นมนุษย์หมาป่า เขามีความอึดพอตัว" อเบลารด์เอ่ยตอบน้องชายของตน
'คนกลุ่มหนึ่ง มนุษย์หมาป่า บาดแผลเหมือนถูกดาบฟัน ทำให้เลือดไหลไม่หยุด ทำไมมันคุ้มจัง คงไม่ใช่หรอกมั้ง'
ทุกคนกำลังคิดว่ามันเป็นสาดมืดแบบไหนกัน แต่มีเพียงอลิซต้าที่คิดต่าง แต่เมื่ออเบลารด์พูดขึ้นอีกก็ทำให้เธอรู้ได้ทันทีว่าบุคคลคนนี้คือใคร
"แต่ตอนนี้เขาหายเป็นปกติและหายตัวไปแล้วครับ มีพ่อมดซีดผอม ผมสีดำปรกหน้า น่าจะเป็นชายคนที่สาป เขาร่ายคาถาเหมือนบทเพลง มันน่าจะเป็นคำสาปที่เขาคิดค้นขึ้นเอง"
"มีฝีมือมากเลยสินะ เป็นผู้เสพความตายหรือเปล่า" อาร์โนด์ถามขึ้น
"แต่ไม่น่าจะเป็นผู้เสพความตาย ผมสัมผัสไม่ได้ถึงตามาร" อเบลารด์สามารถจับสัมผัสได้ว่าบุคคลคนนั้นเกี่ยวข้องกับศาสตร์มืดหรือไม่
"ตอนนี้ยังไม่เป็น เดี๋ยวคงได้เป็นแน่ จอมมารไม่น่าจะปล่อยคนที่มีความสามารถไป ในไม่ช้าคงถูกดึงไปเป็นพวก" อองเดรคิดว่าอีกไม่นานกลุ่มผู้เสพความตายคงแข็งแกร่ง มีพรรคพวกเลือดบริสุทธิ์และคนมีความสามารถ
"จอมมารเหมือนจะอยากให้ผมเข้าร่วม" เมื่อจบคำพูดของอเบลารด์ ทุกคนหันมามองเขาเป็นตาเดียว
"แล้วเฮียจะเข้าร่วมหรอ" อชินเลอะเอ่ยถามพี่ชายของตนทันที
"ไม่...ฉันปฏิเสธ ฉันมาเป็นเจ้าหน้าที่ที่เซ้นส์มองโก มาเพื่อรักษาไม่ได้มาเพื่อฆ่า แล้วอีกอย่างฉันไม่ใช่คนอังกฤษ"
"คำพูดสวยหรูเลยเฮีย...ชอบรักษาไม่ชอบฆ่า แต่เฮียคิดสูตรอาวุธชีวภาพนะ" อชิลเลอะพูดหยอกเย้าพี่ชาย
"ถึงฉันจะคิดสูตร แต่ไม่ได้สั่งให้พวกมักเกิ้ลเอาไปฆ่ากันเองซะเมื่อไหร่ ถึงพวกนั้นจะไม่มีเวทมนตร์สาปมืด แต่มีความดำมืดและจิตใจที่โสมม"
เขากับพ่อทำธุรกิจสีเทา เริ่มจากยาที่ทำให้รู้สึกมีความสุขในเซ็กส์ สารเคมีที่ทำให้เกิดโรคระบาด(ที่มาของโควิดคงไม่ใช่?) ไปจนถึงสารเคมีที่เอาไปทำอาวุธชีวภาพทำลายล้าง
แค่ก!! แค่ก!!
"ไม่เป็นไร ไม่เป็นไรลูก หายใจลึกๆ" คุณปู่ลูบหลังอลิซต้าที่กำลังสำลักน้ำ
'แกเป็นแม่มด อีฟ....เป็นแม่มด'
"อย่าตะกละสิ....หมวยเล็ก" อชินเลอะพูดแหย่น้องสาว เมื่อเห็นอลิซต้าสำลักจนหน้าแดง
"แล้วแบบนี้จะเป็นอันตรายไหมลูก ม๊าคิดว่ามันอาจจะไม่ปลอดภัย จอมมารอาจจะ..." อารีเซียไม่ได้สนใจที่อชินเลอะกำลังแหย่อลิซต้า เธอเริ่มเป็นกังวลเป็นห่วงลูกชายคนโต
"จอมมารนั่น ไม่ทำร้ายอเบลารด์หรอก...ผมรู้จักเขาดี คุณอย่ากังวลไปเลย" อองเดรเห็นภรรยาของตนมีสีหน้าไม่ดีจึงเอ่ยพูดขึ้น
"แต่มันไว้ใจไม่ได้หรอกค่ะคุณ....อำนาจมันน่ากลัว"
"ใช่อำนาจมันน่ากลัว.....เพราะงั้นเขาจะไม่ยุ่งกับอเบลารด์" อองเดรคิดว่าจอมมารคงจะมีความฉลาดมากพอ ถึงจะไม่ได้บัลธาซาร์เป็นพวก แต่ก็ไม่ควรมีบัลธาซาร์เป็นศัตรู
"ป๊าหมายความว่ายังไงครับ ที่บอกรู้จักจอมมารดี" อเบลารด์ถามด้วยความสงสัย
"ตอนที่ป๊าไปเป็นนักเรียนแลกเปลี่ยนที่ฮอกวอตส์ ป๊าเรียนรุ่นเดียวกับ ทอม มาร์โวโล่ ริดเดิ้ล และตอนนี้เขามีอีกชื่อว่าโวลเดอมอร์" เมื่อเห็นลูกๆมีความสงสัยอองเดรจึงเอ่ยพูดเพื่อไขความกระจ่างให้กับทุกคน
'นี่พ่อเราเรียนรุ่นเดียวกับจอมมารเหรอเนี่ย...สุดยอด'
"อย่างนี้นี่เอง....คงไม่แปลกที่เขาอยากได้ผมเป็นพวก ว่าแต่สนิทกันเหรอครับ" อเบลารด์หายสงสัยแล้วว่าทำไมจอมมารถึงอยากได้เขาเป็นพวก ทั้งที่เขาก็เป็นแค่ผู้บำบัด
"เขามักคบหากับเพื่อนที่ฉลาดหลักแหลม และ มีความทะเยอทะยาน มักใหญ่ใฝ่สูง เช่นเดียวกันกับตน ป๊าคือหนึ่งในนั้น แต่ป๊าสนิทกับแอแบรกซัสมากกว่า" อองเดรเล่าเรื่องวัยเด็กของเขาให้พวกลูกๆได้ฟัง ถึงความเป็นมาที่ว่าทำไมเขาถึงรู้จักกับจอมมาร
"ป๊าหมายถึง แอแบรกซัส มัลฟอย" อชินเลอะถามขึ้น
"ใช่ มัลฟอยเป็นตระกูลที่ร่ำรวยและมีอำนาจในอังกฤษก็ไม่แปลกอะไรที่จะคบค้าสมาคมด้วย...และอีกอย่างที่อยากจะบอกให้รู้นะอชินเลอะ ลูเซียส มัลฟอย เป็นลูกทูนหัวของป๊า"
เมื่ออองเดรพูดจบอชินเลอะกับอลิซต้าอ้าปากค้าง มีแต่อารีเซีย อาร์โนด์ อเบลารด์ และอเดลารด์ไม่ได้ตกใจเพราะรู้กันอยู่แล้ว
"อะไรเนี่ย ไม่ยักรู้มาก่อนเลย มัลฟอยไม่เห็นหน้าคบหาตรงไหน เป็นพวกเลือดบริสุทธิ์ที่เย่อหยิ่งและเหยียดสายเลือด เห็นว่ารังเกียจพวกมักเกิ้ลและมักเกิ้ลบอลมาก"
อชินเลอะมีความคิดเห็นว่า ตระกูลมัลฟอยไม่ใช่ตระกูลที่น่าคบหาเลยสักนิด ทำไมถึงมาเกี่ยวดองกับตระกูลแบบนี้ด้าย นี่เขาเที่ยวเล่นจนไม่รู้เรื่องแบบนี้ไปได้ยังไง
"หึหึ....ลูเซียส มัลฟอยที่ 1 พยายามจะแต่งงานกับควีนอลิซาเบธที่ 1"
"ฉันดีใจที่แกพูดได้นะอเดลารด์.....แต่ช่วยขยายความให้กว้างกว่านี้หน่อย" อเบลารด์พูดกับน้องชายฝาแฝดของตนที่นั่งเงียบ แต่เก็บทุกรายละเอียด อเดลารด์ถอนหายใจแล้วหันไปมองพี่ชายของตน
"แม้ว่าตระกูลมัลฟอยจะเชื่อในสายเลือดบริสุทธิ์ไม่ข้องเกี่ยวกับพ่อมดหรือพวกมักเกิ้ลที่มีฐานะด้อยกว่า แต่พวกมัลฟอยก็พยายามที่จะประจบประแจงคนร่ำรวยและทรงพลัง หนึ่งในนั้นคือมักเกิ้ลผู้ทรงอำนาจและร่ำรวยมหาศาลอย่าง สมเด็จพระราชินีนาถอลิซาเบธที่ 1 แต่โดนปฏิเสธ"
"ว้าว!...นี่เป็นคำพูดที่ยาวที่สุดเลยครับเฮีย ผมซึ้งมากน้ำตาจิไหล" อชิลเลอะแกล้งปาดน้ำตาพูดหยอกเย้าพี่ชายคนรอง อเดลารด์กรอกตามองบน
"อย่างนี้ก็คงเกลียดมักเกิ้ลมากขึ้น....คงไม่แปลกที่มัลฟอย เข้าร่วมเป็นผู้เสพความตายนอกจากจะได้กดหัวพวกมักเกิ้ลแล้วยังได้ขยายอำนาจออกไปทั่วโลกวิเศษ" อเบลารด์เอ่ยสรุปสิ่งที่ตนได้เห็นและรับรู้มา
.
.
.
.
.
--------------------
อย่าลืมกดติดตาม กดหัวใจ❤️ หรือไม่ก็คอมเม้นต์เพื่อเป็นกำลังใจให้กันด้วยน้า
***ดาวน์โหลด NovelToon เพื่อเพลิดเพลินไปกับประสบการณ์การอ่านที่ดียิ่งขึ้น!***
อัพเดทถึงตอนที่ 29
Comments