บทที่4 WHERE & BLUE :3

03

ก้อนเมฆ (18)

------------------------------------------------

กว่าจะถึงบ้านได้ก็เล่นเอาเหนื่อย หลังจากที่เราพูดจาชวนเล่นแหลมกันไปบนรถแล้วก้อนเมฆตัวแสบก็ไม่พูดอะไรกับผมอีกเลย นั่งเงียบสงบเสงี่ยมมาจนถึงบ้าน พอผมจอดรถเสร็จยังไม่ทันจะได้กับเครื่องดีร่างเล็กของเด็กวัยสิบแปดปีก็คว้ากระเป๋าเป้เดินตัวปลิวเข้าบ้านไปก่อนไม่มีรอผมเลยสักนิด เผลอถอนหายใจออกมาอย่างเหนื่อยล้า อยู่กับก้อนเมฆเพียงไม่กี่ชั่วโมงนี่เหนื่อยกว่าทำงานมาทั้งอาทิตย์อีกนะครับ ผมหยิบกระเป๋าของตัวเองเดินตามแผ่นหลังเล็กเข้าไปในบ้านติดๆ น้องไม่ได้เดินช้าหรอกครับ แค่เป็นเด็กขาสั่น ผมที่สูงกว่าถึงสิบสองเซนฯ เลยเดินตามได้ทันแบบสบาย ๆ เลย

"กลับมาแล้วครับ~" คุณหนูคนเล็กของบ้านร้องบอกเสียงดังอย่างเช่นทุกวันที่กลับบ้านมาก็จะส่งเสียงให้คนในบ้านรับรู้ หลัก ๆ คือเป็นการทักทายตามแบบของเจ้าตัวเขาแหละ ผมก็มองว่ามันน่ารักดีนะ น้องทำแบบนี้มาตั้งแต่เด็กแล้ว เหมือนตอนนั้นคือไปโรงเรียนวันแรก พี่ท้องฟ้าไปรับกลับมาบ้าน เจ้าตัวเล็กที่ได้กลับมาบ้านก็ดีใจร้องเสียงดังบอกคุณพ่อของเขาที่อยู่ในครัวว่า 'หนูกลับมาแล้ว' หลังจากนั้นน้องก็ทำแบบนั้นมาตลอด

ผมว่ามันน่ารักดีนะ

"กลับมายังไงครับคนเก่ง?" และก็เป็นอย่างทุกวันที่พอได้ยินเสียงของก้อนเมฆปุบพี่ทะเลก็จะวางมือจากทุกสิ่งทุกอย่างที่ทำอยู่เดินออกมาหาลูกชายหัวแก้วหัวแหวนทันที

"คุณพ่อ~ หนูกลับมากับคลื่นน้ำครับ" ร่างเล็กที่สูงเพียงหนึ่งร้อยเจ็ดสิบสามเซนติเมตรวิ่งเข้าโถมกอดตัวของคุณพ่อเสียเต็มแรง มันเป็นภาพที่ชินตาสำหรับคนในบ้าน มีภาพแบบนี้ให้เห็นทุกวันแหละครับ

"อ้าว พี่นึกว่าเราไปนอนคอนโดเสียอีก?" พี่ทะเลที่หันมาเห็นผมร้องทักออกมาอย่างแปลกใจ ก็ผมบอกเอาไว้ว่าอาจจะกลับมาวันเสาร์หรือไม่ก็ช้าก่อนนั้นเพราะกลัวทำงานไม่เสร็จ

แต่เพราะกำลังใจดีงานเลยเสร็จก่อนกำหนด งานที่ทำคือจะต้องส่งวันจันทร์หน้าครับ ผมเป็นคนไม่ชอบค้างงานแถมยังเป็นคนทำงานละเอียดอีกเลยต้องรีบทำให้เสร็จก่อนถึงกำหนด เพื่อนผมก็มีไฟกันแค่ช่วงแรกๆ พองานใกล้เสร็จก็ปล่อยทิ้งไว้แล้วค่อยมาทำต่อกันวันใกล้ส่ง เชื่อเถอะเดี๋ยวพอวันเสาร์-อาทิตย์มาก็จะมีคนโต้รุ่งจนถึงเวลาส่งงาน เดี๋ยวผมต้องเตรียมเปิดแจ้งเตือนข้อความไว้ก่อนเลย ไม่อย่างนั้นจะต้องถูกรอบจากเพื่อน ๆ ที่ส่งข้อความมาโหยหวนกันแน่ ๆ

"ไม่ครับ งานเสร็จแล้ว" ผมยิ้มรับบาง ๆ แล้วตอบกลับไป

"ดีแล้ว พี่ก็ขี้เกียจฟังก้อนเมฆบ่นคิดถึงคลื่นน้ำเหมือนกัน" พี่ทะเลพยักหน้ารับก่อนจะทำหน้าเพลีย ๆ ใส่ลูกชายของตัวเอง

"คุณพ่อ! หนูไม่ได้บ่นคิดถึงคลื่นน้ำสักหน่อย!" พี่ทะเลพูดยังไม่ทันขาดคำ เจ้าตัวแสบก็ร้องโวยขึ้นมาเสียงดัง ใบหน้าหล่อติดหวานงอง้ำทีพร้อมกับที่สองข้างแก้วขึ้นสีเข้มให้ผมได้เห็นอีกรอบของวัน

"เหรอ? คุณพ่อ ๆ อันนี้คลื่นน้ำชอบ คุณพ่อ ๆ เมื่อไหร่คลื่นน้ำจะกลับบ้าน คุณพ่อ ๆ อยากให้คลื่นน้ำสินการบ้าน ไม่คิดถึงเลยเนอะ" คนเป็นพ่อว่าออกมาอย่างยียวนกวนประสาท เล่นเผาลูกชายเสียหมดเปลือก

ผมแอบแปลกใจนิดหน่อยที่ได้ยินอย่างนั้น ไม่คิดว่าก้อนเมฆจะไปบ่นถึงผมให้พี่ทะเลฟังด้วย แต่เรื่องพูดอ้อมโลกนี่ก็เข้าใจอยู่ ตอนคุยโทรศัพท์กันก็มาทำนองนี้ ไม่มีหิรกคิดถงคิดถึงอะไร ฟอร์เยอะฟอร์มจัด แต่แบบนี้แหละสมกับเป็น้จ้าตัวแสบของบ้านดี ถ้าโทรหาผมแล้วบอกคิดถึงทุดวันอันนี้ก็คงจะดูแปลกๆ ๆ มันดูไม่ใช่ก้อนเมฆของผมเลย

ก้อนเมฆตัวจริงต้องท่ามากท่าเยอะครับ

"หนูแค่ไม่ชิบเฉย ๆ" เป็นไงล่ะ? พูดผิดที่ไหนขนาดนี้แล้วยังปากแข็งอีก

"เถียงเก่ง" พี่ทะเลเอ่ยว่าอย่างไม่จริงจังนัก มือเรียวยกขึ้นโยกหัวเล็กไปมาเบา ๆ อย่างเอ็นดู

"ไม่เอา คุณพ่อไม่ว่าหนู" ปากเล็กเบะออกอย่าง งอน ๆ

"ไปทำการบ้านเลย เดี๋ยวคุณป๊ากลับมาจะได้มากินข้าวกัน" คนเป็นพ่อล่ายหน้าไปมาเบา ๆ ก่อนจะเอ่ยไล่ลูกชายคนเดียวให้ขึ้นห้องไป ก้อนเมฆทำตามอย่างว่าง่ายไม่มีอิดออดแม้แต่น้อย

"พี่ท้องฟ้ากลับมือหรือเปล่าครับพี่ทะเล" ก่อนไปผมหันไปถามพี่ทะเลถึงพี่ชายของผมที่ตอนนี้มีตำแหน่งเป็นถึงผู้บริหารษัทอสังหาริมทรัพย์ชื่อดังนับวันพี่ท้องฟ้ายิ่งบ้างงานมากขึ้น อาจเป็นเพราะกำลังจะขยายบริษัทใหม่เลยทำให้ค่อนข้างจะวุ่นวาย แต่ยังดีที่พี่เขาไม่เคยทิ้งให้พี่ทะเลต้องโดดเดี่ยว ไม่เคยที่จะไม่กลับมากินข้านที่บ้านเลย หรือถ้าจำเป็นจริง ๆ ก็จะบอกล่วงหน้าไม่ทำให้คนที่บ้านต้องเป็นห่วงหรือรู้สึกว่าถูกทิ้ง

"กว่าจะถึงบ้านก็คงจะเกือบ ๆ ทุ่มนั่นแหละ เย็นนี้อยากกินอะไรกัน?" ไม่ว่าจะผ่านไปกี่ปีพี่ทะเลก็ยังคงเหมือนเดิมไม่เปลี่ยน ยังใจดี และก็เป็นห่วงพวกเราอยู่เสมอ ผมว่าชีวิตผมมันไม่ได้แย่เลย ออกจะดีกว่าที่คิดไว้เสียด้วยซ้ำ

"ไข่ตุ๋น" คุณหนูคนเล็กของบ้านร้องเสียงใส เมนูโปรดของก้อนเมฆมีมากมายนับไม่ถ้วน ถึงตอนเด็ก ๆ จะค่อนข้างเลือกกินและกินยาก แต่พอโตมาก็กินได้ทุกอย่าง บางครั้งก็กินมากไปจนกินพอดี

"อะไรก็ได้ครับ ถ้าพี่ทะเลเป็นคนทำผมก็กินได้หมด" ผมว่าออกมายิ้ม ๆ

ถึงบ้านเราจะมีแม่บ้านคอยทำอาหารให้ แต่จริง ๆ แล้วเราก็ชอบฝีมือของคนในครอบครัวมากกว่า ช่วงแรก ๆ ที่อยู่ด้วยกันพี่ท้องฟ้าเป็นคนทำอาหารให้พวกเรากินเพราะตอนนั้นพี่ทะเลยังทำอาหารไม่เป็น แต่พอนานเข้าพี่ทะเลก็เริ่มฝึกทำอาหาร หลังจากที่พี่ ๆ เรียนกับจบคนที่รับหน้าที่ดูแลผมกับก้อนเมฆอย่างเต็มก็คือพี่ทะเล ส่วนพี่ท้องฟ้าก็ไปทำงานในบริษัทของครอบครัว ผมที่ถูกพี่ทะเลเลี้ยงมาก็จะเคยชินกับรสชาติอาหารที่พี่เขาทำ ถ้าเลือกได้ก็อยากจะกินแต่ฝีมือพี่เขาแหละ มันก็คล้าย ๆ กัับที่คนส่วนใหญ่จะเคยชินกับอาหารฝีมือแม่ ผมเองก็เป็นแบบนั้น

ต่างกันแค่พี่ทะเลไม่ใช่แม่ แต่เป็นพี่ชายที่แสนดีแสนดีที่สุดในโลกเลย

"อย่ามาจีบคุณพ่อของเค้านะ! เค้าจะฟ้องคุณป๊า!"ผมหุบยิ้มฉับทันทีทีได้ยินเด็กแสบร้องโวยขึ้นมา ร่างเล็กวิ่งกลับมากอดเอวคุณพ่อของตนเอาไว้แน่่นพร้อมทำหน้าดุผมอีก อาการหวงคุณพ่อกำเริบอีกแล้วสินะ

"เล่นใหญ่ทำไมครับ?" คนถูกกอดก้มมองใบหน้าของลูกชายด้วยความงุนงง เรื่องปกติบ้านเราครับไม่ต้องตกใจ แค่เด็กน้อยชอบโวยวายเล่นใหญ่เล่นโตเฉย ๆ

"เด็กบ้า" ผมส่ายหัวเบา ๆ อย่างเอื้อมระอา ก้อนเมฆเป็นเด็กขี้หวง แถมยังชอบเล่นใหญ่เกินหน้าเกินตาอีกด้วย

"คุณพ่อ คลื่นน้ำว่าหนูอีกแล้ว" แล้วก็เด็กขี้ฟ้องด้วย

มันอาจผิดที่พวกเราเลี้ยงก้อนเมฆมาแบบตามใจและโอ๋น้ิงกันหนัดมา (เกินไป) น้องถึงได้มีนิสัยแบบนี้ แต่มันก็ดีแล้วที่น้องเติบโตมาอย่างสดใสได้ถึงขนาดนี้ พวกเราทุกคนล้วนกังวลว่าน้องจะมีปมเรื่องพ่อแม่แต่ก้อนเมฆก็เป็นเด็กที่เข้มแข็งและน้องก็มีจิตใจที่แข็งแกร่ง บวกกับการเลี้ยงดูอย่างดีของพี่ทะเลกับพี่ท้องฟ้าเลยทำให้ก้อนเมฆเติบโตขึ้นมาได้อย่างงดงานมาก น้องรับรู้ได้ถึงความรักที่จริงใจและความห่วงใยอย่างแท้จริงของทุกคน ผมเองก็เช่นกัน

ชีวิตที่ถูกทอดทิ้งจากแม่แท้ ๆ ไม่ได้น่ากลัวอย่างที่คิด กลับกันมันดีกว่าตอนอยู่กับแม่อีกเสียด้วยซ้ำ แม่ไม่เคยอ่านนิทานก่อนนอนให้ฟัง ไม่เคยบอกฝันดีแล้วก็จูบที่หน้าผาก ไม่เคยตื่นเช้ามาทำอาหารเช้าให้กินกก่ินโรงเรียน ไม่มีคำบอกรักหรืออ้อมกอดอุ่น ๆ ให้ ผมเคยสงสัยว่าทำไมชีวิตขิงตัวเองถึงได้ว่างเป่าและอ้างว้างถึงเพียงนี้ จนวันหนึ่งที่ผมได้รู้ความจริงว่าตัวผมนั้นเกิดมาจากความไม่ได้ตั้งใจของแม่ เป็นเพียงแค่สิ่งผิดพลาดที่แม่ไม่ต้องการ

พูดง่าย ๆ ก็คือผมคือคนที่ทำลายชีวิตของแม่นั่นแหละ เพราะมีผม แม่ถึงได้ลำบาก

"ขึ้นไปทำการบ้านได้แล้วครับ ถ้าทำไม่ได้ก็ให้พี่คลื่นน้ำสินนะครับ คุณพ่อจะไปทำมื้อเย็นแล้ว" เสียงของพี่ทะเลดึงสติของผมให้กลับมาอยู่กับปัจจุบันอีกครั้ง ผมมองหน้าคนทั้งสองที่มีความสำคัญกับชีวิตของผมมากแล้วก็ได้แต่ยกยิ้มบาง ๆ ให้กับตัวเอง ชีวิตของผมมันไม่ได้แย่ขนาดนั้น ยังมีอะไรอีกหลายอย่างที่สวยงานมากในชีวิตของผม ที่แน่ ๆ เลยก็สองคนที่ยืนอยู่ตรงหน้าของผมนี่แหละคนหนึ่งคือผู้มีพระคุณ ส่วนอีกคนก็เป็นเจ้าของหัวใจ

"ครับ ๆ" ก้อนเมฆรับคำเสียงยานคางก่อนจะเดินขึ้นั้งสิงขิงบ้านไปเมื่ิเห็นว่าพี่ทะเลเดินแยกออกไปทางห้องครัว ผมเองก็เดินตามแผ่นหลังเล็กขึ้นไปบนห้องบ้าง

แกร๊บ!

หมับ!

เดินเข้าห้องมามาได้ผมก็รีบปิดประตูล็อกกลอนให้แน่นหนาแล้วหันมาคว้าราางผมบางขิงใครอีกเข้ามากอด ก้อนเมฆสะดุ้งตกใจเบาๆ ก่อนจะหันมามองหน้าผมตรง ๆ เราสบตากันแวบหนึ่งก็เข้าใจถึงความต้องการของกันและกัน ผมเลื่อนในหน้าเข้าไปใกล้อีกฝ่ายจนกระทั่งปลายจมูกโด่งของเราทั้งคู่ชนกัน ผมขยับเอียงใบหน้าเล็กน้อยเพื่อปรับองศาให้รินฝีปากของพวกเราประกบกันได้ิย่างพอดิบพอดี สัมผัสบางเบาที่แตะต้องกันพาให้หัวใจค่อย ๆ เต้นถี่รัวมากขึ้นเรื่อย ๆ ผมยกมือขึ้นประคองแก้วนิ่มเอาไว้ข้างหนึ่งส่วนมืออีกข้างก็โอบรอบเอวบางเอาไว้ จูบแผ่วเบาในตอนแรกค่อย ๆ เพิ่มระดับความรุนแรงมากขึ้นตามระดับความคิดถึงที่มีให้แก่กัน

"อื้อ! อืม~" เสียงครางแผ่วเบาหลุดออกมาจากลำคอของคนตัวเล็กเมื่อผมสอดปลายลิ้นเข้าไปไล่ต้อนและกวาดหาความหวานจากโพรงปากของอีกฝ่าย แขนเรียวขาวที่โอบกอดรอบคอของผมโอบกระชับแน่นขึ้นกว่่าเดิมเหมือนต้องการหาที่ยึดเหนี่ยว ผมเลยจัดการอุ้มร่างของน้องขึ้นมาแล้วพาเดินไปยังเตียงนอนที่ตั้งอยู่ไม่ไกลโดยที่ริมฝีปากของเราคงไม่ละออกจากกัน ร่างกายของเราทั้งคู่ยิ่งแนบชิดกันมากกว่าเดิมเมื่อก้อนเมฆตวัดขาขึ้นเกี่ยวเข้าที่เอวของผมแน่นเพราะกลัวตกลงไป พอเดินมาถึงเตียงได้ผมก็วางร่างผอมบางลงอย่างเบามือก่อนจะขยับขึ้นไปคร่อมอีกฝ่่ายเอาไว้

"หอม" ผมถอนริมฝีปากออกมาแล้วเปลี่ยนเป้าหมายไปยังซอกคอขาว กลิ่นหอมอ่อน ๆ ลิยมาแตะจมูกพาให้ผมหลงเคลิ้มไปกับลิ้นั้นจนต้องเผลอสูดดมกลิ่นเข้าไปเต็ม ๆ ปอดสลับกับกดจูบแผ่วเบา

"อือ~ พอก่อน เค้าจะทำการบ้าน" ฝ่ามือเล็กยกขึ้นมาดันตัวห้ามผมเอาไว้พร้อมซ้อนตาขึ้นมองอย่างอ้อน ๆ รินฝีปากบางเจ่าบวมขึ้นสีสเเ็กน้อยจากการจูบกันอย่างดูดดื่มเมื่อครู่ ยิ่งทำให้ผมรู้หลงใหลก้อนเมฆในตอนนี้มากขึ้นกว่าเดิมหลายเท่า

"ไม่อยู่ตั้งหลายวัน คิดถึงกันหรือเป่า?" ผมยอมหยุดตามที่น้องขอ ทิ้งตัวลงนอนข้างๆ แล้วดึงร่างของอีกฝ่ายเข้ามามากอดเอาไว้แน่น ความจริงก็ไม่ได้คิดจะทำอะไรเกินเลยหรอก อย่างมากก็แค่จูบแค่หอมเท่านั้นเอง

"ปล่อยก่อนซี่~ เค้าอึดอัด" เจ้าตัวเล็กดิ้นขลุกขลักไปมาอ้อมกอดบ่ายเบี่ยงที่จะตอบคำถามผม

"ตอบ" ผมโอบกระชับอ้อมกอดให้แน่นขึ้น จับใบหน้าขาวที่เริ่มจะขึ้นสีแดงระเรื่องให้หันมาสบตากันตรง ๆ

"ก็คิดถึงไง คิดถึงม๊ากมาก" ขยับปากว่าเสียงใสจบก็เคลื่อใบหน้ามากกดจูบปลายคางของผมอย่างออดอ้อน

"เก็กขี้ประจบ" ดูก็รู้ว่าทำหวังผล ถ้าอยากได้ยินคำหวาน ๆ จากเจ้าตัวแสบนี่จำต้องจ่ายแพงทุกรอบแหละ

แต่เอาเถอะ ยังไงก็มีเขาคนเดียว จะเลี้ยงแพงหน่อยก็คงไม่เป็นอะไร

"ว่าเค้าอีกละ" เจ้าตัวแสบทำหน้างอ แต่ดูก็รู้ว่าแสดง

"ไปเอาการบ้านมาดู ทำอันไหนไม่ได้ก็มาถาม" ผมปล่อยให้น้องเป็นอิสระ แล้วพลิกตัวมานอนแผ่นกลางเตียงอย่างเหนื่อยล้า การเรียนมหา'ลัยนี่ไม่ใช่เรื่องเล่น ๆ บางครั้งมันอาจดูง่ายดูสบายแต่ทุกอย่างมันแฝงไปด้วยความกดแล้ว งานก็เยอะ แถมยังต้องอ่านหนังสืออีก กิจกรรมก็มีตลอด มันไม่ได้สบายอย่างที่คิดหรอก เหนื่อยสายตัวแทบขาด

"โอเค" น้องพยักหน้ารับอย่างว่าง่ายแล้วลุกขึ้นเดินไปหยิบกระเป๋าเป้ของตัวเองที่ถูกผมโยนทิ้งเอาไว้แถวหน้าประตูขึ้นมาแถมยังใจดีหยิบของผมมาให้ด้วย ผมขยับลุกไปหยิบโต๊ะตัวเล็กมากางไว้ที่ฟื้นข้างเตียง แล้วตัวเองก็ลงไปนังขัดสมาธิตรงฟืหน้าโต๊ะ

"ก้อน" หันไปร้องเรียกเจ้าของห้องที่เดินไปรื้ออุปกรณ์การเรียนออกมาจากกระเป๋าเป้

"ฮะ?" น้องเงยหน้าขึ้นมามองผมงง ๆ

"มานั่นนี่" ตบตักตัวเองเบา ๆ เป็นการเรียก ก้อนเมฆพยักหน้ารับหยิบของที่จำเป็นมาวางบนโต๊ะแล้วทิ้งตัวลงมานั่งทับบนตักของผมอย่างเช่นทุกที ผมชอบให้น้องนั่งตักเวลาจะสอนการบ้านเพราะง่ายต่อการที่ผมจะสอนน้องและง่ายต่อการลวนลามร่างเล็ก ๆ นี้ด้วย

ทำไม่ตัวเบ ๆ วะ? ผอมลงเหรอ?" พอน้องนั่งทับลงมาแล้วผมก็สัมผัสได้ถึงความเปลี่ยนแปลง ตัวน้องดูกว่าเดิมแถมเองก็ดูจะเล็กนิดหน่อยด้วย ปกติผอมจะแย่อยู่แล้ว จับที่เหมือนตัวจะหัก ต้องใส่ปุ๋ยเร่งโตไหนวะ?

"วันก่อนนู้เค้าไม่สบาย น้ำหนักน่าจะลด" ทำหน้านึกอยู่พักหนึ่งก่อนจะพยักหน้าเข้าใจกับตัวเองเบา ๆ

"เป็นอะไร?" ได้ยินอีกฝ่ายพูดแล้วผมก็ถึงกับขมวดคิ้วฉับ น้องไม่สบายแต่ทพไผมไม่เห็นรู้เรื่อง

"เป็นไข้หวัด" เจ้าตัวเล็กตอบกลับสบาย ๆ เหมือนไม่ใช่เรื่องใหญ่โตอะไร มือก็เปิดสมุดการบ้านของตัวเองไปด้วย ผิดจากผมที่ไม่ได้รู้สึกสบายใจเลยสักนิด

"ทำไมไม่เห็นมีใครบอกเลยวะ?" อดจะหงุดหงิดไม่ได้ที่ตัวเองไม่รู้เรื่องอะไรเลย น้องเป็นไข้ไม่สบายจนน้ำหนักขนาดนี้แต่ไม่มีใครบอกผมสักคน

"เค้าไม่ให้คุณพ่อบอกเองแหละ เค้ากลัวตัวเป็นห่วง" มือเรียวเล็กรีบวางมือลงจากสมุดการบ้านแล้วยื่นมาประกบสองข้างแก้มของผมเอาไว้อย่างอ้อน ๆ

"เออ ก็ต้องเป็นห่วงอยู่แล้วเปล่าวะ?"อยากจะโกรธแต่ก็โกรธไม่ลง

"แต่เค้าไม่ได้เป็นอะไรแล้วไง นี่หายแล้ว"พูดจบก็ฉีกยิ้มกว้างจนตาหยีอย่างเอาใจ ผมได้แต่ถอนหายใจยาว ก็เป็นแบบนี้จักล้าโกรธลงได้ยังไง

"วันหลังเป็นอะไรให้บอกนะก้อน ไม่ว่าจะเรื่องเล็กหรือใหญ่ เข้าใจไหม?" ผมอยากรู้ทุกเรื่องของน้อง ไม่ว่ามันจะเป็นเรื่องเล็กหรือเรื่องใหญ่ จะสำคัญหรือไม่สำคัญก็ช่างเพราะถ้าเป็นเรื่องของน้อง ทุกเรื่องมันก็สำคัญกับผมทั้งนั้น

"เข้าใจแล้วครับ~" ยิ้มหวานให้ผมอีกหนึ่งทีแล้วก็หันไปทำการบ้านของตัวเองอย่างตั้งใจ

ผมปล่อยให้น้องลิงนั่งทำไปเองก่อนส่วนตัวเองก็เอนหัวซบกับแผ่นหลังบางเพื่อพักตัวจากความเกร็ดเหนื่อยมาตลอดทั้งอาทิตย์ ส่วนหนึงที่อยากรีบทำงานให้เสร็จก็เพราะอยากกลับมาอยู่กับคนในอ้อมกอดนี่ด้วย ผมไม่สามารถนั่งทำงานที่บ้านได้ ก้อนเมฆไม่ชอบเวลาที่ผมไม่สนใจเขา น้องมักเอาตัวเองเข้ามาคลอเคลียกับผมตลอดเวลาที่ผมให้ความสนใจอย่างอื่นนอกจากเขา และผมก็มักจะสติแตกทุกครั้งที่น้องเข้ามาใกล้ งานผมก็ไม่เสร็จสักที ตอนหลังก็เลยต้องไปทำงานที่คอนฌดให้เสร็จแล้วถึงค่อยกลับมาอยู่บ้าน

"ตัว เค้าทำไม่ได้อ่า~" ผ่านไปสักพักผมก็ได้ยินเสียงบ่นงุ้งงิ้งเังขึ้นข้างหู

"เอามาดู" ผมขยับตัวเข้าไปใกล้น้องมากขึ้นเพื่อกเ้มดูการบ้านที่วางอยู่บนโต๊ะ โจทย์ในสมุดมันเป็นวิชาคณิตศาสตร์ของเด็กม.6ทั่วไแ

"ทำให้เค้าหน่อยได้เปล่า?" ได้ทีเจ้าตัวแสบก็อ้อนผมใหญ่

"ถ้าไม่ทำเองแล้วตอนสอบจะทำได้เหรอวะก้อน?" ผมว่าเสียงดุ โจทย์มันไม่ได้ยากเลยตัวอย่างเขาก็มีให้ดู ถ้าตั้งใจจริง ๆ ผมเชื่อว่าน้องทำได้อยู่แล้ว ถึงน้องจะไม่ชิบวิชาเลขแต่น้องก็เป็นคนหัวไว มีแต่จะเื้อแพ่งไม่ทำนั่นแหละถึงได้บอกว่าทำไม่ได้ ก้อนเมฆบางทีก็ดื้อจนผมปวดหัวไปหมด

"ก็มันยาก" ไม่ทันไรก็เบะปากหน้างออีกแล้ว เอาแต่ใจจังวะ

"ก็เดี๋ยวสอนนี่ไง" โจทย์เลขง่าย ๆ แค่นี้ผมสอนให้ได้ ทำให้เลยก็ยังได้ แต่ผมอยากให้น้องทำเองมากกว่า เวลาสอบน้องจะได้ไม่ต้องมานั่งปวดหัว พอเห็นโจทย์ก็ทำได้เลยจับให้น้องหันไปสนใจกับสมุดการบ้านของตัวเองแล้วผมก็เริ่มอธิบายให้น้องฟังอย่างละเอียดพร้อมแสดงวิธีทำให้ดูไปด้วย

"ตัวก็เรียนเก่งนะ ทำไมไม่เป็นหมออ่า?"ใบหน้าเรียวสวยหันมามองผมที่วางคางเกยบนไห่ของเขาอย่างสงสัย

"เรียนเก่งจำเป็นต้องเป็นหมอเหรอวะ?"เอียงใบหน้าไปมองเสี้ยวหน้าของคนถามอย่างไม่เข้าใจ

ผมเรียนเก่งก็จริง แต่ที่ผมตั้งใจเรียนก็เพราะผมไม่อยากทำให้พี่ท้องฟ้ากับพี่ทะเลผิดหวัง พี่ท้องฟ้าต้องทำงานอย่างหนักเพื่อหาเงินให้ผมได้เรียนโรงเรียนดี ๆ แม้บ้านเราจะรวยอยู่แล้วแต่พี่ท้องฟ้าก็ไม่เคยเอาเงินของคุณพ่อกับคุณแม่มาใช้ในการดูแลพวกเราเย เงินทุกบาทที่พี่ท้องฟ้าใช้ในการเลี้ยงดูพวกเราคือเงินที่พี่เขาหามาเอง ไหนจะพี่ทะเลที่ต้องเหนื่อยกับการเลี้ยงผมมาตลอดหลายปีอีก ทั้งที่เราไม่ได้เป็นอะไรกัน แต่พี่เขาก็มองว่าผมเป็นในครอบครัว และยังรักผมมากเหมือนผมเป็นน้องชายแท้ ๆ ของตัวเองอีกด้วย

"ก็มันอยาก" เจ้าตัวแสบบ่นอุบ นอกจากการพ่อภาษาอังกฤษไฟแล้วทุกเรื่องบนโลกใบนี้ก็ดูจะยากไปหมดสำหรับก้อนเมฆล่ะผมว่า

"แต่ไม่ชอบไง" ผมไม่ได้อยากเป็นหมอไม่ได้คิดที่จะขยับเรียนเพื่อสอบเข้าคณะแพทย์

"แล้วชอบสถาปัตย์เหรอ?" พี่ทะเลเคยบอกว่าก้อนเมฆเป็นเจ้าหนูจำไม ผมเองก็คิดว่าน่าจะจริง

"อืิอ" ถ้าให้พูดกันตรง ๆ เลยนะ ผมชอบพี่ทะเล ผมมีพี่เขาเป็นไอดอล ผมชอบวาดรูปและชอบถ่ายภาพเพราะเห็นพี่ทะเลทำ ทุกอย่างที่พี่เขาทำมันดูน่าสนใจไปหมดจนผมอยากที่จะลองทำตอนบ้าง

"คุณพ่อก็สถาปัตย์" เจ้าตัวเล็กพูดออกมาเมื่อนึกขึ้นได้

"อืม" พี่ทะเลเรียนจบคณะสถาปัตย์แต่ไม่ได้ทำงานตรงสายเพราะต้องมาเลี้ยงผมกับก้อนเมฆ มันจริงที่บ้านเรามีเงินมีคนรับใช้ พี่เขาจะให้ใครดูแลผมกับน้องก็ได้ แต่พี่ทะเลก็เลือกที่จะเลี้ยงดูพวกเรามาเองกับมือ เพราะอย่างนี้ผมถึงได้รักและเคารพพี่ทะเลไม่ต่างจากพี่ชายแท้ ๆ ผมมองพี่ทะเลเหมือนฮีโร่มองเป็นต้นแบบหลาย ๆ อย่างในการใช้ชีวิตผมลองทำหลาย ๆ อย่างตามพี่เขาแล้วก็พอว่าผมชอบที่จะทำมัน

"ตัวเรียนตามคุณพ่อเค้าเหรอ?" ตากลมจ้องมาที่ผมตามแป๋วอย่างสนใจ

"ก็ใช่" ผมตอบไปตามความจริง มันเริ่มจากที่ผมสนใจในสิ่งที่พี่เขาทำ ผมเคยเห็นงานของพี่ทะเล ตอนนั้นเยถามว่ามีนคืออะไร พอได้พูดคุยกันผมก็ยิ่งสนใจกับมันมากขึ้น จนสุดท้ายก็เลือกเดินทางนี้

"เค้าจะเรียบบริหารเหมือนคุณป๊า จบมาจะได้ช่วยคุณป๊าทำงาน ตัวว่าดีไหม?" พูดเสียงเจื้อยแจ้วด้วยรอยยิ้มซน ๆ ตามแบบฉบับของเจ้าตัวก่อนจะหันมาขอความคิดเห็นจากผม ท่าทางที่ดูตั้งใจและมุ่งมั่นของก้อนเมฆทำเอาผมอดจะเอ็นดูไม่ได้ ถ้าผมมีพี่ทะเลเป็นไอดอล ก้อนเมฆก็มีพี่ท้องฟ้าเป็นไอดอลเหมือนกัน รอยนี้เราก็มองคุณป๊าของเขาเป็นฮิโร่ครับ คุณป๊าทำอะไรก็ดูดีเท่ไปหมดหกองอวยคุณป๊าก้อนเมฆเอง

"ดี แต่ตอนนี้ต้องทำเลขนี้ก่อน" ผมเคาะนิ้วลงบนโจทย์การบ้านอีกครั้ง

"เค้าทำไม่ได้ มาอีกแ้วครับ ทำไม่ได้กับมันยากนี่เป็นคำพูดติดปากเวลาทำการบ้านเลย

"ก็ตั้งใจดูวิธีทำสิ" อดจะดุไม่ได้ ตอนผมอธิบายก็ไม่สนใจแถมยังมีหน้ามาช่วยผมคุยอีก พอลากไปเรื่องอื่นแล้วก็มางอแงว่าทำการบ้านไม่ได้ ไม่เข้าใจ มันยาก บลา ๆ ดื้อเก่งที่หนึ่งเลยคนนี้น่ะ

"สอนใหม่ ๆ" พอเห็นผมเริ่มจริงจังเจ้าตัวดื้อก็ยิ้มอ้อนทำท่าตั้งใจใหม่อีกรอบ เห็นอย่างนั้นแล้วก็ทั้งมันเขี้ยวและหมั่นไส้ไปในเวลาเดียวกัน ยื่นหน้าไปกดจมูกหนัก ๆ ที่แก้มนิ่มหนึ่งทีก่อนจะเริ่มอธิบายวิธีการแก้ปัญหาของโจทย์นี้อีกรอบ

"ทำได้หรือยัง?" ใช่เวลาในการอธิบายนานว่าเดินนิดหน่อยเพราะเจ้าตัวเล็กเล่นถามไม่หยุด ผมไม่ได้รู้สึกรำคาญหรือหงุดหงิดที่ถูกถามบ่อย ๆ ซ้ำ ๆ หรือต้องสอนวนใหม่อีกกี่รอบ ผมเต็มใจที่จะทำทั้งทั้งหมดนั่นถ้าน้องต้องการ ผมเองก็อยากเป็นส่วนหนึ่งที่ช่วยให้น้องประสบความสำเร็จเหมือนกัน

"มันยาก" เบะปากอีกแล้ว ปากเล็ก ๆ นี่เบะเห็นแล้วอยากกัดให้ปากช้ำ

"ทำ ถ้าผิดโดนทำโทษนะ" ผมคืนดินสอกดให้น้องแล้วเอ่ยบอกเสียงเข้ม การเลี้ยงก้อนเมฆไม่ยากครับ ตามใจได้แต่ก็ต้องบังคับน้องได้เหมือนกัน ตามใจหมดไม่ได้ แต่จะไปบังคับทุกเรื่องก็ไม่ได้เช่นกัน

"ทำโทษอะไร?" น้องหันมามองผมอย่างหวาดระแวง คงพอจะเดาได้แหละว่าบทลงโทษของผมมันจะเป็นไปในทิศทางไหน

"ผิดหนึ่งจุดโดยหนึ่งจูบ" บทลงโทษของผมไม่ได้น่ากลัวครับ น้องแทบไม่ต้องทำอะไรเลย ปล่อยให้ผมเป็นคนจัดการ รับรองได้เลยว่าทุกอย่างจะดีเอง

"โห! แบบนี้ไม่โดนจูบจนปากเปื่อยเลยเหรอ?" เบิกตากว้างด้วยความตกใจพร้อมหวีดร้องเสียงหลง

"ก็ถ้าผิดเยอะก็น่าจะใช่" นั่นแหละสิ่งที่ผมหวัง กำไรทั้งนั้นไม่มีหรอกขาดทุน

"เอาเปรียบกันเกินไปเปล่า?" เด็กดื้อร้องโอดครวญออกมาอย่างน่าสงสาร

"ไม่ทำอย่างนี้ก็ไม่ตั้งใจไหม? สอนทีไรก็บอกทำไม่ได้ตลอด แล้วเมื่อไหร่จะทำได้วะ?"ถ้าไม่งัดบทงโทษแบบนี้มาใช้ก็ไม่ค่อยจะตั้งใจหรอก แต่ละครั้งที่ทำมาเหมือนไม่ผ่านสมองในการคิดไตร่ตรองเลย กะว่าทำมาแล้วให้ผมตรวจ พอผิดก็ให้ผมเฉลยให้ดูแล้วลอกไปส่ง ชีวิตดูง่ายดาย แต่พอสอบจะทำไม่ได้ไงผมไม่อยากให้น้องมาเหนื่อยช่วงก่อนสอบอีกถ้าทำได้ในตอนนี้พอจะสอบก็แทบไม่ต้องทวนเลย รู้วิธีทำเข้าห้องสอบไปก็ทำได้แล้ว

"บ่นเยอะ" ถ้าไม่ดื้อก็ไม่บานหรอกโว้ย!

"ก็บ่นไง ขนาดพูดอยู่บ่อย ๆ ยังไม่จำเลย" เด็กอะไรโคตรดื้อ เขามีแต่ยิ่งโตยิ่งพูดง่ายเพราะรู้ความ แต่นี่ไม่ครับ ยิ่งโตยิ่งพูดมาก เถียงเก่งด้วย ว่าอะไรก็ไม่ค่อยได้ฉลาดเอาตัวรอดตลอด

"ใจเย็นน้า~เค้าสำนึกผิดไม่ทันแล้ว" ว่าเสียงแง้ว ๆ แ้วก็เอาหน้ามาถู ๆ ที่อกของผม ออดอ้อนเป็นลูกแมวเลย

เก่งนักเรื่องอ้อนให้ตัวเองพ้นผิดเนี่ย

"วิชาอื่นก็ทำได้ แล้วทำไมเลขง่าย ๆ แค่นี้ทำไม่ได้" ถึงจะไม่ได้เรียนเก่งถึงขึ้นท็อปอันดับต้น ๆ แต่เกรดก็ไม่ได้แย่ วิชาอื่น ๆ ก็เรียนรู้เรื่อง แต่เป็นคณิตศาสตร์นี่แหละเหมือนเกลียดังกันมานาน ทำราวกับว่าเป็นศัตรูที่จะไม่เข้าใกล้กันอย่างนั้นแหละ ยังไม่ทันได้ลองทำก็ออกตัวก่อนแล้วว่าทำไม่ได้ ไม่รู้ว่าทำไม่ได้จริง ๆ หรือเเค่เกียจกันแน่

"โกรธอะไรเค้าเป่าอ่า? ทำไมวันนี้ดูอารมณ์เสียบ่อยจัง" ก้อนเมฆตินนี้ไม่ต่างจากูกหมาซน ๆ ที่ถูกเจ้าของดุจนหูลู่หางตกน้ิงมิงผมงง ๆ หน้าตาดูหงอย ๆ

"จะเข้ามหา' ลัยแล้วนะก้อน อยากให้ตั้งใจมากกว่านี้ ไหนบอกอยากเข้าที่เดียวกันไง ถ้ายังเป็นแบบนี้จะเข้าได้เหรอวะ?" ผมถอนหายใจยาว ไม่ได้อยากดุอยากว่าเย แต่น้องดูยังติดเล่น ผมไม่ได้อยากบังคับเรื่องเรียน แต่สมัยนี้การแข่งขันมันสูง ผมไม่อยากให้น้องพาด ถ้าพาดไปคนที่จะเสียใจก็คือตัวน้องเอง ผมอยากเห็นรอยยี้มสวย ๆ มากกว่าน้ำตาของน้อง ผมถึงได้ต้องคอยเคียวเข็ญอยู่ตลอด

"ที่หงุดหงิดนี่กลัวเค้าไม่มีที่เรียนหรือกัวไม่ได้เป็นแฟนกัน?" เด็กแสบเอียงคอมองผมด้วยความสงสัย แต่แววตาแป๋วไปด้วยความล้มเลียน เคยจริงจังอะไรได้นานไหมวะ?

"พูดมากว่ะ" ผมแสร้งดันใบหน้าเล็กให้หันไปอีกทางเพื่อเป็นการเลี่ยงที่จะสบตากันตรง ๆ ผมก็กังวลทั้งสองเรื่องนั่นแหละ กลัวน้องสอบไม่ติดด้วยแล้วก็กลัวจะไม่ได้คบกันถ้าน้องไม่มีที่เรียน เกิดสอบไม่ติดหมหา' ลัยที่หวังเอาไว้แล้วน้องบอกจะรอสอบใหม่อีกทีปีหน้าผมไม่แย่เหรอครับ? เห็นใจกันบ้าง คนทางนี้จะเฉาตายแล้วนะครับ

"เค้าสัญญาว่าจะตั้งใจแบบตั้งใจจริง ๆ จะเข้าที่เดียวกับตัวให้ได้ตามที่บอกไว้ รอเค้าหน่อยนะ" แ้วก็กลับมาเข้าสู่โหมดจริงจังอีกครั้ง ให้ทายว่าวันนี้เราเปลี่ยนอารมณ์ไปมากันกี่รอบแล้ว? อารมณ์แปรปรวนยิ่งกว่าคนท้องอีกครับ

"ก็ไม่เคยไปไหนอยู่แล้วนี่" อย่างผมจะไปไหนได้ ทุกวันนี้ก็หายใจเข้าหายใจออกเป็นก้อนเมฆ ผมไม่เคยคิดไปไหน ไม่เคยคิดด้วยซ้ำว่าถ้าหากวันหนึ่งในชีวิตผมไม่มีก้อนเมฆแล้วผมจะเป็นยังไง ผมคิดถึงแต่อนาคตที่มีเราทั้งคู่อยู่ด้วยกันเต็มไปหมด ผมคาดหลัวไว้สูงจนไม่เคยเผื่อใจเอาไว้ให้กับความผิดหวัง

"น่ารัก~" รอยยิ้มสดใสปราฎขึ้นบนใบหน้าหล่อติดหวานอีกครั้ง นั่นคือสิ่งที่ผมปรารถนาจะเห็นในมุก ๆ วันไปตลอดจนชั่วชีวิต อยากจะเห็นก้อนเมฆที่สดใสและมีความสุข

"รีบ ๆ ทำ เดี๋ยวพี่ท้องฟ้ามาจะได้ลงไปกินข้าว" ยื่นมือไปขยี้หัวเล็กเบา ๆ อย่างเอ็นดูและรักใคร่

"ครับ~" ตอบรับอย่างอารมณ์ดีแล้วก็หันกลับไปตั้งใจทำการบ้านต่อ ท่าทางที่ดูจริงจังกว่าครั้งก่อนทำเอาผมอดยิ้มออกมาไม่ได้

ความสดใส ความร่าเริง ความน่ารักความน่าเอ็นดู ทุกอย่างที่เป็นก้อนเมฆก็คือทุกอย่างในชีวิตของผม ไม่ว่าจะรอยยิ้มหรือน้ำตาก็มีผลกระทบต่อผมทั้งนั้น

เลือกตอน

กกาวน์โหลดทันที

ชอบผลงานนี้ไหม? ดาวน์โหลดแอพ บันทึกการอ่านของคุณจะไม่สูญหาย
กกาวน์โหลดทันที

โบนัส

ผู้ใช้ใหม่ที่ดาวน์โหลดแอพสามารถปลดล็อค 10 ตอนได้ฟรี

รับ
NovelToon
เปิดประตูต่างภพ
เพื่อวิธีการเล่นเพิ่มโปรดดาวน์โหลดMangatoon APP!