02
คลื่นน้ำ (20)
------------------------------------------------
'โอ้ย! เบาหน่อยสิ เจ็บนะ" เจ้าเด็กแสบร้องโวยเสียงดังหน้างอ มือเรียวขึ้นลูบหัวตัวเองป้อยๆสงสังหัวจะไปกระแทกกับของประตูรถตอนจับตัวอีกฝ่ายยัดเข้าไปในรถ ผมชะงักไปนิดเมื่อรู้ตัวเผลอทำให้ใครอีกคนเจ็บเข้า
"ก็ทำให้เจ็บไง" แต่เพราะกำลังโมโหอยู่ผมเลยแสร้งทำเมินแล้วว่ากลับเสียงแข็ง ปิดประตูรถแล้วถอนหายใจยาว ยังไม่ทันไรผมก็ใจอ่อนแล้ว แค่เห็นน้องเจ็บผมก็ไม่กล้าที่จะเกือบนาทีถึงได้เดินไปขึ้นรถฝั่งคนขับ
"เมื่อกี้ทำอะไร?" ขับรถออกมาจากห้างได้สักพักใหญ่แล้วแต่ก็ยังไม่มีใครพูดอะไรออกมา คนข้างตัวผมนั่งนิ่งสงบเสงี่ยมเรียบร้อยขึ้นมาผิดจากทุกที สุดท้ายก็เป็นผมเองที่ทนไม่ไหวเลยต้องเอายปากถามขึ้นมาก่อน
"ทำอะไร?" ก็เขามาของเบอร์" คนตัวเล็กกว่าสะดุ้งเบาๆ แล้วทำทีเป็นใจกล้าว่าออดมาหน้าตาย
"แล้วก็ให้เหรอ?" ใจง่ายไปไหมวะ?
"โตแล้วจะทำอะไรก็ได้ โสดไงจะแจกเบอร์ให้ใครก็ได้" เจ้าตัวแสบว่าออกมาอย่างไม่ยี่หระ ผิดกับผมที่กำลังเดือดได้ที่เลยล่ะ
"พูดอีกทีกูตีปากแตกนะ" ตวัดตามองยกนิ้วชี้หน้าอีกฝ่ายอย่างคาดโทษ ปากดีจริงๆเลย
"อย่างหยากับน้อง!" โวยวายเก่งจริงๆแล้วนั่นใช่เรื่องที่ควรสนใจไหมวะ?
"น้องเหี้ยไร? กวนตีนขนาดนี้เดี๋ยวเจอดี!"ก็ไม่ได้คิดเอาไว้ว่าเจอหน้ากันครั้งแรกในรอบหนึ่งสัปดาห์อีกฝ่ายจะทักทายกันด้วยคำสบถหรอกนะ แถมเจอกันรอบยนี้ยังมาเจอใหสภาพที่ไอ้ตัวดื้อกำลังก้อร่อติดอยู่กับผู้หญิงคนอื่นอีก ไม่ตบให้หัวทิ่มก็บุญเท่าไหร่แล้ว
"้ค้าจะฟ้องคุณป๊า!" ทำอะไรไม่ได้ก็ฟ้องพ่อตลอดแหละ ตั้งแต่เด็กยันโต โคตรดื้อโคตรเอาแต่ใจเลย
"เออดี! ฟ้องไปเลย บอกให้หมดด้วยนะว่าเราเป็นอะไรกัน' ผมตวัดเสียงอข็งใส่อย่างที่เริ่มจะอารมณ์เสียอีกริบ ก่อนหน้านี้ก็พยายามทำให้ใจเย็นลงแล้ว ผมไม่เคยคิดอยากทะเละกับน้อง ถ้ามีปัหากันก็อยากคุยกันด้วยเหตุผล ไม่ิยากใช้อารมณ์
"เป็นอะไร? ไม่ได้เป็นอะไรกันสักหน่อยอ้อ เป็นพี่น้องไง เอ หรือเป็นอาหลานนะ?"แต่ดูท่าว่าอีกฝ่ายจะเก่งเรื่องกวนอารมณ์เหลือเกิน เด็กบ้า วันๆ ไม่ทำอะไรกรอกนอกจากปั่นหัวผมให้เป็นบ้าเรื่อยๆ อล้วผมก็เป็นไอ้บ้าที่คอยไล่ตามอีกฝ่ายไม่ไปไหน วิ่งวนมันอยู่อย่างนั้นเหมือนหาทางออกไม่เจอแต่ต่อให้มีทางออกจริงๆ ผมก็คงไม่ไผไหนอยู่ดี
"เป็นผัวเมีย" ผมว่าออกมาด้วยท่าทีสบายๆ เรื่องไม่ได้มีคนกวนประสาทเก่งอยู่แค่คนเดียวหรอกนะครับ
"ก็บอกแล้วไงว่าไม่ได้กัน!" ผมอยากจะตีปากเล็กๆ ที่ชอบโวยวายเสียงดังนั้นจึงสัญญาจะตีให้ร้องไม่ออกเลย แต่ตีด้วยปากของผมนะ ไม่ใช่มือ
"เป็นตอนนี้ไหมล่ะ? บนรถก็ได้ เร้าใจดี" พูดจบก็ทำท่าจะตบไฟเลี้ยวเข้าข้างทางย้ำบ่อยนักขะทำให้เป็นเดี๋ยวนี้แหละ
เพี๊ยะ!
"มึงหื่นเกินไปละพี่" ฝ่ามือเล็กที่พาดลงมาเต็มแรงที่ต้นแขนของผมกับสีหน้านิ่งๆของคนข้างตัวมันโคตรจะขัดกันเลย ผมแอบซี๊ดปากเบาๆ เพราความแสบที่ต้นแขน
"มึงกับใคร?" หันมองอีกฝ่ายตาดุในตอนที่รถติดไฟแดง วันนี้ไอ้เด็กแสบของผมหลุดคำหยาบมาหลายรอบแล้ว ไม่รู้ไปติดมาจากไหน ปกติไม่พูดคำพวกนี้หรอก ผมเองก็ไม่ใช่ว่าจะมาพูดกูมึงกับน้องนะคือถ้าไม่สุดๆ จริงๆ จะไม่พูดเลย แต่วันนี้ไม่ไหวแล้วไงหัวร้อนสุดอะไรสุด
"นิดๆ หน่อยๆ เอง" ทีอย่างนี้ล่ะมาทำเสียงอ่อยอยากจะจับมาฟาดแรงๆ ให้หายดื้อสักที แต่ก็รู้ว่าตีไปก็เท่นั้น เจ็บมือเปล่าๆ ครับ ตีให้ตายก็ไม่ช่วยอะไรหรอก
'กลับไปไม่รอดแน่' ผมไม่ชอบเวลานั่งเถียงกันตอนขับรถเพราะผมเหมือนเสียเปรียบไง จะทำอะไรอีกฝ่ายก็ไม่ได้ มีแต่โดนกระทำตลอด เมื่อกี้ก็ตีซะไหล่สะท้านเลย มือก็ไม่ใช่เบาๆ อย่าให้ได้เอาคืนนะเว้ย จะเล่นให้หนักเลย
"จะทำอะไร? อย่างนะ สู้นะเว้ย คนเขาเป็นลูกมีพ่อมีแม่ จะทำอะไรก็เกียรติกันหน่อย" ถ้าถามว่าก้อนเมฆกวนตีขนาดไหน? ก็ตอบได้เลยว่ากวนตีนฉิบหายเลย
"พ่อมึงก็พี่กูนี่แหละ" กลัวตายล่ะ
เอ๊ะ! บอกแล้วไงว่าอย่างหยาบกับน้อง" ก็ใครแม่งกวนตีนก่อนวะ?
"ทำตัวไม่ว่าน่ารักก่อนเองนะก้อน" จะให้คนอื่นมาพูดดีด้วยแต่ตัวเองนี่น่าพูดดีตายแหละ
"เรียกก้อนอีกละ" ปากเล็กเเบะออกอย่างขัดใจ
"อย่าเปลี่ยนเรื่อง" ถ้าเป็นปกติผมคงรีบง้ออีกฝ่ายไปแล้ว แต่นี่ไม่ปกติไง
หมายถึงอารมณ์ผมนะ ไม่ปกติ ไม่ง้อหรอก เดี๋ยวเด็กมันจะได้ใจ
"แล้วเค้าทำอะไรล่า~" ความก้อนเมฆคือพอทำผิดก็จะเริ่มทำตัวน่ารักให้คนอื่นใจอ่อน ความน่ารักความขี้อ้อนนี่มาเต็มสุดอะไร ฉลาดนักเรื่องเอาตัวรอดเนี่ยทำเป็นเสียอ่อนเสียงหวานแถมทำหน้าชื่อตาใสใส่อีก
"ลับหลังนี่เป็นอย่างนี้ตลอดเหรอวะ? คือปล่อยให้ห่างสายตาไม่ได้เลยใช่ไหม? จะต้องเที่ยวแจกเบอร์หว่านเสน่ห์ชาวบ้านเขาไปทั่วอย่างนี้เหรอก้อน?"ผมว่าอย่างหัวเสีย เป็นใครมาเจอแบบนี้ไม่หัวเสียบ้างวะ? ลองถ้าคนของตัวเองไปหยอกล้อกับคนอื่นก็ต้องโมโหกันทุกคนแหละ
"เขามาขิงเองหรอก นี่ไม่ได้ทำอะไรเลยนะ ยืนหล่อๆ เขาก็้ข้ามาหาเอง นี่ก็ลำบากใจเหมือนกันที่เกิเมาหล่อ" มั่นหน้าไปอีก มั่นใจให้ห้ามั่นหน้าให้สิบ ก็ถ้าคนที่พูดไม่ใช่ก้อนเมฆผม็ตบหัวทิ่มไปแล้ว ในขณะที่ผมกำลังจริงจังแต่อีกฝ่ายก็ยังเล่นไม่เลิก
"แล้วทำไมไม่ปฎิเสธ ยังจะไปเล่นหูเล่นตากับเขาิีก" ปกติก็พูดไปสิว่าไม่ให้หรือให้ไม่ได้ อต่นี่ไม่มีหรอกปฎิเสธน่ะ นอกจากจะไม่ปฏิเสธแล้วยังมีหน้าชนวเขาไปห้องอีก แบบนี้ไม่เรียกว่าอ่อยก็ไม่รู้จะว่ายังไงแล้วนะครับ
โคตรเชิญชวนเลย
"ก็เขาสวย" เดี๋ยวจะศพไม่สวยนะ
"แต่มึงมีผัวแล้ว!" ไม่ใช่ก็ใกล้เคียงล่ะวะเนียนๆ ไปก่อน
"ก็บอกว่ายังไงได้กัน! ไม่ได้เป็นอะไรกันด้วย เป็นแค่พี่น้องอย่าเยอะน่า" พี่น้องท้องชนกันไหมล่ะมึง"
"พี่น้องเขาไม่จูบกันนะก้อน" ผมว่าเสียงนิ่งแล้วหันไปสบตากับคนข้างตัวในตอนที่รถติดไฟแดงอีกครั้ง
"พูดอยู่นั้นแหละ อยากให้คุณป๊ากับคุณพ่อรู้มากเลยหรือไง?!" พอเถียงสู้ไม่ได้ก็โวยวายเสียงดังหน้าอใส่ เป็นแบบนี้ตั้งแต่หกขวบจนตอนนี้สิบแปดแล้ว โคตรดื้อเลย
"เออ อยากให้รู้จะตายอยู่ละ" เบื่อที่จะต้องมาหลบๆ ซ่อนๆ เพราะกลัวคนอื่นรู้เหมือนกันและ
"จะให้อะไร? รู้ว่าเราจูบกัน กอดกันแต่ไม่ได้เป็นอะไรกันเหรอ?" ใบหน้าเรียวได้รูปเชิดขึ้น ปากเล็กขมุบขมิบบ่นไม่หยุดเถียงเก่งฉิบหายเลย
"ก็ใครมันไม่ยอมคบวะ? ขอไปหลายรอบแล้วนะ" ยกมือขึ้นเสยผมอย่างข่มอารมณ์ ใ่ว่าผมไม่เคยพูดเรื่องคบเป็นแฟน นี่พูดไปหลายรอบแล้ว แต่ไอ้ตัวดื้อมันไม่ยอกม บ่ายเบี่ยงตลอด สุดท้ายก็เป็นอย่างที่เห็นนี่แหละไม่ได้เป็นแฟน ิยู่กันแบบพี่น้องที่จูบกันได้กอดได้
"ก็ยังไม่พร้อมนี่!" ถามกี่ทีก็บอกยังไม่พร้อมๆ
"ไม่พร้อมอะไร? จะรอเรียนจบก่อนหรือไง?" เออ แล้้วแต่เหอะ ตามใจเลย ทุกวันนี้คือยอมหมดทุกอย่างแล้วไง
"มันไม่แปลกๆ เหรอ? เราเป็นพี่น้องกันมาตลอดเลยนะ แล้วจู่ไ จะมาเปลี่ยนเป็นแฟน มันอบบ.." เสียงทุ้มหวานเอ่ยพึงพพออกมาก่อนจะค่อยๆ เบาลงแล้วเงียบหายไปผมชะงักเหลือตามองหน้าขาวที่เริ่มขึ้นสีแดงระเรื่อบนสองข้างแก้วของอีกฝ่ายแ้วก็ต้องหลุดยิ้มออกมา
"เขิน?" ท่าทางแบบนี้มีอย่างเดียวครับเดาได้ไม่ยากเลย
"....." เจ้าก้อนเมฆนิ่งไปเลยที่ได้ยินแบบนั้นดวงตาหลอดมองไปมาก่อนจะแล้วแสร้งยื่นมือมาเปิดเพลงในรถแล้วเบือนหน้าหนีออกไปมองข้างนอกรถแทน ทำทีเป็นไม่ได้ยินที่ผมพูด แต่หน้ากลับขึ้นสีเข้มมาดขึ้นก่อนเรื่อยๆ จนลามไปถึงใบหู
"ก้อน" ผมเอ่ยเรียกดีอีกครั้ง เห็นว่าท่าทางแบบนั้นแล้วอดจะเอ็นดูฉันมันเขี้ยวไม่ได้ทำไมต้องน่ารักขนาดนี้วะ? แล้วแบบนี้จะไม่ให้ผมหวงได้ยังไงกัน?
"อะไร?" ปากขานติบแต่ไม่ยอมหันมามองหน้ากันตรงๆ
"เขินเหรอ?" ผมแกล้งถามออกไปทั้งที่รู้ดีอยู่แล้ว ก็อยู่กันมาตั้งสิบกว่าปีแล้วทำไมเรื่องแค่นี้ผมจะดูไม่ออก
"ตัวเงียบๆ ได้เแล่า เค้าจะฟังเพลงแหน่! มีหันมาทำหน้านิ่งใส่ด้วย เดี๋ยวนี้ชักเอาใหญ่แล้วครับ
แสบจริงๆ เจ้าเด็กคนนี้
"ลืมไปหรือเปล่าว่าใครมันสัญญาว่าโตขึ้นจะแต่งานกัน?" ขอวัดประโยคเด็ดขึ้นมามาใช้หน่วย เดี๋ยวถ้าไม่พูดย้ำบ่อยๆ แล้วเด็กมันจะลืมครับ
มันเป็นสัญญาในวัยเด็กของเราทั้งคู่ตอนนั้นไปเที่ยวบ้านที่หัวหินของพี่ทะเลกันผมจับน้องนั่งตักแล้วเราก็คุยกัน ลากพาเข้าเรื่องแต่งาน พูดหลอกล่อน้องนิดๆ หน่อยๆน้องก็ตกลงอย่างง่ายดาย ถ้าจำไม่ผิดตอนนั้นผมสิบปีแล้วน้องก็แค่แแดปีเอง จะด่าว่าแต่แดดก็ไม่โกรธครับ เพราะเรื่องจริง แต่เด็กแก่แดดในวันนั้นก็คือคนที่รัดมั่นคงในวันนี้นะครับผม
"เออ จำได้น่า แต่แบบ กูเพิ่งเดรด 12เองนะพี่มึง ใจเย็นเนอะ" ใบหน้าหล่อใสตามแบบเด็กวัยรุ่นทั่วไปที่เขานิยมกันหันมาทำหน้าเบื่อหน่ายใส่ผม ท่าทางที่เหมือนจะเอื้อมระอาแต่ก็เขินไปด้วยมันดูตลกจนผมกลั้นยิ้มเอาไว้แทบไม่ิยู่ แต่ก็ต้องมาชะงักเพราะคำพูดคำที่ดูไม่น่ารักขิงอีกฝ่ายเข้า ดื้อใหญ่แล้วนะเดี๋ยวนี้
"กูมึงกับใครนะ?" ตวัดสายตาดุๆ ใส่อีกครั้ง
ผมไม่ค่อยชอบให้น้องพูดคำหยาบ ไม่ได้เคร่งเรื่องมารยาทอะไร แต่แค่คิดว่าคำหยาบพวกนี้มันไม่เหมาะกับน้องเลย ถึงจะรู้ว่าน้องไม่ได้จริงนะอะไรก็เถอะ แต่ก็ไม่อยากให้ติดเป็นนิสัย ิย่างผมเวลาคุยกับเพื่อนก็ดิบเถื่อนขั้นสุด ถึงจะเป็นการเหตุหยอกล้อกันกับเพื่อนแต่ถ้าคนอื่นมาเห็นก็ดูไม่ดีหรอด ผมไม่อยากให้น้องเป็นแบบนั้น อยู่บ้านผมก็ไม่พูดหยาบกับน้อง จะพยายามไม่หลุดคำหยาบให้ได้ยิน้ลย อต่ก็มีวันนี้แหละที่หลุดบ่อย ยิมรับว่าหัวร้อนมากเพราะิีกฝ่ายทำตัวน่าโมโหจริงถ้าไม่ติดว่าขับรถอยู่ก็อยากจะจับมาฟาดทุกครั้งที่อีกฝ่ายทำตัวดื้อใส่
"อรรถสน่า" คนตัวเล็กว่าพร้อมหัวเราะคิกคักขอบอกชอบใจอย่างน่าหมั่นไส้
"ทำไมยิ่งโตยิ่งดื้อวะก้อง?" นี่คำเป็นถามที่ผมค้างคาใจมาตลอดเกือบสิบสองปีที่อยู่ด้วยกันมา
อยากถามพี่ทะเลเหมือนกันว่าเลี้ยงลูกมายังไงให้ดื้อและซนได้ขนาดนี้ ผมเองก็ถูกพี่ทะเลเลี้ยงมาเหมือนกัน แต่ก็คิดว่าตัวเองไม่ได้ดื้อและหน้ามึนเท่านี้เลย ผมไม่รู้ว่าก้อนเมฆแสบสันแบบนี้ได้ใครมา พี่ทะเลก็ออกจะเรียบร้อยสุภาพน่ารัก พี่ท้องฟ้านี่ยิ่งไม่ต้องพูดถึง ถ้าไม่ได้ชื่อทะเลก็เหนื่อยหน่อยนะเวลาคุยกับคุณเขาน่ะเหมือนพี่เขาก็ไม่ค่อยอยากขยับปากพูดใครสักเท่าไหร่ พูดน้อยสุดในบ้านแล้ว ให้นับจำนวนคำที่พี่ท้องฟ้าพูดในหนึ่งปียังดูน้อยว่าก้อนเมฆพูดทั้งหมดหนึ่งเดือนเลยครับ แต่อย่าหว่านิทาเลย คือพูดก็พูดเถอะพอพี่ท้องฟ้าอยู่กับพี่ทะเลทีไรก็เหมือนกับเป็นคนละคนถ้าถามว่าใครทำตัวน่าหมั่นไส้ที่สุดในบ้านผมตอบได้เลยว่าพี่ท้องฟ้า พูดไปก็อาจจะยังไม่เข้าใจ เอาไว้เจอแล้วก็จะรู้เองแหละครับ
"ดื้อแล้วรักเปล่า?" เจ้าตัวแสบแผลงฤทธิ์อีกแล้วครับ ผมที่กำลังขับรถอยู่เกือบจะหักพวงมาลัยเข้าข้างทางเพราะใบหน้าเนียนที่ยื่นเข้ามาใก้ลกับหน้าของผมเสียงทุ้มหวานที่เอ่ยถามพร้อมรอยยิ้มอ้อนๆ ตามแบบฉบับของเจ้าตัว
ตัวก็แค่นี้เอาอะไรมาน่ารักเยอะแยะวะ?
ไม่เหนื่อยบ้างเหรอ? นี่มองเฉยๆ ยังเหนื่อยเลยใจเต้นแรงจนเหนื่อยไปหมดแล้วเนี่ย!
"ไม่" ผมเเกล้งตีหน้านิ่งตั้งใจขับรถต่อไปทั้งที่หัวใจกำลังทำงานหนัก ใจผมมันเต้นแรงมากมากจนเกิดเสียงดังก้องไปทั่วทั้งหู บางครั้งก็กลัวเสียงมันจะดังเกิดไปจนใครอีกคนได้ยินเข้า
น่าอายนะครับที่เก๊กขรึมแต่ใจเต้นดังขนาดนี้ ถ้าเจ้าตัวแสบรู้เข้าผมโดนล้อตายเลย
"อ้าว!" ก้อนเมฆร้องเสียงหลบหน้าเหวทันทีที่ได้ยินผมตอบปฏิเสธ
"เป็นอะไรกันเหรอจะให้มารักน่ะ?" แกล้งหันไปมองสบตากับอีกฝ่ายหน้านิ่ง ขู่ให้เด็กมันกลัวครับ
"เหน๊! ทำเป็น น้อยใจเหรอ? โอ๋ๆ นะ" แต่ก้อนเมฆก็คือก้อนเมฆครับ กวนตีน
"รำคาญว่ะก้อน" ผมปัดมือเล็กที่ยื่นมาเกาคางผมออก ทำอย่างกับผมเป็นลูกแมวที่ชอบให้เกาคางลูบหัวไปได้
คิดว่าทำแบบนี้แล้วผมจะใจอ่อนเหรอ?
เออ ไม่ใช่แค่ใจอ่อนไง แม่งเหลวเป็นน้ำแล้ว!
"ง้อๆ เดี๋ยวคืนนี้ไปนอนด้วย เดี๋ยวให้กอดทั้งคืนเลย" เด็กอะไรโคตรขี้อ่อย มีอย่างที่ไหนบอกจะไปนอนห้องผู้ชาย แถมยังให้เขานอนกอดอีก เสอนตัวสุดอะไรสุด แล้วถามว่าผมชอบไหม? ก็คือขนาดนี้แล้วก็ไม่น่าถามไง ถ้าวาร์กลับบ้านได้ก็คือวาร์ปแล้ว นึกโมโหอยู่เหมือนกันที่กรุงเทพรถติดอะไรเยอะแยะขนาดนี้
"ไม่กลัวถูกจับได้หรือไง?" ผมแกล้งถามหยั่งเชิงกลับไป ปกติเห็นกลัวคุณพ่อกับคุณป๊าจะเหลือเกินเวลาผมเรียกให้มานอนที่ห้องด้วยกัน ทำเป็นบ่นนู่นบ่นนี่แต่ก็เห็นมานอนกับผมแทบทุกคืน แล้วเวลาผมไปนอนที่ห้องด้วยก็ทำเล่นตัวเหลือเกิน เล่นตัวเก่งตั้งแต่เด็กยังโต จะว่าเป็นเด็กฉลาดรู้ทันผมก็พูดได้ไม่เต็มปาก เหมือนอีกฝ่ายแค่กวนประสาทหาเรื่องปั่นอารมณ์ผมเล่นก็เท่านั้น
"ทำเหมือนแอบคบชู้เลย" ก็ใครมันขี้กลัวจนต้องทำตัวลับๆ ล่อๆ วะ? ผมนี่ไม่ได้กลัวเลยวะว่าพี่ท้องฟ้ากับพี่ทะเลจะรู้เรื่องความสัมพันธ์ขิงเรา คือใจจริงนี่อยากให้รู้ฉิบหาย แต่เด็กมันกลัวครับ ก็ตามใจ้ขาอยากให้หลบๆ ซ่อนๆ ก็ได้ ทำให้ได้หมดแหละ ขัดได้ที่ไหนกันล่ะ?
"แฟนยังไม่มีเลย" คบชังชู้อะไร แฟนก็ไม่มี จะมีชู้ได้ไงวะ
"ก็ต้องอย่างนั้นอยู่แล้วเปล่า? คือตำแหน่งแฟนของตัวเป็นของเค้าไง เป็นคนอื่นไม่ได้"
นี่ไง! เด็กมันอ่อย แถมยังฉลาดพูดอีก ใครบ้างจะรักไม่หลง เป็นแบบนี้แล้วผมจะไปไหนได้?
"กกั๊ก" ถึงจะว่าออกไปอย่างนั้นแต่ผมก็ค่ินข้างจะพอใจในคำพูดขิงอีกฝ่ายอยู่ไม่น้อย
"ไม่ได้กั๊ก เขาเรียกว่าจองไว้ก่อน นี่ก็จิงตำแหน่งแฟนเค้าไว้ให้ตัวอยู่นะ" เจ้าตัวแสบยังคงพูดเจื้อยแจ้วไม่หยุด และสิ่งที่พูดออกมานั้นก็สร้างความพึงพอใจให้กับผมได้มากกว่าเดิมอีกหลายเท่าตัว อย่างน้อยก็ไม่ได้มีแต่ผมที่อยาดจะเป็นแฟนน้อง น้องเองก็อยาดจะเป็นแฟนผมเหมือนกัน
"สักทีเถอะก้อน รอนานแล้ว"
จำได้เลยว่าผมขออีกฝ่ายคบครั้งแรกคือตอนที่น้องขึ้นกรดสิบแล้ว มันเป็นตอนที่ผมมั่นใจความรู้สึกของตัวเองมาก ผมไม่อยากที่จะเก็บความรู้สึกที่มีเอาไว้อีกต่อไปเลยบอกกับน้องไปตรงๆ น้องไม่ได้ปฎิเสธผมในทันที น้องเองก็พูดความรู้สึกที่มีต่อผมออกมา แต่ตอนนั้นน้องก็ยังเด็ก แค่สิบหกปีเอง น้องเลยยังไม่มั่นใจสักเท่าไหร่ น้องขอเวลากับผม ซึ่งผมก็ยินดี หลังจากนั้นความสัมพันธ์ของพวกเราก็ดีขึ้นเรื่อยๆ มันก้าวหน้ามากขึ้นในทุกๆ วัน ผมถามถึงความรู้สึกน้องอีกครั้งในหกเดือนต่อมา น้องก็บอกว่าขอเวลาอีกเพราะรู้สึกว่ามันยังเร็วไป ผมยังคงรอต่อไปเรื่อยๆ จนกระทั่งน้องขึ้นเกรดสิบเอ็น ผมขอน้องคบอีกครั้ง น้องปฏิเสธกลับมาโดยให้เหตุผลว่ายังไม่พร้อมผมก็หน้าชานิดๆ แต่ก็ยังรอต่อ
น้องทำทุกอย่างเหมือนเดิม เหมือนที่เราทำให้กันและกันมาตลอด เรากอดกันหอมแก้มกัน และเราก็จูบกัน จูบแรกของผมกับน้องเกิดขึ้นหลังจากที่ผมสารภาพความรู้สึกของตัวเองที่มีกับน้องออกไปครั้งแรก ความสัมพันธ์ที่เหมือนกับแฟนแต่ไม่ใช่แฟนเริ่มขึ้นหลังจากวันนั้น วันที่ผมพูดทุกความรู้สึกและขอน้องคบครั้งแรก ผมถามย้ำถึงความรู้สึกของน้องอีกครั้งก่อนที่น้องจะขึ้นเกรดสิบสอง น้องบอกว่าน้องรู้สึกแบบเดียวกับผม น้องชอบผม แต่น้องยังไม่พร้อมที่จะคบ ผมเลยไม่ได้พูดอะไรต่อ เพราะรู้หน้าที่ตัวเองดีว่าทำได้แค่รอเท่นั้น หลังจากนั้นผมไม่ถามน้องอีกถึงเรื่องความรู้สึกหรือการคบหากัน จนล่าสุดก่อนวันเปิดเทอมของผมหนึ่งวัน น้องก็เดินเข้าก็เดินเข้ามาบอกกับผมว่าน้องรักผม และน้องอยากให้ผมรอน้องก่อน ขออย่าให้ผมเปลี่ยนใจหรือท้อไปก่อน ผมที่ได้ยินอย่างนั้นจะตอบอะไรได้นอกจากบอกออกไปว่ารอ นายแค่ไหนก็จะรอ
"รออีกหน่อยไม่ได้เหรอ?" เสียงทุ้มหวานอ่อนลงตากลมช้อนขึ้นมองสบกับผมด้วยแววตาหงอยๆ
"เมื่อไหร่วะก้อน? คนรอมันก็ท้อนะ" ผมถอนหายใจแรง ถามว่าเหนื่อยไหมที่ต้องวิ่งไล่ตามอีกฝ่าย?ตอบอย่างไม่ตอแหลเลยนะว่าโคตรเหนื่อย ท้อด้วย ผมพยายามทำทุกอย่างเพื่อให้เราได้ใกล้ชิดกัน ให้ความสัมพันธ์และความรู้สึกของเราเดินไปในทิศทางเดียวกันผมรู้ว่าน้องก็ให้ความร่วมมือเป็นิย่างดี น้องจับมือผมแล้วเดินไปด้วยกัน แต่พอเดินไปแล้วมันก็ไปได้ไม่สุดไงมันยังมีอะไรบางย่างที่มารั้งน้องไว้ทำน้องเดินไปกับผมต่อไม่ได้ สุดท้ายเราก็เดินวนกันอยู่ที่เดิม
"ตัดพ้อเก้ง เค้าขอแค่สอบติดมหา'ลัยก่อน" แขนเรียวยื่นมากกอดตัวของผมเอาไว้แน่น ใบหน้าหล่อติดหวานซบลงบนไหล่ของผมอย่างออดอ้อนเหมือนทุกครั้งที่เจ้าตัวเขาชอบทำเวลารู้ว่าผมโกรธ นี่เป็นอีกหนึ่งวิธีง้อของก้อนเมฆ
"อีกตั้งนาน"นี่เพิ่งจะเทอมหนึ่งเอง อีกตั้งหลายเดือนเลยนะครับ
"ก็นี่ไง เค้าอยากตั้กใจเรียนก่อน ถ้าเป็นแฟนกันแล้วเค้าเอาแต่กังวลเรื่องเรียนเรื่องสอบเข้าแล้วไม่ได้สนใจตัว เดี๋ยวตัวก็คิดมากอีก" ก้อนเมฆยังคงไม่ยอมแพ้ ร่างเล็กขยับเข้ามากอดผมแน่นขึ้นแถมยังช้องตาขึ้นมองพูดเสียงอ้อนๆ อีก
"จะเป็นหรือไม่เป็นก็คิดมากเหมือนกันแหละ" ทำอย่างกับทุกวันนี้ไม่คิดมากเลยเนอะ ในหัวนี่คิดเรื่องต้องไปแล้วห้าสิบเปอร์เซ็น อีกสี่สิบคือคิดเรื่องเรียนและเรื่องงาน ส่วนที่เหลือก็เรื่องจิปาถะ
"ไม่เหมือนสิ พอเป็นแฟนแล้วคนเราจะเซนซิทีฟมากขึ้นกว่าเดิม" ผละตัวออกมาจ้องหน้าผมอย่างจริงจัง จู่ๆ ก็เข้าโหมดซีเรียสขึ้นมาเฉย คือไว้ที่ผมพยายามบิ้วอารมณ์ก่อนหน้านี้นี่ไม่มีผลเลยเหรอวะ?
"ทำมาเป็นรู้ดี" พูดอย่างกับตัวเองเคยมีแฟนรอบรู้ไปหมด เก่งจังนะเรื่องทฤษฎี ภาคปฏิบัติขอให้ได้แบบนี้บ้างนะ เก่งให้จริงเถอะ ถ้าไม่เชียวเดี๋ยวจะเคี่ยวให้
"ก็เค้าเห็นเพื่อนเค้าเป็นแบบนี้ ตอนเป็นเพื่อนกันก็ยังเฉยๆ แต่พอคบกันเรื่องเล็กๆ น้อยๆ ตอนเป็นเพื่อนกันก็กลายเป็นเรื่องใหญ่ตอนคบเป็นแฟนกีน"ท่าทางที่ดูจริงจังผิดจากก่อนหน้านี้ทำให้ผมรู้ว่าน้องเองก็คงกังวลเรื่องการคบหาของเราอยู่ไม่น้อย ไม่ใช่ว่าน้องไม่มีเหตุผลในการปฏิเสธเรื่องการเป็นแฟน ผมว่าน้องก็คงคิดมาดีแล้ว บางทีน้องอาจไม่ได้อยากปฎิเสธแต่น้องคงมองว่านี่อาจดีที่สุดสำหรับพวกเราในตอนนี้แล้วก็ได้
หัวใจของผมมันพองโตจนคับอก แถมคราวนี้ยังเต้นแรงกว่าเดิมอีกด้วย
ก้อนเมฆก็คือก้อนเมฆ น่ารักยังไงก็ยังคงน่ารักอยู่อย่างนั้น ผมไม่เคยรู้สึกผิดหวังหรือรู้สึกเสียใจที่เลือกรักเด็กคนนี้ น้องเปรียบเหมือนแสงสว่างในความคิดของผม เป็นดั่งแสงสีขาวเพียงหนึ่งเดียวที่มีค่า เป็นสีขาวในชีวิตที่มืดมนของผม
"เออๆ พูดมากว่ะ ตามใจ อยากทำอะไรก็ทำ ยังไงก็ต้องรออยู่แล้วเปล่า ไปไหนได้ด้วยเหรอวะ?" ต่อให้น้องไม่บอกให้รอ ผมก็ยังคงรอ เพราะรู้ดีว่าตัวเองไม่มีที่ไหนให้ไป ก้อนเมฆเป็นทุกอย่างสำหรับผม ผมไปไหนไม่ได้หรอก
ก็ตกอยู่ในวังวนของก้อนเมฆจนหาทางออกไม่ได้แล้วนี่
"ก็ตัวเค้าไง" เจ้าตัวแสบว่าเสียงใสพร้อมฉีกยิ้มกว้างแล้วยื่นหน้ามาคอลเคลียกับแก้มของผม
เออ ถ้าแหกโค้งตามทั้งคู่ก็ไม่ต้องแปลกใจนะ เด็กมันร้ายขนาดนี้ ไม่สติแตกก็โคตรของความอดทน
"เออ รักขนาดนี้ยังไม่ได้เป็นแฟนเลย" ผมปล่อยมือข้างหนึ่งออกจากพวงมาลัยมาลูบกลุ่มผมนิ่มอย่างเบามือก่อนจะหันหน้าไปกดจูบบนหน้าผากเนียนที่แนบอยู่กับข้างแก้มของผมด้วยความรักใคร่
เป็นทุกอย่างให้เธอแล้ว ยกเว้นแฟนเธอ
"ไม่น้อยใจสิ เค้าก็รักตังไง จริงๆ เราก็รักกันอ่าเป็นแฟนหรือไม่เป็นก็ไม่สำคัญนะ"
คนเราจะมีความอดทนมากน้อยแค่ไหนกัน? ถ้าคนที่คุณรักมากมาส่งเสียงงุ้งงิ้งอยู่ข้างหู แถมคลอเคลียเก่งเหมื่อนลูดแมวขี้อ้อน ส่วนความแสบซนก็ไม่ต่างจากลูกหมาปีเกิ้ล แต่คุณกลับทำอะไรไม่ได้ไปมากกว่าควบคุมสมาธิไม่ให้ขับรถแหกโค้งหรือเสยตูดคันหน้า
โอเค วันนี้อาจไม่ใช่วันของผมก็ได้ สู้ต่อไปนะคลื่นน้ำ
"เป็นแฟนมันหวงได้หึงได้ แต่เป็นพี่น้องมันทำไม่ได้" ความแตกต่างมันมีเยอะ ผมอยากมีสทธ์ทุกอย่างในตัวน้อง ไม่ได้จะคบกันเพื่อนหวงบังคับน้องให้เป็นในแบบที่ผมต้องการ ผมไม่ทำอย่างนั้นแน่ ผมชอบที่ก้อนเมฆเป็นตัวของตัวเองแบบนี้ แต่ผมก็อยากที่จะมีลิทธิ์ของความเป็นแฟนกันยู่ในมือ อย่างน้อยถ้าจะหึงหวงก็ได้ไม่รู้สึงแปลกๆ
"โห อย่าพูดเหมือนเมื่อกี้ตัวไม่ได้เหวี่ยงใส่คนที่เข้ามาขอบเบอร์เค้าได้เแล่า?" เจ้าเด็กดื้อแสร้งทำตาโตใส่ผมก่อนจะยกยิ้มล้อเียนกลับมา
"กวนตีนว่ะก้อน" แอบเขินนิดๆ ที่ถูกอีกฝ่ายล้อเลียนเลยยกมือขึ้นดันหนัาเล็กๆ นั่นให้ถอยออกห่าง อยู่ใกล้มากๆ แล้วอยากจะจับมาปั้นๆ เป็นก้อนแล้วกลืนลงท้องเหลือเกินจะน่ารักไปไหนวะ
บางทีที่หมาป่ากลืนหนูน้องหมวกแดงลงท้องไปอาจเป็นเพราะหนูน้อยหมวกแดงน่ารักเกิไปก็ได้ เหมือนผมในตอนนี้ที่อยากจะจับเด็กข้างตัวมากกลืนลงท้องให้มันรู้แล้วรู้รอดจะได้ไม่ต้องไปทำตัวน่ารักให้ใครได้เห็นนอกจากผม
มันดูโรคจิตไปหรือเปล่าครับ?
"อย่าคิดมากสิ เค้าเริ่มเครียดตามแล้วนะ" คิ้วเรียววิ่งนกันอีกริบ แากเล็กเบะออก หน้าตาโคตรดื้อเลย
"เออ" ดูก็รู้เลยว่าใครเป็นทาส ไม่ใ่ทาสแมวนะครับ นี่ทาสเมีย
"เอออีกละ" กับอีแค่คำว่าเออนี่หน้างอเป็นตูดอีกแล้วครับ ถ้าผมไม่ชอบให้น้องพูดคำหยาบ ก้อนเมฆก็จะไม่ชิบให้ผมใช้คำว่าเออเหมือนกัน เห็นน้องบอกว่ามันเหมือนปมไม่อยากคุยด้วย มันดูเป็นที่รุนแรง เหมือนไม่ใส่ใจอะไรทำนองนั้น ก็ไม่ค่อยเข้าใจเท่าไหร่แต่ก็พยายามทำให้อยู่ แต่บางครั้งมันก็ติดไง
"ถ้าไม่หยุดพูดจะจับจูบแล้วนะ" ไม่รู้หรือไงว่าขับรถมันต้องใ้สมาธิมากแค่ไหน? วันนี้น้องทำผมเสียงสมาธิไปหลายรอบแล้ว เกือบได้ไปประกันชี้นหนึ่งที่ทำมาแล้วไหมล่ะ รถพังไม่เท่าไหร่ แต่ถ้าเป็นอะไรกันขึ้นมานี่โดนสวดยับแน่
"ถ้าจูบแล้วตัวจะหายหงุดหงิดหรือเปล่า?" เอียงคอถามตาแป๋ว
อ่อย! ขี้อ่อย! ก้อนเมฆเป็นเด็กขี้อ่อย ขอติด#ก้อนเมฆเป็นเด็กร้ายการ
"ขับรถอยู่ อย่าเพิ่งมาอ่อย" ผมไม่เคยอยากร้องเรียนเรื่องการตราในกรุงเทพหานครเท่าวันนี้มาก่อนเลย ผมสามารถไปร้องเรียนที่ไหนได้บ้างครับ?ผมไม่สามารถทนกับความขี้อ่อยของเด็กข้างๆ ได้อีกต่อไป ถ้าแวะจอดข้างทางก่อนสักแปปจะเป็นอะไรไหม?ถ้ากลับบ้านช้าว่าปกติสักนิดหน่อยพี่ทะเลจะสงสัยไหมครับ?
"กลับไปจูบที่บ้านก็ได้" เจ้าตัวต้นเรื่องก็ยังคงไม่สะทกสะท้านต่อสิ่งใด แถมยังมาบอกเสียวใสทำท่าร่าเริงอีก
จุ๊บ!
"ก้อน!" ผมร้องเรียกอีกฝ่ายเสียงดังเมื่อข้างแก้มของผมถูกริมฝีปากนิ่มกดประทับลงมาหนักๆ จนเกิดเสียงดังขึ้น
"จ๋า~" ยังจะมาขานรับเสียงหนาวอีก!
"เดี๋ยวเจ็บตัว" หันไปมองตาดุอย่างคาดโทษ ถ้ารถแหกโค้งหรือผมทนไม่ไหวขึ้นมาจะทำยังไง?
แอบสงสัยตัวเองอยู่เหมือนกันว่านั่งทนมาได้ยังไงตั้งเกือบชั่วโมง แต่ถ้าจะคิดกันจริงๆ แล้วคงต้องคิดย้อนกลับไปอีกหลายปีว่าที่ผ่านมาผมปล่อยให้น้องอยู่รอดปลอดภัยมาจนถึงตอนนี้ได้ยังไงกัน
"ตัวจะดีเค้าเหรอ?" ตากลมเบิกกว้างขึ้นนิดๆเหมือนตกใจกับสิ่งที่ผมพูด ก็ผมเคยตีน้องที่ไหนกันล่ะ
"จะจับแดก" แต่อย่างผมไม่มานั่งตีให้เจ็บมือหรอกครับ บอกแล้วตีไปก็ไม่คุ้ม ตีให้ตายก็ไม่กายดื้อหรอด มีทางเดียวเท่านั้นแหละที่จะทำให้เด็กแสบๆแบบนี้หายดื้มหายซ่าได้ จับฟัดให้จมเตียงนั่นแหละ เอาให้นอนซมไแไหนไม่ได้เลย เดี๋ยวก็หมดฤทธิ์แล้วก็ไม่กล้าดื้อไปเอง
"เห็นพูดอย่างนี้มาหลายรอบละ แต่ก็ไม่เห็นมำสักครั้งเลย" ริมฝีปากบางเหยียดยิ้มที่มุมปากอย่างท่าทางส่งมาให้ผม ท่าทางดื้อๆ นั่นทำเอาผมอยากจะจอดรถแล้วจับอีกฝ่ายมาฟัดให้มันรู้แล้วรอด
"ถ้ายังไม่หยุดพูดจะทำมันในรถนี่แหละ" เอ่ยเสียงเข้มพร้อมตวัดตามมองสบอย่างจริงจังเพื่ิอบอกให้รู้ว่าคราวนี้ผมจะเอาจริงแล้ว ถ้าอีกฝ่ายยังไม่หยุดที่จะอ่อยและท้าทายผม ผมได้ทำจริงๆ แน่ ขีดความอดทนของผมมันมีจำกัดเหมือนกันนะครับ ทนมาได้ถึงขนาดนี้ก็นับว่าโชคดีของเจ้าเด็กดื้อแล้ว แต่เพราะผมรักน้องมากเกินกว่าที่จะทำเรื่องแบบนั้นได้ ผมอยากถนอมน้อง ถึงตัวเองจะมีความต้องการแค่ไหนแต่ก็ไม่อยากทำให้น้องแปดเบื้อน
อยากให้ก้อนเมฆยังคงเป็นก้อนเมฆที่ขาวบริสุทธิ์แบบนี้ต่อไปเรื่อยๆ
"อุ้ย!" เมื่อเห็นท่าทีที่จริงจังของผมร่างเล็กก็สะดุ้งเบาๆ ก่อนจะขยับกลับไปนั่งเรียบร้อยเหมือนตอนขึ้นรถมาแรกๆ
ผมได้แต่ส่ายหน้าไปมาเบาๆ ให้กับความแสบเกินกัดของอีกฝ่าย แต่ไม่ว่าน้องจะดื้อจะซนหรือจะมีอีกกี่ความน่าปวดหัวเข้ามาให้ผม ผมก็ยังคงรักก้อนเมฆที่เป็นแบบนี้ หลงรักในความดื้อตาใส หลงรักในความง้อแบบเนียนๆหลงรักในความออดอ้อนแบบฮบับของก้องเมฆ หลงรักทุกๆ อย่างที่เป็นก้อนเมฆ
***ดาวน์โหลด NovelToon เพื่อเพลิดเพลินไปกับประสบการณ์การอ่านที่ดียิ่งขึ้น!***
อัพเดทถึงตอนที่ 4
Comments