01
ก้อนเมฆ
....................
'ก้อน' ผมร้องเรียกเจ้าเด็กตัวขาวที่นอนแผ่เต็มเตียงรอให้พี่ชายที่แสนดีอย่างพี่ทะเลมาอ่านนิยายก่อนนอนให้ฟัง ก็อย่างนี้แหละครับ เด็กหกขาวก็ยังต้องฟ้องนิทานก่อนนอนเป็นเรื่องปกติ และเรื่องที่เจ้าเด็กก้อนนี่ชอบมากที่สุดก็คงจะเป็นหนูน้อยหมวกแดง เห็นเจ้าตัวเขาบอกว่าอยากจะเป็นนายพรานไปช่วยหนูน้อยหมวกแดงกับคุณยายออกมาจากท้องหมาป่า แต่ผมไม่เห็นด้วยหรอกนะ อย่างก้ินเมฆน่ะ เป็นได้มากสุดก็แค่หนูน้อยหมวกแดงผู้ใสชื่อเท่านั้นแหละ ส่วนหมาป่าน่ะเหรอ ? หึ เดี่ยวก็รู้ว่าใครจะได้เป็น
'อย่างมาเรียกก้อนนะ! ' เสียงเล็กร้องโวยวายกลับมา ใบหน้าน่ารักงอน้ำและเริ่มบึ้งตึงมากขึ้นเรื่อยๆ เห็นแบบนั้นแล้วคิดว่าผมจะกลัวเหรอ? เปล่าเลย ยิ่งอีกฝ่ายมีท่าทางที่ไม่พอใจมากเท่าไหร่ผมก็ยิ่งชิบใจ
'ทำไมเรียกไม่ได้?' ผมเดินไปทิ้งตัวลงนั่งบนพื้นเตียงที่ว่าข้างเจ้าเด็กที่นอนเกินที่นอกจากจะนอนกินที่แล้วยังนอนดื่มอีกด้วยตอนกลางคืนนี่ไม่ต้องพูดถึงเลย ทั้งมือทั้งเท้าดิ้นขิงเพื่อนร่วมห้ิงยังไงรู้ไหม?
ปิ้งป่อง! นอนกอดไงครับ อยากดิ้นก็ดิ้นไปสิ ดิ้นมากเท่าไหร่ก็กอดให้แน่นขึ้นยิ้งกว่าแค่นี้ก็หลับสบายทั้งคืนถึงเช้าแล้วครับ แถมยังใันดีอีกด้วย
'ก็ไม่ให้เรียกไง' ตากลมจ้องหน้าผมเขม็งแากเล็กๆ ก็ขมุบนมิบต่อว่าผมไปด้วย
'ก็จะเรียกไง' ผมไหวไหล่เบาๆ ทำเป็นไม่สนใจแต่แอบลิบมองปฎิกริยาของคนข้างตัวไปด้วย สงสัยพี่ทะเลยังเคลียร์งานไม่เสร็จหรือไม่ก็อาจจะกำลังวุ่นวายอยู่กับพี่ชายของผมอยู่ก็ได้เลยไม่เดินเข้ามาเล่านิทานให้พวกเราฟังสักที
'ไมาให้เรียก!' เสียงแหลมเล็กร้องดังขึ้นอีกครั้ง ผมแอบเบ้หน้าเบาๆ เมื่อรู้สึกว่าเสียงเล็กๆ ของคนที่อายุน้อยกว่ามันทำผมแสบแก้วหูได้ดีเหลือเกิน แต่ถึงอย่างนั้นผมก็ยังคงชอบที่จะฟังเสียงโวยวายขอฃอีกฝ่ายอยู่ดี
'เด็กดื้อเสียงดังแล้ว' ผมว่าเสียงดุใครๆ ในบ้านต่างรู้กันเป็นอย่างดีว่าพลังที่มีอานุภาพทำลายล้างมากที่สุดก็คือเสียงร้องของก้อนเมฆนี่แหละ
'ไม่ได้ดื้อนะ! ' พอโดนว่าเข้าให้ก็หน้างอเสียงดังใส่อีก ก็ตามนิสัยเจ้าตัวเขาแหละไม่พอใจอะไรก็จะหน้าบึ้งแล้วก็ใช่เสียงแหลมๆนั่นโต้เถียงกลับมา
'ถ้าไม่ดื้อก็ต้ิงื่อห้าเรานะ' ผมรีบพลิกวิกฤตให้เป็นโอกาสทันที ก้อนเมฆน่ะถึงจะดื้อไปบ้างแต่ก็หัวอ่อนเชื่อฟังง่ายอยู่นะครับ
'ทำไมต้องเชื่อด้วย' คิ้วเรียวขมวดเข้าหาก้นแน่นอย่างไม่เข้าใจ ท่าทางดื้อๆ นั่นยิ่งทำให้อีกฝ่ายดูเป็นเด็กแสบๆ ซนๆ แต่ก็น่ารักในเวลาเดียวกัน
'ก็เราโตกว่า' ผมให้เหตุผลออกไป ถ้าแม้มันไม่น่าจะเรียกว่าเป็นเหตุผลได้เลยก็เถอะแท้จริงแล้วมันก็อค่ข้ออ้างดีๆ นี่เอง แต่ทำไงได้ล่ะ แกล้งตีเนียนไปก่อนก็แล้วกันวัน
'ก็ได้' ใบหน้าน่ารักทำสีหน้าครุ่นคิดอยู่พักหนึ่งก่อนจะพยักหน้ารับเบาๆ ผมลอบยิ้มกันตัวเองโดยที่อีกฝ่ายไม่เห็น ก็บอกแล้ว่าก้อนเมฆน่ะหัวอ่อน
'ไปโรงเรียนห้ามให้ใครมายุ่งเข้าใจไหม?' ผมขยับเข้าไปใกล้ร่างที่เล็กกว่าแล้วอุ้มให้ร่างเล็กๆ นั่งขึ้นมานั่งนบตัวของผมอย่างเบามือและระมัดระวัง
'ไม่เข้าใจ หมายถึงมีเพื่อนเหรอ?' ก้อนเมฆที่นั่งคร่อมทับอยู่บนตักของผมขมวดคิ้วเองอย่างไม่เข้าใจ
'มีเพื่อนได้ แต่แค่เพื่อนนะ ห้ามให้ใครมาเจ็บ' ผมอธิบายออกไปอย่างรวบรัดไม่รู้ว่าพี่ทะเลกับพี่ท้องฟ้าจะเปิดประตูห้องเข้ามาตอนไหน ถ้าพวกพี่เขาเปิดเข้ามาเห็นตอนนี้คนที่จะแย่คือผม พี่ท้องฟ้าจะต้องรู้แน่ว่าผมกำลังคิดอะไรอยู่ ก็พี่ชายของผมน่ะฉลาดจะตายฉลาดจนน่ากลัวเลย
'จีบคืออะไร? เหมือนรำไทยไหม?' พูดจบมือเล็ดก็ยกยิ้มจีบแบบรำไทยให้ผมดู
'คนละจีบแล้ว!' ถึงกับต้องยกมือขึ้นผมตัวเองด้วยความปวดหัว ได้แต่บอกกับตัวเองในใจว่าน้องยังเด็กอยู่ เรื่องแบบนี้น้องอาจจะยังไม่เข้าใจ ผมที่โตดว่าก็ต้องค่อยๆ สอนน้องไปเรื่อยๆ
'อ้าว เหรอ?' เจ้าก้อนเมฆหัวเราะแห้งๆ กลับมาให้ผมรู้สึกมันเขี้ยวเพิ่มขึ้นมากว่าเดินอีก
'ห้ามให้ใครมาชอบ ห้ามให้ใครมาแตะโดนตัว ห้ามจับมือ ห้ามหอมแก้ว ห้ามจุบ ห้ามมีแฟน ห้าม..'ผมร่างยาวเมื่อคิดได้ว่าถ้าไปโรงเรียนแล้วจะเกิดอะไรขึ้นบ้างกับเด็ดหน้าหน้าน่ารักแบบนี้โดนรุมทิ้งชัวร์
'พอ! ถ้าห้ามอีกก็ไม่ต้องไปเรียนแล้ว! ' มือเล็ดยกยิ้มปิดแากผมแน่นแล้วร้องโวยวายออดมา หน้าบี้งอีกแล้ว
'เออ นั่นแหละ สัญญามาก่อนว่าจะไม่ชอบคนอื่นจะไม่สนใจคนอื่นมากกว่าเรา' ผมยกนิ้วก้อยยื่นไปตรงหน้าหวังให้อีกฝ่ายเอานิ้วของตัวเองมาเกี่ยวกันเพื่อเป็นการสัญญา
'สัญญา คลื่นน้ำก็ห้ามสนใจคนอื่นมากกว่าเรานะ'ใบหน้ากลมพยักหน้ารับหงึกหงักพร้อมยื่นนิ้วก้อนมาเกี่ยวกับนิ้วก้อยของผม
'สัญญา' รอยยิ้มกว้างปรากฎขึ้นบนเป็นหน้าของทั้งคู่
การที่ได้อยู่ด้วยกันมาหลายเดืิอนมันทำให้พวกเราผูกพันกันมาก ไม่ว่าจะทำอะไรหรือไปไหนก็มีแค่พวกเรา หลังจากที่พวกผู้ใหญ่จัดการเรื่องวุ่นวายน่าปวดหัวจบพรุ่งนี้เราทั้งคู่ก็จะได้โรงเรียนกันแล้ว ความน่าตื่นเต้นมาพร้อมความกังวล ลึกๆ ก็คือความกดลัว กลัวว่าอีกฝ่ายจะมีสังคมใหม่แล้วลืิมตัวเอง ผมไม่รู้ว่าคงอยู่เลือนหายไปผมก็ไม่อาจจะรู้ได้ ก็ได้แต่หวังว่าเราจะยังคงมีเราเหมือนอย่างในวันนี้
คลื่นน้ำที่มีก้อนเมฆน่ะ มันดีมากๆ เลยนะ แต่ก็ไม่รู้ว่าก้อนเมฆจะคิดยังไงที่มีคลื่นน้ำอยู่ด้วย
'ก้อน' ผมเอ่ยเรียกร่างผมมากบางที่คุ้นตาพลางยืนทิบไปด้วย ขนาดออกกำลังกายอยู่บ่อยๆ แต่พอมาวิ่งเร็วๆ แบบนี้ก็เหนื่อยเหมือนกันนะ
'มาช้า!' ก้อนเมฆในวัยสิบสองปีตวัดสายตามมองหน้าผมอย่างไม่พอใจ คิ้วเรียววิ่งชนกันแน่น ใบหน้าก็บึ้งตึงไปตามระดับความโกรธ
'ก็อาจารย์ปล่อยเลท' แอบชอบถอนหายใจเบาๆเมื่อเห็นสีหน้าของอีกฝ่าย นี่เพิ่งโกรธเลเวลาหนึ่งครับง้อไม่ยากหรอก
'รอตั้งนานแล้วนะ' ปาดเล็กยังคงเบะอยู่เหมือนเดิม แถมอีกฝ่ายก็ไม่ยอมลุกเดินมาหาผมอีกด้วย
'ขอโทษ' ผมบอกออกไปอย่างรู้สึกผิดจรืงๆ ครั้งนี้ผมผิด ผมไม่เถียง น้องจะโกรธก็ไม่แปลก ก็ปมเล่นมารับเขาช้าไปเกือบหนึ่งชั่วโมงเลยนี่
'บอกให้ย้ายมาเรียนโรงเรียนเดียวกันก็ไม่ยอม'ยังครับ ยังไม่เลิกบ่นให้ผม โกรธเลเวลาหนึ่งก็จะแบบนี้แหละ จะบ่นๆ จนกว่าจะเหนื่อยแล้วหยุดไปเองครับผมก็มีหน้าที่หน้าไปเรื่อยๆ นั่นแหละ
'แล้วทำไมก้อนไม่ย้ายมา?' งงนิดหน่อยแต่ไม่เข้าใจมาก มาบอกให้คนอื่นย้ายแล้วทำไมตัวเองไม่ย้ายมาวะ? โรงเรียนที่ผมเรียนอยู่ตอนนี้ก็ขึ้นชื่อประถม เป็นโรงเรียนเอกชนที่มีชื่อเสียงอันดับต้นๆ เลยด้วย
'ก้อนไม่ชอบนี่ เรียนนานชาติดีว่าตั้งเยอะ'
ถ้าบอกว่าค่าเทอมของผมแพงแล้วนั้นของก้อนเมฆนี่ไม่ต้องพูดถึง นานชาติทีมาตรฐานระดันดับโลดแพงแบบขายบ้านเรียนได้เลย แต่โชคดีที่บ้านเรารวยมันเลยไม่เป็นปัญหา แต่มันก็มีปัญหาหาตรงที่ผมต้องมารับอีกฝ่ายกลับนี่แหละ ก็จริงที่บ้ายเรารวยมากและบ้านเราก็มีรถหลายคัน มีคนไปรับไปส่ง แต่บางครั้งเจ้าตัวเล็กของบ้านก็มีอารมณ์อยากจะนั่งรถโดยสารบ้างอยากจะไปนู่นไปนี่แบบที่ให้ผมพาไปโดยไม่เพิ่งคนขับรถขิงที่บ้าน แน่นอนว่าผมทำให้ได้ อย่างวันนี้ก็นัดกันจะไปกินไอศกรีมก่อนกลับบ้านแต่เพราะอาจารย์ประจำวิชาของผมปล่อยเลทเลยทำให้กว่าจะมาหาอีกฝ่ายได้ก็ใช้เวลาไปเยอะ นี่ขาดโรงเรียนอยู่ไม่ไกลกันมากนะ ยังเล่นผมหอบเลย
ก็งงกับตัวเองว่าวิ่งมาทำไม ทำไมขึ้นรถมอเตอร์ไซค์ครับจ้างมาวะ
'แล้วแบบนี้เมื่อไหร่จะพูดไทยชัด?' ยกมือขึ้นกอดอกมองเด็กตัวขาวนิ่ง ก้อนเมฆเกิดที่อังกฤษและอยู่ที่นั่นมาตลอดจนกระทั่งเกือบหกขวบก็ย้ายมาอยู่ไทยอย่างถาวร แต่ถึงจะพูดภาษาไทยได้ อ่านออกเขียนได้ แต่ก็ไม่ชัดเจนและถูกต้องเท่าที่ควรจะเป็น ยิ่งมาเรียนโรงเรียนนานชาติที่ภาษาในโรงเรียนคือภาษาอังกฤษ เจ้าตัวยิ่งพ่นภาษาอังกฤษไฟแลบ กลับบ้านมาบางทียังลืมตัวเลย ผมที่เป็นคนสอนภาษาไทยให้ในเวลาที่ว่างก็ต้องกุมขมับอยู่บ่อยๆ เรื่ิองพูดนี่ยังไม่น่าเป็นห่วงเท่าเรื่องเขียนเลยครับ
'นี่ก็ชัดแล้วนะ' เจ้าตัวเเสบว่าออกมาอย่างมั่นใจ
'ใครบอกเหรอ?' เอาความมั่นใจมากขนาดนั้นมาจากไหนวะ?
'ชัดที่สุดในคลาสแล้ว!' เสียงเกลมเล็กร้องโวยกลับมา
'ขี้โม้' ผมเบ้ปากเขาๆ ผมว่าเจ้าเด็กที่ชื่อซินหรืออะไรสักอย่างที่เป็นเพื่ิอนเขาน่ะยังพูดชัดกว่าอีกทั้งที่อีกฝ่ายเป็นลูกครึ่งหน้าฝรั่ง ผิดกับก้อนเมฆที่เป็นคนไทยแท้ๆ แค่ไปเกิดและโตที่อังกฤษเฉยๆ
'ว่าอีกจะไม่คุยด้วยแล้วนะ งอน' แขนเรียวเล็กยกขึ้นกอดอกตัวเองแน่น ใบหน้าน่ารักอง้ำมากขึ้นกว่าเดิม ท่าทางที่บ่งบอกว่างอนทำเอาผมหลุดหัวเราะออกมาเบาๆ ในลำคออย่างเอ็นดู
'ต้องง้อยังไงถึงจะหายงอน? แม้จะจำไม่ได้แล้วว่าก้อนเมฆงอนผมกี่ครั้งต่อสัปดาห์หรือตั้งแต่ที่รู้จักกันมาก้อนเมฆใช้คำว่างอนไปมากเท่าไหร่แล้ว ผมไม่เคยจำ ผมจำได้แค่ว่าผมจะต้องเป็นฝ่ายง้ออีกฝ่ายตลอด แต่ทุกครั้งที่ทำก็ทำด้วยความเต็มใจทั่งนั้น มันดีเสียอีกที่คนให้ง้อน่ะ เพราะทุกครั้งหลังจากที่ผมง้อก้อนเมฆได้แล้วผมก็จะได้เห็นรอยยิ้มกว้างๆ บนใบหน้าของเขา มันดีจริงๆ นะ
'ต้องซื้อขนมมาให้เยอะๆ' เจ้าอ้วนเอ๊ยมันเขี้ยวว่ะ
'เดินมาจับมือแล้วจะพาไปซื้อขนม' ผมว่าพร้อมยื่นมืออกไปรอให้คนเดินเข้ามาจับ
'ก็ได้' คำตอบรับสั้นๆ แบบไม่มีเล่นตัวมาพร้อมกับรอยยิ้มชนๆ มือเล็กที่หนุ่มนิ่มเหมือนมาร์ชเมลโล่วางลงบนมือของผมได้อย่างพอดิบพอดี ผมกระชับฝ่ามือให้แน่นขึ้นแล้วจูงคนที่ตัวเล็กกว่ามากให้เดินไปด้วยกัน
วันนี้ิาจต้องเสียงเงินเยอะหน่อย แต่มันก็คุ้มค่าล่ะนะ
'อันนี้ใครให้มา?' ตุ๊กตากระต่ายสีขาวตัวเล็กขนาดสิงฝ่ามือถูกยื่นมาตรงหน้าของผมพร้อมกับน้ำเสียงแข็งๆ ที่เอ่ยถามออกมา
'เพื่ิอนในห้อง' ผมเหลือมองคนถามเล็กน้อยก่อนจะก้มหน้าลงมาทำการบ้านต่อ แต่เชื่อเถอะว่าสมาธิของผมไม่ได้จดจ่ออยู่ที่การบ้านวิชาคณิตศาสตร์อีกต่อไป
'ผู้หญิงผู้าย' ก้อนเมฆในวัยสิบสี่ปียื่นมือมาปิดการบ้านของผมอย่างเอาแต่ใจเมื่อเห็นว่าไม่ยอมสนใจเขา ใครบอกกันล่ะว่าผมไม่สนใจเขาน่ะ
'ผู้หญิง' ผมเอนหลังกับพนักเก้าอี้ตอบกลับสบายๆ พลางลอบอมยิ้มกับตัวเองในตอนที่เห็นใบหน้าบึ้งตึงระดับสามของอีกฝ่าย ระดับอารมณ์โกธรที่มาเกินครื่่งทำเอาผอารมณ์ดีขึ้นมาได้อย่างน่าประหลาด ทั้งที่ก่อนหน้านี้กำลังปวดหัวอยู่กับการบ้านแท้ๆ
'เอาไปทิ้ง' บอกเสียงแข็งพร้อมทำท่าจะโยนต๊ะตาตัวน้อยลงถังขยะข้างโต๊ะทำงาน
'ทิ้งทำไม' ผมรีบคว้าแขนเรียวเอาไว้ก่อนที่อีกฝ่ายจะได้ทำอย่างที่ใจคิด ผมไม่ได้หวงของในมือเล็กหรอกครับ ผมแค่อยากแหย่เจ้าตัวแสบเฉยๆ
'ไม่ชอบ' แต่ผมชอบนะ หมายถึง ชิบเวลาที่ก้อนเมฆดูหวงผมแบบนี้
'น่ารักดีิออก' ผมว่ายิ้มๆ
'อะไรน่ารัก?' ดวงตาคู่กลมหรี่มิงผมอย่างไม่พอใจ
'ก็ของนี่ไง' จริงๆ ผมหมายถึงเขานั่นแหละ แต่ถ้าพูดไปก็ไม่ได้เห็นอารมณ์ฉุนเฉียวของอีกฝ่ายสิครับ ถ้าเป็นแบบนั้นผมคงไม่รู้หรอกว่าก้อนเมฆหวงผมมากขนาดไหน
'ไม่เห็นน่ารักเลย' เจ้าเด็กแสบจับตุ๊กตาในมือพลิกดูไปมาแล้วก็เบะปากเบ้หน้าออกอย่างไม่ชอบใจ
'น่ารักจะตาย' เห็นแบบนั้นแล้วก็ยิ่งอยากแกล้งมากขึ้นกว่าเดิม
'ไม่น่ารัก! เค้าน่ารักกว่าตั้งเยอะ!'โวยวายเสียงดังแล้วก็โยนตุ๊กตากระต่ายที่น่าสงสารนั่นลงถังขยะที่ว่างเปล่าไปหน้าตาเฉย
ร้ายใช่เล่นนะเจ้าเด็กคนนี้
'เค้า?' ผมทวนคำพูดของอีกฝ่ายอย่างงงๆ แต่ภายในใจนี่เต้นเสียงดังโครมกับคำแทนตัวน่ารักๆ นั่นแล้ว
'งื้อ~ ได้ยินเพื่อนผู้หญิงคนไทยในคลาสเรียกแทนตัวเองแบบนี้แล้วมันติด' พอรู้ว่าตัวเองหลุดพูดอะไรออกมาเจ้าก้อนสีขาวของผมก็ยกมือขึ้นปิดหน้าตัวเองส่งเสียงแง้วๆ ออกมาอย่างน่าเอ็นดู
'น่ารัก' ผมฉีดยิ้มกว้าจนปากแทบจะฉีกถึงรูหู น่ารักเก่าขนาดนี้ไม่เหนื่อยบ้างเหรอวะ?
'เพื่อนเค้าเหรอ?' พอได้ยินผมพูดแบบนั้นก้อนเมฆก็ชะงักนิ่งไปแวบหนึ่ง มือเล็กยกออกจากใบหน้าของตัวเองแล้วมองสบตากับผมนิ่ง
'เปล่า ก้อนเมฆ ผมติบตามที่คิดออกไป
'แฮ! ถ้าอย่างนั้นเค้าเอาอันนี้ไปทิ้งเนอะ',โยนทิ้งลงถังขยะไปแล้วยังจะมาชี้ถามอีก! เจ้าตัวแสบยิ้มเปล่ออกมาก่อนจะก้มไปหยิบตุ๊กตาที่น่าสงสารขึ้นมาอีกครั้ง แต่คราวนี้ดูเหมือนว่าคนใจร้ายจะเอามันไปโยนทิ้งนอกห้องนะครับ
'เสียดาย' ผมว่าเสียงอ่อย ตอนที่รับมาก็ตั้งใจว่าจะเอามาให้ก้อนเมฆนั้นแหละ ไม่ได้รับมาเพราะอยากได้หรือชิบพออะไรคนให้หรอก ก็เห็นมีนน่ารักเีก็เลยรับๆ มา
'แต่เค้าไม่ชอบ!' ดุจังโว้ย!
'เอาไปให้ลูกคนขับรถสิ' ถ้าจะทิ้งก็น่าเสียดาย ถึงมันจะไม่ได้ราคแพงอะไรมากนักแต่นั่นก็เงิน น่าเสียดายออกนะ
'จริงด้วย! น้องเพิ่งคลอดนี่' เจ้าก้อนสีขาวของผมตาโตเมื่อนึกขึ้นไป
'อืม เอาไปให้น้องเล่นก็ได้' โชคดีที่ถังขยะใบนี้ยังไม่เยได้ใช่ เพราะอย่างนั้นตุ๊กตาตัวนี้ก็ถือว่ายังสะอาดดีอยู่
เหตุการณ์ในครั้งนี้ทำให้ผมได้รู้ว่าเจ้าเด็กก้อนเมฆขี้หวงสุดๆ ไปเลย
'คลื่นน้ำ! คลื่นน้ำ! คลื่นน้ำ! คะ...' ก้อนเมฆในวัยสิบหกปีกระโดโลดเต้นไปมาบนเตียงที่มีผมนอนหลับอยู่ แต่ผมก็ไม่สามารถที่จะนอนหลับต่อไปได้เพราะถูกเจ้าเด็กแสบรบกวนเวลานอนตอนกลางวันไปเสียแล้ว
'เรียกอรกคำเดียวกัดลิ้นขาดเลยนะ' ผมสืมตาขึ้นจ้องหน้าคนที่ยังไม่ยอมหยุดกระโดดไปมาบนเตียง ค่อนข้างจะหงุดหงิดไม่น้อยที่ถูกบั่นป่วนขนาดนี้ แต่เพราะอีกฝ่ายคือก้อนเมฆ ผมเลยทำอะไรไม่ได้
'ไม่เรียกก็ได้' พอได้ยินผมพ฿ดออกไปอย่างนั้น เจ้าตัวดื้อก็เม้มปากแน่ลงมานั่งพับเพียบเรียบร้อยอย่างสงบเสงี่ยมบนเตียงทันที
เออ ให้มันได้อย่างนี้สิ ไอ้ตัวแสบ!
('เมื่อไหร่จะกลับ? กลับมาได้แล้ว') เสียงใสที่ดังมาตามสายทำให้ผมที่กำลังเหนื่อยล้าจากการทำงานส่งอาจารย์หายเหนื่อยขึ้นมาได้เป็นปลิดทิ้ง
'งานเสร็จก็กับแล้ว' เหลือบมองงานตรงหน้าแล้วก็มีกำลังใจที่จะทำขึ้นมาอีกครั้งเหลืออีกไม่เยอะแล้ว คาดว่าคืนนี้น่าจะเสร็จ
('แล้วงานจะเสร็จเมื่อไหร่') ก้อนเมฆในวัยสิบแปดปีเอ่ยถามผมเสียงอ่อย ผมพอจะนึกสีหน้าและท่าทางของคนปลายออกป่านนี้น่าจะกำลังนั่งกอดเข่าทำหน้าหงิยอยู่บนเตียงในห้องนอนของผมแน่ๆ
'คงเสร็จหรอกมีเด็กโทรมาป่วนทุกวันแบบนี้' ถึงจะแสร้งทำเป็นบ่นออกไป แต่จริงๆ ผมชอบมากเลยนะ แม้จะห่างกันมาร่วมหนึ่งอาทิตย์ได้แล้วแต่ิีกฝ่ายก็มันจะโทรมาหาอยู่ทุกวัน คำถามก็ซ้ำๆ เดิมๆ งานเสร็จหรือยัง? จะกลับเมื่อไหร่? หรือไม่ก็บอกให้รีบทำให้เสร็จเร็วๆ คำพูดที่ดูอ้อมโลกไปมาแต่รวมๆ แล้วก็คือคิดถึงนั่นแหละ
('กลับ! มา! ได้! แล้ว! อย่า! ให้! ต้อง! โม! โห! ') คำสั่งที่โคตรเอาแต่ใจดังมาตามสายพอสั่งจบก็กดวางสายไปเสียดื้อๆ ทิ้งให้ผมเคว่าอยู่เพียงตามลำพัง
'ไอ้ดื้มเอ๊ย! ' ทั้งที่ไม่ชอบให้ใครมาออกคำสั่งดูเหมือนว่าก้อนเมฆจะคือข้อยกเว้นเพียงหนึ่งเดียวของผม ปากที่พยายามจะเม้มแน่นก็ฉีดออกกว้าง เป็นแบบนี้งานคงต้องเสร็จภายในคืนนี้แล้วล่ะ
และก็เป็นอย่างที่คิด ผมทำงานเสร็จภายในคืนนั้น อยากจะนอนแผ่ให้มันรู้แล้วรู้รอด แต่ก็คิดได้ว่ามีบางสิ่งที่อยากจะทำก่ินนอน เฮี้ยวตัวไปหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเปิดดู ตีสามกว่าแล้ว เจ้าก้อนของผมคงหลับไปแล้วส่งข้อความไปบอกว่าพรุ่งนี้จะไปรับหลังเลิกเรียนแล้วก็ปล่อยให้ตัวเองนอนหลับไปทั้งอย่างนั้นด้วยความเหนื่อยล้า
KKonMekh
วันนี้เลิกเร็ว ไปรอที่ห้างนะ 14:32
KKhlunNam
14:49 โอเค
ผมมองข้อความล่าสุดที่เพิ่งคุยกับเจ้าเด็กแสบไปเมื่อราวๆ หนึ่งชั่วโมงก่อน ข้อดีของโรงเรียนนานาชาติคือจะไม่เรียนหนักเหมือนโรงเรียนรัฐบาล เวลาเลิกเรียนจึงไม่เย็นมากนัก บางวันบ่ายๆ ก็เลิกเรียนแล้วเพื่อให้เด็กนักเรียนได้มีเวลาว่างในการทำกิจกรรมนอกห้องเรียน รวมไปถึงการเน้นที่จะลงมือปฏิบัติจริงมากกว่าการนั่งท่องตพราหรือเรียนแต่ในหนังสือ ก้อนเมฆเรียนโรงเรียนนี้มาตลอดตั้งแต่หกขวบจนตินนี้ก็แีสุดท้ายแล้ว น้องชิบโรงเรียนนี้มาก ต่างจากผมที่ตินแระถมถึงมัธยมต้นเรียนโรงเรียนเอกชน แต่พอเข้ามัธยมปลายก็ไปสิบเข้าโรงเรียนรัฐบาลที่เป็นอันดับๆ ของประเทศเพราะิยากจะทดสอบวัดระดับความรู้ความสามารถของตัวเองแล้วก็กลองเปลี่ยนบรรยากาศในการเรียนดูบ้าง ซึ่งมันก็ไม่ได้แย่ แต่ก็ไม่ได้ดีเท่าไหร่ควร ส่วนปัจจุบันตินนี้ผมก็ิยู่มหา'ลัยปีสิงแล้ว ผมยังคงอยู่บ้านไม่ได้ย้ายไปอยู่หอกรืออยู่คอนโดเหมือนพวกเพื่อนๆ
ชีวิตของผมพอเลิกเรียนก็มักจะตรงกลับบ้านทันที เพราะมีอีกหนึ่งผมต้องคอยไปรับจากที่โรงเรียน แต่หนึ่งอาทิตย์ที่ผ่านมานี้ผมจำเป็นที่จะต้องไปค้างที่คินโดเพาระมีงานที่ต้องทำส่ง ผมไม่สะดวกที่ให้เพื่อนมานั่งทำงานกันที่บ้าน ผม้ลยต้องค้างที่คินโดและให้เพื่อนๆ ไปทำงานที่นั่นกัน แม้มันจะเป็นงานเดี่ยวแต่การนั่งจับกลุ่มทำด้วยกันก็ถือเป็นเรื่องที่ดี ใครเสร็จก่อนก็ช่วยเพื่อนต่อ มีแต่เมื่อคืนแหละครับที่แยกย้ายกับทำก้องใครห้องมัน พอมาวันนี้ผมก็ไปเรียนตามปกติแล้วก็มารอรับเด็กแสบที่ห้างตามที่ใครอีกคนได้บอกเอาไว้
เดินเข้ามาในห้างพลางกวาดสายตามิงไปริบๆ มือก็เตรียมจะกดฌทรหาอีกฝ่ายไปด้วย แต่อล้วสายตาก็ไปสะดุดเข้ากับร่างผิมบางที่คุ้นตากำลังยืนคุยกับใครบางคนที่ผมไม่รู้จักอยู่
"ขอไลน์เหรอ? เอาเบอร์ไปเลยก็ได้ เราใจดี เราชื่อก้อนเมฆ' เสียงทุ้มหวานที่ผมรู้จักดีขึ้นมาจากร่างเพรียวบางของเด็กวัยมัธยมปลาย คิ้วผมกระตุกยิกๆ ทันทีที่ได้ยินอย่างนั้น แต่เพราะอยากจะรอดูไปก่อนเลยขยับเดินเข้าไปใกล้อีกนิดแล้วยกมือขึ้นกอดอกยืนดูเหตุการณ์ตรงหน้าต่อไป
'ขอบคุณนะ เราชื่อน้ำหนาว" สาวน้อยใสในชุดนักเรียนมัธยมปลายชื่อดังวาดยิ้มกว้างขึ้นเต็มใบหน้าดงาน ใช่ เธอสวย แต่นั่นไม่ใช่ประเด็นหลักในเรื่องนี้
'เอาเลขห้องด้วยเปล่า? มานั่งเล่นได้นะห้องกว้างแอร์เย็นแถมฟรีไวไฟ" ไม่มีหรอกหวงตัว มีแต่เสนอตัวให้เขา ไม่รู้ว่าตกลงใครเป็นคนเข้าไปจีบใครกันแน่ แต่เห็นแบบนั้นแล้วโคตรน่าหงุดหงิดเลย
"ถ้ายังไม่เลิกกระรี้จะตี้ให้ตายคามือเลยนะ" สุดท้ายก็เป็นผมเองที่ืนดูต่อไปไม่ได้ต้องเดินออกไปขัดทสนทนาของทั้งสองคน
"Shit!" คนถูกขัดกันมามองหน้าผมด้วยความตกใจพร้อมกับคำสบถที่ไม่น่ารัก
"เวลาเจอหน้ากันแบบนี้เหรอ" ผมตวัดสายตามิงใบหน้าขาวเนียนที่เริ่มชีดลงเรื่อยๆ ิย่างไม่สบอารมณ์
วันนี้มีเคลียร์กันยาวแน่
"เอ่อ แหะๆ ขอโทษครับ" ตากลมกลอกมิงไปมาเลิ่กลั่กก่อนจะหยุดลงแล่วจบตรงที่หัวเราะอห้งๆ พร้อมจ้องหน้าผมตาแป๋วทำหน้าชื่อตาใสใส่เหมือนก่อนหน้านี้ไม่ได้ทำเรื่องอะไรที่ผิด
"งับที่กน้าสิ!" ผมสวนกลับเสียงอข็ง
คิดว่าน่ารักมากเหรอวะ"
เออ ด็น่ารักไง แต่นี่ไม่ใช่เวลา ตินนี้คือหัวร้ินมาก มาทำตัวน่ารักยังไงก็เอาไม่ิยู่ว่ะใจเย็นไม่พอ
"อุ้ย" คนตัวเล็กกว่าสะดุ้ง้บาๆ ก่อนจะหัวเราะแก้เก้ออดมาเมื่อรู้ว่าครั้งนี้ผมไม่ใจอ่อนเหมืินที่ผ่านมา
"เอ่อ สวัสดีค่ะ เป็นพี่ชายของก้อนเมฆเหรอคะ?" หญิงสาวเพียงหนึ่งเดียวเอ่ยทักผมขึ้นมาเพื่อให้ตัวเองได้ตัวตนในวงสนทนาด้วย
"อืม พี่" ผมตอบรับกลับไปโดยที่สายตายังคงจับจ้องอยู่ทีใบหน้าเรียวได้รูปสวยไม่วางตา ก้อนเมฆที่ถูกผมจ้องมากๆ เข้าก็เริ่มอยู่ไม่สุข ข้างขมับขาวมีเม็ดเหงื่อซึงออกมาให้ได้เห็น มือไม้ก็เริ่มอยู่ไม่นิ่ง
"สะ..." น้องที่ชื่อน้ำหวานอะไรสักอย่างทำท่าจะยกมือขึ้นไหว้ผม
"ที่พี่ไม่ได้แปลว่าพี่" แต่ผมก็พูดขัดขึ้นมาเสียก่อน
"คะ?" เธอมองหน้าผมอย่างงงๆ เหมือนอยากจะถามต่อว่าผมหมายถึงอะไร
"ไม่ได้แปลว่าพี่แล้วแปลว่าอะไร? แปลว่าพ่อเหรอ?" ปากดีไปเถอะ เดี๋ยวจะได้ร้องไม่ออก
"เปล่า แปลว่าผัว" ก็ให้มันรู้กันไปว่าใครจะแน่กว่ากัน
"หญิงสาวเพียงหนึ่งเดียวร้องเสียงหลงด้วยความตกใจ ใบหน้าสวยมีิาการตกใจถึงขึ้นช็อกเล็กน้อย ไม่ต่างจากใครอีกคนที่ผมยืนมองหน้าอยู่ ก้อนเมฆถึงกับตาโตอ้าปากค้างกับสิ่งที่ผมพูดออกไป
"เฮ้ย! ยังไม่ได้เป็นโว้ย! ไอ้บ้า!" พอตั้งสติได้ก็ร้องโวยวายออกมาทั้งที่หน้าแดงหูแดงไปหมด ก็ไม่รู้ว่าโกรธหรือเขินกันแน่ แต่เรื่ิงนั้นเอาไว้ก่อน ผมมีเรื่องที่สำคัญว่าต้องจัดการ
"กลับบ้าน! เดี๋ยวทำให้เป็นวันนี้เลย! "ไม่รอให้อีกฝ่ายำด้ร้องโวยวายหรือขัเขืน ผมรีบลากแขนเรียวเล็กออกมาอย่างรวดเร็ว ไม่สนใจด้วยสาวน้อยคนนั้นจะคิดยังไง เพราะยังไงเราก็คงไม่มีโอกาสได้เจอกันอีกเป็นครั้งที่สองหรอก หรือต่อให้เจอกันเพราะความบังเอิญแล้วยังไง? เธอจะกล้าเข้ามายุ่งกับคนของคนอื่นหรือไงกัน
***ดาวน์โหลด NovelToon เพื่อเพลิดเพลินไปกับประสบการณ์การอ่านที่ดียิ่งขึ้น!***
อัพเดทถึงตอนที่ 4
Comments