WHTE & BLUE ก้อนเมฆของคลื่นน้ำ {YAOT}

WHTE & BLUE ก้อนเมฆของคลื่นน้ำ {YAOT}

บทที่ 1WHTTE & BLUE การพอเจอ

การพบเจอ

คลื่นน้ำ

------------------------------------------------

ผมเคยตั้งคำถามกับตัวเองว่า..บนโลกนี้มีรักแท้จริงหรือ?

ผมเคยคิดว่า..คนเราจะสามารถตกหลุมรักคนๆเดิมช้ำแล้วช้ำเล่าได้จริงๆ น่ะเหรอ?

เรา...จะสามารถคนหนึ่งได้แบบเป็นบ้าเป็นหลังเลยหรือไง?

แล้วความรัก..คืออะไร?

ผมไม่เคยเข้าใจหลิ่งเหล่านั้น ผมที่เกิดมาก็เจอเพียงแม่ที่เลี้ยงผมมาตามลำพัง ไม่เคยรู้ว่าพ่อของตัวเองเป็นใคร ผมไม่เคยเชื่อในเรื่ิองของความรัก จริงๆเรียกว่าไม่เคยศรัทธามันเลยจะดีกว่า การที่ไม่เคยที่เจอหน้าพ่อทำให้ผมเข้าใจมาตลอดว่าพ่อทิ้งผมกับแม่ไป ผมเลยไม่เคยเชื่อในความรักเลยแม้แต่น้อย ไม่คิดด้วยซ้ำว่าในชีวิตจะรักใครได้ กับแม่ตัวเองยังไม่ค่อยจะรู้สึกได้ถึงความรักสักเท่าไหร่เลย เราเหมือนคนที่อยู่กันเพราะสถานะ เพราะความจำเป็น แต่ถ้าพูดถึงความรักหรือความผูกพัน มันดูจืดชืดและไร้ความรู้สึก

ใช่ ผมไม่รู้ด้วยซ้ำว่าแม่ที่เลื้ยงผมมามานั้นรักผมบ้างหรือเปล่า?

ด้วยความเป็นเด็กผมเคยถามหาพ่อ แต่แม่ก็ไม่ตอบ ผมจึงเลิกคิดเรื่องนั้นไป จนกระทั่งวันหนึ่งที่แม่เดินเข้ามาบอกกับผมว่าจะพาไปหาพ่อ แล้ววันต่อมาผมก็มายืนอยู่ที่หน้าคฤหาสน์หลังใหญ่แห่งหนึ่ง สถานที่ที่ผมคิดว่าทั้งชีวิตนี้ก็คงไม่มีปัญญาได้เข้ามาเหยียบแน่ๆ บ้านที่ใหญ่โตและหรูหรา ให้ทำงานทั้งชีวิตคงยังซื้อแม้แต่เสาบ้านไม่ได้เลยด้วยซ้ำ ผมยืนต่อหน้าครอบครัวครอบครัวหนึ่งที่มีพ่อแม่ลูกอยู่กันพร้อมหน้าลูกชายของเขาโตว่าผมอยู่หลายปี รูปร่างหน้าตาที่ดูดีมากจนเด็กผู้ชายอย่างผมยังอดชื่นชมไม่ได้ ผมในตอนนั้นไงไม่เข้าใจอะไรเลย ไม่เข้าใจว่าแม่กำลังทำอะไรอยู่ ไม่เข้าใจว่าแม่พาผมมาที่นี่ทำไมแล้วต้องการอะไรกันแน่ผมกับแม่ถูกเชิญให้ไปนั่งในห้องรับเเขกที่กว้างขวางมันใหญ่กว่าห้องนอนของผมกับแม่ต่อกัน 4-5 ห้องเสียอีก ผมให้วัยย่างแปดปีนั่งมองผู้ใหญ่พูเคุยกันอย่างตั้งใจ แต่ผมกลับไปไม่เข้าใจอะไรเลยแม้แต่น้อย

'มีธุระอะไร? ผู้ชายวัยกลางคนที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามกับผมเอ่ยถามขึ้นด้วยน้ำเสียงที่เรียบนิ่ง แต่ผมกลับรู้สึกว่าเขานั้นดูมีอพนาจและน่าเกรงขาม ใช่ไหมนะ? เขาเรียกกันแบบนี้หรือเปล่าผมเองก็ไม่แน่ใจ แต่เอาเป็นว่าผมกลัวคุณลุงคนนี้

'ฉันขอำม่พูเเยอะนะคะ ขอเข้าเรื่องเลย' แม่หันมามองหน้าผมแวบหนึ่งก่อนจะทันไปสบตากับคุณลุงคนนั้น

'เชิญ' ข้างๆ ของคุณลุงมีคุณป้าที่นอกจากผมสวยมากๆ แล้วยังดูท่าทาทางใจดีอีกด้วย ตั้งแต่เข้าบ้านมาไม่มีใครเลยที่จะสนใจผม ทั้งคุณลงที่น่ากลัว พี่ชายหน้านิ่งคนนั้นก็เอาแต่มองมาที่ผมด้วยหน้าตาที่ดูไม่เป็นมิตรคงมีแต่คุณป้าคนสวยที่หันมายิ้มให้ผมอย่างใจดี

'เด็กคนนี้ชื่อคลื่นน้ำเขาเป็นลูกของฉันกับคุณภาดล' ผมที่กำลังลอบมองใบหน้าหยิ่งๆ ของพี่ชายหน้านิ่งคนนั้นอยู่ก็สะดุ้งตกใจเบาๆ เมื่อไหร่ยินแม่เอ่ยถึงชื่อของผมออกไป ผมไม่ได้ห้าว่าแม่พูดอะไรรู้แค่ว่ามีชื่อของตัวเองิยู่ในประโยคเมื่อครู่เพียงเท่านั้น เจ้าของบ้านทั้งสามหันมามองหน้าผมด้วยความตกใจปนแปลกใจ ผมมองพวกเขาตอบกลับไปอย่างไม่เข้าใจ แต่แล้วก็ต้องหลบสายตาเมื่ิอเปลอไปสบตากับพี่ชายหน้านิ่งเข้า

เขาดูไม่เป็นมิตรดกับผมเอาเสียเลย หรือบางทีเขาอาจจะไม่ชอบก็ได้

'แน่ใจเหรอ? ลัลลดา? ครั้งนี้ผมหันไปมองหน้าแม่ด้วยความสงสัยเมื่อได้ยืนคุณลุงเรียกชื่อของแม่ออกมาจนถึงตอนนี้ก็ยังไม่ใจอยู่ดีว่าเรามาทำอะไรกันที่นี่?

'พูดอบบนั้นหมายความว่ายังไงคะ?' แม่ของผมมีสีหน้าที่โกรธจัดเขึ้นมาทีที่คุณลุงพูดจบ

'ฉันจะเชื่อเธอได้ยังไง? เธอเล่นหายไปตั้งหลายปีแล้วก็กลับมาพร้อมกับเด็กคนนี้ มาอ้างว่าเป็นลูกของฉัน ซึ่งความจริงจะใช่หรือเปล่าก็ไม่รู้' สิ่งที่ผมได้ยินผ่านหูเข้ามานั้นทำผมนิ่งไปพักใหญ่พร้อมกับเริ่มคิดพิจารณาถึงสิ่งที่ผู้พูดคุยกัน แน่นอนว่ามันต้องเกี่ยวกับผมเพราะชื่อของผมถูกเอ่ยขึ้นมาในบทสนทนานี้

แต่ที่ผมไม่เข้าใจก็คืิอ ผมมีพ่อจริงๆ น่ะเหรอ?

'มันไม่ดูกันเกินไปหน่อยเหรอคะ? แม่ว่ากลับเสียงแข็ง ท่าทางที่ดูก็รู้ว่าไม่พอใจแสดงออกมาอย่างเห็นได้ชัด ผมเห็นท่าทางแบบนี้ของแม่บ่อยๆ เวลาที่ผมทำอะไรไม่ถูกใจแม่ แม่ก็จะมองผมด้วยตาดุๆ และพูดเสียงแข็งๆ ใส่เสมอ

'ถ้าอย่างนั้นคุณหายไปไหนมาตั้งหลายปี?' พี่ชายที่ผมคิดว่าเขาพูดไม่ได้เอ่ยถามแม่ของผมขึ้นมาบ้าง แม้ท่าทางจะไม่ได้เปลี่ยนไปจากเดิม แต่ผมกลับรู้สึกว่าพี่เขาดูน่ากลัวขึ้นกว่าเดิมมาก

เขาอาจจะไม่ชอบแม่ของผม และรวมถึงตัวผมด้วย

'คุณท้องฟ้า ฉันก็มีเหตุผลของฉันเหมือนกันนะคะ' แม่ชะงักไปนิดก่อนจะเชิดหน้าขึ้นแล้วตอบกลับ พี่ผู้ชายที่แม่เรียกว่าคุณท้องฟ้าไม่ได้พูดอะไรต่อแต่เขาก็ยังคงจ้องหน้าแม่ไม่วางตา บางทีเขาอาจจะไม่ได้แค่ไม่ชอบแม่ของผม แต่อาจจะเข้าขึ้นเกลียดเลยก็ได้ ความรู้สึกของเขามันดูชัเเจนมาก แต่ผมก็ยังไม่เข้าใจอยู่ดีว่าทำไมเขาถึงดูเกลียดแม่ของผมนัก

'ต้องการอะไร? เงินเหรอ?' คุณลุงที่แม่เรียกว่าคุณนภาดลถามขึ้นเสียงดุอีกครั้ง

'ฉันต้องการให้คุณรับเลี้ยงเด็กคนนี้'ิจบประโยคนั้นก็คล้ายกับว่ามีอะไรหนักๆ มาทุบที่หัวของผมราวกับว่ามีมือที่มองไม่เห็นยื่นเข้ามาบีบหัวใจดวงเล็กๆที่อยู่ในอกจนมันเจ็บแปลบไปหมด และถึงแม้ว่าจะเด็กยังไงแต่ผมก็เข้าใจในความหมายของสิ่งที่แม่พูดได้เป็นอย่างดี

'หมายความว่ายังไง?' หลังจากที่ได้ยินแม่พูดอย่างนั้นออกไปผมก็ไม่รู้แล้วว่าใครพูดอะไรต่อ

'เซ็นรับรองบุตรรับเด็กคนนี้ไปเลี้ยงแทนฉัน'เสียงของแม่ดังขึ้นอีกครั้ง แต่สติผมกลับไม่อยู่กับตัวอีกต่อไป

'เธอจะไม่เลี้ยงลูกตัวเองเหรอ?' เสียงหวานๆ ของผู้หญิงอีกครั้งที่นั่งในห้องรับแขกนี้ดังจัดขึ้น ต่อให้ไม่อยากได้ยินหรือไม่อยากรับรู้ยังไง สุดท้ายผมก็ได้ยินมันอยู่ดี

'อย่างที่คุณเข่าใจแหละค่ะคุณนภัส แต่ฉันมีเหตุจพเป็น' คำตอบของแม่ไม่ได้ทำให้ผมรู้สึกดีขึ้นเลย ไม่เลยสักนิด เราไม่เคยคุยเรื่องกนี้มาก่อน ผมไม่รู้เลยว่าทำไมเรื่องราวระหว่างผมกับแม่ถึงได้เป็นอย่างนี้ มันแย่มากเลยล่ะ

'แล้วถ้าเด็กคนนี้ไม่ใช้ถูกของฉันล่ะ? ฉันยังไม่รู้เลยว่าเธอพูดความจริงหรือเปล่า?' ผมไม่รู้ว่าตัวเองกำลังรู้สึกหรือคิดอะไรอยู่ ระหว่างภาวนาขอให้ตัวเองมีพ่อหรือขอให้ตัวเองไม่ใช่ลูกของคุณนภาดคนนี้ ผมควรภาวนาขอให้มันเป็นแบบไหนดี ถ้าแม่รำคาญที่ผมถามเรื่องพ่อมากไป ต่อไปผมจะไม่เซ้าซี้แล้วก็ได้ แต่ขออย่าผลักไสผมให้ไปอยู่กับคนอื่นแบบนี้เลย ถึงจะส้มผสัไม่ได้ถึงคามรักของแม่ที่มีต่อผม แต่ถ้าต้องไปอยู่กับคนแปลกหน้า ผมก็ขออยู่กับแม่ต่อไปดีกว่า

'ฉันยินดีให้พวกคุณตรวจ DNA' ท่าทางที่มั่นใจขิงแม่ไม่ได้ช่วยให้ผมรู้สึกดีขึ้นอย่างที่ควรจะเป็น มันไม่ได้ทำให้ผมรู้สึกเีใจที่จะมีพ่อ กลับกันมันรู้สึกแย่จนพูดไม่ออก จุดจนแน่นอดไปหมดแล้ว

'เดี๋ยวก่อนสิครับ เราจัมาพูดเรื่ิงแบบนี้กันต่อหน้าเด็กจรืงๆ เกริครับ?' ผมที่นั่งก้มหน้าเพื่อสะกดกลั้นความรู้สึกที่ไม่เีเอาไว้จพต้ิง้งยหน้าขึ้นเมื่อได้ยินเสียงทุ้มนุ่มสบายหูของใครบางคนเข้า และเมื่อเงยหน้าขึ้นไปมองทางต้นเสียง ผมก็เจอกับผู้ชายคนหนึ่งที่ฌตกว่าผหลายปี เขายืนอยู่ที่หน้าประตูห้องรับแขก รูปร่างที่สูงโปร่งใบหน้าหล่อที่ดูใจดีเป็นจุดที่ดึงสายตาของผมได้เป็นอย่างดี

'เธอเป็นใคร?' แม่วัดสายตาไปมองพี่ชายคนนั้นด้วยความไม่พอใจเมื่อเห็นว่าพี่เขากำลังเดินเข้ามาใกล้พวกเรา

'มันไม่สำคัญหรอครับ แต่ถ้าคุณว่าอะไร ผมขอพาคลื่นน้ำออกไปรอข้างนอกนะครับ' พี่ชายที่หน้าตาใจดีคนนั้นหันไปมองสบตากับแม่ของผมนิ่งๆก่อนจะหันมามองผม สีหน้าที่ดูเป็นห่วงของเขาทำเอาผมแปลกใจ เพราะไม่เคยได้รับความรู้สึกแบบนี้จากใครก่อนไม่ว่าจะแม่ หรือเพื่อนที่โรงเรียน ก็ผมมันตัวคนเดียวนี่ เพื่อนเพิ้นอะไรไม่มีหรอก

'เอาสิ' แม่ตอบออกไปโดยที่ไม่ได้ถามความเห็นขิงผมเลยแม้แต่น้อย

'คลื่นน้ำครับ ออกไปเล่นกับพี่ข้างก่อนนะครับ' พี่ชายท่าทางใจดีนั่งยองๆ ลงข้างหน้าของผมพร้อมยื่นมือมาให้จับ น้ำเสียงทุ้มนุ่มที่ฟังแล้วรู้สึกอบอุ่นทำเอาผมเผลอใจเต้นแรง เกิดมายังไม่เคยเจอใครที่แคร์ผมมากผมขนาดนี้เลย แม้ใจของผมจะกระโดดลอยไปหาพี่เขาแล้วแต่ร่างกายของผมก็ไม่ได้ทำอย่างนั้น อาจเพราะกลัวแม้จะต่อว่าเลยต้องหันไปขอถามความคิดเห็นของแม่อีกรอบ

'ไปสิคลื่นน้ำ'

'ครับ'

และเมื่อแม่บอกออกมาแบบนั้นผมก็ไม่รอช้าที่จะยื่นมือออกไปผัสกับฝ่ามือที่รอคอยผมอยู่ หัวใจของผมเต้นแรงมากขึ้นกว่าเดิมหลังจากที่ได้เห็นรอยยิ้มสวยๆ บนใบหน้าของคนตรงหน้า ผมไม่แน่ใจว่าคนที่กน้าตาดีจะมีริยยี้มที่น่ามิงแบบนี้ทุกคนหรือเปล่าก่ินจะเดินออกจากห้องผมเผลอไปสบตาเข้ากับคุณท้องฟ้าอีกครั้งอย่างไม่ได้ตั้งใจ เขากำลังเพียงแค่มองมาที่ผมแต่ผมก็ไม่พูดอะไร จนผมเดินออกจากห้องนั่งเล่นไป

แล้วผมก็เพิ่งมาคิดได้ว่าคนหน้านิ่งๆ อย่างคุณท้องฟ้ายิ้มขึ้นมามันจะเป็นยังไงนะ?

'คลื่นน้ำเล่นของเล่นพวกนี้ไปก่อนได้ไหมครับ? พี่ต้องไปดูน้อง น้องหลับอยู่อีกห้องหนึ่ง' ผมถูกพาเดินออกมายังอีกห้องหนึ่งที่มีโซฟาและทีวีจอใหญ่ ก่อนหน้านี้พี่เขาบอกว่าจะพาไปนั่งรอที่ห้องนั่งเล่น ผมก็ได้แต่สงสัยว่าคนรวยมีห้องนั่งเล่น ผมก็ได้แต่สงสัยว่าคนรวยมีห้องใหญ่ๆ แบบนี้กี่ห้องในบ้านกันแน่?

'น้อง?' ผมไม่ได้สนใจหุ่นยนต์ที่อยู่ตรงหน้าเลยแม้แต่น้อย ถึงผมจะไม่มีของเล่นแบบนี้ และเคยอยากได้มันมากแค่ไหนแต่ในตอนนี้ผมกลับมีอย่างอื่นที่ให้ความสนใจมากกว่า

'ครับ น้อง อยากไปหาน้องกับพี่ทะเลไหมครับ?อีกฝ่ายเอ่ยชวนอย่างใจดีอีกแล้ว

'พี่ชื่อทะเลเหรอ?' ผมเอียงคอมเองหน้าพี่เขาอย่างสงสัย เป็นที่ชื่อที่แปลกแต่ก็เพราะมากๆ เลย

'ใช่ครับ พี่ชื่อทะเล' ตอบกลับด้วยเสียงนุ่มๆ แถมยังยิ้มหนาวให้อีก

'เหมือนกันเลย' ผมพึมพำกับตัวเองเบาๆ เมื่อนึกได้ว่าชื่อของเรามันมีส่วนที่เหมือนกัน

'ครับ? อ๋อ ชื่อเราสองคนใช่ไหม? ทะเลกลับคลื่นน้ำเข้ากันมากเลยเยอะ?' พี่ทะเลมองผมงงๆ ก่อนจะวาดยิ้มกว้างออกมาแล้วพยักหน้าอย่างเห็นด้วย

'ครับ' ผมขานรับพลางทวนชื่อของตัวเองกับอีกฝ่ายในใจ

'เอ? แล้วอย่างนี้ชื่อจริงก็หมายถึงน้ำด้วยหรือเปล่า? ของพี่ชื่อชลธี แปลว่า ทะเล แล้วเราล่ะ?' มือที่กำลังเก็บของเล่นที่เกลื่อนกลาดหยุดชะงักลงก่อนที่ใบหน้าใจดีจะหันมามองผมด้วยความสงสัย

'ชโลทร แปลว่า แม่น้ำ ทะเล ห้องน้ำ ท้องน้ำครับ'ผมตอบออกไปตามที่ตัวเองรู้ ผมชอบชื่อของตัวเองมาก ไม่ว่าจะชื่อจริงหรือชื่อเล่น มันดูแตกต่างไม่เหมือนใคร ชื่อจริงของผมเพราะและความหมายดีส่วนชื่อเล่นก็เท้สุดๆ ไปเลย

แต่ใครจะรู้ว่าแท้จริงแล้วแม่คิดอะไรอยู่ในตอนที่ตั้งชื่อของผม มันอาจมีอะไรที่มากว่าเพียงชื่อเพราะและความหมายดีก็ได้

'ว้าว บังเอิญจังเลย' เป็นอีกครั้งที่ผมเห็นพี่ทะเลยิ้มกว้าง ผมทองรอยยิ้มนั้นเพลินตาไปเลย ได้แต่คิดว่าคนๆ นี้เหมาะกับรอยยิ้มจริงๆ นั่นแหละ แต่ว่าพอเห็นพี่ทะเลยิ้มแล้วก็อดคิดไปถึงใครอีกคนไม่ได้

'พี่คนนั้...' ผมเอ่ยขึ้นเพียงเท่านั้นแล้วก็เงียบไปเพราะไม่รู้ว่าควรจะถามออกไปดีไหม

'หมายถึงท้องฟ้าน่ะเหรอ?' แต่เหมือนว่าอีกฝ่ายจะพอเดาได้ว่ากำลังจะพูดถึงใคร

'ครับ' ผมพยักหน้ารับเบาๆ

'ฮ่า ถ้าเป็นพี่น้องกันจริงๆ ทำไมชื่อถึงได้ดูแตกต่างกันและห่างไกลกันจังนะ?' เสียงพำแผ่วเบาจากคนที่อยู่ด้วยกันดังลอยมาให้ผมได้ยิน ผมอดติดตามคำพูดของอีกฝ่ายไม่ได้ ถ้าผมคือลูกของคุณนภาดล นั่นเท่ากับว่าผมคือน้องของคุณท้องฟ้า ในเมื่อแม่ก็รู้อยู่แล้วแต่ทำไมถึงได้ตั้งชื่อของผมได้ห่างไกลและดูตรงข้ามกับพี่ชายนัก

'พี่ครับ' พี่ทะเลที่เหม่อลอยไปก่อนหน้านี้หันกลับมามองผมอีกคั้ง

'พี่บอกว่าจะพาไปหาน้อง' ผมดึงความสนใจของตัวเองและอีกฝ่ายกลับไปยังเรื่องก่อนหน้าที่คุยกันค้างเอาไว้ เพราะเป็นลูกคนเดียว และไม่เคยมีเพื่อน ผมถึงได้ตื่นเต้นนักหากจะได้พบเจอใครสักคน แม้อีกฝ่ายจะเป็นคนแปลกหน้า แต่เพราะว่าเป็นคนแปลกหน้านี่แหละมันก็ถึงได้น่าสนใจและตื่นเต้น

'อ่าใช่ ลืมเลย ไปกัน' พี่ชายใจดีหัวเราะแก้มเก้อหลังจากที่ตัวเองเผลลากผมออกนอกเรื่องไปไกลจนลืมใครอีกคนที่หลับอยู่อีกห้อง ผมเดินตามพี่ทะเลออกมาจากห้องนั่งเล่นแล้วเดินเข้าไปทางด้านในของตัวบ้านอีกพี่ทะเลหันมาบอกกับผมว่าห้องที่เราจะไปกันเป็นห้องดูหนังของบ้าน ก่อนหน้านี้น้องดูการ์ตูนแล้วก็กินนมก่อนจะเผลอหลับไปทั้งที่ยังดูการตูนไม่จบเรื่อง ประตูบานใหญ่ถูกเป็นออกโดยฝีมือของคนที่อายุมากกว่าหลายปีพี่ทะเลเดินนำเข้าไปยังข้างใน ไอเย็นจากเครื่องปรับอากาศทำเอาผมเผลอยกมือขึ้นลูบแขนตัวเองเพราะความหนาวเย็น แอบคิดในใจว่านี่มันไม่เย็นเกินไปเหรอ?

'น้องหลับอยู่' แต่เมื่อเห็นร่างเล็กๆ ที่นอนหลับสบายอยู่บนเบาะสี่เหลี่ยมที่ฟื้นกลางห้องก็เข้าใจได้ทันทีว่าคนที่หลับอยู่คงชอบที่เย็นๆ แบบนี้

'ครับ' น้องเพิ่งนอนไปกว่าจะตื่นก็คงบ่อยๆ น่าเสียดายไม่อย่างนั้นคงได้เล่นกัน' ใบหน้าใจดียื่นไปกดจูบที่หน้าผากเล็กหนึ่งทีก่อนจะผละออกมามองผมพร้อมยกมือขึ้นลูบหัวอย่างอ่อนโยน หัวใจของผมเต้นแรงอีกครั้งกับสัมผัสแปลกใหม่ของคนที่เพิ่งได้พบเจอกัน เพียงเวลาแค่ไม่นานที่ได้รู้จัดกันคนๆ นี้ทำให้ผมรู้สึกอุ่นใจและสนิทใจที่จะอยู่กับเขาได้อย่างน่าประหลาด ทั้งที่ผมเป็นคนที่เข้ากับคนอื่นยาก และไม่เคยไว้ใจใครเลย แต่พี่ทะเลกลับทำให้ผมต้องเปลี่ยนความคิดเหล่านั้นไป

'น้องชื่ออะไรครับ?' ผมหันกลับมาให้ความสนใจกับร่างเล็กๆ ที่นอนหลับตาพรี้มอย่างสบายใจโดยไม่ได้รู้้ลยว่าตัวเองกำลังตกเป็นเป้าสายตาและแระเด็กในบทสนทนาระหว่างผมกับพี่ชายใจดี ใบหน้ากลมที่มีแก้มน่าบีบ จมูกโด่งเล็กๆ ปากบางเป็นรูปกระจับ ผมสีดำที่เป็นทรงกน้าม้า ผิวขาวเหมือนไม่เคยได้โดนแดดทุกอย่างที่เป็นเด็กคนนี้มันดูเหมาะไปหมด

น่ารัก

คงเป็นคนเดียวพี่จะนิยามให้กับคนตัวเล็กตรงหน้าผมได้

'ก้อนเมฆครับ' เสียงทุ้มรุ่นที่เอ่ยตอบกลับมายิ่งทำให้ผมตื่นเต้นขึ้นมากกว่าเดิม

'น้องก้อนเมฆ' เป็นชื่อที่เหมาะกับอีกฝ่ายมากๆเลย ตัวกลมๆ เป็นก้อนสีขาว ไม่ว่าจะมองมุมไหนก็ดูน่ารักไปหมด หันใจของผมเริ่มเต้นแรงขึ้นเรื่อยๆ ในตอนที่มองไปยังใบหน้ากลมของคนที่หลับอยู่

'ถ้าได้อยู่ด้วยกันจริงๆ ก็ต้องสนิทกันนะครับ'หันใจของผมอุ่นวาบยามที่ฝ่ามืออุ่นลูบลงมาที่หัวของผม แต่แล้วมันก็วูบโกหวังขึ้นมาในตอนที่ได้ยินคำบอกเล่านั้น

'ทำไมถึงจะไม่ได้อยู่ด้วยล่ะครับ?' ผมล่ะสายตาขึ้นมองสบตากันคนโตกว่า ที่พี่ทะเลพูดมันหมายความว่ายังไง? ผมจะต้องมาอยู่ที่นี่อย่างที่แม่คุยกับคุณนภาดลจริงๆ เหรอ?

'คลื่นน้ำ กลับได้แล้ว' แต่ยังไงทันทีผมหรือพี่ทะเลจะได้คุยอะไรกันต่อ เสียงแม่ก็ดังมาจากทางหน้าประตูห้อง

'ครับ' ผมมองหน้าแม่ก่อนจะหันกลับมามองคนที่ยังกลับไม่ตื่นอย่างชั่งใจ ผมอยากอยู่ต่อ แต่คงเป็นไปไม่ได้ สุดท้ายผมจำต้องขึ้นยืนแล้วเดินออกไปหาแม่

'บ๊ายบายนะคลื่นน้ำ' พี่ทะเลที่เดินมาส่งยกมือขึ้นโบกไปมาพร้อมด้วยรอยยิ้มสดใสบนใบหน้า

'บ๊ายบายครับ' ผมยกยิ้มบางเบาอย่างที่ไม่ค่อยจะได้ทำเท่าไหร่นักให้กับอีกฝ่าย ผมถูกแม่พาเดินออกมาโดยไม่เจอใครอีกเลย มีเพียงแค่คุณท้องฟ้าที่เดินสวนผมไป เขามองผมแวบหนึ่งก่อนจะเดินผ่านไปทำเหมือนไม่เห็นผมกับแม่ที่เดินสวนกับเขา

วันนั้นผมถึงได้รู้ว่าคนที่น่ากลัวจริงๆ ก็คือคนที่ไม่พูดอะไรเลย ไม่ใช่คนที่ชอบโวยวายทุกครั้งที่มีปัญหา

'ไม่ต้องตื่นเต้นขนาดนั้น ยังไงเด็กคนนี้ก็คือลูกของคุณ' ผมได้แต่องหน้าแม่สลับกับคนที่แม่บอกว่าเขาคือพ่อของผมด้วยความรู้สึกที่หลากหลาย แต่ที่แน่ๆหนึ่งในนั้นไม่มีความรู้สึกดีใจเลยสักนิด เพราะวันนี้คือวันที่จะตัดสินะชะตาชีวิตของผมว่าผมจะยังคงได้อยู่กับแม่ต่อหรือต้องไปอยู่กับพ่ออย่างถาวร

'ดูมั่นใจเกลือเกินะ' คุณนภาดลมองหน้าแม่ด้วยสีหน้าที่ไม่พอใจ

'จริงๆ ไม่ต้องตรวจก็ได้นะ คลื่นน้ำหน้าเหมือนพี่ชายของเขามองเลยล่ะ' แม่จับใบหน้าของผมให้เชิดขึ้นพร้อมพยักพเยิดหน้าไปทางคุณท้องฟ้าที่ยืนพิงกำแพงอยู่อีกฝั่งหนึ่งของทางเดิน

'คุณดูไม่ทุกข์ร้อนอะไรเลยนะครับ' เสียงทุ้มที่ฟังดูมีเสน่ห์แต่กลับไร้ความรู้สึก ผมไม่รู้ว่าคนพูดกำลังคิดอะไรหรือรู้สึกยังไงอยู่ เพราะไม่ว่าจะสีหน้าหรือน้ำเสียงก็ดูจะไร้อารมณ์และว่างเปล่าไปหมด คุณท้องฟ้าจ้องหน้าแม่ของผมนิ่ง แต่ก็ชวนให้อึนอัดไม่น้อย

'แล้วฉันจะต้องทุกข์อะไรล่ะคะ?' แม่ยกมือขึ้นกอดอกพลางดรอยยิ้มอย่างสบายๆ ผิดกับผมที่ลุ้นทุกวินาที อีกไม่นานพยาบาลก็จะมาเรียกพวกเราให้ไปฟังผลตรวจ DNA แล้ว ผมไม่รู้ว่าผมจะต้องรู้สึกดีใจหรือเสียใจหากผลตรวจออกมาแล้วบอกว่าผมเป็นลูกชายของคุณนภาพล

'ดูเหมือนอยากจะผลักลูกออกจากตัวมากกว่าที่คิดนะครับ'คุณท้องฟ้าเอ่ยขึ้นอีกครั้ง แม้มันจะทำให้ผมรู้สึกเจ็บปวดแต่ผมก็อดจะเห็นด้วยกับเขาไม่ได้

'นี่!' แม่ทำท่าจะโวยวาย

'ไม่เอาน่าฟ้า น้องก็นั่งยู่ด้วยนะ' แต่เพราะมีเสียงเอ่ยจัดขึ้นมาเสียก่อน แม่เลยต้องเงียบไป พวกเราหันไปมองทางต้นเสียงก็พบว่าเป็นพี่ทะเลที่เดินเข้ามาพร้อมกับร่างเล็กๆ ของก้อนเมฆในอ้อมแขน ใบหน้ากลมเป็นก้อนซบอยู่ที่บ่าของพี่ทะเลดวงตาปิดสนิทเหมือนครั้งแรกที่เราได้เจอกัน

'ลูกยังไม่ตื่นเหรอ?' คุณท้องฟ้าที่เห็นว่าใครเดินเข้ามาก็รีบเดินเข้าไปหาทันที น้ำเสียงที่ใช้ถามอีกฝ่ายก็เปลี่ยนไปอย่างเห็นได้ชัด มันดูอ่อนโยนและอบอุ่น

'อื้อ คงใกล้แล้วล่ะ' พี่ทะเลตอบกลับด้วยรอยยิ้มบางๆ ที่มุมปาก ผมมีบางสิ่งที่คาใจมานานตั้งแต่วันแรกที่ได้เจอกันนั่นคือพี่ทะเลกับน้องก้อนเมฆเป็นอะไรกับครอบครัวคุณท้องฟ้า

'โอ้โห! นี่ยกกันมาทั้งครอบครัวเลยหรือคะ?ลูกชายน่ารักดีนะ ว่าแต่นั่นคนรักของคุณเหรอคะคุณท้องฟ้า? ' แม่ที่เงียบไปพักหนึ่งร้องขึ้นเสียงดัง สีหน้าที่แสร้งทำว่าตกใจกับรอยยี้มเหยียดนั่นมันดูไม่น่ามองเอาเสียงเลย แต่ผมไม่ได้สนใจท่าทางของแม่หรอกนะผมสนสิ่งหน้าที่แม่พูดต่างหาก แม่บอกว่าก้อนเมฆเป็นลูกของคุณท้องฟ้าที่แม่พูดต่างหาก แม่บอกว่าก้อนเมฆเป็นลูกของคุณท้องฟ้าแล้วก็พี่ทะเลเป็นคนรักของคุณท้องอย่างนั้นเหรอ?

ผู้ชายกับผู้ชายกันได้ด้วยเหรอ?

'ไม่ใช่เรื่องของคุณ' ดวงตาเรียวคนตวัดมองใบหน้าของแม่ด้วยความดุดัน

'เพิ่งรู้ว่าคุณมีรสนิยมแบบนี้นะคะ' แต่แม่ก็ยังไม่หยุดที่จะพูด

'จัดการเรื่องตัวเองให้ดีก่อนแล้วค่อยมายุ่งเรื่องของคนอื่น' เป็นอีกครั้งที่คุณท้องฟ้าต่อว่าแม่ออกมา

'เหอะ! เป็นเด็กที่ก้าวร้าวจริงๆ ' ผมไม่รู้ว่าแม่เอาความมั่นใจมาจากไหนมานัดถึงได้กล้าต่อปากต่อคำกับคนที่น่ากลัวแบบนั้น

'เธอไม่มีสทธ์มาว่าลูกชายฉันแบบนี้' คุณนภาอดที่เงียบอยู่นานเอ่ยตำหนิขึ้นมาบ้าง

'ที่นั่งอยู่นี่ก็ลูดคุณ ช่วยสนใจเขาด้วย' นี้เรียวยาวที่แต่งแต้มเล็บด้วยสีแดงสดขึ้นมายังผมที่ได้แต่นั่งเงียบอย่างคนทำอะไรไม่ถูก

'ผมจะพาคลื่นน้ำออกไปรอที่อื่น ถ้าเสร็จแล้วจะพากลับมา แล้วถ้าคุณยังมีจิตสำนึกของความเป็นแม่จะทำอะไรก็นึกถึงจิตใจลูกชายตัวเองด้วย' แขนของผมถูกดึงให้ลูกขึ้น มันไม่ได้แรงมาก แต่เพราะไม่ทันได้ตั้งตัวผมเลยเสียหลักไปนิดหน่อย แต่ถึงอย่างนั้นก็มีมือของคนที่คิดว่าเขาจะมาใกล้ผมรับเองไว้ อาจเป็นเพราะพี่ทะเลมัวแต่ต่อว่าแม่ของผมอยู่ เขาเลยไม่ทันได้ระวังจนคุณท้องฟ้าต้องเข้ามาช่วยประคองตัวผมไว้ แต่ผมก็ไม่ได้โกรธพี่ทะเลหรอกนะ ผมก็ไม่รู้ว่าควรโกรธหรือเปล่า พี่เขากำลังปกป้องความรู้สึกของผมอยู่ แต่เขาก็ว่าแม่ผมด้วย ผมไม่รู้ว่าตัวเองครวคิดรู้สึกยังไงดีในตอนนี้

'เด็กบ้าง! กล้าดียังไงมาสั่งสอนฮัน ' แม่ร้องโวยลั่นอย่างน่าอาย

'ผมไม่คิดสั่งสอนใครหรอกครับ ผมแค่อยากเตือนให้คุณคิดถึงความรู้สึกของคลื่นน้ำบ้าง น้องอาจยังเด็ก แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าน้องจะไม่รับรู้อะไรเลยนะครับ' ถูกอย่างพี่ทะเลว่า ถึงผมจะยังเป็นเพียงเด็กที่อายุแค่แปดปี แต่นั่นก็ไม่ได้หมายความว่าผมจะไม่รับรู้อะไรเลย ผมอาจรู้อต่ไม่พูดก็ได้นะ

'พ่อฝากน้องด้วยทะเล ให้คลื่นน้ำิยู่กับลูกนั่นแหละ ถ้าก้อนเมฆตื่นจะได้เล่นเป็นเพื่อนกัน' อดจะแปลกใจไม่ได้ว่าทำไมใครๆต่างก็ใช้น้ำเสียงที่อ่อนโยนและนุ่มนวลกับพี่ทะเลกันหมด ไม่ว่าจะคุณท้องฟ้าหรือแม้กระทั่งคุณนภาอด ผิดกับตอนที่คุณกับแม่ผมลิบลับเลย

'ได้ครับ' พี่ทะเลตอบรับคำก่อนจะหันมาจับมือผมเอาไว้แน่น ไม่แม้แต่จะหันไปขออนุญาตจากแม่ของผม

'ลงไปรอที่ร้านกาแฟข้างล่างนะ เดี๋ยวฟ้าตามไป' ก่อนไปคุณท้องฟ้าหยิบเงินในกระเป๋าสตางค์ของตัวเองมายื่นให้พี่ทะเล เห็นมีแบงค์สีเทาอยู่สามใบ

'อื้อ' พี่ทะเลพยักหน้ารับ เก็บเงินยัวใส่กระเป๋ากางเกงลวกๆ แล้วยื่นมือมาจับมือผมอีกครั้งก่อนจะพาเดินมาจากที่ตรงนี้น

'คลื่นน้ำิยากกินอะไรไหมครับ?' เมื่อลงมาถึงที่ร้ายกาแฟข้างหน้าตึกโรงบาลพี่ทะเลก็พาผมไปนั่งที่โต๊ะว่าง

'พี่ครับ' ผมนั่งเงียบไปพักหนึ่งก่อนจะเอ่ยเรียกคนที่นั่งดูเมนูของร้านอยู่

''ครับ?' พีทะเลละสายตาจากเมนูขึ้นมามิงสบตากับผมอย่างตั้งใจฟัง มันทำให้ผมรู้สึกมากที่พี่เขาให้ความสนใจกับผมมากขนาดนี้

'แม่....จะทิ้งผมไปใช่่ไหมครับ?' ผมชั่งใจอยู่นานมากว่าจะพูดออกไปดีไหม แต่ผมแค่อยากหาคำตอบให้กับสิ่งที่ตัวเองคิด เพราะแม่ไม่เคยบอกอะไรเลย หลังจากวันนั้นที่กลับมาจากบ้านของคุณนภาอด แม่ก็บอกกับผมว่าจะต้องไปตรวจดีเอ็นเอ แล้วย้ายไปอยู่กับพ่อ แต่แม่ไม่เคยบอกว่าทำไมหรือเพราะอะไร

'คลื่นน้ำ' พี่ทะเลทีได้ยินคำถามของผมก็นิ่งไป

'แม่บอกว่าจะให้ผมไปอยู่กับพ่อ มันหมายความว่าแม่จะทิ้งผมให้อยู่กับพ่อใช่ไหมครับ? ผมจะไม่ได้อยู่กลับแม่เหริครับ?' นั่นคือสิ่งที่ผมเข้าใจ แม่ไม่้คยบอกว่าเราจะย้ายไปิยู่กับพ่อ แม่น้ำตลอดว่าผมต้องไปอยู่กับพ่อ นั้นเท่ากับว่ามีผมที่จะไปอยู่กับพ่อแต่แม่ไม่ได้ไปด้วย

'พี่ก็ไม่รู้เหมืินกันครับ แต่ถ้าเเป็นอย่างนั้น คลื่นน้ำจะอยู้ได้ไหมครับ?' พี่ทะเลส่ายหน้าเบาๆ มือข้างที่ว่างก็ยกมือขึ้นลูบหลังเด้กน้อยที่ยังคงหลับไม่ตื่น เหมือนว่านี่จะเป็นเวลานอนของเด็กหกขวบนะครับ

'ผมไม่รู้ ผมไม่เข้าใจ แล้วพ่อจะให้ผมิยู่ด้วยเหรอครับ?' ผมตอบไม่ได้ว่าผมจะอยู่ได้ไหม ผมไม่รู้ด้วยซ้ำว่าผมต้องไปอยู่จริงๆเหรอ? เหมือนผมจะรู้แต่ก็ไม่รู้ เหมือนจะเข้าใจแต่ก็ไม่เข้าใจ

'แน่นอนครับ คุณพ่อจะต้องให้คลื่นน้ำิยู่ด้วยแน่นอน' พี่ทะเลพูดออกมาอย่างมั่นใจ

'.....' ผมได้แต่นั่งคิดทบทวนถึงเหตุการณ์ทีเกิดขึ้นเท่าไหร่ที่สมองของเด็กวัยเจ็ดปีกว่าจะคิดและเข้าใจได้

'คลื่นน้ำครับ' พี่ทะเลเอ่ยเรียกหังจากที่เห็นผมเงียบไปนาน

'ผมไม่ค่อยเข้าใจ แต่ถ้าผมต้องอยู่กับพ่อผมก็ต้องอยุ่กับคุณนภัอดแล้วก็คุณท้ิงฟ้าด้วยใช่ไหมครับ?' ผมพยายามเรียบเรียงความคิดของตัวเองแล้วเอ่ยถามไปตามที่เข้าใจ

'ไม่ใช่คุณนภัสแต่เป็นเเต่เป็นคุณแม่ แล้วก็ไม่ใช่คุณท้องฟ้า แต่ต้องเรีกว่าพี่ท้องฟ้าต่างหาก'

'ฟ้า หมายความว่า...' พี่ทะเลที่กำลังนั่งคุยกับผมอยู่ชะงักค้างก่อนจะหันไปมองทางต้นเสียงด้วยสีหน้าและท่าทางที่ตกใจ

'อืม ตามที่ลัลดาพูดนั่นแหละ' ร่างสูงใหญ่ของพี่ท้องฟ้าเดินมานั่งลงที่นั่งข้างๆของพี่ทะเลพลางเอี้ยวตัวไปรับร่างเล็กของก้อนเมฆจากพี่ทะเลมาอุ้มเอาไว้เอง

'คุณพ่อคุณแม่ล่ะ?' พี่ทะเเอ่ยถามในสิ่งที่ผมเองก็สงสัย

'คุยกันเรื่องคลื่นน้ำิยู่' เสี้ยววินาทีหนึ่งที่ดวงตาคนเหลือบมามองผมแล้วก็เลื่อนกลับไปมองใบหน้าของคนข้างตัวต่อ

'น้องก็ต้องมาอยู่กับเราใช่ไหม?' ผมได้แต่นั่งเงียบฟังบทสนทนาของผู้ใหญ่ตรงหน้า ที่พี่ท้องฟ้าพูดด่อนกน้านี้หมายความว่าผมคือลูกของคุณนภาดล เป็นน้องชายของพี่ท้องฟ้า แล้วต้องไปอยู่ที่บ้านกับพ่ออละพี่ชายใช่ไหม?

'ก็เลือกเอาว่าจะอยู่บ้านไหน? จะอยู่กับพ่อแม่หรืออยู่กับเรา' พี่ทั้งสองมองสบตาอย่างเข้าใจกัน คงมีแต่ผมที่ไม่เข้าใจพวกเขา

'ผม.....จะไม่ได้อยู่แม่แล้วใช่ไหมครับ?'ผมต้องการคำยืนยันในเรื่องนี้ ต้องการคำตอบที่แน่ชัด แม้ใจผมจะรู้ดีอยู่แล้วว่าความจริงมันเป็นยังไง แต่ผมก็อยากได้ยินชัดๆ กับหู ไม่ใช่เข้าใจไปเองแบบนี้

'คลื่นน้ำ' พี่ทะเลมองหน้าผมอย่างลำบากใจ

'พี่ครับ ผม...' ไม่รู้ว่าตั้งแต่เมื่อไหร่ที่ขอบตาของผมมันร้อนผ่าวไปหมด ลำคอก็จุกแน่นจนพูดอะไรไม่ออก

'อื้อ~' แต่ก่อนที่น้ำตาของผมจะได้ไหลออกมาก็มีเสียงเล็กร้องครางอื้ออึงในลำคอขัดขึ้นมาเสียก่อน

'ไงครับ ตื่นเต้นแล้วเหรอคนเก่ง?' พี่ทะเเห็นว่าก้อนเมฆตื่นแล้วก็ยื่นหน้าเข้าไปทักทายด้วยรอยยิ้มอ่อนโยนก่อนจะประทับริมฝีปากลงไปบนหน้าผากเล็ก

'คุณพ่อ' รอยยิ้มเล็กๆ ที่ติดจะงัวเงียของคนที่เพิ่งตื่นนอนทำเอาผมหยุดมองไม่ได้ นี่เป็นครั้งที่ผมได้้เจอกับก้อนเมฆในตอนที่เขาตื่นนอน

'ดื่มน้ำก่อนนะ' พี่ทะเลหันไปหยิบกระบอกน้ำออกมาจากกระเป๋าเป้เปิดฝาแล้วเทน้ำใส่ที่ฝาส่งให้คนตัวเล็กดื่ม

'ใครฮะ?' ดวงตากลมใสเเป๋วกวาดมองสถานที่นอบเข้าที่ตัวเองอยู่ย่างสนใจก่อนนะมาหยุดสายตาที่ผม

'พี่คลื่นน้ำ น้องชายคุณป๊าครับ' พี่ทะเลแนะนำผมให้ก้อนเมฆได้รู้จัก ผมเกร็งนิดหน่อยเมื่อถูกตาดกมโตจ้องมองมาที่ผมด้วยความสนอกสนใจ

'คลื่นน้ำ?' เสียงเล็กทวนชื่อของผมอย่างงงๆๆ

'ทักทายน้องหน่อยสิครับคลื่นน้ำ' พี่ทะเลที่เห็นผมนิ่งไปก็หันมายิ้มใจดีให้อย่างทุกครั้ง

'เอ่อ...สวัสดี' มันคงดูเป็นคำทักทายที่ไง่ที่สุดเท่าที่เคยเจอมา

'สวัสดีฮะ หนูชื่อก้อนเมฆนะ เรามาเล่นกันเถอะ' อีกฝ่ายตอบกลับมาด้วยน้ำเสียงที่ร่าเริง ใบหน้าน่ารักเต็มใจไปด้วยยิ่มสดใสและวินาทีนั้นผมก็ได้รู้ว่าโลกของผมมันอาจไม่เงียบเหงาและโดดเดี่ยวิีกต่อไป น้ำตาที่พาจจะไหลให้ได้ในก่อนหน้านี้แห้งเหือดไปตอนไหนก็ไม่อาจทราบได้ หัวใจกระหน่ำเต้นรัวเร็วราวกับเป็นโรคล้ายแรง มุมปากขยับยิ้มขึ้นเองอย่างที่ไม่เลยเป็นมาก่อน ยิ่งเห็นมือเล็กๆ นั่นยื่นมาตรงหน้า ผมก็ยิ่งตื่นเต้น มันไม่ต่างจากการค้นพบเรื่องที่น่าอัศจรรย์ ในตอนนั้นผมก็มาคิดได้ว่าบางทีผมอาจต้องยอมเสียบางอย่างเพื่อให้ได้บางสิ่งมาแทนวินาทีท่ี่ยื่นมือออกไปสัมผัสกับฝ่ามือนุ่มนิ่มโลกใบใหม่ของผมก็ได้ถูกสร้างขึ้น

ท้องฟ้า ทะเล ก้อนเมฆ คลื่นน้ำ มันอาจจะเหมาะกันที่สุดแล้วก็ได้

--------------------------------------------

ฝากเอ็นดูเด็กๆ ของเราด้วยนะคะ

เรื่องนี้ไม่เน้นดราม่า ไม่เน้นสาระ ไม่เน้นอะไรเลย

เรามาขายความน่ารักของน้องก้อนเมฆเท่านั้นค่ะ!

เลือกตอน

กกาวน์โหลดทันที

ชอบผลงานนี้ไหม? ดาวน์โหลดแอพ บันทึกการอ่านของคุณจะไม่สูญหาย
กกาวน์โหลดทันที

โบนัส

ผู้ใช้ใหม่ที่ดาวน์โหลดแอพสามารถปลดล็อค 10 ตอนได้ฟรี

รับ
NovelToon
เปิดประตูต่างภพ
เพื่อวิธีการเล่นเพิ่มโปรดดาวน์โหลดMangatoon APP!