-

Third person view

ขณะอยู่ในคาบเรียนสอนวิชาประวัติศาสตร์ ลีโทจิน่า สาวน้อยผู้เป็นเจ้าของแววตาแสนหยิ่งทะนงและอาจารย์ชาร์ลวินที่อายุเทียบเคียงกับลูกศิษย์ของตัวเองนั้นใช้เวลาร่วมกันในตลอดในช่วงบ่ายโดยสถานที่นัดพบที่เด็กสาวเรียกมันว่าศูนย์บัญชาการลับ เหมือนกันกับทุกวันตลอดทั้งเดือนที่ผ่านมา ยกเว้นตอนที่เธอต้องรักษารอยน้ำชาลวกที่มือ เธอหายไปพักใหญ่ก่อนที่จะกลับมารับการศึกษากับเขาอีกครั้ง

“เอาล่ะจิน่า..เจ้าจงตอบอาจารย์คนนี้ให้ชื่นใจเสียสิว่า เมืองโกเบิร์ด เสียเอกราชได้อย่างไร.....” อาจารย์ผู้รอบรู้ถามนักเรียนของตนด้วยความหวังเปี่ยมล้นใจ ว่าเธอจะต้องตอบได้แน่ เพราะเขาพึ่งสอนเธอเกี่ยวกับหัวข้อนี้ไปเมื่อตอนเช้า

“แหงล่ะ ข้อนี้ข้าตอบได้ท่านอาจารย์...เพราะไอ้ขุนนางชั่วมันเสี้ยมราชาโกเบิร์ดผู้แสนโง่เขลานะสิ ถึงได้ไปเชื่อคำพูดขุนนางและไม่ตัดสินใจเรื่องราวโดยเห็นแก่ประเทศจนต้องตกไปเป็นของพวกชาวตะวันออก...ไม่แน่ว่า ไอ้ขุนนางนั่นอาจจะมีเชื่อสายของชาวตะวันออกทำให้มันเกิดรักชาติขึ้นมาจึงหักหลังอาณาราษฎรภายในชาติที่ตัวเองตนเองอยู่....” หลังจากที่อาจารย์ได้ฟังคำตอบนั้นทำเอาไหล่ห่อตัวงอด้วยความสิ้นหวังทันที แม้ว่ามันจะถูกต้องที่ราชาองค์นี้หลงเชื่อคำขุนนางจนเกินไป แต่เหตุผลอย่างหลังนี่ช่างเป็นประโยคจิกกัดเสียดสีเสียจนตัวเด็กหนุ่มที่มียศเป็นถึงผู้สืบทอดบัลลังก์เพียงองค์เดียวรู้สึกว่าตนกำลังโดนด่าไปด้วยเลย

ส่วนนักเรียนลำดับที่หนึ่งของตน (เพราะมีคนเดียว) นั้นที่ทำสีหน้าเรียบเฉยทั้งยังติดแววตาดุดันตลอดเวลานั้นก็ตอบตามที่ใจคิดอย่างไม่ปิดบังน้ำเสียงเย้ยหยันนั้นเลยอีกด้วย ผู้เป็นอาจารย์อดจะแปลกใจไม่ได้ที่เวลาเธออยู่คนเดียวมักจะมีสีหน้าเบิกบานใจราวกับปล่อยวางทุกสิ่งและดูสดใสเหมือนดั่งแสงแดดในฤดูร้อน แต่หลังจากได้มารู้จักแล้วสีหน้าและแววตาของเธอดูเรียบเฉยดุดันราวกับเธอตอนนี้และเธอเมื่อก่อนเป็นคนละคนกันอย่างไงอย่างนั้น และน่าแปลกใจที่ตัวเขาเองก็ไม่ได้นึกรังเกียจท่าทางยโสโอหังของสาวชาวบ้านอย่างเด็กสาวตรงหน้านี้เลย กลับกัน เขารู้สึกถูกใจกิริยาแบบนั้นที่เธอทำเหมือนกับว่าเป็นผู้ใหญ่เจนโลกในคราบเด็กน้อย

“ช่างเถอะ...พอเท่านี้ก่อนแล้วกัน ตอนนี้ความรู้ของเจ้าอยู่ในระดับเดียวกันกับพวกสอบเข้าเป็นขุนนางชั้นฝ่ายในได้เลยล่ะ” ในที่สุดเขาก็ยอมแพ้ไม่คิดจะทดสอบความสามารถของเธอต่อ เป็นเพราะไม่อยากได้ยินคำพูดแดกดันเชื้อพระวงศ์กระมัง ก่อนจะเอื้อมมือปิดหนังสือ และเก็บของให้เข้าที่ สาวน้อยเจ้าของดวงตาสีนิลแดงจ้องมองเด็กหนุ่มด้วยความสงสัยพร้อมทั้งยกศอกเท้ากับโต๊ะ

“แค่ขุนนางชั้นในเองหรือ...แต่ฉันอยากเป็นจักรพรรดินีนะ” เด็กน้อยพูดออกมาเพียงเพราะเป็นความคิดที่ผุดมาในหัวเท่านั้น ทว่ากลับทำให้คนฟังชะงักไปชั่วครู่ก่อนที่จะเอ่ยปาก

“เจ้าอยากเป็นงั้นหรือ จักรพรรดินีอะไรนั่นน่ะ” สีหน้าของเด็กหนุ่มจ้องมองอีกคนอย่างคาดหวัง... คาดหวังว่าเธอจะตอบว่าใช่

“แล้วอย่างข้าเป็นไม่ได้หรืออย่างไร” เธอเอ่ยประชดประชันเขาขึ้นมา

“ตามหลักแล้วก็แทบจะไม่มีหวัง ถ้าเจ้าไม่ทำการกบฏบ้านเมือง และใช่.. เราจะไม่พูดเรื่องน่ากลัวนั่นแล้วกัน”

“อ่าฮะ...แล้ว?”

“แต่ถ้าหาก..เมื่อเจ้าโตขึ้น แล้วความปรารถนานี้ของเจ้ายังอยู่...ลีโทจิน่า...แค่เอ่ยปากขอมันกับข้า...เจ้าจะได้ทุกอย่างตามต้องการ” เด็กชายจ้องมองเข้าไปยังนัยน์ตา,นัยนาสีพิศวง ราวกับว่าเพื่อหวังจะได้เห็นความลับบางอย่างที่ซ่อนอยู่ในส่วนลึกนั้น คำพูดที่ถูกเอ่ยออกมาโดยใช้เพียงความรู้สึกกำหนดมันแทนที่จะเป็นสมอง เมื่อกว่าจะรู้ตัว เขาก็ได้รู้ตัวว่าตอนนี้ห้ามใจเอาไว้ไม่ทันเสียแล้ว

“เจ้าจะบอกว่าตัวเองเป็นราชาหรือไง คิกคิก” สาวน้อยเผลอหลุดขำออกมาเพราะเอ็นดูเด็กหนุ่มตรงหน้าที่เผลอปล่อยมุกจีบสาวออกมาเสียแล้ว และยังคิดว่าโตไปไอ้หมอนี่คงได้เป็นคลาสโน่ว่าตัวพ่อที่ไหนสักที่ในบาร์ชื่อดังของเมืองเป็นแน่

เขาไม่ตอบอะไร ดูเหมือนว่าเธอจะไม่เชื่อเขาว่ามุกตลกเมื่อครู่เป็นเรื่องจริง เพียงแต่ตอนนี้ได้เห็นเสียงหัวเราะของเธอ ทำเอาเขาก็เผลอยิ้มตามไปด้วย

ฤดูร้อนใกล้จะจบลง การมาพักร้อนที่บ้านต่างอากาศที่ติดเส้นแบ่งขอบชายแดนทางเหนือของจักรวรรดินี้ดูเหมือนจะทำให้เขาได้พักผ่อนจริงๆ มากกว่าชื่อเรียกเสียอีก แตกต่างจากเมื่อก่อนที่ต้องระแวดระวังสถานที่นี้มากกว่าที่อื่น โดยพวกขุนนางชั่วนั่นเอ่ยปากแนะนำองค์ราชาให้เจ้าชายมาพักที่ด้านทิศเหนือเพื่อสร้างขวัญกับกำลังใจให้เหล่าทหารชายแดน เพียงแต่จุดประสงค์หลักคือเพื่อที่จะได้เข้าประชิดตัวองค์รัชทายาทและลอบสังหารได้ง่ายขึ้นต่างหาก และองค์ราชาก็ดันบ้าจี้ทำตามคำพูดนั้น ทว่าตอนนี้เขาต้องกลับเข้าวังหลวง สถานที่ที่ขึ้นชื่อเรื่องการแก่งแย่งชิงอำนาจ และต้องกอดขาเก้าอี้ตัวเองให้แน่นแล้ว

ถึงเอ่ยปากพูดไปอย่างนั้น แต่เด็กสาวตรงหน้ากลับยังไหวตัวไม่ทันกับสิ่งที่ได้ยินเลยสักนิด เธอยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่าอาจารย์ที่สอนเธออยู่ทุกวันคนนี้คือว่าที่ราชาองค์ต่อไปของจักรวรรดิอันเควสโต้

ในใจของเด็กชายเจ้าของดวงตาน้ำทะเลรู้สึกเบื่อหน่ายกับชีวิตในวังหลวงที่มีอันตรายทุกสารทิศ แต่เด็กผู้หญิงคนตรงหน้ากลับบอกว่าตัวเองอยากเป็นองค์จักรพรรดินี มันทำให้เกิดความรู้สึกที่อยากจะต่อสู้เพื่อช่วยเธอได้ขึ้นมาเสียอย่างนั้น เพียงแค่คำพูดลอยๆ ที่เอ่ยออกมาว่าต้องการสิ่งนั้นสิ่งนี้ กลับทำให้เขารู้สึกอยากเติมเต็มความปรารถนาของเธออย่างที่ควบคุมตนเองไม่ได้นี่ช่างเป็นความสามารถที่ร้ายกาจเกินตัวของเด็กน้อยตัวเล็กนี้เสียจริง

แม้ภาพซ้อนทับของเด็กหญิงน้อยแสนน่ารักคนนี้จะเป็นพลทหารหญิงตัวบึกบึนที่ปกคลุมไปด้วยรังสีดุดันไม่ต่างจากราชสีห์ก็เถอะ ต่อหน้าเจ้าชายเธอก็เป็นได้เพียงแมวป่าเท่านั้น

End Third person view

ทันทีที่กลับมาจากฐานลับ ภาพที่เห็นอยู่ตรงหน้าช่างประหลาดแก่สายตาเหลือเกิน เพราะมันเป็นภาพของครอบครัวสุขสันต์ที่นั่งรวมตัวกับที่โถงใหญ่ เรียกลูกบ้านประชุมวาระอะไรหรือเปล่านะ มีทั้งพี่สาวที่น่ารักทั้งสอง นายหญิงใหญ่และ...หนุ่มคนนั้น หรือว่าเป็นตัวละครลับ คราวก่อนเขาเคยพูดกับเราแล้วมิหนำซ้ำยังแทนตัวเองว่าพี่อีก หรือว่าจะมีพี่ชายอีกคนจริงๆ แล้วมันยังไงล่ะ ถ้าหากเขาไม่ได้ปรากฏอยู่ในความทรงจำ ดึงดันจะบีบเคล้นทุกอย่างที่รู้ออกมาเรียบเรียงตอนนี้ก็ไม่มีประโยชน์ ทุกคนที่นั่งอยู่ในห้องรับแขก รับรู้ถึงการมาเยือนของฉัน หันมามองกันยกใหญ่ โรสลินมองเราสลับกับมองต่ำลงอย่างกับคนไม่กล้าสู้หน้า

ฉันหันไปเจอกับสายตาเรียบนิ่งของท่านพี่หญิงคนโต ก่อนจะกระตุกยิ้มมุมปากให้เธอไปนิดหน่อย เดาว่าตอนนี้ภายในใจคงร้อนรุ่มใจอยากจะระบายโทสะโดยการใช้ความรุนแรงเต็มทนเพียงแต่ใบหน้าเสแสร้งนั้นคงฝึกมันมาจนช่ำชองแล้ว นังโรคจิตเอ๊ย

“สาวน้อยทำไมถึงได้กลับบ้านดึกดื่นแบบนี้ล่ะ รีบกลับเข้าห้องไปพักผ่อนเร็วสิจ๊ะ”

กึก

เมื่อกี้ฉันได้ยินอะไรผิดไปหรือเปล่านะ หรือหูฉันจะอักเสบหรือเปล่า เมื่อกี้นังหญิงแก่หงำเหงือกนั่นพูดเพราะกับฉันหรือ เพราะอะไรล่ะ หรือว่าเป็นเพราะมีเขาคนนั้นยืนอยู่ตรงนี้ด้วย

“สวัสดีท่านพี่และท่านคุณผู้หญิงค่ะ ฉันเข้าไปเก็บฟืนในป่าเหมือนอย่างทุกวันเท่านั้น โปรดตามสบายถือว่าฉันไม่เคยยืนอยู่ตรงนี้ค่ะ ดิฉันขอตัว” ฉันตั้งใจเสแสร้งเพื่อเพราะจะได้ให้เขาคนนั้นได้ยินเสียหน่อย กะว่าจะผ่านไปเงียบๆ แล้วแท้ๆ แต่นังโรคจิตรุ่นใหญ่นั่นแสดงถึงความเกรงใจเขาขนาดนั้นเลยนี่นะ มันอดไม่ได้จริงๆ ไม่ลืมที่จะเหลือบมองชายเมื่อครานั้นด้วย ขมวดคิ้วใหญ่เลยสินะ คงแปลกใจที่ตระกูลดยุกอย่างการ์ดจะมีการทารุณกรรมและมีการใช้ความรุนแรงภายในบ้าน ส่วนท่านคุณผู้หญิงนั้นเอามือทาบอก หายใจพะงาบๆ ทางปากเพราะเอาออกซิเจนเข้าไปหมุนเวียนไม่ทันจนพี่สาวคนโตต้องช่วยพยุง

“ดูเหมือนว่าระหว่างที่ผมไม่อยู่นี้จะเกิดเรื่องราวหลายอย่างเกิดขึ้นนะครับ ท่านแม่” เจ้าของเส้นผมสีขาวดุจหิมะหันไปเอ่ยปากกับยัยแก่บ้าอำนาจนั้น น้ำเสียงดูติดประชดเล็กน้อย ถึงจะขำออกมาแต่น้ำเสียงกับดูไม่ได้ตลกเลยด้วยซ้ำ

“มะ...ไม่ใช่นะ..ลูก..” เธอพยายามจะพูดแต่เหมือนลิ้นจุกคอ ไม่สามารถหาคำไหนมาแย้งได้เพราะเหตุการณ์มันฟ้องอยู่ทนโท่ อยากกับคนกำลังจมน้ำแหนะ เป็นภาพที่น่าดูจริงนะ

“ท่านแม่..ทำใจดีๆ ไว้ก่อนนะคะ...”

“ลีโทจิน่า ขึ้นไปรอที่ห้องพี่” เขาเอ่ยปากเสียงเข้ม หน้าตาดุดันราวกับกำลังโกรธ...แล้วโกรธอะไรล่ะ เดี๋ยวสิ พี่หรือ แล้วไหนจะเรียกยังป้านี่ว่าแม่อีก หรือท่านพ่อมีลูกคนโตอยู่อีกงั้นหรือ แต่ดูจากหน้าตารูปพรรณที่ไม่เหมือนกันสักนิดนั้นเป็นไปได้แค่อย่างเดียวคือลูกเมียเก่าของท่านพ่อ

“ไม่ได้ยินหรอ พี่บอกให้ไปรอที่ห้องพี่” เขาพูดย้ำอีกครั้งทั้งยังส่งสายตาแทนคำสั่งมาทางฉัน อะไรกัน นี่ฉันเดินผิดก้าวหรอ..

เมื่อเดินขึ้นมารอที่ห้องของเขาซึ่งอยู่อีกฝั่งของบันไดใหญ่ที่ชั้นสอง ฉันไม่รู้ด้วยซ้ำว่าห้องของเขาอยู่ที่ไหน ทำได้แค่เดาเอาจากการตกแต่งหน้าห้องคืออัศวินในเสื้อเกราะทั้งสองฝั่งและประตูก็เปิดอยู่ น่าจะเป็นห้องที่ถูกเปิดใช้ แหงล่ะ ทั้งชีวิตนี้เธอเคยขึ้นชั้นของบ้านตัวเองเพียงเพื่อปัดกวาดเช็ดถูราวบันไดเท่านั้น อีกรอบก็ตอนโดนน้ำร้อนลวกนั่นแหละ

ฉันนั่งรอที่โซฟารับแขกที่ถูกจัดวางอยู่หน้าโต๊ะทำงานของเขา ถอดผ้าคลุมออกจากตัวและพับมันวางลงข้างๆ ตัว ให้ตายสิ ตอนนี้หลักฐานมัดตัวยัยแก่นั่นแน่นหนาเลย วันนี้ฉันใส่เสื้อผ้าตัวที่เก่าและขาดแทนที่จะใส่เสื้อผ้าตัวใหม่ที่ชาร์ลวินเสื้อให้ เพราะนั่นมันดูหรูหราเกินไปที่จะใส่เข้าป่า ยิ่งโกหกว่าเข้าไปเก็บฟืนอีก ท่านชายใหญ่ที่ตอนนี้มีอำนาจเพียงเป็นรองพ่อตัวเองกลับมาแล้ว ทุกอย่างภายในบ้านคงจะเปลี่ยนไปไม่น้อย ไม่สิ นี่มันหมายถึงการเปลี่ยนขั้วอำนาจเลยต่างหาก หรือจะบอกว่าฉันจะไม่ถูกกดขี่เพราะเขาดูเป็นคนรักความยุติธรรมขนาดนั้น นั่งรอไม่นานเขาก็กลับขึ้นมาในห้องของตัวเอง แถมยังเดินดิ่งมาที่ฉันนั่งรออยู่ เอาเถอะ ถึงจะรู้สึกว่ามันเร็วไปหน่อยที่จะจัดการกับสามแม่ลูกนั่นแต่เมื่อมันเป็นแบบนี้แล้วคงเลี่ยงอะไรไม่ได้อีก

“เราเจอกันครั้งสุดท้ายตอนเธอสามขวบ เธอคงไม่รู้จักพี่” เขาเอ่ยเสียงเย็นซะจนฉันรู้สึกเหมือนรอบข้างจะโดนน้ำแข็งเกาะ

“แน่นอนเพคะ ฉันไม่รู้จักท่าน” ฉันนั่งนิ่งไม่ขยับสิ่งใด แม้แต่สายตาที่จ้องมองเขาก็ไม่ขยับไปไหนเหมือนกัน ถึงจะดูภูมิฐานแค่ไหนแต่ไม่ว่าจะใครหน้าไหนฉันก็ไม่กลัวทั้งนั้น ในกระเป๋าติดกระโปรงมีกรีซเล่มงามที่ฉันทำขึ้นเองแก้เบื่ออยู่ ถ้าหมอนั้นกล้าตบตีฉันเหมือนยัยพวกนั้นก็แค่เสียบมันไปที่คอหรือไม่ก็ตรงท้องน้อยก็สิ้นเรื่อง

“แค่พี่ และน้องสาว ลีท พี่ชายแค่อยากได้ยินน้องตัวเองเรียกมันด้วยความวางใจ ไม่ใช้สายตาที่เหมือนจ้องจะกระโดดเอามีดมาเสียบพี่แบบนี้” ดูออกด้วยแฮะ เขาถอนหายใจและใช้สองมือลูบหน้าของตัวเองราวกับคนที่กำลังรับมือกับปัญหาใหญ่ ถ้าแกรักน้องล่ะก็ คราวหลังก็กลับบ้านให้มันเร็วกว่านี้ซะสิ

“ไม่รู้สิคะ..ฉันเป็นลูกคนเดียวของท่านแม่ค่ะ” ฉันเล่นลิ้นต่ออีกหน่อย เพื่ออยากรู้ขีดจำกัดของตัวเองว่าจะวางท่าได้มากแค่ไหนเท่านั้น

“แล้ว...ท่านแม่บอกว่าแม่ของเธอเป็นโรคติดต่อจนพบหน้าไม่ได้ และเธอก็ติดเชื้อนั้นเหมือนกัน มันคงไม่ใช่แบบนั้นหรอกใช่ไหม” หลังจากเอามือลูบหน้า คราวนี้เขาเอามือนวดไปที่สันจมูกของตัวเองราวกับคนคิดไม่ตก

“ถูกแล้วค่ะ ท่านแม่ป่วย แต่ไม่ใช่โรคติดต่อ ท่านแม่ป่วยเพราะขังตัวเองไว้ในห้องที่มีเพื่อนเป็นเศษฝุ่น สาเหตุที่ขังตัวเองเพราะไม่อยากติดโรคนิสัยเลวร้ายไร้สำนักของคนด้านนอกน่ะค่ะ” ฉันตอบเสียงนิ่ง ไม่แสดงสีหน้าอะไรให้เขาเห็นได้ทั้งนั้น

“เด็กน้อยไปเอาคำพูดพวกนี้มาจากไหนกัน” เขาตะลึงงันหลังจากที่ได้ยินคำพูดนี้ออกมาจากปากเด็กอายุสิบสามอย่างฉัน

“จากสภาพแวดล้อมไงคะ สิ่งแวดล้อม หล่อหลอมคนค่ะ” ฉันตอกกลับไปอีกดอก จะว่าไปวันนี้ฉันได้ปากแจ๋วเป็นพิเศษ เพราะได้รับโอกาสให้พูดแบบได้ในตอนนี้หรือเปล่านะ

“พี่ควรกลับบ้านมาให้เร็วกว่านี้ และควรทำหน้าที่ดูแลเธอให้ดี มันอาจจะสายไปหน่อย ได้แต่โปรดให้พี่ได้ชดเชยทุกสิ่งที่น้องกับแม่ควรได้รับได้ไหม ลีโทจิน่า” เขาส่งสายตาที่ทำให้ได้ยินเสียงว่าได้โปรดลอยขึ้นมาในหัว คงจะรู้สึกผิดมากเลยสินะ อย่างน้อยก็ยังมีคนที่รู้จักผิดชอบชั่วดีอาศัยอยู่ในบ้านหลังนี้ด้วยแฮะ

“ถ้าอย่างนั้น ให้ท่านแม่ย้ายขึ้นมาอยู่ในห้องรับรองชั้นสองและให้สาวใช้และหมอดูแลเธอให้ดีที่สุดค่ะทั้งหมดนี้คงไม่ยากเกินความสามารถใช่ไหมคะ ท่านพี่” ฉันถอนหายใจและสุดท้ายก็ต้องฉกฉวยความใจดีนั้นของเขาเอาไว้

“สิ่งนั้นไม่ต้องร้องขอพี่ก็จะทำให้ แต่ทำไมถึงแค่แม่ล่ะ เธอก็ต้องย้ายมาอยู่ด้วยกันสิ” เขาเอ่ยถามเหมือนจะคลายโล่งใจที่ฉันรับน้ำใจเขาอย่างนั้นเลย

“ไม่จำเป็นหรอกค่ะ น้องจะออกไปจากที่นี่ ไปเรียนหนังสือน่ะค่ะ เรื่องนั้นท่านพี่ช่วยได้ใช่ไหมคะ” ฉันเอ่ยทั้งยังเอียงคอมองเขา ชักจะติดนิสัยใช้ท่าไม้ตายของเด็กน้อยน่ารักเอาไว้ออดอ้อนเพื่อสิ่งที่ต้องการซะแล้วสิ คราวก่อนมันใช้กับหัวหน้าพ่อครัวได้ผล แม้แต่กับชาร์ลวินก็ด้วย ครั้งนี้มันจะต้องได้ผลกับเขาด้วยสิ

“ได้สิถ้านั่นคือความต้องการของเธอ อยากไปเรียนที่ไหนกันล่ะ” สายตาเขาที่มองฉันดูเป็นประกายขึ้นหรือฉันตาฝาดกันนะ เขาคิดว่าฉันน่าสนใจที่ใส่ใจกับการเรียนหนังสือหรือเปล่านะ

“ไปที่โรงเรียนเจนต์แมรี่โจส์นค่ะ” ฉันหาข้อมูลมาแล้วว่าโรงเรียนนี้เป็นอันดับหนึ่งของอาณาจักรเรื่องการสอนและความยากของเนื้อหา เป็นโรงเรียนที่ต้องสอบวัดระดับเท่านั้นถึงจะเข้าได้และจะผ่านเข้าไปได้เพียงคะแนนที่ต้องไม่ต่ำกว่าเจ็ดสิบเปอร์เซ็นต์ของหนึ่งร้อย โรงเรียนกวดวิชามหาโหด เห็นพ่อค้าในตลาดเขาเล่ามาแบบนี้อีกที แต่ฉันเป็นลูกศิษย์อันดับหนึ่งของชาร์ลวินไอ้เด็กหัวกะทินั่น ที่นอกจากจะเป็นธนาคารเดินได้แล้วยังเหมือนกับกูเกิลพกพาอีก จะให้เสียชื่อได้ยังไงล่ะ

ส่วนท่านพี่ที่ได้ยินชื่อโรงเรียนก็แทบจะหรี่สายตามองฉัน คงจะกำลังประเมินคำพูดของฉันว่าล้อเล่นอยู่หรือเปล่าสินะ

“แต่ที่นั่นเข้าเรียนยากมาก ถึงแม้จะเขียนใบสมัคขอเข้าร่วมการสอบคัดเลือกได้ แต่มีโอกาสแค่หนึ่งครั้งในชีวิต แถมนักเรียนที่นั่น รุ่นที่อายุน้อยที่สุดคืออายุสิบแปดปี พี่ไม่ได้อยากตัดกำลังใจเธอหรอกนะ แต่ถ้าอยากเข้าที่นั่นจริงๆ รอสักสามหรือสี่ปีเพื่ออ่านหนังสือเตรียมตัวไม่ดีกว่าหรอ...”

“ไม่ค่ะ...ฉันจะไปสอบ” ฉันย้ำให้เขาได้ยินอีกครั้งเพื่อให้รู้ว่าฉันจะไม่เปลี่ยนความคิดของตัวเองตอนนี้หรอกนะ เราเข้าใจว่าเขาคงกลัวว่าเราจะพลาดการเข้าเรียนนี้และคงเป็นห่วงที่จะไม่มีโอกาสเป็นครั้งที่สองอีกแต่สติปัญญาของฉันคือคนที่มีโอกาสใช้ชีวิตตั้งสองครั้งเลยนะ และอีกอย่าง ระบบชีวิตความเป็นอยู่ของที่นี่ก็ไม่ต่างอะไรกับโลกเดิมเท่าไหร่ จะรอดหรือร่วงก็ให้มันเดิมพันกับการสอบเข้าครั้งนี้เถอะ แต่ถ้าการใช้หลักวิชาการเพื่อไต่ระดับไม่ได้ ฉันก็จะจับดาบและไต่ระดับเป็นอัศวินให้มันรู้แล้วรู้รอดไป

“ถ้าอย่างนั้นก็ได้.. เห็นแก่ความเด็ดเดี่ยวของเธอ แล้วอยากจะเรียนศาสตร์อะไรล่ะ”

“น้องอยากเรียนการเมืองและการปกครองค่ะ ศาสตร์รองคือวิชาอัศวิน” ฉันตอนเสียงเรียบ แต่เหมือนจะสร้างความประหลาดใจให้กับพี่ชายของตัวเองได้หลายรอบเลยสินะ

“โฮะโฮ้..น้องสาวที่อายุสิบสามของพี่อยากเรียนการเมืองและการรบราฆ่าฟันสินะ...ดูเหมือนบ้านหลังนี้คงเป็นนรกของเธอน่าดู” แม้ว่าจะหัวเราะ แต่แววตาของเขาดุดันราวกับมัจจุราชที่กำลังโกรธเลย

“จะคิดแบบนั้นก็ได้ค่ะ”

“เอาสิ ถึงจะเป็นความต้องการที่ดูเกินขนาดตัวเล็กๆ นั่นของเธอ แต่พี่จะรับฟัง มีเงื่อนไข ต้องตอบคำถามวิชาการผ่านด่านนี้ไปให้ได้ สามข้อ...”

“เอาสิเพคะ” เขาจ้องฉันอย่างไม่ลดละ แม้จะไม่มีสายตาดูหมิ่นว่าฉันจะทำไม่ได้ มีเพียงแววตาที่ดูเอาจริงเอาจังขึ้นมา

“การสร้างอาณาจักรบิวกิ้นฮาร์ดขึ้นมาได้ด้วยน้ำพักน้ำแรงของพระเจ้าฮาร์ดที่หนึ่งนั้น สิ่งใดผิด”

“ตัวพระองค์เองค่ะ”

“อาณาจักรใดบ้างที่ทำการลับโดยเป็นนกต่อให้ประเทศราชทางฝั่งเหนือในระหว่างช่วงสงคราม”

“ทุกอาณาจักร...”

“....”

“...เมืองโกเบิร์ด เสียเอกราชได้อย่างไร”

“.....”

“เป็นอะไรไป เจ้าไม่รู้คำตอบของข้อนี้ใช่ไหม น้องพี่”

“ไม่ใช่แบบนั้นค่ะ...คำตอบคือ เพราะไอ้ขุนนางชั่วมันเสี้ยมราชาโกเบิร์ดผู้แสนโง่เขลา ถึงได้ไปเชื่อคำพูดขุนนางและไม่ตัดสินใจเรื่องราวโดยเห็นแก่ประเทศจนต้องตกไปเป็นของพวกชาวตะวันออก...ไม่แน่ว่า ไอ้ขุนนางนั่นอาจจะมีเชื่อสายของชาวตะวันออกทำให้มันเกิดรักชาติขึ้นมาจึงหักหลังอาณาราษฎรภายในชาติที่ตัวเองตนเองอยู่...นี่คือคำตอบของน้องค่ะ”

“...............”

“.....”

“พี่จะส่งจดหมายเดี๋ยวนี้ พรุ่งนี้น้องเก็บของเตรียมตัวออกเดินทางได้”

เลือกตอน
เลือกตอน

อัพเดทถึงตอนที่ 4

กกาวน์โหลดทันที

ชอบผลงานนี้ไหม? ดาวน์โหลดแอพ บันทึกการอ่านของคุณจะไม่สูญหาย
กกาวน์โหลดทันที

โบนัส

ผู้ใช้ใหม่ที่ดาวน์โหลดแอพสามารถปลดล็อค 10 ตอนได้ฟรี

รับ
NovelToon
เปิดประตูต่างภพ
เพื่อวิธีการเล่นเพิ่มโปรดดาวน์โหลดMangatoon APP!