หน้า19-20

...******* 19 *********...

คำพูดของฮวาเฉิง เซี่ยเหลียนจึงรู้สึกว่า วันหลังของเขาก็คือวันหลัง ต้องกระทำ ตามที่รับปากอย่างแน่นอน ทำเอารู้สึกตั้งตารอคอยขึ้นมานิด ๆ เสียด้วยซ้ำ

“ได้ เช่นนั้นก็รอจนเจ้าเห็นว่าถึงเวลา ค่อยให้ข้าดูก็แล้วกัน ตอนนี้ พักผ่อนกันก่อนเถอะ” เซี่ยเหลียนกล่าวพร้อมรอยยิ้ม

วุ่นวายมาครึ่งค่อนคืน เขาโยนความคิดที่จะทำกับข้าวทิ้งไปนานแล้ว จากนั้นล้มตัวลงนอนบนเสื่ออีกครั้ง ฮวาเฉิงก็นอนลงตาม แต่ไม่ว่าผู้ใดก็ดูจะ ไม่เก็บไปคิดแม้แต่น้อยว่าเหตุใดหลังจากที่เปิดเผยสถานะตัวตนกันแล้ว หนึ่ง ขุนนางเทพกับหนึ่งผีจึงยังสามารถเอนกายนอนร่วมเสื้อเก่าขาดผืนเดียวกัน ทั้งยังพูดคุยเรื่องตลกไร้สาระกันได้อยู่

บนเสื่อฟางไร้หมอนหนุนศีรษะ ฮวาเฉิงนอนหนุนแขนตนเอง เซียเหลียน ก็หนุนแขนตัวเองเลียนแบบเขา ชวนคุยไปเรื่อยเปื่อย “ภพผีของพวกเจ้าดูช่าง สบายดีแท้ ไม่ต้องไปรายงานตัวกันเลยหรือ"

ฮวาเฉิงไม่เพียงเอาแขนหนุนศีรษะ ยังขันเข่าขึ้นมาด้วย “รายงานตัว อะไรรี ก็ข้าใหญ่สุดแล้ว อีกอย่างต่างก็เป็นอิสระไม่ขึ้นต่อกัน ไม่ว่าใครก็ไม่อาจ ควบคุมใครได้"

ที่แท้ภพผีก็เต็มไปด้วยวิญญาณโดดเดี่ยวผีพเนจรที่แสนจะวุ่นวาย ไร้ก็กไร้กอกลุ่มหนึ่ง

“ที่แท้เป็นเช่นนี้เอง ข้ายังเข้าใจว่าพวกเจ้าก็อยู่ภายใต้กฎระเบียบ อันหนึ่งอันเดียวกันเหมือนสวรรค์ชั้นบนเสียอีก หากเป็นดังว่า เจ้าเคยเห็น ราชาผีตนอื่นหรือไม่"

"เคย"

“ผีเขียวชีทรงก็เคยเห็นหรือ"

"ท่านหมายถึงเศษสวะรสนิยมต่ำนั่นน่ะหรือ"

เซี่ยเหลียนนึกในใจว่า "พูดแบบนี้จะให้ข้าตอบอย่างไรล่ะนี่ ใช่ หรือว่า ไม่ใช่" ดีที่ไม่ต้องให้เขาตอบ ฮวาเฉิงก็กล่าวขึ้นมาเสียก่อน “เคยไปทักทาย แต่ มันหนีไปได้"

...******** 20 ********...

เซียเหลียนคิดว่า การ “ทักทาย” นี้ จะต้องไม่ใช่การกล่าวทักทายแบบ ธรรมดาแน่ จริงดังคาด ฮวาเฉิงตอบด้วยน้ำเสียงสบาย ๆ ว่า “แล้วก็เลยได้ ฉายา “พิรุณโลหิตเชยบุปผา มาอย่างไรเล่า"

เซียเหลียน "..."

ที่เขาเคยเล่าก่อนหน้านี้ว่าไปทลายรังของผีอีกตนหนึ่งมา ที่แท้หมายถึง ผีเขียวชีทรงนี่เอง ส่วนคำว่า "ทักทาย” ก็น่าจะหมายความว่าใช้เลือดล้าง เซี่ยเหลียนนึกในใจว่า “การทักทายนี้ช่างทักได้ไม่ธรรมดาสามัญโดยแท้ เขาเอามือลูบคางพลางกล่าว “ผีเขียวชีทรงเป็นอริกับเจ้าหรือ”

“เป็นอริกันด้วยเรื่องใด"

“เห็นมันแล้วเกะกะลูกตา"

เซี่ยเหลียนหัวเราะไม่ได้ร้องไห้ไม่ออก นึกในใจ หรือที่เจ้าท้าประลอง ขุนนางเทพสามสิบสามองค์ด้วยตัวคนเดียวก็เพราะเห็นพวกเขาแล้วเกะกะ ลูกตาเหมือนกัน?” หากปากก็กล่าวไปว่า “สวรรค์ชั้นบนมีขุนนางเทพบาง องค์บอกว่าเขารสนิยมต่ำช้าน่ารังเกียจ แม้กระทั่งภพผีก็ยังรังเกียจเขา หรือ จะเป็นความจริง”

“จริงสิ พรายกาฬก็รังเกียจเขามากเช่นกัน” ฮวาเฉิงตอบ

“พรายกาฬคือผู้ใด” จากนั้นเซี่ยเหลียนก็นึกขึ้นมาได้ “คือพรายกาฬ จมนาวาผู้นั้นน่ะหรือ"

“ถูกต้อง เขามีอีกชื่อว่า “พรายกาพผีดำ" ด้วย"

เซี่ยเหลียนนึกออกแล้ว พรายกาฬผีดำท่านนี้ก็เป็นระดับ “มหากาฬ" เช่นกัน ทว่าผีเขียวชีทรงเป็นได้แค่ “เกือบมหากาฬ” ที่ถมจำนวนให้ครบสี่ เท่านั้น เซี่ยเหลียนจึงถามอย่างสนอกสนใจ “เจ้าสนิทกับผีดำผู้นี้หรือไม่”

ฮวาเฉิงตอบเนือย ๆ “ไม่สนิท ข้า มิได้สนิทกับใครในภพผีเท่าไรนัก เซี่ยเหลียนนึกประหลาดใจ “เป็นเช่นนี้หรือ ข้ายังนึกไปว่าเจ้าน่าจะมี

¹ดำ ในที่นี้ คือคำว่า เสวียน (字) แปลว่า สีดำ และยังแปลได้ว่าลี้ลับ ลึกล้ำ

เลือกตอน

กกาวน์โหลดทันที

ชอบผลงานนี้ไหม? ดาวน์โหลดแอพ บันทึกการอ่านของคุณจะไม่สูญหาย
กกาวน์โหลดทันที

โบนัส

ผู้ใช้ใหม่ที่ดาวน์โหลดแอพสามารถปลดล็อค 10 ตอนได้ฟรี

รับ
NovelToon
เปิดประตูต่างภพ
เพื่อวิธีการเล่นเพิ่มโปรดดาวน์โหลดMangatoon APP!