ถึงจะไม่ค่อยได้แชตคุยกันในช่วงเวลากลางคืน
เพราะณัฐดลต้องสร้างความไว้ใจจากมินตรา แต่ในตอนเช้าเขาก็รีบไปเจอแพรวาตามปกติ เพราะไม่อยากให้แพรวารู้สึกว่าเขาได้เธอแล้ว
แล้วจะทิ้งเธอไปอย่างที่แม่สาวน้อยพร่ำพูด
"เย็นนี้เราไปกินข้าวด้วยกันได้ไหมคะ
แพรอยากกินข้าวกับพี่ณัฐตอนเย็นบ้าง" ความหนักใจเกิดขึ้นอีกครั้ง
เพราะแพรวานั้นเมื่อตกเป็นของเขาแล้ว เธอก็มีความต้องการที่จะอยู่ใกล้ๆ
กับเขาเป็นธรรมดา ณัฐดลเองก็ไม่ต่างกัน
นับวันก็ยิ่งรู้สึกรักสาวนักศึกษาคนนี้เขาไปทุกที
“ได้สิ” ณัฐ ไม่กล้าขัดใจแพรวา
เพราะแค่เขาลดระยะเวลาคุยกับเธอ ในช่วงที่อยู่กับมินตราลง
ก็เป็นห่วงความรู้สึกของอีกฝ่ายจะแย่ ถึงเขาจะได้เธอแล้ว
แต่ก็ไม่ได้รู้สึกเบื่อเลยแม้แต่น้อย
กลับกันเขากลับรู้สึกยิ่งรักยิ่งหลงเธอมากกว่าเดิม แต่อยากจะได้เธอซ้ำๆ ทั้งที่กับมินตราไม่ได้ทำเรื่องแบบนี้กันนานแล้ว
อาจจะเพราะแพรวายังใหม่
และเธอก็เด็กกว่ามินตราหลายปี จึงพอจะยับทำให้เขาตื่นเต้นและใจเต้นแรงได้พอสมควร
“ถ้างั้น เลิกเรียนแล้ว แพรจะรอพี่ณัฐนะคะ”
สาวน้อยกล่าวอย่างอารมณ์ดี และยิ้มกว้างให้กับคนตรงหน้า
เธอไม่รู้เลยสักนิดว่าในตอนนี้ ณัฐดลกำลังเครียดแค่ไหน
เมื่อวานเขาก็ทำผิดแผนไปแล้วรอบหนึ่ง
พลาดท่าจนทำให้มินตรารู้เข้า ว่าเขาออกไปข้างนอก แม้จะไม่ได้ถูกจับได้
แต่ก็เชื่อว่ามินตราคงกำลังระแคะระคายอยู่ไม่น้อย
ณัฐยิ้มอ่อนโยนให้แพร
แม้ในใจจะรู้สึกกังวลเล็กน้อย
"ดีมากครับ
ไว้พี่จะโทรหาน้องแพรอีกทีตอนเลิกงานนะคะ" แม้จะมีเรื่องยุ่งยากรออยู่
แต่เขาก็อยากจะทำให้แพรวามีความสุขให้ได้
'วันนี้เลิกงานช้านะ เราทำโอที' ณัฐดลส่งข้อความหามินตรา
เมื่อรับปากกับแพรวาไปแล้วว่าจะไปกินข้าวมื้อเย็นกับเธอ
หญิงสาวมองข้อความของแฟนหนุ่ม
และรู้สึกว่ามันแปลก เพราะเธอเคยเกลี้ยกล่อมให้ณัฐดลทำโอทีมาก่อน
แต่เขายืนยันว่าจะไม่ทำมาโดยตลอด
“ทำไมทำหน้าแบบนั้นล่ะมิน”
เพื่อนของมินตราซึ่งกำลังนั่งกินข้าวเช้าอยู่ด้วยกันเอ่ยถาม
คนถูกถามพยายามสลัดความสงสัยออกจากหัว
และมองว่าการที่ณัฐดลคิดอยากทำงานมันก็เป็นเรื่องที่ดีแล้ว
“เปล่าไม่มีอะไร ตอนแรกคิดว่าสั่งข้าวผิด”
เธอพูดแก้ตัวก่อนจะตอบกลับข้อความของแฟนหนุ่ม
‘โอเค’
ตอนเย็นมาถึง
ณัฐดลขับรถไปรอรับแพรวาตามที่ได้ส่งข้อความไปนัดหมายเอาไว้
เขาเฝ้ามองหาหญิงสาวอย่างใจจดใจจ่อ ไม่อยากอยู่ตรงนี้นานๆ ในเวลาแบบนี้
เพราะกลัวคนรู้จักจะมาเจอเข้า จนกระทั่งเห็นแพรวาเดินออกมาพร้อมรอยยิ้มกว้าง
ณัฐดลลุกยืนขึ้นพลางโบกมือส่งสัญญาณให้กับเธอ
"ขอโทษนะคะ ที่ทำให้รอนาน" แพรวาพูดขณะขึ้นมานั่งซ้อนท้ายมอเตอร์ไซค์ของชายหนุ่ม
"ไม่เป็นไรหรอกครับ พี่ยินดีรอ"
ณัฐดลตอบด้วยรอยยิ้ม เขาขับรถไปยังร้านอาหารที่เคยไปด้วยกัน
เพื่อจะได้มีเวลาพูดคุยกับแพรวาอย่างเป็นส่วนตัว และไม่เป็นเป้าสายตาของใคร
ชายหนุ่มขับรถไปจอดให้เรียบร้อย
แล้วพาแพรวาเดินเข้าไปในร้านอาหารเล็กๆ ที่เคยมากันก่อนแล้วหนหนึ่ง
พักงานในร้านต้อนรับพวกเขาอย่างอบอุ่น
ทั้งคู่เลือกอาหารและสั่งเครื่องดื่มเหมือนเคย
"วันนี้เหนื่อยจากเรียนมากไหมคะ"
ณัฐดลเอ่ยถามขณะรออาหาร
"ก็ปกตินะคะ อาจจะเรียนยากขึ้นนิดหน่อย
ถ้าเหนื่อยคงจะเหนื่อยกิจกรรมมากกว่า แล้วพี่ณัฐละคะ" แพรตอบพลางยิ้ม
ก่อนจะถามเขากลับบ้าง
"พี่ก็เหมือนกันครับงานก็ยุ่งๆ
นี่ก็ต้องกลับไปทำโอทีต่อ
ทุกวันนี้หายเหนื่อยได้บ้างก็เพราะได้มาเจอกับน้องแพรนี่แหละ"
เขารีบออกตัวก่อนจะต้องแยกย้าย แพรวาดูสีหน้าไม่ดีนักเมื่อได้ยินแบบนั้น
เธอเริ่มรู้สึกตงิดใจที่ณัฐดลมักจะไม่ว่าง และอ้างว่าติดงานช่วงกลางคืนทุกที
อาหารมาถึง
ทั้งคู่กินอย่างช้าๆ พลางพูดคุยเรื่อยเปื่อย บรรยากาศอบอุ่นเหมือนเคย
ทำให้ณัฐดลลืมความกังวลใจไปชั่วขณะ เขามองสาวน้อยนักศึกษาอย่างเอ็นดู ลึกๆ
ก็รู้สึกขอบคุณอะไรก็ตามที่ทำให้เขาได้พบกับเธอ
แพรวาเองก็รู้สึกดีใจที่ได้มาใช้เวลากับณัฐดล เธอรู้สึกอยากจะมีช่วงเวลาแบบนี้ต่อไปนานๆ
แต่ก็ต้องยอมเข้าใจเมื่อเขายกเอาเรื่องงานมาอ้าง
“พรุ่งนี้เจอกันที่เดิมนะคะ”
เมื่อถึงเวลาที่ต้องแยกย้ายกับแพรวาที่บ้านของเธอ
ณัฐดลเพิ่งจะนึกได้ว่าเขาต้องรีบกลับห้อง เพราะตอนนี้ดูจะดึกแล้ว
หลังจากกินข้าวอิ่มแพรวาก็ชวนเขาไปนั่งเล่นที่บ้านต่อ
เพราะวันนี้พ่อแม่ของเธอยังไม่กลับมาบ้าน และแน่นอนว่าพวกเขาทั้งสองมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งกันอีกครั้ง
จนณัฐดลลืมเวลากลับอีกตามเคย
“ได้ค่ะ เดี๋ยวพี่ต้องรีบเข้าออฟฟิศแล้วนะ
จะไม่ทันแล้ว” ณัฐดลรีบออกตัว
“ค่ะ” แม่สาวนักศึกษาเดินเข้ามาหาชายคนรัก
ก่อนจะเขย่งตัวเข้าไปหอมแก้มเขาอย่างไม่อายฟ้าดิน
“แพรรักพี่ณัฐนะคะ” เธอบอกกับเขา
“พี่ก็รักแพรค่ะ แล้วเจอกันนะคะ”
ถึงจะอยากอยู่ต่ออย่างไร ณัฐดลก็ต้องรีบกลับแล้ว เขาขับรถจากบ้านของแพรวา
ผ่านการจราจรที่ติดขัด แม้จะเร่งอย่างไรก็เร็วได้เท่านั้น
ช่วงเวลากลับบ้านเป็นช่วงเวลาที่รถบนถนนเส้นที่ต้องขับผ่าน ค่อนข้างจะติด
แต่นี่ก็ถือเป็นเรื่องที่ดี
เพราะเขาจะได้เอามาใช้เป็นข้ออ้างกับมินตราแฟนสาวของเขาได้
ณัฐดลแวะซื้อของกินติดมือไปด้วย
เผื่อเอาไว้กันท่าหากแฟนของเขาบ่นใส่
แล้วก็จะได้อ้างได้ด้วยว่าแวะซื้ออะไรกินระหว่างทางแล้ว
เพราะข้าวที่กินไปกับแพรวายังอิ่มอยู่
เมื่อกลับมาถึงห้องชายหนุ่มกลับพบว่าไฟยังไม่ได้เปิด
ข้าวยังไม่ได้หุง และสภาพห้องก็ดูเหมือนว่ามินตราจะยังไม่กลับมา
เขาดูเวลาที่นาฬิกาบนผนังห้องอีกครั้งเพื่อความแน่ใจ
“นี่มันก็ดึกแล้วนี่หว่า ทำไมมินยังไม่กลับอีกวะ”
พอคิดแล้วก็รู้สึกเสียวสันหลังวาบขึ้นมา
ไม่ใช่ว่ามินตราแอบไปหาเข้าที่บริษัทหรอกนะ
ในหัวของคนทำผิดก็คิดได้แต่หวาดระแวงเท่านั้น
เขารีบหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดู ก่อนจะเพิ่งนึกได้ว่าตัวเองปิดเครื่องเอาไว้
และเมื่อกดเปิดเครื่องก็พบว่าข้อความมากมายถูกส่งมาจากทั้งมินตราและเพื่อนของเธอ
ทั้งยังมีข้อความการติดต่อที่ไม่สำเร็จจากเบอร์โทรของมินตราอีกจำนวนไม่น้อย
ชายหนุ่มเริ่มรู้สึกไม่ปกติ
เขารีบโทรกลับไปหามินตราทางไลน์ของเธอ แต่ก็ไม่สามารถติดต่อได้
จนต้องเปลี่ยนไปโทรตรงทางเบอร์โทรศัพท์ก็ไม่ติดอีกเช่นกัน
ชายหนุ่มพยายามตั้งสติก่อนจะเลือกโทรกลับไปหาเบอร์ของเพื่อนมินตราที่โทรเข้ามาหาเขา
“ฮัลโหลเมย์ พี่โทรหามินไม่ติดเลย
มินเป็นอะไรหรือเปล่า”
“มินอยู่โรงพยาบาลน่ะพี่
มันโดนรถชนตรงหน้าบริษัทตั้งแต่เลิกงานแล้ว แต่ติดต่อพี่ไม่ได้เลย
โทรไปหาคนที่ออฟฟิศพี่เขาก็บอกว่าเลิกงานตั้งนานแล้ว แยกกันกลับหมดแล้ว”
เสียงจากปลายสายทำณัฐดลชาวาบไปทั้งตัว เขาไม่ได้ตกใจที่มินตราประสบอุบัติเหตุ
แต่ตกใจเรื่องที่มีคนโทรไปหาคนที่ทำงานต่างหาก
“เออ...เรื่องมันยาว
ยังไงพี่ขอที่ที่พี่จะไปหามินหน่อยได้ไหม”
“อ๋อได้ๆ เดี๋ยวเมย์ส่งให้ในแชตนะ”
พูดจบก็วางสายจากกันไป ณัฐดลยังคงพยายามคิดหาคำแก้ตัว โดยไม่ได้สนใจเลยสักนิด
ว่ามินตราจะเจ็บมากน้อยแค่ไหน
ณัฐดลกลับมาที่ห้องพักคนป่วย
และเห็นว่ามินตรานอนหลับไปแล้ว จึงได้เข้าไปอาบน้ำในห้องน้ำ
แล้วเอาโทรศัพท์ชาร์จแบตไว้ที่ปลั๊กตรงโซฟา แต่เมื่อเขาทำทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว
และเดินออกมาจากห้องน้ำก็ต้องตกใจ
เมื่อเห็นมินตราแฟนสาวของตัวเองนั่งกินขนมอยู่บนเตียงคนป่วย
“กลับมาตอนไหนเหรอ” เมื่อเธอเห็นเขา จึงได้เอ่ยถาม
“สักพักแล้วล่ะ
พอดีเราเห็นว่ามินหลับอยู่ก็เลยไม่ได้กวน” ปากพูดอยู่กับมินตรา
แต่สายตานั้นมองไปทางโทรศัพท์อยู่ตลอด แม้ว่ามินตราจะทำเป็นเหมือนไม่ได้มองหน้าเขา
แต่เธอก็เห็นและรับรู้
“เราได้ยินเสียงเหมือนมีคนโทรเข้ามาในโทรศัพท์ของณัฐน่ะ
ก็เลยสะดุ้งตื่นขึ้นมา” เธอแกล้งว่า
ร่างสูงของณัฐดลพุ่งไปหยิบโทรศัพท์ที่ชาร์จอยู่อย่างทันที
“เราไม่ได้ดูให้หรอกนะว่าใครโทรมา
พอดีว่ายังเจ็บขาอยู่” มินตราพูดต่อ ชายหนุ่มลอบถอนหายใจ
แต่พอกดดูก็ไม่พบว่าหมายเลขที่ไม่ได้ตอบรับ ตามคำกล่าวอ้างของมินตราเลย
“ไม่เห็นมีเลยมิน” เขาว่า
“เหรอ สงสัยมินจะฝัน แต่...ณัฐดูเหมือนกลัวจะมีใครโทรมานะ”
วินาทีนั้นเองที่ณัฐดลรู้สึกตัว ว่ามินตรากำลังจับพิรุธของเขาอยู่
“จะบ้าเหรอ เรากลัวพี่ที่ทำงานโทรมาน่ะ
เห็นตอนก่อนแยกกันพี่เขาบอกว่าถ้าพรุ่งนี้มีงานอีกจะโทรมาบอก”
มินตรายิ้มออกมาด้วยความรู้สึกสมเพชตัวเอง นี่เธอไม่เคยรู้มาก่อนเลยว่า
ณัฐดลจะโกหกเก่งขนาดนี้ แม้ว่าตอนนี้เธอจะยังจับไม่ได้ ไม่มีหลักฐานอะไร
แต่ก็มั่นใจแล้วว่าเขากำลังมีคนอื่นอยู่จริงๆ
“ถ้างั้นเรานอนก่อนนะ สงสัยยาจะออกฤทธิ์อีกแล้ว”
เธอหันไปบอกกับเขา
“นอนเถอะ ร่างกายกำลังเจ็บแบบนี้ พักผ่อนเยอะๆ
จะได้ฟื้นตัวเร็ว” ชายหนุ่มพูดพลางเดินเข้ามาช่วยห่มผ้าให้กับคนเจ็บ
เธอมองหน้าเขาด้วยสายตาที่ปวดร้าว ขอบตาร้อนราวกับจะร้องไห้ออกมาให้ได้
แต่มันก็จุกเหลือเกิน จุกอยู่ที่กลางอกข้างซ้ายจุกจนน้ำตาไม่อาจจะไหลออกมาได้
“ณัฐก็อย่านอนดึกนะ
พรุ่งนี้ต้องพาเราไปตรวจร่างกายรอบที่สอง
แล้วก็...ณัฐพอจะลางานสักวันได้หรือเปล่า” มินตราถามอย่างเกรงใจ
เธอรู้สึกว่าเขามีความสุขกับการออกไปทำงานเหลือเกิน จึงกล้าๆ กลัวๆ
ที่จะขอให้เขาหยุดมาช่วยดูแลเธอ
“ได้สิ เดี๋ยวตอนเช้าเราลาหัวหน้าก็แล้วกัน
ตอนนี้มินนอนก่อนเถอะ แล้วไม่ต้องกังวลอะไรทั้งนั้น เราอยู่ตรงนี้
เราจะดูแลมินเองโอเคไหม” มินตราพยักหน้ารับช้าๆ
แต่ใจของเธอนั้นไม่รับรู้ถึงความห่วงใยจากเขาอีกแล้ว
ณัฐดลนั่งเฝ้าแฟนสาวของตัวเองจนเธอหลับ
เขาเล่นเกมอยู่สักพักจนแน่ใจว่าเธอหลับสนิทแล้ว
จึงได้ถือโทรศัพท์ออกไปโทรหาแพรวาข้างนอก
“เพิ่งเลิกงานเหรอคะ” ทันทีที่ปลายสายกดตอบรับ
เสียงหวานก็เอ่ยถาม
“ค่ะ เหนื่อยมาก แล้วก็ง่วงมากด้วย”
“แล้วนี่กลับบ้านหรือยังคะ หรือว่าเพิ่งออกจากออฟฟิศ”
“เอ่อ...เพิ่งขับรถกลับถึงบ้านค่ะ
พอดีพี่ง่วงมากเลยตั้งใจว่าถึงบ้านแล้วค่อยคุยกับแพรดีกว่า”
เขาเดินคุยโทรศัพท์อยู่ที่ทางเดินไม่ไกลจากห้องพักคนป่วยนัก
สายตาก็คอยมองดูอยู่ตลอดว่ามินตราแอบตามมาหรือเปล่า แต่ใจก็ไม่คิดว่าเธอจะตามมาไหว
เพราะขาของเธอดูเหมือนจะหัก ทำให้เดินได้ค่อนข้างลำบาก
“เมื่อไหร่จะเช้านะ แพรคิดถึงพี่แล้ว
อยากเจอหน้าพี่เร็วๆ จัง” เมื่อสาวน้อยของเขาพูดขึ้นมาแบบนั้น
ณัฐดลก็เพิ่งจะนึกขึ้นมาได้ ว่าพรุ่งนี้เขาต้องอยู่ดูแลมินตราที่โรงพยาบาล
“เอ่อ...พรุ่งนี้พี่ต้องพาแม่ไปหาหมอน่ะสิ
ลาหัวหน้าเอาไว้แล้วด้วย”
“อ้าว! แสดงว่าพรุ่งนี้เช้าแพรก็จะไม่ได้เจอพี่น่ะสิ”
หญิงสาวร้องขึ้น
“พี่ก็อยากเจอแพรเหมือนกัน แต่แม่พี่จะให้พาไปหาหมอ
น้องแพรเข้าใจพี่นะ” หญิงสาวเงียบไปครู่หนึ่งก่อนจะตอบ
“ก็ได้ แต่ตอนเย็นพี่ต้องมาหาแพรนะ” เธอพูดต่อรอง
ณัฐดลค่อนข้างหนักใจ แต่ก็คิดจะรับปากไปก่อนแล้วค่อยหาข้ออ้างเอาทีหลัง
“คุณคะ รบกวนออกไปคุยข้างนอกได้หรือเปล่า
เสียงมันดังรบกวนคนไข้ค่ะ” เสียงพยาบาลเดินเข้ามาบอกกับณัฐดล
ทำให้เขาตกใจแต่ก็พยักหน้ารับ
“เสียงอะไรน่ะพี่ณัฐ”
“เสียงข้างบ้านน่ะ น้องแพรยังไงแค่นี้ก่อนนะ
พี่ง่วงมากแล้ว”
“อีกแล้ว แพรยังไม่หายคิดถึงพี่เลย”
“พี่ก็คิดถึงแพรค่ะ
แต่พรุ่งนี้พี่ต้องขับรถพาแม่ไปโรงพยาบาลแต่เช้า แพรเข้าใจพี่นะ”
“ค่ะๆ แพรรักพี่นะ”
“พี่ก็รักแพรค่ะ” หลังจากวางสาย
ณัฐดลก็เก็บโทรศัพท์ใส่กระเป๋ากางเกง แล้วเดินกลับไปที่ห้องพักคนป่วย
ปรากฏว่าเขาเจอมินตรานั่งรออยู่ที่โซฟา ชายหนุ่มค่อนข้างตกใจ แต่ก็พยายามตั้งสติ
“ทำไมมินมานั่งอยู่ตรงนี้ล่ะ”
“เราตื่นขึ้นมาไม่เจอณัฐ พอเดินไปดูที่ห้องน้ำก็ไม่มี
เรียกหาก็ไม่ตอบ ก็เลยเดินออกไปดูข้างนอกมา”
เธอพูดถึงแค่ตรงนี้ชายหนุ่มก็เสียวสันหลังวาบ
“เราเห็นณัฐยืนคุยโทรศัพท์อยู่ คุยกับใครเหรอ”
ชายหนุ่มนิ่งไปครู่หนึ่ง ก่อนจะนึกข้ออ้างออก
“เอ่อ...ก็พี่ที่ทำงานที่เราบอกไง
ว่าเขาจะโทรมาบอกถ้ามีงาน”
“ทำไมพี่เขาโทรมาดึกนักล่ะ”
“ก็พี่เขาเพิ่งดีลงานได้น่ะสิ นี่มินไม่เชื่อเราเหรอ”
เมื่อเห็นว่ามินตราพยายามยิงคำถามใส่ เขาจึงต้องรีบตัดบท ก่อนที่มันจะถึงทางตัน
“เราไม่ได้ไม่เชื่อ
แค่รู้สึกว่าพี่คนนี้ไม่มีมารยาทเอาซะเลยนะ ที่โทรมาคุยเรื่องงานดึกขนาดนี้”
มินตราเองก็พยายามโกหกเขาว่าเธอรู้ไม่ทัน เพราะอยากจะเคลียร์ตอนมีหลักฐานทีเดียว
“นี่มันเรื่องงานนะมิน
เรากำลังทำเพื่ออนาคตของพวกเราอยู่ มินอยากจัดงานแต่งงานไม่ใช่หรือไง
เราพยายามทำงานให้หนักขึ้น เพื่อที่จะได้หาเงินไปขอมินจากครอบครัวมินให้ได้
อยากพิสูจน์ให้พวกท่านเห็น ว่าเราดูแลมินได้” ถ้าเป็นแต่ก่อนมินตราก็คงมีความสุข
กับคำพูดพวกนี้ของเขา
แต่เพราะดันรู้หมดแล้วว่าความจริงคืออะไร
ขาดก็แค่หลักฐานที่จะเอามายืนยัน
เพื่อให้ตัดความสัมพันธ์ได้อย่างเด็ดขาดก็เท่านั้น
ความรู้สึกในตอนนี้มันแหลกเหลวไปหมดแล้ว ถึงจะยังรักแต่มันก็เจ็บเกินกว่าจะให้อภัย
“โอเค เรานอนจริงๆ แล้วล่ะ ดึกมากแล้ว
ถ้าณัฐจะไปไหนก็ไลน์บอกเราหน่อยนะ อย่างน้อยตื่นขึ้นมาไม่เจอ
เราจะได้เปิดไลน์อ่าน” เธอกล่าวก่อนจะเดินขึ้นเตียงนอน
ณัฐดลรู้สึกโล่งใจที่เคลียร์ได้
แต่เขาไม่รู้เลยว่าโทรศัพท์มันกดโทรกลับไปหาแพรวา
และเธอก็รับสายและได้ยินทุกอย่างหมดแล้ว แพรวากดวางสายจากณัฐดลด้วยความรู้สึกช็อก
ทุกอย่างที่ได้ยินมันชัดเจนมากจริงๆ ว่าแฟนหนุ่มของเธอ มีผู้หญิงอีกคนอยู่แล้ว
***ดาวน์โหลด NovelToon เพื่อเพลิดเพลินไปกับประสบการณ์การอ่านที่ดียิ่งขึ้น!***
อัพเดทถึงตอนที่ 22
Comments