เอริสออกมาจากห้องพลางถอนหายใจเบาๆ
"เกือบไปแล้ว เกือบไปแล้ว"
พลางเอามือกุมหน้าอกแล้วหอบหายใจใบหน้าแดงระเรื่อหัวใจเต้นระรัว หากเบลาไม่เข้ามาซะก่อนมันอาจจะไปไกลกว่านั้นก็ได้
"ให้ตายสิฉันมาทำงานไม่ได้มาทำเรื่องอย่างว่าสักหน่อย"
เอริสเอ่ยเตือนตัวเอง พลางวิ่งลงบันไดไปแต่ก็ต้องหยุดชะงักเมื่อมองเห็นร่างคุ้นตายืนจังก้าตรงโถงทางเดินพร้อมค้อนมหึมาในมือ
"อีตาบ้ากวนประสาทคนนั้นอีกแล้ว"
เอริสเดินลงไปด้วยความเงียบกริบยังดีที่เขาหันหลังให้ เธอยังพอเลี่ยงที่จะไม่เสวนากับเขาได้
"แขกมาบ้านทั้งทีไม่ต้อนรับสักหน่อยเหรอ
ให้ตายสิ อัลซิน่าสอนเด็กรับใช้แบบนี้เหรอ
ใช้ไม่ได้เลยจริงๆ"
น้ำเสียงยียวนดังมาขณะที่เอริสคิดว่าจะรอดจากสายตาของชายคนนั้นแล้ว แต่สุดท้ายก็หนีไม่พ้นสิน่า
"ฉันมีงานที่ต้องรีบไปจัดการค่ะ"
เอริสเอ่ยพลางหันไปโค้งทำความเคารพชายคนดังกล่าวเล็กน้อย
"งั้นเหรอ ....งานอะไรกันนะที่ทำให้เธอไม่มีมารยาทกับแขกผู้มาเยือนขนาดนี้"
เขาเอ่ยขณะเดินแบกค้อนเข้ามาในคฤหาสน์คนอื่นทั้งยังทำตัวดูอันธพาล จะเป็นใครไปได้นอกจากชายที่ชื่อว่า คาร์ล ไฮเซนเบิร์ก
"ฉันไม่คิดว่าคนที่แบกค้อนเหล็กหนักหลายปอนด์เข้ามาในบ้านคนอื่น จะเคร่งเรื่องมารยาทมากขนาดนี้ ต้องขออภัยด้วยนะคะ"
เอริสเอ่ยพลางยกยิ้มทำเอาไฮเซนเบิร์กยิ้มไม่ออกก่อนจะหัวเราะแห้งๆออกมาแทน
"เหอะ เหอะ ว๊าว..น่าสนใจจริงๆ"
พลางวางค้อนลงกระแทกกับพื้นคฤหาสน์โครมใหญ่ก่อนจะเดินมาใกล้เอริสแล้วกระซิบว่า
"อัลซิน่ารู้รึเปล่าว่าสาวใช้อย่างเธอพกปืนไว้ใต้กระโปรงด้วย"
ประโยคต่อมากลับทำให้เอริสเสียวสันหลังวาบก่อนจะหันกลับไปมองแขกผู้มาเยือนตาขวาง
"อย่ามองฉันด้วยสายตาแบบนั้นสิ..สาวน้อย
ฉันไม่ฟ้องพี่สาวจอมยโสของฉันคนนั้นหรอกน่า"
ไฮเซนเบิร์กเอ่ยพลางยกยิ้มที่ปกคลุมไปด้วยหนวดเคราอย่างเจ้าเล่ห์
"ต้องการอะไร"
"ฉันต่างหากที่ต้องถามว่าเธอต้องการอะไร เธอมาทำอะไรที่นี่ ถ้าเธออยากรู้ฉันจะบอกให้ แต่ถ้าเธอรู้ฉันกลัวว่าเธออาจจะมีชีวิตสั้นกว่าที่คิด"
"พูดเรื่องอะไรกัน จะฆ่าฉันงั้นเหรอ"
ประโยคสนทนาของเธอและเขาเริ่มเบาลงราวกับว่ากลัวว่าใครจะมาได้ยินเข้า
"ไม่...ไม่ใช่ฉัน เจ้านายของเธอต่างหาก
ไม่สงสัยเหรอว่า...สาวใช้ที่หายไปก่อนหน้าต้องเจอกับอะไร แต่วางใจเถอะถ้าเธอรู้ เธออาจจะฆ่าตัวตายก่อนที่ตัวเองจะถูกฆ่าด้วยซ้ำ"
"ที่ฉันสงสัยคือคุณรู้ได้ยังไง...
ว่าฉันซ่อนปืนไว้ต่างหาก"
"ว๊าว...ฉลาดใช้ได้ น่าสนใจจริงๆ ถ้าอยากรู้ละก็..
"ไฮเซนเบิร์ก...นายมาทำอะไรที่นี่"
หากแต่เสียงทรงพลังก็ดังมาจากชั้นบนเสียก่อนทำเอาเอริสรีบถอยห่างจากชายคนนั้นตามสัญชาตญาณ ก่อนที่เขาจะเงยหน้าขึ้นไปยิ้มยียวนให้เจ้าบ้านแทนการกวนประสาทสาวใช้เช่นเอริส
"ทำไม...ถึงคุณแม่มิแรนด้าจะยกที่นี่ให้เธอแล้วฉันจะมาไม่ได้งั้นเหรอ อัลซิน่า"
"นั่นสินะ...มันก็ไม่แปลกเท่าไหร่หรอกสำหรับเด็กไร้มารยาทและต่ำช้าอย่างนาย ที่เข้ามาบ้านฉันแถมทำกระเบื้องฉันแตกเสียอีก ฉันต้องขอบใจจริงๆ"
เสียงเย็นเยือกเอ่ยดูเหมือนเธอคนนั้นจะโกรธทุกครั้งที่เจอหน้ากับไฮเซนเบิร์กสินะ คงจะเกลียดมากจริงๆ
"โอ้..ต้องขอโทษด้วยก็แล้วกัน"
"แล้วเธอ ลิลลี่ทำไมถึงมาอยู่ตรงนี้ได้ฉันนึกว่าเธอจะรอรับคำสั่งฉันอยู่ที่หน้าประตูซะอีก นี่เธออยากมารับใช้น้องชายของฉันมากกว่าเหรอ"
ไม่ใช่แค่ไฮเซนเบิร์กเสียแล้วที่ถูกมองด้วยสายตาเย็นชาตอนนี้เอริสเองก็ไม่ต่างกันถูกมองด้วยสายตาที่รู้สึกถึงความไม่พึงพอใจแบบนี้ จากคนคนนี้ทำให้เธอรู้สึกร้อนๆหนาวๆขึ้นมาทีเดียว
"ฉันแค่เดินผ่านมาเจอเขาเท่านั้นค่ะ"
เอริสเอ่ย
"ไม่ต้องมาโกหก ลิลลี่ฉันไม่คิดว่าแค่เจอกันแป๊บเดียวเธอกับไฮเซนเบิร์กจะสนิทกันมากกว่าที่ฉันคิดซะอีก"
"อัลซิน่า
เธอก็แค่ออกมาต้อนรับฉันในฐานะแขกก็เท่านั้น"
ไฮเซนเบิร์กเอ่ยแทรกนอกจากจะไม่ช่วยอะไรแล้วก็เหมือนกับเขากำลังช่วยเผาเอริสที่กำลังนั่งอยู่บนกองไฟที่ลุกไหม้ด้วยการโยนถังน้ำมันลงไปในกองไฟที่ลุกไหม้นั้น
เลดี้ดิมิเทรสกูมองหน้าน้องชายจอมกวนกับเอริสสลับกันไปมาด้วยแววตาเย็นชา นั่นไม่ดีเอาซะเลย
ดูเหมือนการที่ไฮเซนเบิร์กเข้ามามีเอี่ยวกับเรื่องของเธอจะยุ่งยากกว่าที่คิดซะแล้ว
"ฉันไม่เคยเห็นแขกที่ไหนใกล้ชิดกับสาวใช้บ้านอื่นที่ไม่ใช่คนของตัวเองมากขนาดนี้มาก่อน ถ้าอยากได้ก็ไปหาเองสิ แต่อย่างว่าอย่างนายคงหาสาวใช้น่ารักแบบนี้ไม่ได้หรอก"
"พอเถอะค่ะ ถ้าไม่มีอะไรแล้วฉันขอตัวไปช่วยงานคนอื่นๆก่อนนะคะ"
ในที่สุดเป็นเอริสเองที่หมดความอดทนที่จะต้องยืนอยู่ท่ามกลางมรสุมของสองพี่น้องคู่นี้จนต้องเอ่ยออกมาแล้วเดินหนีไป ทำเอาทั้งเลดี้และไฮเซนเบิร์กมองหน้ากันตาปริบๆ
ร่างสูงนั่งลงบนโซฟาตัวใหญ่ขณะที่ไฮเซนเบิร์กเดินตามเข้ามาในห้องพร้อมค้อนอันเบ้อเร่อที่แบกไว้บนบ่า
"ว๊าว...ดูสิเราทะเลาะกันเพราะเรื่องไร้สาระแบบนี้ด้วยเหรออัลซิน่า นั่นเป็นแค่อาหารของเธอนี่"
"เพราะเป็นอาหารของฉัน นายถึงไม่ควรเอามือสกปรกไปแตะต้องเธอ มันจะทำให้อาหารของฉัน เสียรสชาติ"
"แบบนั้นเองเหรอ น่าเสียดายจริงๆ ฉันนึกว่าเธอโกรธเพราะเธอกำลังมีความรู้สึกกับเหยื่อของเธอซะอีก ยังไงก็ตามอย่าให้เหยื่อของเธอมาทำให้พิธีกรรมของคุณแม่ต้องพังก็แล้วกัน วันนี้ที่ฉันมาเพราะคุณแม่มิแรนด้าให้มาคุยเรื่องที่เราต้องทำร่วมกัน"
"หุปปากไปซะไฮเซนเบิร์ก ถ้าจะบอกว่าใครเป็นคนทำให้พิธีกรรมต้องล้มเหลวก็ควรจะเป็นนายไม่ใช่เหรอ นายรักคุณแม่มิแรนด้าขนาดนี้คุณแม่รู้คงดีใจแทบแย่"
"แน่ล่ะ อัลซิน่าใครจะรู้ตอนนี้เธอก็คงจะเริ่มไม่แน่ใจแล้วเหมือนกันว่าคุณแม่จะเขี่ยพวกเราทิ้งเมื่อเธอได้ลูกสาวแท้ๆคืนมา"
"จะทรยศคุณแม่งั้นเหรอ"
"ไม่..ใครบอกกัน ฉันก็แค่พูดตามความจริงอัลซิน่า
เมื่อพิธีสำเร็จ...
เราทั้งหมดก็ไม่จำเป็นสำหรับคุณแม่แล้ว"
"ฉันจะลองคิดดู แต่ถึงยังไงฉันก็ขอเตือนว่าอย่ายุ่งกับเหยื่อของฉัน ไม่อย่างนั้นละก็...
ฉันจะสับแกเป็นชิ้นๆด้วยกรงเล็บของฉัน"
ไม่ว่าเปล่าเลดี้ดิมิเทรสกูยังกางกรงเล็บยาวคมกริบออกมาโชว์เป็นเชิงตักเตือน
"รู้แล้วน่า...ฉันรู้ว่าเธอหวงหล่อน
อัลซิน่า....หล่อนรู้รึเปล่าว่าสุดท้ายแล้วจะต้องกลายเป็นเหยื่อของเธอ เธอต้องการเล่นสนุกกับเหยื่อของเธอรึไง
โรคจิตเกินไปรึเปล่า "
"มนุษย์ต้องเจ็บปวดอยู่แล้ว...."
"ได้ยินแบบนั้นฉันก็ดีใจ อัลซิน่า
หวังว่าเธอจะสนุกกับอาหารของเธอ"
พูดจบไฮเซนเบิร์กก็ยกมือขึ้นบอกลาแล้วเดินออกจากห้องไปพร้อมปิดประตูลง
"หึ...ฉันก็หวังว่าเธอจะอร่อยกับอาหารจานนี้
จนต้องหลั่งน้ำตา อัลซิน่า"
***ดาวน์โหลด NovelToon เพื่อเพลิดเพลินไปกับประสบการณ์การอ่านที่ดียิ่งขึ้น!***
Comments