ไม่รู้ว่านานเท่าไหร่ที่ยืนอยู่ตรงนี้ จุมพิตฝันดีเหรอไม่เคยคิดว่าจะได้รับมันเลยในชั่วชีวิตนี้ เอริสส่ายหน้าขับไล่ความคิดเพ้อฝันที่ผุดขึ้นมา กฎเหล็กของการเป็นสายสืบคือการไม่หวั่นไหวต่อเป้าหมาย หากเผลอใจอ่อนเพราะความรู้สึกชั่วครั้งชั่วคราวอาจจะนำมาซึ่งหายนะได้ในภายหลัง
เธอปิดประตูลงกลอนอีกครั้งก่อนจะดึงเสื้อนอนกระโปรงคลุมยาวออกเผยให้เห็นชุดสีดำพร้อมอุปกรณ์ครบมือ
"เอาล่ะมาดูสิว่าเธอซ่อนความลับอะไรไว้"
เมื่อเตรียมตัวเรียบร้อยเอริสก็ออกจากห้องไปอย่างเงียบกริบยังดีที่คฤหาสน์แห่งนี้มีแสงไฟส่องสว่างพอให้ได้เดินสำรวจ ไฟฉายมีไว้ใช้แค่ยามจำเป็นในที่ๆ มืดมากๆ เท่านั้น ลองคิดดูสิถ้าในคฤหาสน์หลังนี้มืดสนิทแล้วเอริสออกมาจากห้องโดยมีไฟฉายส่องนำทาง แสงสว่างเพียงนิดในความมืดแห่งราตรีกาลสามารถทำให้เธอเป็นจุดสนใจได้อย่างไม่ต้องสงสัย
หลังจากสำรวจอยู่นานก็ไม่ได้ความคืบหน้าเท่าไหร่ทุกห้องที่ล็อคกุญแจไม่สามารถจะใช้เทคนิคในการไขแบบโจรที่เธอฝึกมาได้ เพราะทุกประตูแม่กุญแจมีลักษณะเฉพาะ และห้องใต้ดินที่พวกสาวใช้พูดถึงจนแล้วจนรอดเอริสก็ยังหาทางเข้าไม่เจอ
แสงอาทิตย์เริ่มสาดส่องเข้ามาแล้วท่ามกลางความมืดครึ้มของปราสาทเอริสรู้ดีว่าวันนี้เห็นจะคว้าน้ำเหลวจึงรีบกลับห้องไปก่อนที่จะถูกจับได้
ยังไม่ทันที่จะเปลี่ยนชุดให้เรียบร้อยเสียงกระดิ่งก็ดังขึ้น
"เรียกใช้แต่เช้าเลยแฮะ ยัยคุณผู้หญิงตัวดี"
เอริสหยุดยืนที่หน้าห้องของคนที่สั่นกระดิ่งเรียกเธอตั้งแต่รุ่งสาง ถึงจะบอกว่าไม่หวั่นไหวแต่หัวใจของเธอกลับไม่เชื่อฟังแม้แต่น้อย
"ขออนุญาตค่ะ เลดี้"
"เข้ามาสิ ลิลลี่"
เสียงตอบรับดังลอดมาจากบานประตู เอริสค่อยบิดลูกบิดแม้จะทำใจบ้างแล้วว่าภาพตรงหน้าอาจจะทำให้เลือดกำเดาไหลพอเปิดไปเจอเธอก็ยังทำใจไม่ได้อยู่ดี พลางกลืนน้ำลายลงคอด้วยความยากลำบาก
ร่างงามยังไม่ทันลุกจากเตียงด้วยซ้ำพลางนอนเหยียดยาวเอามือเท้าศีรษะและสูบบุหรี่ควันโขมงท่ามกลางกลุ่มควันขมุกขมัวชายเสื้อตรงหัวไหล่ตกลงไปจนเกือบจะเห็นเต้างามได้ทั้งหมดอยู่รอมร่อ
"เธอคงไม่ได้เรียกฉันให้มามองเธอทำท่าเย้ายวนเช่นนี้หรอกกระมัง"
เอริสคิดก่อนจะก้มหน้าลง
"หลับสบายดีไหม...
ขอโทษที่ต้องรบกวนแต่เช้าแบบนี้"
"ค่ะ หลับสบายดี"
เอริสเอ่ยตอบทั้งที่ความจริงเธอไม่ทันได้นอนเลยสักนิดเดียว
"อย่างงั้นเหรอ แต่ว่าขอบตาเธอคลํ้าอยู่บ้างนะ
คนสวยแบบเธอควรจะดูแลตัวเองให้มากหน่อย"
เลดี้เอ่ยพลางยกยิ้ม
"ดิฉันจนค่ะ
ส่วนใหญ่ก็ทำแต่งานไม่ได้สนใจตัวเอง
ต้องขอโทษด้วยนะคะ"
เอริสเอ่ยพลางโค้งหน่อยๆ เหมือนรู้สึกผิดที่ตัวเองทำตัวไม่สมกับการเป็นสาวรับใช้ในตระกูลที่สูงส่ง
"ไม่เป็นไร ฉันแค่เป็นห่วงกลัวเธอจะไม่สบาย"
เสียงหวานเอ่ยก่อนจะยกบุหรี่ขึ้นมาดูดด้วยริมฝีปากแดงเลือด เอริสขมวดคิ้วหน่อยๆ ไม่ใช่ว่าเธอทาลิปสติกตอนนอนด้วยหรอกนะ หรือริมฝีปากของเธอมันแดงอยู่แล้วกัน
"สนใจเหรอ"
"ห้ะ คะ เลดี้"
เอริสเอ่ยตอบอย่างงงๆ เมื่ออีกคนเอ่ยถามเช่นนี้
"เธอจ้องมันอยู่ ใช่ไหมล่ะ
ริมฝีปากของฉัน"
ประโยคนี้ทำเอาเอริสชาวูบไปทั้งตัว เธอรู้ได้อย่างไรว่าเอริสสนใจมันอยู่ หรือว่าเอริสจะแสดงอาการออกมามากเกินไปจนอีกคนจับสังเกตได้
"ฉัน...เอ่อ....
ฉันอยากรู้ว่าคุณทาลิปสติกหรือว่ามันเป็นแบบ
มันเป็นสีธรรมชาติของมันเอง"
เอริสเอ่ยออกไปตามจริงเพราะเธอไม่เคยเห็นผู้หญิงคนไหนปากแดงอยู่เป็นนิจแม้กระทั่งตอนพึ่งตื่นนอน
"ถ้าอยากรู้...ก็เข้ามาดูใกล้ๆ สิ"
"เอ่อ ไม่เป็นไรค่ะเลดี้ ฉันอาจจะสงสัยมากไป"
เอริสเอ่ยปัด
"เข้ามา"
เสียงหวานเอ่ยออกคำสั่ง
"แต่ว่า..."
"กลับไปอ่านกฎตอนรับสมัครทีสิ ลิลลี่"
น้ำเสียงหวานเอ่ยอย่างมีเลศนัยทำไมเอริสจะจำไม่ได้ว่ามีอยู่ข้อหนึ่ง คือสาวใช้ต้องเชื่อฟังคำสั่งของเลดี้ดิมิเทรสกู
"รับทราบค่ะเลดี้"
เอริสเอ่ยก่อนจะเดินเข้าไปใกล้สุภาพสตรีผู้ที่นอนอยู่ท่ามกลางควันบุหรี่ขมุกขมัว ยังดีที่บุหรี่ที่สูบไม่ใช่บุหรี่บ้านๆ ราคาถูกหากแต่เป็นบุหรี่ราคาแพงที่มีกลิ่นหอมอบอวนชวนให้เคลิบเคลิ้มและมอมเมา
"ลองดูสิ ว่าฉันได้ทาอะไรเคลือบไว้ไหม"
เจ้าของห้องเอ่ยพลางยกยิ้มเหยียดเบาๆ นานแล้วที่เธอไม่ได้สนุกเช่นนี้ พลางยื่นหน้าไปใกล้ๆ สาวใช้คนใหม่ของตน ที่มีท่าทีกระอักกระอ่วนอยู่ไม่น้อย อย่างนึกขบขัน
เอริสที่พยายามจะไม่มองนานนักกลับเป็นฝ่ายถูกต้อนให้จนมุม เธออดไม่ได้ที่จะอยากรู้อยากเห็นใบหน้าขาวซีดประดับด้วยรอยยิ้มสีแดงมองอย่างไรก็เป็นความงามที่ชวนให้ขนลุก แต่มันก็ดูน่าสนใจ เธอพินิจอยู่นานก็มองไม่ออกว่ามันเป็นสีลิปสติกหรือสีธรรมชาติของริมฝีปากของผู้หญิงตรงหน้ากันแน่
ใบหน้าที่แทบจะห่างกันไม่กี่นิ้วเริ่มมีช่องว่างที่น้อยลงไปทุกที น้อยลงไป น้อยลงไป จนกระทั่ง เอริสเผลอยกนิ้วเกลี่ยริมฝีปากนุ่มนั้นเบาๆ แล้วกดๆ เกลี่ยๆ คลึงดูอย่างลืมตัวด้วยความสงสัย ก่อนจะยกนิ้วขึ้นมาพินิจดูกลับไม่มีสีติดอยู่ที่ปลายนิ้วแม้แต่น้อย
"สีธรรมชาติเลยนี่คะ"
"ใช่สิ...เธอชอบรึเปล่า"
เสียงหวานเอ่ยถาม และมันก็คล้ายจะเป็นคำที่ใช้เรียกสติของเอริส เมื่อคิดถึงกริยาเมื่อครู่ที่คลึงๆ เกลี่ยๆ กดๆ ริมฝีปากของอีกคนประหนึ่งขนมเยลลี่ เอริสเองก็ไม่รู้จะเอาตัวเองไปแทรกไว้ที่ไหน
"ให้ตายสิฉันทำอะไรลงไปเนี่ย
อยากจะวิ่งโดดลงหน้าต่างกระจกบานนั้นหนีไปชะมัด"
แต่พอจะผละออกถึงได้รู้ว่ามีมือเรียวรั้งท้ายทอยของเธอไว้ไม่ให้หนีไป ตกหลุมพรางเข้าให้แล้วไงล่ะ
"ลองวิธีของฉันดูไหม ต่อไปเธอจะได้ไม่ต้องสงสัยอีก"
อ่านแล้วมาคุยกันเยอะๆน้าาา ฝากไลค์ด้วยงับ
***ดาวน์โหลด NovelToon เพื่อเพลิดเพลินไปกับประสบการณ์การอ่านที่ดียิ่งขึ้น!***
Comments