ยังไงคืนนี้ก็ต้องออกไปสำรวจปราสาทให้ได้เอริสคิดก่อนจะทิ้งกายลงนอนบนเตียงอย่างอ่อนเพลีย ตั้งแต่จัดเตรียมข้าวของเดินทางมาแต่เช้ามืดจนถึงตอนนี้ก็ยังไม่ได้พักเลย ทั้งที่ร่างกายเคยทำงานหนักกว่านี้หลายเท่าวันนี้ทำไมถึงได้เหนื่อยล้ากว่าทุกทีกัน ยิ่งหลังจากเมื่อตอนเย็นก็เหมือนอ่อนเพลียแปลกๆ ผู้หญิงคนนั้นคงไม่สามารถดูดเลือดออกจากนิ้วเธอได้เป็นลิตรในเวลาไม่กี่นาทีหรอกนะ
"ลิลลี่ล่ะ"
เสียงของนายหญิงของคฤหาสน์เอ่ยถามโอลิเวียที่กำลังนำจานอาหารมาวางบนโต๊ะ
"เธอดูเหมือนจะไม่สบาย ดิฉันเลยให้เธอไปพักก่อน"
โอลิเวียเอ่ยเสียงอ่อยๆ ถึงอย่างไรเลดี้ดิมิเทรสกูก็เป็นนายหญิงของที่นี่อย่างไรเสีย เธอน่าจะขออนุญาตก่อนถึงจะให้ลิลลี่ไปพักได้
"อย่างนั้นเหรอ...จริงสิวันนี้ฉันใช้งานเธอทั้งวันเลย"
"สำออยล่ะสิไม่ว่า
หนูนึกว่าหล่อนน่าจะอึดกว่าที่คิดซะอีก
ที่แท้ก็ปวกเปียก"
แคสแซนดราเอ่ยอีกสองสาวก็พยักหน้าเห็นด้วยเช่นกัน ดูเหมือนลูกๆทั้งสามจะไม่ค่อยถูกใจสาวใช้คนใหม่เท่าใดนัก หากจะบอกว่าเกลียดก็ไม่เชิง แต่แค่ไม่ถูกชะตา ออกไปทางเจ้าเล่ห์ชอบกล แถมคุณแม่ของพวกเธอยังดูจะเป็นห่วงเป็นใยจนออกนอกหน้าอีก ยิ่งทำให้สาวๆยิ่งไม่ชอบเข้าไปใหญ่
"แคสแซนดรา
เธอเป็นแค่เด็กสาวนะลูกไม่ต้องคิดมาก"
เลดี้หันไปเอ่ยกับลูกสาวที่น่ารักของเธอ ถึงยังไงลูกสาวของเธอก็สำคัญที่สุดอยู่แล้ว
"งั้นเธอช่วยเอามื้อเย็นกับ
ยาไปให้ลิลลี่หน่อยก็แล้วกัน "
เธอหันไปเอ่ยกับโอลิเวียอีกครั้งก่อนจะลงมือหั่นสเต๊กด้วยมีดและส้อมที่ทำด้วยเงินและตกแต่งลายสลักที่ประณีตบรรจง ทุกกริยาท่วงท่าของเธอสง่างามไร้ที่ติแม้กระทั่งตอนที่เอาอาหารเข้าปาก
โอลิเวียหยิบขวดไวน์ชั้นดีที่เลดี้มักดื่มประจำออกมาและรินใส่แก้วทรงโค้งเว้านั้น น้ำสีแดงข้นค่อยๆไหลออกมาจากปากขวดลงไปในแก้ว เลดี้ไม่ชอบให้มันหกแม้แต่นิดเดียว และโอลิเวียก็เคยเห็นตอนที่สาวใช้คนก่อนทำไวน์หกไปเพียงหยดเดียวลงบนผ้าปูโต๊ะ เลดี้โกรธมากลากหล่อนไปยังห้องใต้ดินให้สำนึกผิด จากนั้นโอลิเวียก็ไม่เห็นหล่อนอีกเลย เลดี้คงไล่เธอออกไปหลังจากคืนนั้นเอง
ก๊อก ก๊อก ก๊อก
เสียงเคาะประตูดังขึ้นเอริสเตรียมของสำหรับทัวร์คฤหาสน์และเช็คกระบอกปืนอยู่ รีบเก็บของไว้ใต้ผ้าห่มอย่างรวดเร็ว ก่อนจะเงยหน้าไปมองนาฬิกาที่แขวนไว้บนผนังห้อง ตอนนี้สองทุ่มแล้วเธอต้องรออีกสักหน่อยก่อนที่จะได้เวลา หวังว่าคนที่มาหาคงไม่ทำให้เธอเสียเวลามากนัก
"หวังว่าคงเป็นหนึ่งในสามสาวใช้
ไม่ใช่หนึ่งในคุณหนูเจ้าของคฤหาสน์"
เอริสสบถสามสาวลูกๆของเลดี้ออกจะรับมือยากพวกเธอเหมือนจะหาเรื่องเอริสอยู่เสมอ หากเป็นไปได้ก็คงอยากอยู่ห่างจากพวกเธอไว้จนกว่างานจะเสร็จเอริสคิด
บานประตูค่อยๆเปิดออกก่อนเอริสจะเห็นว่าผู้ที่เคาะประตูนั้นเป็นใคร
"แซนดี้"
"มาเปิดประตูช้าจัง...ไม่สบายมากเหรอไหวรึเปล่า"
แซนดี้เอ่ยพลางส่งสายตาเป็นห่วงเป็นใยให้เอริส
"เปล่า!!!
พอดีนอนพักแล้วพึ่งตื่นตอนได้ยินเสียงเคาะประตู"
"อย่างนั้นหรอกเหรอ อ่ะนี่"
แซนดี้เอ่ยพร้อมยื่นถาดที่มีซุปเห็ดหอมแล้วก็แก้วน้ำและยาลดไข้ให้กับเอริส
"ของฉันเหรอ"
เอริสทำตาโตแล้วมองดูของในถาด
"โอลิเวียบอกว่า เลดี้ให้เอามาให้น่ะ"
"เลดี้"
เอริสทวนคำ พลันภาพเมื่อเย็นนี้ก็ผุดขึ้นมาในหัว
ทำไมต้องใจเต้น และรู้สึกแปลกๆตรงปลายนิ้วที่โดนกระจกปักเข้าด้วยนะ
"ฉันว่าเธอคงป่วยมากแน่"
แซนดี้เอ่ย
"ว่าไงนะ ทำไมถึงคิดแบบนั้น"
"เธอหน้าแดงไปถึงใบหูแหนะ"
นั่นทำให้เอริสถึงกับต้องยิ้มแห้งๆออกมาก่อนจะเอ่ยเลี่ยงว่า
"ขอบคุณนะที่เอามาให้
ฉันเหนื่อยนิดหน่อยขอนอนต่อแล้วกัน"
เอริสยื่นมือไปรับถาดที่แซนดี้ถือมาไว้ทันที
"งั้นก็..ฝันดีนะลิลลี่"
"ฝันดีเช่นกัน"
เอริสปิดประตูห้องกลับเข้าที่ตามเติมก่อนจะมองดูของในถาดลืมไปเสียสนิทว่ายังไม่มีอะไรตกถึงท้องเลยยังดีที่แซนดี้ใจดีเอามาให้ตามคำสั่งของผู้หญิงคนนั้น
"บ้าจริง หล่อนก็แค่กลัวฉันจะลาออกกระมัง
ถึงได้ใส่ใจฉันขนาดนี้"
เอริสมองจานซุปและยาที่แซนดี้นำมาให้ด้วยความลังเลหนึ่งเพราะไม่คุ้นชินกับการที่มีคนคอยเป็นห่วง สองคือเธอเป็นคนจำพวกพึ่งพาแต่ตัวเองเป็นหลักพอมีคนมาทำแบบนี้ให้ก็มักจะรู้สึกแปลกๆอยู่ชอบกล
บ้างก็แบบเผลอยิ้มเมื่อตักซุปเข้าปากไปคำหนึ่งก่อนจะส่ายหน้าขับไล่ความคิดประหลาดๆที่โผ่ลเข้ามาในหัว เป็นพัลวัน
"บ้าจริง ทำไมต้องยิ้มออกมาด้วย"
เอริสสบถพลางทิ้งช้อนตักซุปลงกระทบกับถ้วยดังเคร้ง อย่างไม่สบอารมณ์นักผู้หญิงคนนั้นกำลังทำให้เธอไขว้เขว
"ที่นี่ต้องมีความลับอะไรซ่อนอยู่แน่ๆ
รีบหาข้อมูลแล้วรีบออกไปจากที่นี่ดีกว่า"
เอริสเอาถาดไปวางไว้ที่โต๊ะไม้เก่าๆภายในห้องถึงที่นี่จะมีหิมะตกแต่ก็ไม่รู้สึกหนาวเท่าไหร่เพราะมีกฎไม่ให้เปิดหน้าต่าง คงเพราะเหตุผลนี้ด้วยกระมังถึงได้มีกฎแปลกๆแบบนี้ขึ้นมา
"เที่ยงคืนห้ามทุกคนออกจากห้อง เวลานี้คงสะดวกสุดพวกสาวใช้คงไม่มีใครกล้าออกมาจากห้อง มันจะง่ายต่อเธอในการแอบไปสำรวจคฤหาสน์แค่ต้องระวังเลดี้และลูกสาวทั้งสาม อาจจะไม่ลำบากมากนักเพราะดูแล้วที่นี่ก็มีที่ให้หลบเยอะพอสมควร
"ก่อนอื่นที่ๆควรจะไปก็คงเป็นห้องใต้ดินที่สาวใช้พากันพูดถึงและไม่อยากเข้าไป ที่นั่นน่าสงสัยที่สุดแล้ว"
เสียงซ่าๆดังขึ้นขัดจังหวะที่เอริสกำลังคิดอยู่ ก่อนเธอจะนึกขึ้นได้ว่ายังไม่ทันติดต่อหาเทย์เลอร์เลยตั้งแต่เข้ามาเหยียบที่นี่
"เทย์เลอร์"
"เอริส...เธอไม่ติดต่อมาฉันเลยเป็นห่วง"
เสียงจากปลายทางเอ่ย
"โชคดีที่มีสัญญาณที่นี่อยู่ห่างจากตัวเมืองมาก "
"จริงสิ เอริสฉันสืบค้นข้อมูลของหมู่บ้านแล้วมีบางอย่างแปลกๆ "
"แปลกยังไง???"
"ช่วงนี้มีชาวบ้านบอกว่ามีเรื่องประหลาดเกิดขึ้นมีคนในหมู่บ้านเข้ามาอยู่ในตัวเมืองบางส่วน พูดถึงแต่ว่ามีตัวประหลาดเหมือนมนุษย์หมาป่าเข้ามาก่อกวน โชคดีที่มีคุณแม่มิแรนด้าที่ขับไล่ไป แต่พวกเขาไม่วางใจเลยย้ายออกจากหมู่บ้าน"
"เดี๋ยวสิ เทย์เลอร์
คุณแม่มิแรนด้างั้นเหรอ"
เอริสเอ่ยทวน พลางคิดถึงภาพผู้หญิงที่แต่งตัวเหมือนกับซิสเตอร์ที่เธอพบเมื่อเย็นนี้
"รู้จักเธองั้นเหรอ"
เทย์เลอร์เอ่ยถามด้วยน้ำเสียงที่ไม่ใคร่จะสู้ดีนัก
"ฉันเจอเธอเมื่อเย็นวันนี้พร้อมกับครอบครัวของเธอ"
"เธอดูเหมือนจะเป็นเจ้าลัทธิที่คนในหมู่บ้านเคารพบูชา ระวังตัวไว้หน่อยก็ดีนะเอริส"
"อืม...ฉันก็คิดว่าที่นี่ดูแปลกไปเหมือนกัน เธอช่วยสืบค้นประวัติคุณแม่มิแรนด้ากับเลดี้ดิมิเทรสกูให้ฉันหน่อยได้ไหม"
ก๊อก ก๊อก ก๊อก
เสียงเคาะประตูดังขึ้นอีกครั้งก่อนที่เอริสจะหันไปมองนาฬิกาที่อยู่บนผนังบอกเวลาเที่ยงคืน
"เทย์เลอร์แค่นี้นะเหมือนจะมีคนมา"
เอริสรีบปิดวิทยุสื่อสารทันทีก่อนจะโยนมันลงไปในลิ้นชักชั้นล่างสุดและปิดมันไว้ ตอนนี้เที่ยงคืนแล้วคนที่จะแวะมาได้คงไม่ใช่ โอลิเวีย โรซี่ หรือแซนดี้อย่างแน่นอน
ประตูค่อยๆแง้มเปิดออกเอริสค่อยๆโผล่หน้าออกไปช้าๆก่อนจะต้องผงะเมื่อพบว่าคนที่ยืนรออยู่คือใคร
"เลดี้"
สุภาพสตรีร่างสูงในชุดนอนบางเบายืนอยู่หน้าประตูเธอแค่ชุดเดรสสีขาวที่เธอสวมอยู่เมื่อกลางวันหรือตอนเย็นก็เพิ่มความงามของเธอให้ผู้พบเห็นหลงใหลมากพอแล้ว แต่เมื่ออยู่ในชุดนอนสีขาวบางเบายิ่งทำให้ผู้พบเห็นหน้าเห่อร้อนขึ้นมาอย่างห้ามไม่ได้
"ฉันขอคุยด้วยได้ไหม"
เธอเอ่ยด้วยน้ำเสียงที่ฟังแล้วชวนให้ใจอ่อนเสียเหลือเกิน เอริสที่อยู่ในชุดเตรียมพร้อมออกสำรวจที่ถูกกระโปรงนอนคลุมยาวสวมทับไว้รู้สึกไม่ใคร่อยากจะให้ผู้เป็นนายเข้ามาในห้องนัก แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ จึงจำต้องให้เธอเข้ามาแต่โดยดี
"เลดี้มีอะไรรึเปล่าคะ ถ้ามาเพราะเรื่องเมื่อเย็นดิฉันขอบอกได้เลยว่า ไม่เป็นไร"
"เธอไม่โกรธฉันเหรอ"
เลดี้เอ่ยถามก่อนจะโค้งตัวลอดผ่านกรอบประตูเข้ามาในห้องภาพนั้นชวนมองจนไม่อาจละสายตายิ่งหน้าอกที่มหึมานั่น ทำเอาเอริสลุ้นแทบใจหายกลัวเหลือเกินว่ามันจะโผล่ออกมาจากชุดนอนเบาบางของผู้เป็นนายของเธอ
"โกรธเรื่องอะไรคะ"
เอริสเอ่ยถาม เพราะทั้งวันเธอยังไม่ได้โกรธใครเลยนอกจากรำคาญน้องชายของเลดี้ที่ชื่อไฮเซนเบิร์กนิดหน่อย
"ฉันทำให้เธอกลัวรึเปล่า"
เลดี้เอ่ยถามอีกครั้ง
"ฉันแค่ตกใจอยู่บ้าง ตอนที่คุณสามารถยกโต๊ะเครื่องแป้งขว้างใส่ผนังได้อย่างง่ายดายแบบนั้น"
เอริสเอ่ยพร้อมคิดถึงภาพตอนที่เลดี้ดิมิเทรสขว้างโต๊ะเครื่องแป้งลอยเฉียดหน้าเธอไป
"งั้นเหรอ..ยื่นมือมาให้ฉันดูหน่อยสิ"
เอริสงุนงงเล็กน้อยก่อนจะยื่นมือข้างหนึ่งไปด้านหน้าตนเอง
"ไม่ใช่ข้างนี้....ข้างที่โดนกระจกบาดน่ะ"
เลดี้เอ่ยพลางขมวดคิ้ว
เอริสถึงได้เข้าใจ คืนนี้เลดี้แวะมาคงจะด้วยอยากรับผิดชอบในสิ่งที่เธอทำไปเพราะอารมณ์และส่งผลต่อเอริสเมื่อตอนเย็นต่างหาก
"เจ็บรึเปล่า"
เอริสเงยหน้าขึ้นจ้องมองผู้หญิงตรงหน้าอย่างไม่เข้าใจไม่แปลกบ้างเหรอที่นายหญิงของบ้านดูใส่ใจสาวใช้เช่นเธอมากถึงเพียงนี้ หากจะบอกว่าไม่เจ็บก็คงจะแปลกแต่สำหรับเอริสที่ผ่านความเป็นความตายมามากนั้นมันก็ไม่เจ็บเลยสักนิดจริงๆ แต่เพราะตอนนี้เธอสวมบทเป็นลิลลี่ไม่ใช่เอริสเธอจึงได้พยักหน้าขึ้นลงช้าๆ
เลดี้หรี่ตาลงต่ำจ้องมองมือที่ถูกพันผ้าไว้ลวกๆก่อนจะใช้มือเรียวยาวไปประคองมือข้างนั้นอย่างแผ่วเบาก่อนจะหย่อนตัวนั่งลงบนเตียงเล็กๆของเอริส แล้วหยิบกล่องปฐมพยาบาลที่เธอแบบซ่อนไว้ตรงไหนก็ไม่ทราบได้ออกมา
"ฉันขอโทษด้วยที่ทำไปแบบนั้น
ฉันไม่ควรใช้อารมณ์มากเกินไป "
เลดี้เอ่ยออกมาด้วยความรู้สึกผิดหากเป็นสาวใช้คนอื่นเธออาจจะไม่สนใจมากนักแต่พอได้ฟังเรื่องราวชีวิตของสาวใช้คนใหม่ เธอก็รู้สึกสงสารและใจอ่อนขึ้นมาจับใจ
"ไม่เป็นไรค่ะ...ฉันรู้ว่าคุณเองก็เจ็บปวด"
ประโยคนี้ทำให้เลดี้ดิมิเทรสกูนิ่งชะงักไป ไม่เคยมีใครที่เอ่ยประโยคอย่างเข้าใจเช่นนี้กับเธอเลย
"พี่น้องของคุณคงจะไม่น่ารักเลยสินะคะ
คุณแม่มิแรนด้าก็ด้วย"
เอริสเอ่ยเพราะหลังจากที่เลดี้ดิมิเทรสเดินออกมาจากห้องโดยไม่รอส่งคนที่เหลือ ก็รู้แล้วว่าเธอต้องข่มอารมณ์ตัวเองไว้มากแค่ไหนไม่ให้ระเบิดมันออกมา
"ก็คงงั้นมั้ง ฉันรู้สึกเหมือนไม่ได้เป็นที่รักของคุณแม่อีกแล้ว"
เลดี้เอ่ยพลางใช้สำลีเช็ดทำความสะอาดแผลให้เอริส อย่างแผ่วเบา แปลกจังที่เอริสรู้สึกอบอุ่นเมื่อเห็นกริยาที่เอาใจใส่ของเธอ
"แบบนี้เอง ลูกสาวของคุณถึงได้หวงคุณนัก"
เอริสเอ่ยครั้งนี้เป็นเลดี้ดิมิเทรสกูที่มองหน้าเธอ อย่างงุนงงขนาดเลดี้เป็นฝ่ายนั่งลงบนเตียงและเอริสเป็นฝ่ายยืน เลดี้ยังแทบจะก้มหน้าคุยกับเอริสเสียด้วยซ้ำ
"ทำไม"
"ฉันไม่มีพ่อแม่...ฉันรู้สึกถึงความเอาใจใส่ของคุณ ขนาดฉันเป็นเพียงสาวใช้คุณยังเอาใจใส่มากขนาดนี้ ถ้าเป็นลูกๆของคุณล่ะ คุณจะรักพวกเธอมากขนาดไหน"
เอริสเอ่ยออกไปตามจริง เพราะดูจากท่าทางลูกๆของเลดี้ที่ไม่ใคร่จะชอบเธอนัก เหมือนหวงคุณแม่ของเธอกลัวว่าจะโดนเอริสแย่งประมาณนั้น เลดี้คงจะดีกับลูกสาวเธอมากแน่ๆ
"เป็นครั้งแรกเลย...ที่มีคนพูดกับฉันแบบนี้"
เลดี้เอ่ยพร้อมจ้องมองเอริสไม่วางตา ก่อนจะดึงมือที่ทายาเสร็จของเอริสขึ้นมาเป่าเบาๆ ทำเอาเอริสที่ไม่ทันตั้งตัวร่างแข็งทื่อไปเช่นเมื่อเย็นนี้ที่เลดี้เอานิ้วของเธอไปอมไว้ในปาก
"หายเจ็บบ้างไหม
ต่อไปฉันจะระวังทุกครั้งที่อยู่กับเธอ"
เลดี้เอ่ยพลางจ้องมองเข้าไปในดวงตาของเอริสที่ยังคงเหมือนตกอยู่ในภวังค์ แต่เอริสก็ยังพยักหน้าขึ้นลงเป็นคำตอบ
"ถ้างั้นก็ฝันดีนะ ลิลลี่
ขอโทษที่รบกวนเวลาพักผ่อน"
เลดี้ค่อยๆวางมือเธอลงตามเดิมก่อนจะหันไปปิดกล่องปฐมพยาบาลที่นำมาด้วย ตอนนั้นเอริสถึงได้รู้สึกตัวแล้วแสร้งมองไปทางอื่นด้วยความรู้สึกเขินอาย
"ไม่จริงน่า...ทำไมฉันต้องทำท่าทางเขินอายด้วยล่ะ"
เอริสสบถด่าตัวเอง
"ขอบคุณมากนะคะ
ฝันดีเช่นกันค่ะ"
เอริสเอ่ยตอบ เลดี้ลุกจากเตียงของเธอก่อนจะเดินไปเปิดประตูแล้วก้มตัวลงจนเอริสเห็นบั้นท้ายของเธอได้ถนัดตา และจำต้องหันหน้าหนีไปทางอื่นด้วยความรู้สึกผิดที่ทำสายตาแทะโลมต่อบั้นท้ายของผู้หญิงตรงหน้า
"ลิลลี่"
"ค....คะ"
และไม่ทันได้ตั้งตัวอีกครั้ง เลดี้ก็ทำสิ่งที่ไม่คาดฝันขึ้นมา คือประทับจูบแผ่วเบาลงที่หน้าผากมนของเธอ
SWEET DREAM MY BABY.
เลดี้ดิมิเทรสกูเดินหนีมาทิ้งให้เอริสค้างเติ่งอยู่เช่นนั้นกับการกระทำของตน และเอ่ยกับตัวเองว่า
"ตอนนี้ฉันกลับ อยากเก็บเธอไว้ข้างกายตลอดไป
***ดาวน์โหลด NovelToon เพื่อเพลิดเพลินไปกับประสบการณ์การอ่านที่ดียิ่งขึ้น!***
Comments