7

  

ไม่รู้ว่านานเท่าไหร่ความรู้สึกของเอริสไปกระจุกรวมกันตรงปลายนิ้วที่ถูกอีกคนอมไว้ด้วยปากนั้น เหมือนเส้นประสาทของเธอรับรู้เพียงแค่สิ่งนั้น สิ่งที่อ่อนนุ่มและเปียกแฉะกำลังหยอกล้อกับปลายนิ้วที่ชุ่มเลือดของเธอ ดวงตาที่หรี่ปรือของเลดี้เหมือนเธอกำลังดื่มด่ำกับบางสิ่งเหมือนกำลังดื่มกินอาหารเลิศรส และกลืนมันลงไปอย่างช้าๆ  เอริสรู้สึกใจเต้นและเหมือนมีผีเสื้อทั้งฝูงบินวนอยู่ในท้องของเธอ และยิ่งรู้สึกมากขึ้นทุกครั้งเมื่อคนตรงหน้าดูดดึงปลายนิ้วของเธอแรงขึ้นประหนึ่งสัตว์ร้ายที่หิวกระหาย 

เอริสตัวแข็งทื่อเป็นท่อนไม้และหน้าซีดเผือดลงไปถนัด ดูเหมือนว่าไม่ใช่แค่ปลายนิ้วที่ถูกอีกคนดูดดึงไปหากแต่คงเป็นวิญญาณของเอริสด้วยกระมัง แม้มันจะชั่วอึดใจแต่เหมือนกับว่าเธอกำลังล่องลอยไปสู่ดินแดนอันไกลโพ้นมันให้ความรู้สึกวาบหวามและร้อนรุ่มอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน ความต้องการ อย่างนั้นเหรอเอริสคิดในใจ 

และแล้วริมฝีปากแดงเลือดก็เผยอขึ้นเล็กน้อย เอริสที่ตกอยู่ในภวังค์เมื่อครู่ก็รู้สึกตัวเช่นกัน เธอดึงมือกลับทั้งๆที่ข้อมือถูกเลดี้กุมไว้ ใบหน้าของเลดี้ภายใต้หมวกปีกกว้างอยู่ห่างจากเธอไม่เท่าไหร่แววตาที่ขุ่นเคืองเมื่อไม่นานมานี้อ่อนลงบ้างแล้ว

"เลดี้...

เอริสเอ่ยออกไปลอยๆ ถึงกระนั้นสายตาก็ยังเหลือบไปมองปลายนิ้วซึ่งตอนนี้เลือดหยุดไหลแล้ว เรียกได้ว่าไม่เหลือคราบเลือดไว้เลยน่าจะถูกกว่า 

เลดี้ไม่พูดอะไรก่อนจะแลบลิ้นสีแดงอ่อนเลียริมฝีปากแดงของตนเบาๆทำเอาเอริสที่มองอยู่หน้าเห่อร้อนลามไปถึงใบหู 

"พระเจ้าใครสั่งใครสอน

ให้หล่อนทำหน้ายั่วยวนแบบนี้กัน

 หัวใจจะวาย"

เอริสคิดในใจ ก่อนจะตั้งสติอีกครั้งเตือนตัวเองว่าเธอมาที่นี้ด้วยเหตุผลใด 

"งานฉันมาทำงาน จำไว้ จำไว้ 

เราทำงานอยู่"

"เอ่อ....ดิฉันขอตัวก่อนนะคะ"

เอริสเอ่ยทั้งที่เลดี้คนงามยังไม่คิดจะยอมละมือจากข้อมือของเธอเลยสักนิด

"ลิลลี่"

ในที่สุดเลดี้ที่เอาแต่เงียบอยู่นานก็พูดออกมาเป็นครั้งแรกแต่สีหน้าเธอดูแปลกไปคล้ายกำลังชั่งใจว่าจะทำอะไรต่อไปดี

 "คะ"

เอริสเอ่ยตอบ 

"ลิลลี่..ฉัน"

ไม่พูดเปล่าเลดี้ยังขยับเข้ามาชิดเอริสมากขึ้นทุกทีกลิ่นหอมของคนตรงหน้าทำเอาเอริสเคลิ้มไปกับมัน แต่ไม่คิดว่าแค่วินาทีสั้นๆจะทำให้เธอลืมป้องกันตัวเอง จนเผลอให้อีกคนฉวยโอกาสได้ 

อื๊อออออ 

ชั่ววินาทีที่ริมฝีปากแดงเลือดประกบลงมาเอริสก็ไม่ทันได้รู้ตัวสักนิดเดียว รู้ตัวอีกทีก็เพราะกลิ่นคาวเลือดที่แผ่ซ่านอยู่ในโพรงปากและรสชาติแปลกใหม่ที่มาพร้อมแรงบดจูบอย่างเอาแต่ใจของผู้เป็นนายของเธอ 

จูบนี้กินเวลาไม่กี่นาทีแต่เหมือนยาวนานจวบจนฟ้าดินมลายหายสิ้นเหมือนว่าเธอทั้งคู่กำลังล่องลอยไปในห้วงฝันพร้อมๆกันหรือไม่ก็อาจกำลังดำดิ่งลงไปในห้วงเงามืดที่ไม่อาจฟื้นคืนก็เป็นได้ แต่สุดท้ายทั้งคู่ก็ผละออกจากกันเมื่อเอริสเริ่มจะขาดอากาศหายใจ 

เฮือกกก!!!!

เอริสพลางสูดอากาศเข้าปอดก่อนจะทำหน้าแบบไม่อยากเชื่อว่าเมื่อครู่เกิดอะไรขึ้น 

เอริสผุดลุกแล้ววิ่งออกจากห้องไปทิ้งให้ผู้เป็นนายค้างเติ่งอยู่เพียงลำพัง ประตูปิดตามหลังดังสนั่นพราะเอริสรีบจนเผลอใช้แรงมากไป 

"รสชาติดีจัง"

เลดี้ที่นิ่งเงียบอยู่นานเอ่ยออกมาเบาๆพลางเผลอเลียริมฝีปากของตนด้วยความรู้สึกหลงไหล 

"อยากเก็บไว้กินคนเดียวไม่แบ่งให้ใคร "

เธอเอ่ยพลางเหยียดยิ้มร้าย 

เอริสวิ่งลงมาในครัวด้วยความตระหนกพลางสบถด่าผู้เป็นนายมาตามทาง 

"ยัยบ้า ยัยผู้หญิงบ้า ทำบ้าอะไรกับฉัน"

พอมาถึงในครัวเธอก็ทำคนอื่นๆตะลึงไปตามๆกันก่อนจะมีคนหนึ่งพูดว่า 

"ลิลลี่...เอ่อกระดุมเสื้อเธอ มันหลุดน่ะ"

โอลิเวียเอ่ยพลางหรี่ตาลงต่ำอย่างอายๆทำให้เอริสต้องรีบก้มมองสำรวจตัวเอง จริงด้วยกระดุมเสื้อเธอหลุดไปสามเม็ด ตั้งสามเม็ดเชียวนะ แถมเม็ดบนสุดยังขาดไปอีก 

"ยัยผู้หญิงบ้านั่นคิดจะทำอะไรกันแน่นะ"

เอริสสบถในใจ 

"ลิลลี่...เธอโอเคไหม"

โอลิเวียเดินเข้ามาใกล้แล้วเอามือแตะหน้าผากของเอริสเบาๆ 

"ตัวไม่ร้อนแต่ทำไม หน้าแดงจังเลย"

โอลิเวียเอ่ยพลางลดมือที่แตะหน้าผากของเอริสลง 

"ฉันรู้สึกเหนื่อยนิดหน่อยน่ะ"

เอริสเอ่ยตอบพลางติดกระดุมและจัดชุดให้เข้าที่เข้าทาง

"งั้นวันนี้เธอไปพักเถอะ เดี๋ยวฉันพาไปเอง"

แซนดี้เอ่ยก่อนจะเดินมาคว้ามือของเอริสแล้วพาเดินออกไปจากห้องครัว 

"เลดี้คงไม่ได้ใจร้ายกับเธอใช่ไหม ได้ยินว่าวันนี้ครอบครัวของเลดี้มาประชุมกัน "

แซนดี้เอ่ยขณะเดินนำเธอไป เอริสเริ่มมีหวังขึ้นมาบ้างแล้วอย่างน้อยวันนี้เธออาจจะได้ข้อมูลจากแซนดี้บ้างไม่มากก็น้อย 

"เธอดูไม่ชอบครอบครัวของเธอเท่าไหร่ 

ฉันคิดว่างั้นนะ"

"เธอเป็นแบบนั้นแหละ

โดยเฉพาะกับน้องชายของเธอ"

แซนดี้เอ่ยตอบ 

"เธอหมายถึงผู้ชายที่ชื่อไฮเซนเบิร์กใช่ไหม เหมือนพวกเขาจะไม่ชอบขี้หน้ากันจริงๆน่ะแหละ"

เอริสเอ่ยพลางนึกถึงภาพในห้องที่เลดี้และชายคนนั้นทะเลาะกัน 

"พวกเขาไม่ใช่ครอบครัวจริงๆหรอก แต่เพราะเคารพในตัวคุณแม่มิแรนด้าเหมือนกันเท่านั้น"

"คุณแม่มิแรนด้า"

เอริสทวนคำก่อนจะนึกขึ้นได้ แล้วแสร้งถามแซนดี้ไปว่า

 "คุณแม่มิแรนด้าคือใครทำไมถึงดูมีความสำคัญกับพวกเขานัก"

แซนดี้หยุดชะงักหลังจากที่เอริสถามคำถามนั้นออกไปทำเอาเอริสเริ่มหายใจไม่ทั่วท้องขึ้นมาเพราะกลัวว่าคำถามของเธอ อาจจะทำให้อีกคนสงสัยขึ้นมาแล้ว 

"ลิลลี่ รู้แล้วก็อย่าไปบอกใครนะ"

แซนดี้ขยับมาใกล้พลางเอ่ยด้วยเสียงกระซิบกระซาบกลัวคนอื่นได้ยิน 

"คุณแม่มิแรนด้าเป็นแม่มดล่ะ"

คำตอบนี้ทำเอาเอริสแทบหงายหลังล้มตึงลงไปไม่คิดเลยว่าแซนดี้จะเชื่อเรื่องแบบนี้ด้วย 

"จะ...จริงเหรอ"

เอริสเอ่ยพลางยิ้มแห้งๆให้กับแซนดี้ 

"นึกแล้วว่าต้องไม่เชื่อ"

แซนดี้ที่เห็นท่าทีของเอริสที่ดูผิดหวังกับคำตอบของตนเอ่ยอย่างน้อยใจ 

"แล้วทำไมถึงคิดว่า เธอเป็นแม่มดล่ะ"

"เรื่องนั้นฉันก็แค่เคยได้ยินสาวใช้คนก่อนๆพูดกันว่า เลดี้เธอเป็นโรคที่รักษาไม่หาย และคนในตระกูลเธอต่างก็เป็นโรคนี้และตายเพราะโรคนี้จนสุดท้ายเหลือแค่เลดี้คนเดียว เธอคิดดูสิโรคที่ไม่มีหมอที่ไหนรักษาได้ แต่คุณแม่มิแรนด้ากลับรักษาได้ และอีกอย่างช่วงนี้เหมือนจะมีเรื่องแปลกๆเกิดขึ้นในหมู่บ้านด้วย แต่เพราะคุณแม่มิแรนด้า หมู่บ้านก็เลยสงบสุขถึงตอนนี้ "

"แบบนี้เองเหรอ"

เอริสพยักหน้าขึ้นลงและกำลังทำความเข้าใจกับข้อมูลที่ได้รับ เหมือนว่าไม่ใช่แค่ที่นี่ ที่มีเรื่องแปลกๆแต่ในตัวหมู่บ้านเองก็เช่นกัน 

"ถึงแล้ว นี่เป็นห้องพักเธอ"

เสียงแซนดี้ดังขึ้น

"ขอบใจมากนะ แซนดี้"

เอริสเอ่ยพลางคลี่ยิ้ม 

เอริสเปิดประตูเข้ามาในห้องพักก่อนจะนั่งลงที่ปลายเตียงอย่างทอดอาลัย แต่เมื่อมองเงาสะท้อนของตัวเองในกระจกตอนนี้ก็แทบจะหงายท้องลงไปอีกครั้ง

แก้มแดงระเรื่อประหนึ่งสาวน้อยนี่มันอะไรกัน แถมยังใจเต้นไม่เป็นจังหวะนั่นอีก ความรู้สึกแบบนี้เธอไม่ชอบมันเลยสักนิดเดียว

ฮอต

Comments

Jack Kii

Jack Kii

เขิลลล

2023-11-28

1

ทั้งหมด
เลือกตอน

กกาวน์โหลดทันที

ชอบผลงานนี้ไหม? ดาวน์โหลดแอพ บันทึกการอ่านของคุณจะไม่สูญหาย
กกาวน์โหลดทันที

โบนัส

ผู้ใช้ใหม่ที่ดาวน์โหลดแอพสามารถปลดล็อค 10 ตอนได้ฟรี

รับ
NovelToon
เปิดประตูต่างภพ
เพื่อวิธีการเล่นเพิ่มโปรดดาวน์โหลดMangatoon APP!