ไม่รู้ว่านานเท่าไหร่ความรู้สึกของเอริสไปกระจุกรวมกันตรงปลายนิ้วที่ถูกอีกคนอมไว้ด้วยปากนั้น เหมือนเส้นประสาทของเธอรับรู้เพียงแค่สิ่งนั้น สิ่งที่อ่อนนุ่มและเปียกแฉะกำลังหยอกล้อกับปลายนิ้วที่ชุ่มเลือดของเธอ ดวงตาที่หรี่ปรือของเลดี้เหมือนเธอกำลังดื่มด่ำกับบางสิ่งเหมือนกำลังดื่มกินอาหารเลิศรส และกลืนมันลงไปอย่างช้าๆ เอริสรู้สึกใจเต้นและเหมือนมีผีเสื้อทั้งฝูงบินวนอยู่ในท้องของเธอ และยิ่งรู้สึกมากขึ้นทุกครั้งเมื่อคนตรงหน้าดูดดึงปลายนิ้วของเธอแรงขึ้นประหนึ่งสัตว์ร้ายที่หิวกระหาย
เอริสตัวแข็งทื่อเป็นท่อนไม้และหน้าซีดเผือดลงไปถนัด ดูเหมือนว่าไม่ใช่แค่ปลายนิ้วที่ถูกอีกคนดูดดึงไปหากแต่คงเป็นวิญญาณของเอริสด้วยกระมัง แม้มันจะชั่วอึดใจแต่เหมือนกับว่าเธอกำลังล่องลอยไปสู่ดินแดนอันไกลโพ้นมันให้ความรู้สึกวาบหวามและร้อนรุ่มอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน ความต้องการ อย่างนั้นเหรอเอริสคิดในใจ
และแล้วริมฝีปากแดงเลือดก็เผยอขึ้นเล็กน้อย เอริสที่ตกอยู่ในภวังค์เมื่อครู่ก็รู้สึกตัวเช่นกัน เธอดึงมือกลับทั้งๆที่ข้อมือถูกเลดี้กุมไว้ ใบหน้าของเลดี้ภายใต้หมวกปีกกว้างอยู่ห่างจากเธอไม่เท่าไหร่แววตาที่ขุ่นเคืองเมื่อไม่นานมานี้อ่อนลงบ้างแล้ว
"เลดี้...
เอริสเอ่ยออกไปลอยๆ ถึงกระนั้นสายตาก็ยังเหลือบไปมองปลายนิ้วซึ่งตอนนี้เลือดหยุดไหลแล้ว เรียกได้ว่าไม่เหลือคราบเลือดไว้เลยน่าจะถูกกว่า
เลดี้ไม่พูดอะไรก่อนจะแลบลิ้นสีแดงอ่อนเลียริมฝีปากแดงของตนเบาๆทำเอาเอริสที่มองอยู่หน้าเห่อร้อนลามไปถึงใบหู
"พระเจ้าใครสั่งใครสอน
ให้หล่อนทำหน้ายั่วยวนแบบนี้กัน
หัวใจจะวาย"
เอริสคิดในใจ ก่อนจะตั้งสติอีกครั้งเตือนตัวเองว่าเธอมาที่นี้ด้วยเหตุผลใด
"งานฉันมาทำงาน จำไว้ จำไว้
เราทำงานอยู่"
"เอ่อ....ดิฉันขอตัวก่อนนะคะ"
เอริสเอ่ยทั้งที่เลดี้คนงามยังไม่คิดจะยอมละมือจากข้อมือของเธอเลยสักนิด
"ลิลลี่"
ในที่สุดเลดี้ที่เอาแต่เงียบอยู่นานก็พูดออกมาเป็นครั้งแรกแต่สีหน้าเธอดูแปลกไปคล้ายกำลังชั่งใจว่าจะทำอะไรต่อไปดี
"คะ"
เอริสเอ่ยตอบ
"ลิลลี่..ฉัน"
ไม่พูดเปล่าเลดี้ยังขยับเข้ามาชิดเอริสมากขึ้นทุกทีกลิ่นหอมของคนตรงหน้าทำเอาเอริสเคลิ้มไปกับมัน แต่ไม่คิดว่าแค่วินาทีสั้นๆจะทำให้เธอลืมป้องกันตัวเอง จนเผลอให้อีกคนฉวยโอกาสได้
อื๊อออออ
ชั่ววินาทีที่ริมฝีปากแดงเลือดประกบลงมาเอริสก็ไม่ทันได้รู้ตัวสักนิดเดียว รู้ตัวอีกทีก็เพราะกลิ่นคาวเลือดที่แผ่ซ่านอยู่ในโพรงปากและรสชาติแปลกใหม่ที่มาพร้อมแรงบดจูบอย่างเอาแต่ใจของผู้เป็นนายของเธอ
จูบนี้กินเวลาไม่กี่นาทีแต่เหมือนยาวนานจวบจนฟ้าดินมลายหายสิ้นเหมือนว่าเธอทั้งคู่กำลังล่องลอยไปในห้วงฝันพร้อมๆกันหรือไม่ก็อาจกำลังดำดิ่งลงไปในห้วงเงามืดที่ไม่อาจฟื้นคืนก็เป็นได้ แต่สุดท้ายทั้งคู่ก็ผละออกจากกันเมื่อเอริสเริ่มจะขาดอากาศหายใจ
เฮือกกก!!!!
เอริสพลางสูดอากาศเข้าปอดก่อนจะทำหน้าแบบไม่อยากเชื่อว่าเมื่อครู่เกิดอะไรขึ้น
เอริสผุดลุกแล้ววิ่งออกจากห้องไปทิ้งให้ผู้เป็นนายค้างเติ่งอยู่เพียงลำพัง ประตูปิดตามหลังดังสนั่นพราะเอริสรีบจนเผลอใช้แรงมากไป
"รสชาติดีจัง"
เลดี้ที่นิ่งเงียบอยู่นานเอ่ยออกมาเบาๆพลางเผลอเลียริมฝีปากของตนด้วยความรู้สึกหลงไหล
"อยากเก็บไว้กินคนเดียวไม่แบ่งให้ใคร "
เธอเอ่ยพลางเหยียดยิ้มร้าย
เอริสวิ่งลงมาในครัวด้วยความตระหนกพลางสบถด่าผู้เป็นนายมาตามทาง
"ยัยบ้า ยัยผู้หญิงบ้า ทำบ้าอะไรกับฉัน"
พอมาถึงในครัวเธอก็ทำคนอื่นๆตะลึงไปตามๆกันก่อนจะมีคนหนึ่งพูดว่า
"ลิลลี่...เอ่อกระดุมเสื้อเธอ มันหลุดน่ะ"
โอลิเวียเอ่ยพลางหรี่ตาลงต่ำอย่างอายๆทำให้เอริสต้องรีบก้มมองสำรวจตัวเอง จริงด้วยกระดุมเสื้อเธอหลุดไปสามเม็ด ตั้งสามเม็ดเชียวนะ แถมเม็ดบนสุดยังขาดไปอีก
"ยัยผู้หญิงบ้านั่นคิดจะทำอะไรกันแน่นะ"
เอริสสบถในใจ
"ลิลลี่...เธอโอเคไหม"
โอลิเวียเดินเข้ามาใกล้แล้วเอามือแตะหน้าผากของเอริสเบาๆ
"ตัวไม่ร้อนแต่ทำไม หน้าแดงจังเลย"
โอลิเวียเอ่ยพลางลดมือที่แตะหน้าผากของเอริสลง
"ฉันรู้สึกเหนื่อยนิดหน่อยน่ะ"
เอริสเอ่ยตอบพลางติดกระดุมและจัดชุดให้เข้าที่เข้าทาง
"งั้นวันนี้เธอไปพักเถอะ เดี๋ยวฉันพาไปเอง"
แซนดี้เอ่ยก่อนจะเดินมาคว้ามือของเอริสแล้วพาเดินออกไปจากห้องครัว
"เลดี้คงไม่ได้ใจร้ายกับเธอใช่ไหม ได้ยินว่าวันนี้ครอบครัวของเลดี้มาประชุมกัน "
แซนดี้เอ่ยขณะเดินนำเธอไป เอริสเริ่มมีหวังขึ้นมาบ้างแล้วอย่างน้อยวันนี้เธออาจจะได้ข้อมูลจากแซนดี้บ้างไม่มากก็น้อย
"เธอดูไม่ชอบครอบครัวของเธอเท่าไหร่
ฉันคิดว่างั้นนะ"
"เธอเป็นแบบนั้นแหละ
โดยเฉพาะกับน้องชายของเธอ"
แซนดี้เอ่ยตอบ
"เธอหมายถึงผู้ชายที่ชื่อไฮเซนเบิร์กใช่ไหม เหมือนพวกเขาจะไม่ชอบขี้หน้ากันจริงๆน่ะแหละ"
เอริสเอ่ยพลางนึกถึงภาพในห้องที่เลดี้และชายคนนั้นทะเลาะกัน
"พวกเขาไม่ใช่ครอบครัวจริงๆหรอก แต่เพราะเคารพในตัวคุณแม่มิแรนด้าเหมือนกันเท่านั้น"
"คุณแม่มิแรนด้า"
เอริสทวนคำก่อนจะนึกขึ้นได้ แล้วแสร้งถามแซนดี้ไปว่า
"คุณแม่มิแรนด้าคือใครทำไมถึงดูมีความสำคัญกับพวกเขานัก"
แซนดี้หยุดชะงักหลังจากที่เอริสถามคำถามนั้นออกไปทำเอาเอริสเริ่มหายใจไม่ทั่วท้องขึ้นมาเพราะกลัวว่าคำถามของเธอ อาจจะทำให้อีกคนสงสัยขึ้นมาแล้ว
"ลิลลี่ รู้แล้วก็อย่าไปบอกใครนะ"
แซนดี้ขยับมาใกล้พลางเอ่ยด้วยเสียงกระซิบกระซาบกลัวคนอื่นได้ยิน
"คุณแม่มิแรนด้าเป็นแม่มดล่ะ"
คำตอบนี้ทำเอาเอริสแทบหงายหลังล้มตึงลงไปไม่คิดเลยว่าแซนดี้จะเชื่อเรื่องแบบนี้ด้วย
"จะ...จริงเหรอ"
เอริสเอ่ยพลางยิ้มแห้งๆให้กับแซนดี้
"นึกแล้วว่าต้องไม่เชื่อ"
แซนดี้ที่เห็นท่าทีของเอริสที่ดูผิดหวังกับคำตอบของตนเอ่ยอย่างน้อยใจ
"แล้วทำไมถึงคิดว่า เธอเป็นแม่มดล่ะ"
"เรื่องนั้นฉันก็แค่เคยได้ยินสาวใช้คนก่อนๆพูดกันว่า เลดี้เธอเป็นโรคที่รักษาไม่หาย และคนในตระกูลเธอต่างก็เป็นโรคนี้และตายเพราะโรคนี้จนสุดท้ายเหลือแค่เลดี้คนเดียว เธอคิดดูสิโรคที่ไม่มีหมอที่ไหนรักษาได้ แต่คุณแม่มิแรนด้ากลับรักษาได้ และอีกอย่างช่วงนี้เหมือนจะมีเรื่องแปลกๆเกิดขึ้นในหมู่บ้านด้วย แต่เพราะคุณแม่มิแรนด้า หมู่บ้านก็เลยสงบสุขถึงตอนนี้ "
"แบบนี้เองเหรอ"
เอริสพยักหน้าขึ้นลงและกำลังทำความเข้าใจกับข้อมูลที่ได้รับ เหมือนว่าไม่ใช่แค่ที่นี่ ที่มีเรื่องแปลกๆแต่ในตัวหมู่บ้านเองก็เช่นกัน
"ถึงแล้ว นี่เป็นห้องพักเธอ"
เสียงแซนดี้ดังขึ้น
"ขอบใจมากนะ แซนดี้"
เอริสเอ่ยพลางคลี่ยิ้ม
เอริสเปิดประตูเข้ามาในห้องพักก่อนจะนั่งลงที่ปลายเตียงอย่างทอดอาลัย แต่เมื่อมองเงาสะท้อนของตัวเองในกระจกตอนนี้ก็แทบจะหงายท้องลงไปอีกครั้ง
แก้มแดงระเรื่อประหนึ่งสาวน้อยนี่มันอะไรกัน แถมยังใจเต้นไม่เป็นจังหวะนั่นอีก ความรู้สึกแบบนี้เธอไม่ชอบมันเลยสักนิดเดียว
***ดาวน์โหลด NovelToon เพื่อเพลิดเพลินไปกับประสบการณ์การอ่านที่ดียิ่งขึ้น!***
Comments
Jack Kii
เขิลลล
2023-11-28
1