อ่างน้ำขนาดใหญ่ถูกเติมน้ำลงไปจนเกือบเต็มเอริสพับแขนเสื้อขึ้นอย่างชำนาญก่อนจะหยิบขวดน้ำหอมและกลีบกุหลาบเทผสมลงไป กลิ่นหอมค่อยๆอบอวลไปทั่วและเลดี้คนงามก็เดินมาหยุดยืนตรงด้านหลังของเธอแล้วเป็นที่เรียบร้อย
"ลิลลี่..ดูเธอจะถนัดกับงานพวกนี้มากเลยนะ"
"ค่ะ ฉันเคยเป็นเด็กรับใช้มาก่อน"
เอริสตอบพร้อมตีน้ำในอ่างให้ส่วนผสมเข้ากันโดยไม่ได้หันกลับไปมองร่างที่อยู่ภายใต้ชุดคลุมอาบน้ำที่ยืนอยู่ด้านหลังเธอ
"ตอนเด็กๆเธอไม่ได้อยู่กับครอบครัวหรอกเหรอ"
"ไม่ค่ะ...ฉันไม่รู้ด้วยซ้ำว่าพ่อแม่เป็นใคร"
เอริสหยุดชะงักก่อนจะหันหลังแล้วเงยหน้าขึ้นไปมองหญิงร่างสูงที่ยืนอยู่ด้านหลัง หล่อนถอดหมวกออกไปแล้วทำให้มองเห็นใบหน้านั้นได้ถนัดขึ้นดวงตาคมใบหน้าขาวซีดและริมฝีปากแดงที่ดูเหมือนแสยะยิ้มอยู่ตลอดเวลา บัดนี้สอดสายตาลงมาประสานกันกับเธอได้อย่างพอดิบพอดี และเอริสก็คิดว่าหัวใจเธอมันเต้นแรงอย่างไม่เคยเป็นมาก่อนเป็นครั้งแรกในชีวิต
"โถ่....ลิลลี่ฉันไม่ควรถามเลยใช่ไหม"
ไม่ว่าเปล่าเธอยังยกมือเรียวขึ้นมาลูบหัวของลิลลี่อย่างแผ่วเบาและมันก็เป็นครั้งแรกเหมือนกันที่มีคนลูบหัวเอริสด้วยความอบอุ่นเช่นนี้ จนเอริสนิ่งชะงักไปเหมือนต้องมนต์สะกดเธอรู้สึกได้ว่าเธอไม่ค่อยจะเป็นตัวของตัวเองนักหลังจากเหยียบย่างเข้ามาในที่แห่งนี้ แต่ในใจก็ยังคิดว่าเพียงเพราะบรรยากาศและพฤติกรรมพิลึกของคนที่อาศัยอยู่ก็เพียงเท่านั้นที่ทำให้เธอคิดไปเอง
แต่คนที่ไม่เคยรู้สึกหวั่นไหวเช่นเธอทำไมถึงรู้สึกแบบนี้ได้กัน มันทั้งอบอุ่นและชวนให้เธอล่องลอยไปเพียงแค่อีกคนยกยิ้มและลูบหัวเธอเบาๆ
"ไม่หรอกค่ะ..ฉันชินแล้ว"
เอริสเอ่ยก่อนจะหยัดตัวลุกขึ้นเผชิญหน้ากับคนที่สูงกว่าตนเป็นเท่าตัว แววตาของเลดี้ดูสั่นไหวเล็กน้อยกับคำตอบของเอริสก่อนเธอจะเอ่ยตอบเสียงเรียบกลับมา
"เพราะแบบนี้ไงฉันถึง...
"ชอบเธอเป็นพิเศษ"
เอริสชิงเอ่ยก่อน ทำเอาเลดี้ที่จะเอ่ยต่อเปลี่ยนเป็นหัวเราะหึๆในลำคอออกมาเบาๆแทน ในความรู้เท่าทันของสาวใช้ตรงหน้าแต่สายตาของเธอที่มองไปยังลิลลี่นั้นกลับว่างเปล่า แน่นอนสิดูเหมือนเธอจะคิดได้ว่าสาวใช้ของเธอไม่ใช่คนโง่ และการเป็นคนที่ฉลาดมากและรู้มากนั่นอาจจะไม่ดีต่อตัวของเธอนัก และเธอจะภาวนาให้ลิลลี่เป็นแค่สาวใช้ที่โง่เขลาดีกว่า เพราะเธอเริ่มรู้สึกชอบลิลลี่เข้าแล้ว
"ไหนดูสิว่า...เธอจะทำงานเก่งอย่างที่พูดไหม"
เลดี้ดิมิเทรสกูเอ่ยพร้อมกับกระตุกปมเสื้อคลุมออกและปลดมันให้ไหลลงไปกองกับพื้นต่อหน้าต่อตาเอริสก่อนจะแสยะยิ้มอย่างชอบใจ
เอริสผู้มีประสบการณ์โชกโชนและคิดว่าตนคงไม่หวั่นไหวกับอะไรเช่นนี้แล้ว กลับต้องหน้าแดงลามไปถึงใบหูเพราะระยะห่างมันใกล้เกินไปใบหน้าของเธอแทบจะอยู่ระดับเดียวกับหน้าอกที่มีเต้าเต่งตึงประดับอยู่และหากเธอขยับแม้แต่นิดเดียวมันอาจจะสร้างประสบการณ์แปลกใหม่ให้แก่เธอทั้งคู่ก็เป็นได้
"เฮ้อ...ฉันล่ะไม่ชอบคนที่ดีแต่ปากสุดๆเลย ยกตัวอย่างเจ้าไฮเซนเบิร์กน้องชายที่ทำตัวอวดดีแต่ก็เป็นแค่เด็กน้อยเท่านั้น"
เธอบ่นพึมพำก่อนจะก้าวขาลงไปในอ่างและเอนตัวลงไปเพราะร่างที่ใหญ่ผิดปกติอ่างของเธอก็ใหญ่ตามไปด้วยเอริสจึงต้องวนรอบอ่างเพื่อไปขัดตัวให้เธอเป็นพัลวัน
"จริงสิ...แล้วตอนนี้เธออยู่กับใคร ในเมื่อเธอไม่มีพ่อแม่เธออยู่กับใครงั้นเหรอ แล้วทำไมถึงได้มาทำงานที่นี่ ถ้าเธอไม่ตอบก็ไม่เป็นไร แต่ถ้าจะตอบ เธอรู้ใช่ไหมว่าห้ามโกหกฉัน"
เอริสที่กำลังใช้ใยขัดผิวที่แขนซ้ายให้กับเลดี้หยุดชะงักไปครู่หนึ่งเธอมีทางเลือกอยู่ คือ หนึ่งไม่ตอบแต่เลดี้จะต้องไม่ไว้ใจเธอแน่ถ้าเธอเลือกที่จะไม่ตอบอะไรเลยทางเลือกที่สองถ้าเธอตอบเลดี้จะไว้ใจเธอมากขึ้นและเธอก็หลีกเลี่ยงที่จะไม่เล่าถึงสิ่งที่เธอไม่อยากเอ่ยถึงได้ด้วย เรียกได้ว่า ไม่ได้โกหกแต่บอกไม่หมดก็เท่านั้นเอง
"ฉันถูกทิ้งไว้ที่หน้าสถานเลี้ยงเด็กกำพร้าตั้งแต่แรกเกิดค่ะและที่นั่นก็แค่เปิดสถานเลี้ยงเด็กกำพร้าบังหน้าแต่ความจริงแล้วคือพวกเขาขายเด็กๆที่รับเลี้ยงให้ไปเป็นทาสของพวกคนมีเงิน ฉันถูกขายตอนที่ฉันอายุได้แปดขวบให้เป็นเด็กรับใช้ครอบครัวหนึ่ง พวกเขาน่ารังเกียจมาก"
"นั่นมันโหดร้ายมากเลย"
หลังจากที่เงียบไปนานเลดี้ก็เอ่ยออกมาแววตาของเธอดูอ่อนลงอย่างเห็นได้ชัดแล้วมองเอริสอย่างเข้าใจ
"ฉันหนีออกมาแล้วถูกช่วยไว้จากหน่วยลาดตระเวนของตำรวจและฉันก็ได้ทำงานเป็นเด็กรับใช้ในสถานีเพราะไม่มีที่ให้ไปจนฉันอายุได้สิบแปดปีฉันก็เลยออกมารับงานว่าจ้างต่างๆที่สำนักงานจัดหาให้แล้ว ก็เป็นที่นี่ด้วย คุณว่าจ้างด้วยเงินมหาศาลมากพอที่จะให้ฉันลืมตาอ้าปากได้แค่ทำงานไม่ถึงปี ฉันอาจจะมีเงินเก็บมากพอที่จะได้ทำตามความฝันของตัวเอง"
"ความฝันงั้นเหรอ"
"ค่ะ"
เลดี้จ้องมองหน้าของเอริสอย่างพินิจอีกครั้งและดวงตาคมก็เหมือนกับกำลังจะมองให้ทะลุเข้าไปในความคิดเธอยังไงอย่างงั้น
"ใครๆก็มีความฝันลิลลี่ และส่วนใหญ่เรามักจะไม่ได้มันมาง่ายๆ"
"ฉันก็คิดแบบนั้นค่ะ"
"เมื่อก่อนฉันเป็นคนขี้โรคมากเลยล่ะ และฉันคิดว่าตัวเองคงจะตายไปนานแล้วด้วยซ้ำแต่เพราะคุณแม่มิแรนด้าฉันถึงได้มีชีวิตอยู่จนถึงตอนนี้"
ขณะเอ่ยสายตาของเลดี้ก็เปล่งประกายอย่างเห็นได้ชัดดูเหมือนว่าคุณแม่มิแรนด้าที่เธอเอ่ยถึงคงจะเป็นคนที่มีพระคุณไม่น้อยไปกว่าแม่แท้ๆของเธอเอง เอริสสังเกตได้ว่าแววตานั้นเต็มไปด้วยความเทิดทูนเมื่อพูดถึงชื่อนี้ขึ้นมา แสดงว่าคุณแม่มิแรนด้าคนนี้อาจจะมีส่วนเกี่ยวพันกับเรื่องที่เธอกำลังสืบอยู่ไม่มากก็น้อย
"คุณแม่มิแรนด้าคงจะเป็นคนสำคัญของเลดี้มากเลยสินะคะ"
เอริสเอ่ยพลางทำหน้าชื่นคลี่ยิ้มละไมอย่างเด็กสาวไร้เดียงสา
"ใช่คุณแม่ช่วยรักษาฉันและลูกๆของฉันจากโรคที่ใครๆก็บอกว่ารักษาไม่ได้"
แต่ก่อนจะได้รู้เรื่องไปมากกว่านี้เลดี้ก็ลุกจากอ่างด้วยร่างที่พร่างพราวไปด้วยหยาดน้ำระยิบชวนให้เสน่หาต่อผู้พบเห็น เอริสพูดได้เต็มปากว่าไม่เคยเห็นทรวดทรงหญิงใดจะงดงามเช่นคนตรงหน้ามาก่อนร่างอวบอัดที่ขาวซีดนั้นมีน้ำมีนวลชวนให้เธอไม่อาจละสายตาไปได้เลยแม้แต่น้อย
"เราคุยกันเพลินไปหน่อยคงต้องรีบแต่งตัวแล้วจะให้คุณแม่รอไม่ได้ ลิลลี่ช่วยฉันแต่งตัวหน่อยก็แล้วกัน"
เอริสหยิบเสื้อคลุมมาให้เธอครั่นจะคลุมให้เธอก็ไม่อาจทำได้เพราะเลดี้นั้นสูงเกินไปจึงทำได้เพียงแต่ยื่นให้และลอบกลืนน้ำลายลงคอเฮือกใหญ่ก็เท่านั้น กับภาพชวนให้เลือดกำเดาไหลตรงหน้า
"คุณสวยมากเลย"
เอริสอดไม่ได้ที่เอ่ยชมกับภาพที่สะท้อนอยู่บนกระจกเบื้องหน้าร่างสูงอวบอัดอยู่ในชุดชั้นในลูกไม้สีขาวที่มีสายรั้งถุงน่องประกอบด้วยเธอใส่ถุงน่องสีขาวเข้ากับสีผิวและประดับด้วยลายลูกไม้สวยงาม
"งั้นเหรอ...ขอบใจไม่ใช่ทุกคนหรอกที่จะชมฉันแบบนั้น เรือนร่างของฉันไม่เป็นที่ชื่นชอบของพวกผู้ชายชนชั้นเดียวกันนัก ผู้ชายล้วนหยิ่งผยองและต้องการที่จะเป็นใหญ่ และร่างกายของฉันก็ทำให้พวกเขาคิดผิด ฉันหมายถึงคงไม่มีผู้ชายคนไหนกล้าลงไม้ลงมือกับฉัน หลังจากที่ฉันยืนขนาบข้างแล้วเขาต้องเงยหน้าขึ้นมามองฉันอยู่"
"คุณสวยเกินกว่าที่เขาจะเอื้อมถึงต่างหาก"
เอริสเอ่ยขึ้น
นั่นทำให้เลดี้มีแววประหลาดใจและก็อดไม่ได้ที่จะหันมามองสาวใช้ร่างเล็ก อาจจะหมายถึงร่างเล็กสำหรับเธอแต่สำหรับคนทั่วไปลิลลี่ก็สูงพอตัว
"จริงเหรอ...ลิลลี่"
น้ำเสียงนั้นไพเราะและทรงพลังทั้งๆที่เอ่ยออกมาอย่างแผ่วเบา
"จริงค่ะ ฉันสาบานได้ว่าคุณสวยที่สุดในบรรดาผู้หญิงที่ฉันเคยพบมา"
"หึ....เธอน่ะมีฝีปากเป็นเลิศเสียจริง
และฉันก็รู้สึก....หวั่นไหวหน่อยๆแล้ว"
"เปล่าไม่ใช่แบบนั้นนะคะฉันไม่ได้ตั้งใจจะยกยอคุณเพื่อเอาใจ ฉันแค่พูดตามจริง"
เอริสเอ่ยแก้ซึ่งเธอก็คิดแบบนั้นตามที่พูดจริงๆ ไม่ได้มีเจตนากล่าวคำหวานหูให้เลดี้เอ็นดูเธอแต่อย่างใด
"เพราะแบบนี้ฉันถึงหวั่นไหวไงล่ะ"
"เลดี้"
เอริสเอ่ยพลางทำสีหน้างงงวยกับท่าทีมีเลศนัยของผู้เป็นนาย
"เอาล่ะรีบแต่งตัวให้ฉันเถอะ ป่านนี้คุณแม่และพี่น้องของฉันคงใกล้มากันแล้ว"
ในที่สุดเธอก็ช่วยเลดี้ดิมิเทรสกูแต่งตัวเสร็จแล้วเรียบร้อยและเลดี้ก็ยังหยิบหมวกของเธอมาสวมทั้งที่อยู่ในคฤหาสน์เช่นเคย
"รสนิยมชนชั้นสูงนี่แปลกดีนะ"
เอริสคิดในใจกว่าจะใส่ชุดนั่นได้เธอยังต้องใส่คอร์เซ็ทที่ทั้งแน่นทั้งอึดอัดซึ่งเอริสไม่สนใจสักนิดที่จะใส่มันเพื่อให้ได้ทรวดทรงที่งดงาม
"ขอบใจมากลิลลี่"
เลดี้เอ่ยพร้อมคลี่ยิ้มให้เอริสแต่นั่นแหละเอริสไม่ค่อยจะชอบรอยยิ้มของหล่อนเท่าใดนัก มันดูขนลุกชอบกลภายใต้หมวกและใบหน้าขาวซีดนั่นเหมือนราวกับพวกผีดิบแวมไพร์ในหนังแฟนตาซี
"ยินดีค่ะเลดี้"
เลดี้และเธอเดินออกมาจากห้องพร้อมกัน เอริสคิดว่าเธอควรจะขอปลีกตัวไปทำอย่างอื่นจะได้มีเวลาไปสำรวจส่วนต่างๆของคฤหาสน์ แต่คุณผู้หญิงตัวดีก็ไม่ยอมให้เธอห่างกายไปแม้แต่น้อย
"ไปกับฉันสิ..ฉันจะแนะนำเธอให้กับคุณแม่มิแรนด้า"
"จะดีเหรอคะ"
"ดีสิ...บางทีคุณแม่อาจจะถูกใจเธอขึ้นมาก็ได้"
"ค่ะ ถ้าเป็นความต้องการของคุณ"
เอริสเอ่ยตอบอย่างว่าง่ายตามจริงวันนี้เป็นวันแรกที่เธอได้เหยียบย่างเข้ามาเธอควรทำตัวเชื่อฟังอีกคนไว้ดีกว่าหากรีบไปแผนที่วางไว้อาจจะพังไม่เป็นท่า
"ใจเย็นหน่อยเอริส ตอนนี้เธอต้องใจเย็น"
เอริสเอ่ยกับตัวเองขณะเดินตามหลังเลดี้ดิมิเทรสกูไปเงียบๆ
พอไปถึงเลดี้เปิดประตูเข้าไปก็พบกับครอบครัวของเธอ หนึ่งในนั้นลุกขึ้นยืนพร้อมทำท่าทางยียวนกวนประสาทใส่และเอ่ยว่า
"ดูนั่นสิพี่สาวคนสวยลงมาสักที"
"หุบปากเน่าๆของแกซะ...ไฮเซนเบิร์ก"
เลดี้ดิมิเทรสตอบกลับด้วยน้ำเสียงเยือกเย็นหล่อนแทบจะไม่เหลือบไปมองท่าทางกวนประสาทของเขาด้วยซ้ำผู้ชายที่แต่งตัวราวกับพวกพ่อค้าอาวุธสวมหมวกเช่นกันแต่ใบเล็กกว่าของเลดี้มาก เขาสวมแค่กางเกงขายาวและเสื้อโค้ทเผยให้เห็นแผงอกที่เต็มไปด้วยมัดกล้ามและไรขนแต่นั่นแหละพอเทียบกันแล้วเขาชั่งดูไร้อำนาจขัดกับผู้เป็นนายของเธอที่สูงเกือบสามเมตร
"อ้อ...เธอมาช้านะอัลซิน่าแล้วยังบอกให้ฉันหุบปาก"
"ต้องขอโทษคุณแม่ที่ทำให้ต้องรอ"
และเป็นอีกครั้งที่ชายคนดังกล่าวถูกเมินเลดี้หันไปโค้งอย่างนอบน้อมให้กับหญิงที่แต่งตัวเหมือนซิสเตอร์และสวมหน้ากากที่มีจะงอยปากยื่นออกมาที่นั่งอยู่หัวโต๊ะแทนที่จะสนใจน้องชายของเธอ
"ขอโทษฉันด้วยซิ ขอโทษทุกคนที่ต้องมารอเธอ
อัลซิน่า เธอก็รู้ว่าคุณแม่มีเรื่องสำคัญจะคุย
แต่ดูนี่ซิเธอพาใครมาด้วย....
อยู่ๆเป้าหมายของชายคนนั้นก็เปลี่ยนไปเขาหันมามองเอริสและเดินเข้ามาหาเธอ
"ไฮเซนเบิร์ก...อย่ายุ่งกับคนของฉัน"
เสียงของเลดี้ตวาดลั่นจนทุกคนที่อยู่ในห้องต่างมองไปที่เธอเป็นตาเดียว
"ไม่เอาน่า...อัลซิน่าทำไมเธอต้องโกรธขนาดนั้น"
ไฮเซนเบิร์กยังไม่ยอมหยุดแถมยังตรงมาใกล้เอริสและยื่นหน้ามาใกล้เธอ
"คาร์ล ไฮเซนเบิร์ก ฉันจะพูดอีกครั้ง
อย่า ยุ่ง กับ เธอ ไม่งั้นฉันจะสับนายเป็นชิ้นๆ"
"เหอะๆ ฮ่า ฮ่า ฮ่า"
ไฮเซนเบิร์กหยุดชะงักก่อนที่จะหัวเราะลั่นและหันไปสนใจเลดี้ดิมิเทรสกูพี่สาวของเขาอีกครั้ง
"ฉันกลัวจนตัวสั่นเลยอัลซิน่า"
"งั้นก็ลองดูซิ"
เอาเลย เอาเลย ฆ่ากันเลย ฆ่ากันเลย !!!!!
ขณะที่ทั้งคู่จ้องตากันอย่างอาฆาตเสียงเล็กแหลมก็ดังขึ้นพร้อมตุ๊กตาประหลาดที่ทำท่ารื่นเริงราวกับกำลังดีใจที่พวกเขาทะเลาะกันเอง
เงียบ!!!!!
แต่แล้วทุกอย่างก็สงบลงเมื่อหญิงที่แต่งกายเหมือนซิสเตอร์เอ่ยขึ้นเพียงคำเดียว ทุกอย่างสงบนิ่งราวกับว่าเมื่อครู่ไม่เคยเกิดอะไรขึ้นและพวกเขาเป็นพี่น้องที่รักกันดี
***ดาวน์โหลด NovelToon เพื่อเพลิดเพลินไปกับประสบการณ์การอ่านที่ดียิ่งขึ้น!***
Comments