5

อ่างน้ำขนาดใหญ่ถูกเติมน้ำลงไปจนเกือบเต็มเอริสพับแขนเสื้อขึ้นอย่างชำนาญก่อนจะหยิบขวดน้ำหอมและกลีบกุหลาบเทผสมลงไป กลิ่นหอมค่อยๆอบอวลไปทั่วและเลดี้คนงามก็เดินมาหยุดยืนตรงด้านหลังของเธอแล้วเป็นที่เรียบร้อย 

"ลิลลี่..ดูเธอจะถนัดกับงานพวกนี้มากเลยนะ"

"ค่ะ ฉันเคยเป็นเด็กรับใช้มาก่อน"

เอริสตอบพร้อมตีน้ำในอ่างให้ส่วนผสมเข้ากันโดยไม่ได้หันกลับไปมองร่างที่อยู่ภายใต้ชุดคลุมอาบน้ำที่ยืนอยู่ด้านหลังเธอ

"ตอนเด็กๆเธอไม่ได้อยู่กับครอบครัวหรอกเหรอ"

"ไม่ค่ะ...ฉันไม่รู้ด้วยซ้ำว่าพ่อแม่เป็นใคร"

เอริสหยุดชะงักก่อนจะหันหลังแล้วเงยหน้าขึ้นไปมองหญิงร่างสูงที่ยืนอยู่ด้านหลัง หล่อนถอดหมวกออกไปแล้วทำให้มองเห็นใบหน้านั้นได้ถนัดขึ้นดวงตาคมใบหน้าขาวซีดและริมฝีปากแดงที่ดูเหมือนแสยะยิ้มอยู่ตลอดเวลา บัดนี้สอดสายตาลงมาประสานกันกับเธอได้อย่างพอดิบพอดี และเอริสก็คิดว่าหัวใจเธอมันเต้นแรงอย่างไม่เคยเป็นมาก่อนเป็นครั้งแรกในชีวิต 

"โถ่....ลิลลี่ฉันไม่ควรถามเลยใช่ไหม"

ไม่ว่าเปล่าเธอยังยกมือเรียวขึ้นมาลูบหัวของลิลลี่อย่างแผ่วเบาและมันก็เป็นครั้งแรกเหมือนกันที่มีคนลูบหัวเอริสด้วยความอบอุ่นเช่นนี้ จนเอริสนิ่งชะงักไปเหมือนต้องมนต์สะกดเธอรู้สึกได้ว่าเธอไม่ค่อยจะเป็นตัวของตัวเองนักหลังจากเหยียบย่างเข้ามาในที่แห่งนี้ แต่ในใจก็ยังคิดว่าเพียงเพราะบรรยากาศและพฤติกรรมพิลึกของคนที่อาศัยอยู่ก็เพียงเท่านั้นที่ทำให้เธอคิดไปเอง 

แต่คนที่ไม่เคยรู้สึกหวั่นไหวเช่นเธอทำไมถึงรู้สึกแบบนี้ได้กัน มันทั้งอบอุ่นและชวนให้เธอล่องลอยไปเพียงแค่อีกคนยกยิ้มและลูบหัวเธอเบาๆ 

"ไม่หรอกค่ะ..ฉันชินแล้ว"

เอริสเอ่ยก่อนจะหยัดตัวลุกขึ้นเผชิญหน้ากับคนที่สูงกว่าตนเป็นเท่าตัว แววตาของเลดี้ดูสั่นไหวเล็กน้อยกับคำตอบของเอริสก่อนเธอจะเอ่ยตอบเสียงเรียบกลับมา 

"เพราะแบบนี้ไงฉันถึง...

"ชอบเธอเป็นพิเศษ"

เอริสชิงเอ่ยก่อน ทำเอาเลดี้ที่จะเอ่ยต่อเปลี่ยนเป็นหัวเราะหึๆในลำคอออกมาเบาๆแทน ในความรู้เท่าทันของสาวใช้ตรงหน้าแต่สายตาของเธอที่มองไปยังลิลลี่นั้นกลับว่างเปล่า แน่นอนสิดูเหมือนเธอจะคิดได้ว่าสาวใช้ของเธอไม่ใช่คนโง่ และการเป็นคนที่ฉลาดมากและรู้มากนั่นอาจจะไม่ดีต่อตัวของเธอนัก และเธอจะภาวนาให้ลิลลี่เป็นแค่สาวใช้ที่โง่เขลาดีกว่า เพราะเธอเริ่มรู้สึกชอบลิลลี่เข้าแล้ว 

"ไหนดูสิว่า...เธอจะทำงานเก่งอย่างที่พูดไหม"

เลดี้ดิมิเทรสกูเอ่ยพร้อมกับกระตุกปมเสื้อคลุมออกและปลดมันให้ไหลลงไปกองกับพื้นต่อหน้าต่อตาเอริสก่อนจะแสยะยิ้มอย่างชอบใจ 

เอริสผู้มีประสบการณ์โชกโชนและคิดว่าตนคงไม่หวั่นไหวกับอะไรเช่นนี้แล้ว กลับต้องหน้าแดงลามไปถึงใบหูเพราะระยะห่างมันใกล้เกินไปใบหน้าของเธอแทบจะอยู่ระดับเดียวกับหน้าอกที่มีเต้าเต่งตึงประดับอยู่และหากเธอขยับแม้แต่นิดเดียวมันอาจจะสร้างประสบการณ์แปลกใหม่ให้แก่เธอทั้งคู่ก็เป็นได้ 

"เฮ้อ...ฉันล่ะไม่ชอบคนที่ดีแต่ปากสุดๆเลย ยกตัวอย่างเจ้าไฮเซนเบิร์กน้องชายที่ทำตัวอวดดีแต่ก็เป็นแค่เด็กน้อยเท่านั้น"

เธอบ่นพึมพำก่อนจะก้าวขาลงไปในอ่างและเอนตัวลงไปเพราะร่างที่ใหญ่ผิดปกติอ่างของเธอก็ใหญ่ตามไปด้วยเอริสจึงต้องวนรอบอ่างเพื่อไปขัดตัวให้เธอเป็นพัลวัน

"จริงสิ...แล้วตอนนี้เธออยู่กับใคร ในเมื่อเธอไม่มีพ่อแม่เธออยู่กับใครงั้นเหรอ แล้วทำไมถึงได้มาทำงานที่นี่ ถ้าเธอไม่ตอบก็ไม่เป็นไร แต่ถ้าจะตอบ เธอรู้ใช่ไหมว่าห้ามโกหกฉัน"

เอริสที่กำลังใช้ใยขัดผิวที่แขนซ้ายให้กับเลดี้หยุดชะงักไปครู่หนึ่งเธอมีทางเลือกอยู่ คือ หนึ่งไม่ตอบแต่เลดี้จะต้องไม่ไว้ใจเธอแน่ถ้าเธอเลือกที่จะไม่ตอบอะไรเลยทางเลือกที่สองถ้าเธอตอบเลดี้จะไว้ใจเธอมากขึ้นและเธอก็หลีกเลี่ยงที่จะไม่เล่าถึงสิ่งที่เธอไม่อยากเอ่ยถึงได้ด้วย เรียกได้ว่า ไม่ได้โกหกแต่บอกไม่หมดก็เท่านั้นเอง 

"ฉันถูกทิ้งไว้ที่หน้าสถานเลี้ยงเด็กกำพร้าตั้งแต่แรกเกิดค่ะและที่นั่นก็แค่เปิดสถานเลี้ยงเด็กกำพร้าบังหน้าแต่ความจริงแล้วคือพวกเขาขายเด็กๆที่รับเลี้ยงให้ไปเป็นทาสของพวกคนมีเงิน ฉันถูกขายตอนที่ฉันอายุได้แปดขวบให้เป็นเด็กรับใช้ครอบครัวหนึ่ง พวกเขาน่ารังเกียจมาก"

"นั่นมันโหดร้ายมากเลย"

หลังจากที่เงียบไปนานเลดี้ก็เอ่ยออกมาแววตาของเธอดูอ่อนลงอย่างเห็นได้ชัดแล้วมองเอริสอย่างเข้าใจ 

"ฉันหนีออกมาแล้วถูกช่วยไว้จากหน่วยลาดตระเวนของตำรวจและฉันก็ได้ทำงานเป็นเด็กรับใช้ในสถานีเพราะไม่มีที่ให้ไปจนฉันอายุได้สิบแปดปีฉันก็เลยออกมารับงานว่าจ้างต่างๆที่สำนักงานจัดหาให้แล้ว ก็เป็นที่นี่ด้วย คุณว่าจ้างด้วยเงินมหาศาลมากพอที่จะให้ฉันลืมตาอ้าปากได้แค่ทำงานไม่ถึงปี ฉันอาจจะมีเงินเก็บมากพอที่จะได้ทำตามความฝันของตัวเอง"

"ความฝันงั้นเหรอ"

"ค่ะ"

เลดี้จ้องมองหน้าของเอริสอย่างพินิจอีกครั้งและดวงตาคมก็เหมือนกับกำลังจะมองให้ทะลุเข้าไปในความคิดเธอยังไงอย่างงั้น 

"ใครๆก็มีความฝันลิลลี่ และส่วนใหญ่เรามักจะไม่ได้มันมาง่ายๆ"

"ฉันก็คิดแบบนั้นค่ะ"

"เมื่อก่อนฉันเป็นคนขี้โรคมากเลยล่ะ และฉันคิดว่าตัวเองคงจะตายไปนานแล้วด้วยซ้ำแต่เพราะคุณแม่มิแรนด้าฉันถึงได้มีชีวิตอยู่จนถึงตอนนี้"

ขณะเอ่ยสายตาของเลดี้ก็เปล่งประกายอย่างเห็นได้ชัดดูเหมือนว่าคุณแม่มิแรนด้าที่เธอเอ่ยถึงคงจะเป็นคนที่มีพระคุณไม่น้อยไปกว่าแม่แท้ๆของเธอเอง เอริสสังเกตได้ว่าแววตานั้นเต็มไปด้วยความเทิดทูนเมื่อพูดถึงชื่อนี้ขึ้นมา แสดงว่าคุณแม่มิแรนด้าคนนี้อาจจะมีส่วนเกี่ยวพันกับเรื่องที่เธอกำลังสืบอยู่ไม่มากก็น้อย 

"คุณแม่มิแรนด้าคงจะเป็นคนสำคัญของเลดี้มากเลยสินะคะ"

เอริสเอ่ยพลางทำหน้าชื่นคลี่ยิ้มละไมอย่างเด็กสาวไร้เดียงสา

"ใช่คุณแม่ช่วยรักษาฉันและลูกๆของฉันจากโรคที่ใครๆก็บอกว่ารักษาไม่ได้"

แต่ก่อนจะได้รู้เรื่องไปมากกว่านี้เลดี้ก็ลุกจากอ่างด้วยร่างที่พร่างพราวไปด้วยหยาดน้ำระยิบชวนให้เสน่หาต่อผู้พบเห็น เอริสพูดได้เต็มปากว่าไม่เคยเห็นทรวดทรงหญิงใดจะงดงามเช่นคนตรงหน้ามาก่อนร่างอวบอัดที่ขาวซีดนั้นมีน้ำมีนวลชวนให้เธอไม่อาจละสายตาไปได้เลยแม้แต่น้อย 

"เราคุยกันเพลินไปหน่อยคงต้องรีบแต่งตัวแล้วจะให้คุณแม่รอไม่ได้ ลิลลี่ช่วยฉันแต่งตัวหน่อยก็แล้วกัน"

เอริสหยิบเสื้อคลุมมาให้เธอครั่นจะคลุมให้เธอก็ไม่อาจทำได้เพราะเลดี้นั้นสูงเกินไปจึงทำได้เพียงแต่ยื่นให้และลอบกลืนน้ำลายลงคอเฮือกใหญ่ก็เท่านั้น กับภาพชวนให้เลือดกำเดาไหลตรงหน้า 

"คุณสวยมากเลย"

เอริสอดไม่ได้ที่เอ่ยชมกับภาพที่สะท้อนอยู่บนกระจกเบื้องหน้าร่างสูงอวบอัดอยู่ในชุดชั้นในลูกไม้สีขาวที่มีสายรั้งถุงน่องประกอบด้วยเธอใส่ถุงน่องสีขาวเข้ากับสีผิวและประดับด้วยลายลูกไม้สวยงาม 

"งั้นเหรอ...ขอบใจไม่ใช่ทุกคนหรอกที่จะชมฉันแบบนั้น เรือนร่างของฉันไม่เป็นที่ชื่นชอบของพวกผู้ชายชนชั้นเดียวกันนัก ผู้ชายล้วนหยิ่งผยองและต้องการที่จะเป็นใหญ่ และร่างกายของฉันก็ทำให้พวกเขาคิดผิด ฉันหมายถึงคงไม่มีผู้ชายคนไหนกล้าลงไม้ลงมือกับฉัน หลังจากที่ฉันยืนขนาบข้างแล้วเขาต้องเงยหน้าขึ้นมามองฉันอยู่"

"คุณสวยเกินกว่าที่เขาจะเอื้อมถึงต่างหาก"

เอริสเอ่ยขึ้น 

นั่นทำให้เลดี้มีแววประหลาดใจและก็อดไม่ได้ที่จะหันมามองสาวใช้ร่างเล็ก อาจจะหมายถึงร่างเล็กสำหรับเธอแต่สำหรับคนทั่วไปลิลลี่ก็สูงพอตัว

"จริงเหรอ...ลิลลี่"

น้ำเสียงนั้นไพเราะและทรงพลังทั้งๆที่เอ่ยออกมาอย่างแผ่วเบา 

"จริงค่ะ ฉันสาบานได้ว่าคุณสวยที่สุดในบรรดาผู้หญิงที่ฉันเคยพบมา"

"หึ....เธอน่ะมีฝีปากเป็นเลิศเสียจริง 

และฉันก็รู้สึก....หวั่นไหวหน่อยๆแล้ว"

"เปล่าไม่ใช่แบบนั้นนะคะฉันไม่ได้ตั้งใจจะยกยอคุณเพื่อเอาใจ ฉันแค่พูดตามจริง"

เอริสเอ่ยแก้ซึ่งเธอก็คิดแบบนั้นตามที่พูดจริงๆ ไม่ได้มีเจตนากล่าวคำหวานหูให้เลดี้เอ็นดูเธอแต่อย่างใด

"เพราะแบบนี้ฉันถึงหวั่นไหวไงล่ะ"

"เลดี้"

เอริสเอ่ยพลางทำสีหน้างงงวยกับท่าทีมีเลศนัยของผู้เป็นนาย 

"เอาล่ะรีบแต่งตัวให้ฉันเถอะ ป่านนี้คุณแม่และพี่น้องของฉันคงใกล้มากันแล้ว"

ในที่สุดเธอก็ช่วยเลดี้ดิมิเทรสกูแต่งตัวเสร็จแล้วเรียบร้อยและเลดี้ก็ยังหยิบหมวกของเธอมาสวมทั้งที่อยู่ในคฤหาสน์เช่นเคย 

"รสนิยมชนชั้นสูงนี่แปลกดีนะ"

เอริสคิดในใจกว่าจะใส่ชุดนั่นได้เธอยังต้องใส่คอร์เซ็ทที่ทั้งแน่นทั้งอึดอัดซึ่งเอริสไม่สนใจสักนิดที่จะใส่มันเพื่อให้ได้ทรวดทรงที่งดงาม 

"ขอบใจมากลิลลี่"

เลดี้เอ่ยพร้อมคลี่ยิ้มให้เอริสแต่นั่นแหละเอริสไม่ค่อยจะชอบรอยยิ้มของหล่อนเท่าใดนัก มันดูขนลุกชอบกลภายใต้หมวกและใบหน้าขาวซีดนั่นเหมือนราวกับพวกผีดิบแวมไพร์ในหนังแฟนตาซี

"ยินดีค่ะเลดี้"

เลดี้และเธอเดินออกมาจากห้องพร้อมกัน เอริสคิดว่าเธอควรจะขอปลีกตัวไปทำอย่างอื่นจะได้มีเวลาไปสำรวจส่วนต่างๆของคฤหาสน์ แต่คุณผู้หญิงตัวดีก็ไม่ยอมให้เธอห่างกายไปแม้แต่น้อย 

"ไปกับฉันสิ..ฉันจะแนะนำเธอให้กับคุณแม่มิแรนด้า"

"จะดีเหรอคะ"

"ดีสิ...บางทีคุณแม่อาจจะถูกใจเธอขึ้นมาก็ได้"

"ค่ะ ถ้าเป็นความต้องการของคุณ"

เอริสเอ่ยตอบอย่างว่าง่ายตามจริงวันนี้เป็นวันแรกที่เธอได้เหยียบย่างเข้ามาเธอควรทำตัวเชื่อฟังอีกคนไว้ดีกว่าหากรีบไปแผนที่วางไว้อาจจะพังไม่เป็นท่า 

"ใจเย็นหน่อยเอริส ตอนนี้เธอต้องใจเย็น"

เอริสเอ่ยกับตัวเองขณะเดินตามหลังเลดี้ดิมิเทรสกูไปเงียบๆ

พอไปถึงเลดี้เปิดประตูเข้าไปก็พบกับครอบครัวของเธอ หนึ่งในนั้นลุกขึ้นยืนพร้อมทำท่าทางยียวนกวนประสาทใส่และเอ่ยว่า 

"ดูนั่นสิพี่สาวคนสวยลงมาสักที"

"หุบปากเน่าๆของแกซะ...ไฮเซนเบิร์ก"

เลดี้ดิมิเทรสตอบกลับด้วยน้ำเสียงเยือกเย็นหล่อนแทบจะไม่เหลือบไปมองท่าทางกวนประสาทของเขาด้วยซ้ำผู้ชายที่แต่งตัวราวกับพวกพ่อค้าอาวุธสวมหมวกเช่นกันแต่ใบเล็กกว่าของเลดี้มาก เขาสวมแค่กางเกงขายาวและเสื้อโค้ทเผยให้เห็นแผงอกที่เต็มไปด้วยมัดกล้ามและไรขนแต่นั่นแหละพอเทียบกันแล้วเขาชั่งดูไร้อำนาจขัดกับผู้เป็นนายของเธอที่สูงเกือบสามเมตร

"อ้อ...เธอมาช้านะอัลซิน่าแล้วยังบอกให้ฉันหุบปาก"

"ต้องขอโทษคุณแม่ที่ทำให้ต้องรอ"

และเป็นอีกครั้งที่ชายคนดังกล่าวถูกเมินเลดี้หันไปโค้งอย่างนอบน้อมให้กับหญิงที่แต่งตัวเหมือนซิสเตอร์และสวมหน้ากากที่มีจะงอยปากยื่นออกมาที่นั่งอยู่หัวโต๊ะแทนที่จะสนใจน้องชายของเธอ

"ขอโทษฉันด้วยซิ ขอโทษทุกคนที่ต้องมารอเธอ 

อัลซิน่า เธอก็รู้ว่าคุณแม่มีเรื่องสำคัญจะคุย 

แต่ดูนี่ซิเธอพาใครมาด้วย....

อยู่ๆเป้าหมายของชายคนนั้นก็เปลี่ยนไปเขาหันมามองเอริสและเดินเข้ามาหาเธอ

"ไฮเซนเบิร์ก...อย่ายุ่งกับคนของฉัน"

เสียงของเลดี้ตวาดลั่นจนทุกคนที่อยู่ในห้องต่างมองไปที่เธอเป็นตาเดียว 

"ไม่เอาน่า...อัลซิน่าทำไมเธอต้องโกรธขนาดนั้น"

ไฮเซนเบิร์กยังไม่ยอมหยุดแถมยังตรงมาใกล้เอริสและยื่นหน้ามาใกล้เธอ

"คาร์ล ไฮเซนเบิร์ก ฉันจะพูดอีกครั้ง 

อย่า ยุ่ง กับ เธอ ไม่งั้นฉันจะสับนายเป็นชิ้นๆ"

"เหอะๆ ฮ่า ฮ่า ฮ่า"

ไฮเซนเบิร์กหยุดชะงักก่อนที่จะหัวเราะลั่นและหันไปสนใจเลดี้ดิมิเทรสกูพี่สาวของเขาอีกครั้ง 

"ฉันกลัวจนตัวสั่นเลยอัลซิน่า"

"งั้นก็ลองดูซิ"

เอาเลย เอาเลย ฆ่ากันเลย ฆ่ากันเลย !!!!!

ขณะที่ทั้งคู่จ้องตากันอย่างอาฆาตเสียงเล็กแหลมก็ดังขึ้นพร้อมตุ๊กตาประหลาดที่ทำท่ารื่นเริงราวกับกำลังดีใจที่พวกเขาทะเลาะกันเอง 

เงียบ!!!!!

แต่แล้วทุกอย่างก็สงบลงเมื่อหญิงที่แต่งกายเหมือนซิสเตอร์เอ่ยขึ้นเพียงคำเดียว ทุกอย่างสงบนิ่งราวกับว่าเมื่อครู่ไม่เคยเกิดอะไรขึ้นและพวกเขาเป็นพี่น้องที่รักกันดี 

เลือกตอน

กกาวน์โหลดทันที

ชอบผลงานนี้ไหม? ดาวน์โหลดแอพ บันทึกการอ่านของคุณจะไม่สูญหาย
กกาวน์โหลดทันที

โบนัส

ผู้ใช้ใหม่ที่ดาวน์โหลดแอพสามารถปลดล็อค 10 ตอนได้ฟรี

รับ
NovelToon
เปิดประตูต่างภพ
เพื่อวิธีการเล่นเพิ่มโปรดดาวน์โหลดMangatoon APP!