เอริสเดินไปตามทางเดินของคฤหาสน์ที่ราวกับเขาวงกตหากไม่ใช่เธอหรือคนที่อยู่มาสักพักก็อาจจะหลงได้ง่ายๆ ก็นั่นแหละยกเว้นเธอเอริสมีอะไรพิเศษกว่าคนอื่นและนั้นจะยังเป็นความลับที่มีแค่เธอและไม่กี่คนที่รู้ ถ้าคุณอยากรู้เรื่องของเธอทางเดียวที่คุณจะทำได้คืออ่านมันไปเรื่อยๆ แล้วเอริสก็จะเล่าให้ฟัง แต่ก่อนอื่นเธอต้องไปทำหน้าที่ของสาวใช้ผู้ใสซื่อเสียก่อน กระดิ่งถูกดึงจากห้องทำงานของเลดี้ ดังนั้นเอริสจึงหยุดยืนที่หน้าห้องทำงานของเธอแล้วเคาะประตูก่อนจะเข้าไป
ก๊อก ก๊อก
เพียงไม่นานเสียงกังวานก็ดังมาจากด้านใน
"เข้ามาสิ...สาวน้อย ฉันรอเธออยู่"
เมื่อได้ยินเสียงอนุญาตจากด้านในเอริสจึงเปิดประตูเข้าไปแล้วพบเลดี้กำลังยืนหันหลังให้กับเธอแล้วมองออกไปนอกหน้าต่าง แต่เปล่าหรอกเธอกำลังยืนดูดบุหรี่ด้วยไปป์เรียวยาวก่อนจะพ่นควันออกมา แล้วถอนหายใจ
"อ่า.....ขอโทษทีนะที่เรียกใช้เธอตั้งแต่วันแรก เธอเดินทางมาตั้งไกลควรได้พักผ่อนสักหน่อยแท้ๆ"
"ไม่เลยสักนิดค่ะ
ฉันดีใจที่คุณเรียกหาฉันตั้งแต่วันแรก"
เอริสเอ่ยพร้อมคลี่ยิ้มกว้างแต่ใครจะรู้ภายใต้รอยยิ้มนั้นก็มีความกระหยิ่มยิ้มย่องลำพองใจซ้อนอยู่ ยิ่งทำให้ผู้หญิงคนนี้ชื่นชอบเธอมากเท่าไหร่ มันก็จะทำให้งานของเธอง่ายขึ้น
"จริงเหรอ"
เลดี้ดิมิเทรสกูละมือที่คีบไปป์ลงก่อนจะหันมามองหน้าเอริสที่ยืนอยู่ตรงประตูแล้วเหยียดยิ้มมุมปาก สายตาคมนั้นราวกับกำลังจ้องมองเอริสจนทะลุไปถึงข้างในก้นบึ้งจิตใจที่ถูกซ่อนไว้ไม่ให้ใครรับรู้ได้ของเธอ เอริสรู้สึกแบบนั้น
"ค่ะ ฉันทำงานหนักมาตลอดและชินอยู่แล้ว อีกอย่างเลดี้เป็นเจ้านายของฉัน และตามกฎที่ฉันได้ตกลงก่อนหน้า ฉันจะทำตามคำสั่งของคุณ"
เอริสเอ่ยอธิบาย สายตาของเลดี้ดูจะคลายลงเล็กน้อยก่อนที่เธอจะเดินนวยนาดกลับไปนั่งขาไขว่ห้างที่เก้าอี้ทำงานเผยให้เห็นเรียวขาขาว จนเอริสต่องแอบกลืนน้ำลายรอยแยกของชุดสีขาวนั้นแหกขึ้นสูงเกือบจะเห็นอะไรต่อมิอะไรอยู่แล้ว
"ดี...เธอเชื่อฟังแบบนี้ จะได้...อยู่ได้นานหน่อย"
เลดี้เอ่ยด้วยน้ำเสียงเยือกเย็นก่อนจะยกไปป์เรียวยาวขึ้นมาจรดริมฝีปากแดงเลือดนั้นแล้วดูดมันก่อนจะพ่นควันออกมาเป็นระลอกคิ้วของเธอภายใต้หมวกปีกกว้างขมวดเข้าหากันดูก็รู้ว่าเธอกำลังเครียดเพราะเรื่องบางอย่าง
"เลดี้มีอะไรให้ฉันรับใช้คะ"
เอริสเอ่ยถามเมื่อดูเหมือนว่าคิ้วที่ขมวดเป็นปมของผู้หญิงร่างสูงสง่าตรงหน้าจะคลายลงบ้างแล้ว
"แหม....เธอนี่กระตือรือร้นดีจัง "
"ก็เลดี้บอกว่ารอฉันอยู่นี่คะ"
เอริสเอ่ยตอบ
เลดี้ปรายตามามองเธออีกครั้งก่อนจะยกยิ้มมุมปากชวนให้ขนลุกนั้น
"เพราะแบบนี้ฉันถึงได้ชอบเธอเป็นพิเศษไงล่ะ"
"แบบนั้นฉันคงโชคดี"
เอริสเอ่ยตอบอย่างเอาอกเอาใจเธอรู้ว่าคนแบบไหนควรเอาใจยังไงหรือเรียกง่ายๆคือเธออยู่เป็นและเพราะแบบนี้เธอถึงรอดมาได้ในทุกสถานการณ์
"แหมมมมม..ปากหวานเสียจริงนะลิลลี่
แต่ฉันจะเตือนอะไรหน่อย....
เลดี้ลุกจากเก้าอี้ทำงานอีกครั้งก่อนจะวางไปป์ลงที่โต๊ะ แล้วเดินมาใกล้เอริสทุกขณะทุกย่างก้าวของเธอเหมือนจะเยือกแข็งสิ่งรอบตัวให้หนาวเย็นและแข็งทื่อหยุดอยู่กับที่ราวต้องมนต์สะกด กับเอริสเองก็เกือบไปแล้วเหมือนกัน แวบหนึ่งที่เธอคิดว่า อยากจะยอมพลีกายถวายชีวีให้คนตรงหน้าอย่างไม่คิดอะไร แต่เพราะสัญชาตญาณการเอาชีวิตรอดของเธอ เธอถึงได้ไม่หลงกลคนตรงหน้าง่ายๆอย่างที่คิด
เลดี้หยุดยืนก่อนจะโน้มตัวลงมากระซิบข้างหูของเอริสด้วยน้ำเสียงเย็นเยือก
"ฉันจะเตือนว่า..ถึงเธอจะพูดจาไพเราะน่าฟังจนฉันอยากจะหลงเชื่อในคำพูดเหล่านั้นก็ตาม แต่ถ้าเธอโกหกฉันแม้แต่น้อยละก็ คำพูดไพเราะที่เธอเอ่ยออกมาสารพัดนั้น ก็ไม่ช่วยให้ฉัน...ให้อภัยเธอได้เลยลิลลี่ ฉันรู้สึกชอบเธอนะแต่อย่าทำให้ฉันผิดหวังเชียวล่ะ...ไม่งั้นเธอจะเสียใจ "
เลดี้เอ่ยก่อนจะเหยียดตัวตรงตามเดิม คำกล่าวก่อนหน้าทำเอาเอริสนิ่งไปชั่วขณะเพราะดูเหมือนว่าเลดี้ของเธอจะไม่ใช่คนโง่อย่างที่เธอคิดเสียแล้ว
"เข้าใจใช่ไหมลิลลี่"
"ค่ะ..ฉันเข้าใจ"
เอริสเอ่ยตอบหนักแน่นทำให้แววตาที่ดูเหมือนกำลังจับผิดเธอของเลดี้คลายลง
"งั้นก็ดี...เอาล่ะตามฉันมาสิวันนี้คุณแม่และ..ครอบครัวของฉันจะแวะมา เธอช่วยไปเตรียมน้ำในอ่างแล้วก็ช่วยฉันแต่งตัวทีแล้วกัน"
"ค่ะ"
เอริสรับคำอย่างไม่คิดอะไรมาก เธอรู้อยู่แล้วว่าถ้ามาเป็นสาวใช้ก็คงต้องได้ทำงานเช่นนี้เป็นธรรมดาแล้วอีกอย่างคนที่เดินนำเธอไปก็ดูไม่ใช่พวกผู้ชายหื่นกาม แต่ที่เธอแปลกใจคือสีหน้าที่ดูไม่ยินดีที่ครอบครัวของตนจะมาเยี่ยมสักนิดของเลดี้ต่างหาก
แต่เมื่อเข้ามาในห้องแล้วมองเห็นบุคคลในกรอบรูปเอริสก็ชักจะเริ่มเข้าใจบ้างแล้วในรูปมีผู้หญิงแต่งกายเหมือนพวกซิสเตอร์ในโบสถ์และมีหน้ากากปิดหน้าข้างๆมีเลดี้ยืนอยู่พร้อมบุคคลปริศนาอีกสามคนและตุ๊กตาประหลาดๆหนึ่งตัว
"แปลกใช่ไหมล่ะ"
เสียงเรียบดังขึ้นเมื่อสังเกตเห็นว่าเอริสดูสนใจภาพนั้นเป็นพิเศษ
"นี่คือครอบครัวของเลดี้งั้นเหรอคะ"
เอริสเอ่ยถามตามตรง
"ใช่....
แต่ก็ไม่ใช่เสียทีเดียว
พวกเราเชื่อมโยงกันเพราะคุณแม่มิแรนด้า
คนที่ให้ชีวิตแก่เรา"
เลดี้เอ่ยก่อนจะดึงเอริสให้ถอยห่างและให้หล่อนเลิกสนใจรูปใบนั้นแล้วเปลี่ยนเรื่องโดยการให้เธอไปเตรียมน้ำในอ่างแทน ก่อนที่เธอจะมาหยุดยืนตรงรูปใบนั้นเสียเองแล้วพึมพำว่า
"นอกจากคุณแม่มิแรนด้าและลูกสาวของฉันพวกพี่น้องปลอมๆนี่ก็ไม่มีค่าอะไร ฉันไม่อยากนับญาติกับพวกนั้นสักนิดเดียว ทั้งยัยตุ๊กตาโรคจิตประสาทหลอนดอนน่า ทั้งมอโรว์ตัวอัปลักษณ์ ทั้งไอ้เจ้าไฮเซนเบิร์กที่มักจะแย่งความดีความชอบจากคุณแม่ไปจากฉัน ทำไมกัน...
คุณแม่มีฉันเป็นลูกคนเดียวไม่ได้รึไง"
เอริสแอบฟังอยู่เงียบๆก่อนจะถอนหายใจที่แท้หล่อนก็ยังเป็นพวกที่อยากจะเป็นที่รักของคุณแม่เสียด้วย
"น่าเห็นใจจัง...แต่ว่าถ้ามาขวางงานของฉันเมื่อไหร่
ฉันก็ไม่ปล่อยคุณไว้เหมือนกัน
เลดี้ดิมิเทรสกู"
***ดาวน์โหลด NovelToon เพื่อเพลิดเพลินไปกับประสบการณ์การอ่านที่ดียิ่งขึ้น!***
Comments