...บำเรอรัก...
...บทที่ 5...
พระพายนั่งอยู่ในสวนสาธารณะจนเวลาผ่านไปเกือบเที่ยงคืน ร่างบางจึงตัดสินใจเดินกลับโรงแรมด้วยร่างกายที่บอบช้ำ
พระพายกลับเข้าห้องพักด้วยเนื้อตัวที่เปรอะเปื้อนไปด้วยหิมะที่เริ่มละลาย กระทั่งตรีภพที่เห็นสภาพของเพื่อนก็พลอยตกใจ จำได้ดีว่าก่อนที่ตัวเองจะขึ้นห้องพักก็เห็นว่าอีกคนกำลังอ่านหนังสือด้วยท่าทางสบายใจ
“พายไปทำอะไรมา ทำไมตัวถึงได้เปียกแบบนี้ อย่าบอกนะว่าไปผ่าหิมะมา” ตรีภพถามด้วยความเป็นห่วง เขาคิดว่าเพื่อนนั่งเล่นอยู่ภายในโรงแรม ไม่ใช่ออกไปเดินเล่นด้านนอกแบบนี้
“.........” พระพายไม่ได้ตอบอะไร แต่เลือกที่จะโผกอดเพื่อนเอาไว้แทนเหมือนเป็นหลักยึดเหนี่ยวจิตใจที่บอบช้ำของตน พร้อมน้ำตาแห่งความเศร้าเสียใจที่ไหลออกมาอีกครั้ง ซึ่งเขาไม่สามารถห้ามไว้ได้
“ฮึกฮึกฮึก” ใบหน้าใสที่อาบไปด้วยน้ำตา พร้อมกับดวงตาที่แดงก่ำจากการร้องไห้
“พายเป็นอะไร ใครทำอะไรพาย บอกดิวสิ” ตรีภพถามอย่างตกใจ เมื่อเพื่อนรักร้องไห้สะอึดสะอื้น มือบางก็ทำได้เพียงลูบแผ่นหลังบางไว้เป็นการปลอบโยน
“พาย.. ฮึกฮึก... พายเจอ.. เขาแล้ว” พระพายยังคงกอดเพื่อนไว้แน่น ไม่สามารถที่จะปล่อยไปได้
“เจอใคร ไหนหยุดร้องก่อนแล้วบอกดิวมาสิ” ตรีภพผละร่างบางออก
“พายเจอเขาแล้ว พายเจอ.. ซัน... แล้ว” พระพายมองหน้าเพื่อนพร้อมพยายามเอ่ยชื่อคนรัก
“เจอที่ไหน แล้วซันว่ายังไงบ้าง” ตรีภพถามขึ้น
“ที่โรงแรม แต่เขา... เขาจำพายไม่ได้ ซัน.. ซันลืมพายไปแล้ว” น้ำเสียงเครือพูดบอกพร้อมน้ำตาที่ยังคงไหลออกมา เมื่อนึกถึงคนที่เจอกัน
“ฮึกฮึกฮึก”
“พายแน่ใจนะว่าเป็นซันจริงๆ” ตรีภพถามต่อ
“แน่ใจ พายจำซันได้... ไม่มีวันลืม” พระพายบอกด้วยความมั่นใจ
“ถ้าเป็นซันจริงๆ ทำไมเขาจะจำพายไม่ได้” ตรีภพเอ่ยอย่างสงสัย คนรักของเพื่อนจะจำเพื่อนของเขาไม่ได้
“พายไม่รู้” พระพายส่ายหน้าไปมาด้วยความสับสน
“ดิวว่าพายอาจจะจำคนผิดก็ได้ อาจจะเป็นคนที่เหมือนซันก็ได้ แบบว่าเหมือนกันมากๆ ก็ได้” ตรีภพพยายามพูดปลอบใจเพื่อนรัก เขารู้ว่าเพื่อนจะอ่อนแอเสมอกับเรื่องความรัก
“ดิวว่าช่วงนี้พายเจอใครที่หน้าตาคล้ายซันหลายครั้งแล้วนะ” ร่างโปร่งพูดต่อ เพราะตั้งแต่มาที่นี่เพื่อนมักจะเห็นคนที่คล้ายกับคนรักหลายครั้ง
“พายจำซันได้นะดิว พายไม่มีวันจำผิดหรอก” พระพายบอกอย่างมั่นใจ ในขณะที่มือก็จับมือของเพื่อนไว้
“คนที่พายเห็นเหมือนซันทุกอย่างเลยหรอก” ตรีภพถามย้ำ นั้นทำให้ร่างบางได้คิด
พระพายคิดถึงคนที่เจอกันที่ลิฟต์กับคนรักที่เหมือนกันทุกอย่าง เพียงแต่ชายร่างสูงที่เจอนั้นใบหน้าไม่มีรอยยิ้มไม่เหมือนกับคนรักของเขาที่มีรอยยิ้มเสมอ ไม่ว่าจะกลับคนแปลกหน้าหรือรู้จัก และอีกอย่างคนรักของเขาคงไม่มีทางเย็นชากับเขาแน่
“ไม่เหมือน” ร่างบางส่ายหน้า
“เห็นไหม ดิวว่าช่วงนี้พายอาจจะเหนื่อยมากแล้วคิดมากเรื่องซันเลยทำให้พายเห็นใครต่อใครเป็นซันไม่หมด” ตรีภพบอกต่อ มือของทั้งสองยังคงจับกันไว้
“จำได้ไหม เมื่อไม่กี่วันก่อนพายยังบอกดิวเลยว่าเจอคนหน้าคล้ายซัน” ร่างโปร่งเอ่ยขึ้นถึงเรื่องที่ผ่านมา ร่างบางพยักหน้าเนื่องจากจดจำเหตุการณ์วันนั้นได้ดี
“นั่นแหละ เพราะพายคิดเรื่องของซันมากเกินไป ดิวว่าพายไปอาบน้ำอาบท่าให้สบาย และนอนดีกว่า” เสียงนุ่มบอก มือของตรีภพก็เช็ดคราบน้ำตาบนใบหน้าเพื่อน
“คอยดูพรุ่งนี้ตื่นมาตาบวมเป็นลูกมะกรูดแน่” ร่างโปร่งแกล้งล้อพร้อมกับระบายยิ้มบางๆ เพื่อให้เพื่อนลดความเครียดและความกังวล
เอริคกลับเข้ามาในห้องพักส่วนตัวที่ตั้งอยู่ชั้นบนสุดของโรงแรม หลังจากที่เขาได้อ่านเอกสารงานไปได้ไม่กี่หน้า เขาก็ต้องวางเอกสารลงเพราะยังคงคิดถึงร่างบางหน้าสวยชาวเอเชียที่เข้ามากอดตัวเองที่ลิฟต์ เอริคมั่นใจเต็มร้อยว่าไม่เคยเจอร่างบางมาก่อน เขาไม่เคยมีคู่ขาที่เป็นคนเอเชียเลย แล้วร่างบางเป็นใครกัน ถึงได้มาบอกว่าเป็นคนรักของเขา แถมเขายังไม่เคยมีคนรักเลย
“ทำไมต้องคิดถึงด้วยว่ะ” ร่างสูงพึมพำด้วยความหงุดหงิดและไม่เข้าใจอาการของตัวเอง
“ทำงาน ทำงาน” เอริคเอ่ยเตือนสติตนเอง ให้มุ่งกับงานที่มีอยู่ตรงหน้าเท่านั้น มือหนาหยิบเอกสารบนโต๊ะขึ้นมาอ่าน
เอริคที่นั่งอ่านเอกสารมาได้สักระยะ ด้วยสมาธิอันน้อยนิด เนื่องจากสมองไม่ได้จดจ่อกับเอกสารตรงหน้าเลย แต่กับคิดถึงหนุ่มร่างบางธรรมดาๆ คนนั้นตลอดเวลา ทำไมร่างบางยังคงอยู่ให้ห้วงความคิดของเขาแบบนี้ อีกทั้งกลิ่นกายของร่างบางที่ยังติดอยู่บนตัว ผมสีดำเงาสวยที่ส่งกลิ่นหอมอ่อนๆ ดูเป็นธรรมชาติปราศจากสารเคมี อดทำให้เอริคคิดไม่ได้เลยว่าถ้าได้ลองสัมผัสสักครั้งมันจะเป็นยังไง ความรู้สึกคงจะดีไม่น้อย
“เฮ้ย... คิดบ้าอะไรอยู่ว่ะ” เอริคสะบัดความคิดให้หลุดทันที เขาไม่คิดเลยว่าตนเองจะมีความคิดแบบนี้
“เป็นไรว่ะเอริค นายเคยเจอคนมามากมาย แค่เจอเด็กนั้นเพียงครั้งเดียว นายกลับจดจำรายละเอียดของเขาได้มากขนาดนี้เลยหรอวะ” แม้เจ้าตัวจะปฏิเสธเพียงใด แต่กลิ่นและสัมผัสของร่างบางยังคงตราตรึงใจเขามาตลอด
“จำไว้.. จำเอาไว้ให้ขึ้นใจ เขาแค่เข้ามาทักคนผิดเท่านั้น”
“อย่าไปคิดถึง.. อย่าคิดถึงเด็ดขาด” เอริคพึงพำเตือนตนเอง สายตาก็กลับมาจดจ่อกับเอกสารอีกครั้ง แต่ไม่นานอาการเดิมของเขาก็กลับมา
“อ๊ากกก” เอริคตะโกนออกมาอย่างบ้าคลั่ง เมื่อสมองที่ควรจดจ่อกับงานกลับเอาแต่จดจำร่างบางนั้นแทน
“แกคงทำงานมากไปแล้วเอริค” เอริคเอ่ยเหมือนเป็นการปฏิเสธเรื่องของร่างบาง จึงโทรสั่งให้พนักงานเอาไวน์ขึ้นมาส่งที่ห้องพักเพื่อดื่มคลายเครียด
เช้าวันใหม่ที่มีแสงอาทิตย์สาดส่องผ่านเข้ามาพร้อมด้วยอากาศเย็นสบาย พระพายตื่นมาอย่างไม่สดใสนัก เพราะดวงตาของร่างบางบวมแดงจากการร้องไห้ตลอดทั้งคืน เขาพยายามคิดว่าตัวเองอาจจำคนผิดก็ได้ เพราะร่างสูงของคนรักคงไม่มีทางอยู่ที่นี่หรอก
“อย่าคิดมากพระพาย นายแค่จำคนผิด.. จำคนผิด จำเอาไว้” พระพายให้กำลังใจตัวเองก่อนที่จะลุกขึ้นไปอาบน้ำแต่งตัวเพื่อไปทำงานอย่างเช่นเคย
พระพายและตรีภพที่เตรียมตัวพร้อมออกไปทำงาน ในระหว่างทางก็ได้พูดคุยกัน ตรีภพที่เห็นดวงตาที่บวมแดงของเพื่อนก็ถามด้วยความเป็นห่วง ร่างบางที่เห็นดังนั้นก็พยายามปรับตัวเองให้ดีขึ้น เพื่อให้เพื่อนหายห่วง
เวลาคืนวันที่ผ่านไปเรื่อยๆ จนเข้าสู่อาทิตย์ที่สามแล้วที่ทั้งสองมาศึกษาดูงานที่นี่ และวันนี้ก็เป็นวันสุดท้ายแล้วที่ทั้งสองจะมาศึกษาดูงาน จนกระทั่งเวลาสี่โมงเย็นซึ่งเป็นเวลาเลิกงาน และด้วยวันนี้เป็นวันพิเศษที่ทั้งสองจบการดูงาน หัวหน้าจึงได้จัดเลี้ยงอำลา โดยได้จองร้านอาหารไว้และแจ้งเวลานัดกับทุกคนให้พร้อมกับค่ำคืนนี้
“เดี๋ยวคืนนี้เจอกันสองทุ่มที่ร้านอาหารของโรงแรมนะครับ” สติเฟ่นพูดขึ้น ก่อนจะออกจากห้อง
“อย่าลืมแต่งตัวสวยมาด้วยล่ะสาวๆ” โรสรินที่สนิทกับทั้งสองมากที่สุดเอ่ยอย่างขำๆ
“พี่โรสซิครับที่ต้องแต่งตัวสวยๆ อย่างดิวต้องแต่งหล่อๆ ครับ” ตรีภพบอกอย่างมั่นใจในเสน่ห์ของตัวเอง แม้ว่าจะเป็นเสน่ห์ที่ดึงดูดเพศเดียวกันก็ตาม
“จ๊ะ... พ่อคนหล่อ หล่อมาจนพนักงานที่นี่ตามจีบเลยนะ” โรสรินหยิกแก้มของร่างโปร่งแล้วดึงไปมาอย่างมันเขี้ยว ช่วงที่ทั้งสองคนมาดูงานก็จะมีพนักงานหนุ่มๆ เข้ามาจีบเกือบทุกวัน แต่ก็โดนตรีภพเล่นงานกลับไปทุกราย
“โอ๊ย... เจ็บครับ” ตรีภพร้องออกมาอย่างไม่จริงจังนัก
“หึหึหึ” พระพายอดขำกับพฤติกรรมของทั้งสองคนไม่ได้ ตอนนี้เขาไม่อยากแสดงความอ่อนแอให้เพื่อนเห็น เพราะต้องการให้เพื่อนสบายใจ
“เรานะตัวดีเลย ขำแต่เพื่อนตัวเองก็มีคนมาจีบเหมือนกันนั่นแหละ” โรสรินหันมาแกว่งร่างบางอีกคนในห้อง สำหรับเธอแล้วคิดว่าทั้งสองคนมีเสน่ห์ไม่ต่างกันเลย
“นั่นพี่ไปกลับก่อนล่ะ เจอกันคืนนี้นะ.. สาวๆ” หญิงสาวมักใช่คำว่า สาวๆ เรียกสองหนุ่มแบบนี้มาตั้งแต่ช่วงที่มาศึกษางานมาตลอดจนเป็นความเคยชิน
คืนนี้จะมีการจัดเลี้ยงอำลาทั้งสองคนที่มาศึกษางานเสร็จสิ้น โดยมีสติเฟ่นเป็นเจ้ามือ ทั้งสองกลับมายังโรงแรมก็มีชุดสูทที่พนักงานได้จัดเตรียมไว้ให้แขวนอยู่ ตรีภพที่กระตือรือร้นในการแต่งตัวมากกว่าทุกวัน มองดูตัวเองในกระจกพร้อมเอ่ยชมตัวเองไม่ขาดสาย ต่างจากพระพายที่แต่งตัวเรื่อยๆ ไม่เร่งรีบ
“พายแต่งตัวเสร็จยัง” ตรีภพถามขึ้น วันนี้เขารู้สึกภูมิใจในรูปลักษณ์ของตัวเองเป็นอย่างมาก
“เสร็จแล้ว” พระพายตอบกลับพร้อมกับร่างบางที่เดินออกมาจากห้องแต่งตัว
“ว๊าว... พายดูดีจังเลย” ตรีภพชมตามความจริง เพราะวันนี้อีกคนดูดีมากจริงๆ และเขาก็ดีใจที่เพื่อนไม่ได้มีสีหน้าเศร้าเหมือนก่อน
“ว่าแต่พาย ดิวก็ดูดีเหมือนกันแหละ” พระพายที่มองเพื่อนก็ชมกลับไป
“นั้นเราไปกันเถอะ” ตรีภพบอกด้วยเสียงจริงจังกับความพร้อมเกินร้อยกับงานครั้งนี้
ทั้งสองตัดสินใจเดินทางมายังร้านอาหาร เพราะโรงแรมที่ทั้งสองพักกับร้านอาหารอยู่ไม่ไกลกันมากนัก ทั้งสองเดินเข้าไปภายในร้านอาหารก็เจอกับสติเฟ่น โรสริน และพนักงานที่ร่วมแผนกอีกห้าคน ซึ่งคืนนี้ทุกคนต่างแต่งตัวดูดีกว่าทุกวัน
“หวังว่าเราคงไม่ได้ทำให้พวกคุณรอนานเกินไปนะครับ” ตรีภพลากพระพายมายังโต๊ะที่จองไว้ ก่อนเอ่ยทักเพื่อนร่วมโต๊ะ
“ไม่เลยครับ” คนที่ร่วมโต๊ะคนหนึ่งเอ่ยขึ้นเสียงหวาน พร้อมมองทั้งสองด้วยสายตาเจ้าเล่ห์
“นี้... เช็ดน้ำลายหน่อยจ๊ะหนุ่มๆ” โรสรินพูดแกว่งเพื่อนพนักงานที่มองร่างบางทั้งสองไม่วางตา เธอรู้ดีว่าหนุ่มๆ ทั้งหลายกำลังคิดอะไรอยู่
“เชิญนั่งก่อนครับ” ชายหนุ่มคนหนึ่งเอ่ยขึ้นพร้อมกับลุกขยับให้สองหนุ่มหน้าสวยได้นั่งใกล้โรสริน
“ขอบคุณครับ” พระพายและตรีภพเอ่ยพร้อมกัน ก่อนจะเลือกที่นั่งที่ใกล้กับโรสริน โดยตรีภพนั่งใกล้โรสริน ถัดมาก็เป็นพระพายและชายหนุ่มอีกคน ส่วนหัวโต๊ะก็จะเป็นสติเฟ่นเจ้ามือของงานครั้งนี้
“มีใครบอกคุณรึยังครับ ว่าวันนี้คุณสองคนดูดีมาก” สติเฟ่นเอ่ยชมเป็นคนแรก เพราะวันนี้ทั้งสองแต่งตัวดูดีมากขนาดวันธรรมดาทั้งสองยังดูดีเลย แล้ววันนี้มาชุดสูทแบบนี้ยิ่งมีเสน่ห์มากขึ้น
“คุณเป็นคนแรกที่ชมครับ” ตรีภพเอ่ยด้วยรอยยิ้ม
“พี่คิดอยู่แล้วว่าทั้งสองคนแต่งชุดนี้แล้วต้องออกมาน่ารักแน่” โรสรินพูดขึ้นมาบาง เมื่อเธอเป็นคนเลือกชุดนี้ให้ทั้งสองคนเองกับมือ
“ชุดนี้พี่โรสเลือกให้พวกเราหรอกครับ” พระพายถามขึ้น
“ใช่สิจ๊ะ พี่รู้ว่าเราคงจะหาชุดไม่ทันแน่ๆ เลยไปหาซื้อให้ก่อน แต่...” โรสรินบอกพลางหันไปมองหัวหน้าที่นั่งยิ้ม
“แต่อะไรครับ” ตรีภพถามอย่างสังสัย
“แต่คนที่จ่ายเงินนะ คนโน้น” โรสรินชี้ไปยังสติเฟ่น เพราะเจ้านายเป็นคนชวนเธอไปซื้อชุดให้ทั้งสอง
“ยังไงก็ต้องขอบคุณทั้งสองคนนั่นแหละครับ” พระพายกับตรีภพกล่าวขอบคุณด้วยท่าทีนอบน้อม
“ถือเป็นของฝันจากผมแล้วกัน” สติเฟ่นเอ่ยบอก เพราะเขาเอ็นดูทั้งสองเหมือนกับน้องมากกว่าที่จะคิดเป็นอย่างอื่น
“ไม่เป็นไร เราทั้งสองก็เหมือน.. น้องสาว.. พี่อีกคน” โรสรินพูดอย่างขำขันเรียกเสียงหัวเราะจากเพื่อนร่วมโต๊ะได้เป็นอย่างดี
“พี่โรสอะ ชอบแกล้งดิวกับพายแบบนี้อีกแล้ว” ตรีภพเอ่ยบอกด้วยน้ำเสียงง้องอนไม่จริงจังนัก
“ก็เราทั้งสองมันน่าแกล้งนี่น่า ดูซิขนาดงอนยังเหมือนกับผู้หญิงเลย ไม่เชื่อถามพวกนี้ดูเลย” โรสรินหันไม่ขอความคิดเห็นจากคนที่นั่งร่วมโต๊ะด้วย ทุกคนก็ต่างพยักหน้าเห็นด้วยกับความคิดของหญิงสาว
เวลาผ่านไปทุกคนที่ร่วมโต๊ะก็พูดคุยกัน ตรีภพก็เล่าเรื่องราวต่างๆ เกี่ยวกับสถานที่น่าสนใจในประเทศไทยให้คนร่วมโต๊ะฟัง การสนทนาผ่านไปสักครู่ก็ต้องหยุดลง เมื่อคนในโต๊ะเห็นว่าใครกำลังเดินเข้ามา แล้วแทบจะพร้อมเพรียงกันเมื่อคนทั้งโต๊ะลุกขึ้นทักทายผู้มาใหม่อย่างนอบน้อม
“นี่คุณเอริค ประธานของบริษัทฮิวส์ตัน” สติเฟ่นเป็นคนพูดแนะนำท่านประทานของธนาคาร
“ท่านครับ นี่พระพายกับตรีภพครับ ทั้งสองมาจากเมืองไทยที่มาศึกษาดูงานครับ” สติเฟ่นแนะนำทั้งสองให้ผู้มาใหม่
ตรีภพมองชายหนุ่มร่างสูงภูมิฐานตรงหน้าอย่างไม่เชื่อสายตา ส่วนพระพายนั้นไร้ปฏิกิริยาตอบสนองไปแล้ว เมื่อร่างสูงยืนมือมาทักทาย ตรีภพก็ต้องรับการทักทายอย่างเลี่ยงไม่ได้ แต่พระพายยังคงไร้สติ
“พาย พาย” ตรีภพสะกิดเรียกเพื่อน ร่างบางได้สติก็ยืนมืออันสั่นเทารับคำทักทาย
“ยินดีที่ได้รู้จักครับ” เอริคกล่าวทักทาย เขาจำร่างบางตรงหน้าได้ แถมจำได้ดีเสียด้วยก่อนที่ร่างบางจะเอ่ยอะไรบางอย่างออกไปก็มีหญิงสาวแสนสวยเดินเข้ามาคล้องแขนร่างสูงเอาไว้
“ขอโทษนะคะที่ลิเดียร์มาช้า คุณไม่โกรธนะคะ” หญิงสาวทักทายร่างสูงด้วยการจูบปากของชายหนุ่มเบาๆ ตามฉบับของเธอ โดยที่เธอไม่สนใจว่าใครจะยืนอยู่ตรงนี้ เพราะใครๆ ต่างก็รู้ดีว่าเธอกับชายหนุ่มเป็นอะไรกัน
“คุณสติเฟ่น อาหารมื้อนี้ผมจ่ายให้เอง”
“ขอบคุณครับท่านประธาน” สติเฟ่นพูดพร้อมยิ้มในความใจดีของประธาน
“ผมขอตัวก่อน” เอริคบอกลากับลูกน้องในความรับผิดชอบ ก่อนที่ทั้งคู่จะเดินไปยังโต๊ะส่วนตัวที่ได้จองเอาไว้แล้ว
“พี่โรสครับ” ตรีภพหันไปสะกิดโรสรินที่นั่งอยู่ใกล้ตัวเอง
“ว่าไงดิว” โรสรินหันมา
“ผู้หญิงที่มากับท่านประธานนั้นใครหรอกครับ” ตรีภพที่อดถามไม่ได้
“คุณลิเดียร์เธอเป็นคู่หมั้นท่านประธานนะ แล้วอีกไม่นานก็คงจะแต่งงานกันแล้วล่ะ” โรสรินบอกออกไปด้วยไม่ได้ปิดบัง
“เขาหมั้นกันนานแล้วยังครับ”
“เห็นว่าหมั้นกันเกือบปีแล้วล่ะ แต่พี่ว่าพวกเขาไม่เหมาะกันเลย” โรสรินบอกก่อนจะกระซิบร่างโปร่งในประโยคหลัง
“ทำไมครับ” ตรีภพกระซิบถามขึ้นมาด้วยเสียงแผ่วเบา เพื่อไม่ให้คนอื่นๆ ได้ยิน
“พี่ว่าเธอดูเป็นคนหยิ่งๆ แถมชอบดูถูกและมองเหยียดคนอื่นนะ พี่บอกเลยว่าพนักงานที่นี่ไม่มีใครชอบเธอเลยอะ” โรสรินบอกออกไปตามความจริง เพราะเธอก็ไม่ชอบผู้หญิงของนายสักเท่าไร เจอกับหญิงสาวทีไรก็จะมองเหยียดเธอตลอด ร่างโปร่งหันมามองเพื่อนข้างๆ ที่นั่งอย่างคนไร้วิญญาณด้วยความเป็นห่วง
“พาย ไม่เป็นอะไรนะ” ตรีภพถามอีกคนด้วยความเป็นห่วง
“อือ” พระพายพยายามที่จะกลั้นน้ำตาเอาไว้
อาหารมื้อนี้สำหรับพระพายแล้วเหมือนกับยาขม เพราะเขาต้องฝืนทานเข้าไปเพื่อให้เกียรติกับคนที่อุตส่าห์เป็นหัวหน้างานและพี่ๆ ทุกคนที่ร่วมโต๊ะ แต่สายตาของพระพายก็อดที่จะลอบมองไปยังโต๊ะที่ห่างกันไม่มากเท่าไรไม่ได้ และยิ่งเห็นร่างสูงที่ออกมาเต้นรำกับคู่หมั้นแล้ว ใจของเขาก็ยิ่งเจ็บ เจ็บจนอยากหายไปจากที่นี่ หายไปโดยไม่ต้องเห็นภาพพวกนี้ และในที่สุดความปรารถนาของเขาก็เป็นจริง
......ฝากติดตามและให้กำลังใจนักเขียนด้วยนะคะ......
***ดาวน์โหลด NovelToon เพื่อเพลิดเพลินไปกับประสบการณ์การอ่านที่ดียิ่งขึ้น!***
Comments