บำเรอรัก(Mpreg)

บำเรอรัก(Mpreg)

บำเรอรัก บทที่ 1

...บำเรอรัก...

...บทที่ 1...

“โปรดทราบ เครื่องบินของสายการบินไทยเที่ยวบินที่ TG-XXX ซึ่งเดินทางจากกรุงเทพฯ ได้มาถึงท่าอากาศยาน YYY แล้ว ขอบคุณที่ใช้บริการทางสายการบินไทยค่ะ” เสียงของแอร์โฮสเตสสาวประกาศให้ผู้โดยสารทราบ เมื่อเครื่องบินลงจอดบนรันเวย์อย่างปลอดภัย

พระพาย ปิยะสกุล ชายหนุ่มร่างบาง ผิวขาวใส ใบหน้าเรียวสวย คิ้วโค้งมน ดวงตากลมโต มาพร้อมกับจมูกโด่งและปากเรียวสวย ร่างบางที่นั่งอ่านหนังสืออยู่ก็ลดหนังสือลงเพื่อฟังเสียงประกาศ สายตาคู่สวยมองทะลุผ่านหน้าต่างกระจกของเครื่องบนเห็นว่าตอนนี้ท้องฟ้าที่เคยมืดครึ้ม เริ่มมีแสงสว่างน้อยๆ จากดวงอาทิตย์

พระพายจึงหันไปมองตรีภพ เพื่อนสนิทที่หลับตั้งแต่เครื่องออกจนมาถึงที่หมาย เพื่อนของเขาก็ยังไม่มีทีท่าว่าจะตื่น แถมยังคงนั่งหลับสบายโดยไม่รู้เรื่องรู้ราวเลย เป็นคนที่หลับง่ายตื่นยากเสียจริง

พระพายกับตรีภพเป็นเพื่อนกันมาตั้งแต่เรียนมหาลัย ช่วงเรียนอยู่มหาลัยทั้งสองคนเป็นที่รู้จักกันในหมู่หนุ่มๆ เพราะด้วยรูปร่างและหน้าตาที่เหมือนราวกับผู้หญิง เพียงแต่ตรีภพจะมีรูปร่างสูงโปร่งซึ่งต่างจากพระพายที่มีรูปร่างเล็กบาง แต่ทั้งสองคนก็ยังเป็นที่นิยมของหนุ่มในมหาวิทยาลัย ซึ่งช่วงเวลาในการเรียนอยู่ในรั้วมหาวิทยาลัยก็จะมีหนุ่มๆ มาสารภาพและต้องการจะคบกับทั้งสองเป็นจำนวนมาก แต่ก็โดยตรีภพไล่ตะเพิดไปทุกครั้งด้วยความรำคาญ จนเรียนจบทั้งสองก็ยังได้ทำงานที่บริษัทเดียวกันอีก

“ดิว ดิว ตื่นได้แล้ว” เสียงหวานเอ่ยเรียกคนที่นั่งหลับอยู่ข้างๆ พร้อมมือบางที่สะกิดบอกให้อื่นคนรู้สึกตัว

“อือ..ขอนอนอีกแป๊บนะ” น้ำเสียงงัวเงียของคนที่โดนรบกวนดังขึ้น แม้ว่าเจ้าของร่างจะที่ยังคงหลับตาอยู่

“ตื่นมาได้แล้ว เครื่องลงจอดที่สนามบิน YYY แล้ว” พระพายพูดบอกด้วยน้ำเสียงนุ่ม

“อือ.. ถึงแล้วเหรอ” ตรีภพลืมตาขึ้นพลางถามด้วยท่าทางสะลึมสะลือ เมื่อดวงตากลมเปิดเติมที่ก็หันไปมองรอบๆ พบว่ามีที่นั่งว่างเป็นประปราย เนื่องจากผู้โดยสารเริ่มทยอยกันลงจากเครื่องบิน

“ถึงแล้ว เรารีบเก็บของกันเถอะ” พูดจบ ทั้งสองคนจัดการเก็บของของตัวเองจนเสร็จเรียบร้อยก็เดินลงจากเครื่องบินตามผู้โดยสารคนอื่นๆ

“อ๊า.. นี่กี่โมงแล้ว ทำไมยังมืดอยู่เลย” ตรีภพถามในขณะที่กำลังเดินเข้าไปยังอาคารผู้โดยสาร เพื่อไปรับกระเป๋าเดินทาง ระหว่างทางเดินร่างโปร่งก็หันไปมองผนังกระจกที่สามารถเห็นบริเวณนอกอาคารได้ พบว่าท้องฟ้ายังคงมืดแม้จะมีแสงสว่างเล็กน้อย เพราะตั้งแต่เครื่องบินออกเดินทางเขาก็นั่งหลับตลอดการเดินทาง

“ตีห้าครึ่งแล้ว” ร่างบางก้มดูนาฬิกาข้อมือสีเข้มขนาดเล็ก ก่อนจะเงยหน้ามาตอบ

พระพายกับตรีภพเดินไปยังอาคารสนามบินที่มีผู้โดยสารมากมายเดินผ่านไปผ่านมาอยู่ภายใน พระพายมองไปยังรอบๆ ของอาคารผู้โดยสาร ก่อนที่มือบางจะกระชับเสื้อโค้ตตัวหนาสีน้ำตาลเข้มไว้เพื่อกันความหนาวในฤดูหนาว ซึ่งเขาไม่คุ้นเคยกับอากาศแบบนี้

“เฮ้ย...ดิวนึกว่าเขาจะไม่ให้ผ่านเข้ามาซะแล้ว” ตรีภพเดินหน้ามุ่ยมาหาเพื่อนที่ยืนรออยู่แล้วก่อน เพราะเพื่อนของเขาผ่านการตรวจอย่างง่ายดาย ไม่เหมือนเขาที่โดนซักถามโน่นถามนี้นานเกือบครึ่งชั่วโมง นี่ยังดีที่ความอดทนของเขามีมากพอ ไม่อย่างนั้นเขาคงจะต่อยเจ้าหน้าที่ร่างใหญ่คนนั้นไปแล้ว

“ช่างเถอะ ผ่านมาได้ก็ดีแล้ว” พระพายกอดไหล่เพื่อนที่ยืนหน้าบอกบุญไม่รับ แล้วหันไปมองเจ้าหน้าที่หนุ่มที่ซักถามเพื่อนก็พอเข้าใจเหตุผลแอบแฝง แต่ไม่สามารถบอกเพื่อนได้ เพราะรู้เลยว่าเพื่อนคงไม่ยอมรับความจริงเรื่องนี้แน่

“ก็ลองไม่ให้ผ่านดูซิ เจ้าหน้าที่คนนั้นโดนหมัดดิวแน่ๆ” ตรีภพพูดอย่างมั่นอกมั่นใจ แม้ว่าภายนอกจะรูปร่างเล็ก แต่ด้วยความใจสู้มีเกินร้อย

“พายว่าดิวจะโดนเจ้าหน้าที่จัดการมากกว่า” พระพายบอกด้วยรอยยิ้ม พลางคิดในใจสิ่งที่เจ้าหน้าที่รูปร่างใหญ่จะจัดการเพื่อนด้วยใบหน้าแดงก่ำ ก่อนร่างบางจะสะบัดหัวไปมากับความคิดนั้น

“พายเป็นอะไรหรือเปล่า” ตรีภพที่เห็นท่าทีของเพื่อนก็ถามขึ้น

“ม..ไม่เป็นไร” พระพายพยายามตอบด้วยน้ำเสียงปกติที่สุด เพื่อไม่ให้เพื่อนจับผิด เมื่อเห็นว่าเพื่อนไม่ได้เซ้าซี้ถามอะไรต่อ ร่างบางจึงเปลี่ยนเรื่องคุย

“นั้นเราไปกันเถอะ” หนุ่มร่างงามทั้งสองเดินออกจากอาคารผู้โดยสารของสนามบินไปยังจุดหมายต่อไป

“แล้วเราจะไปเมือง AAA ยังไงต่อล่ะพาย” ตรีภพถามขณะกำลังเดินไปพร้อมเพื่อน เพราะเขาไม่เคยมาที่นี่มาก่อน นี้เป็นครั้งแรกที่เขากับเพื่อนได้เดินทางมาศึกษาดูงานต่างประเทศ

“นั่งรถไฟไปนะ เมื่อกี้พายไปถามเจ้าหน้าที่มาแล้ว” พระพายบอก เพราะระหว่างที่เพื่อนกำลังโดนตรวจ เขาก็ได้ไปถามเส้นทางกับเจ้าหน้าที่ของสนามบิน

สองหนุ่มร่างบางก็เดินไปยังสถานีรถไฟที่อยู่ไปไกลจากสนามบินมากนัก เมื่อมาถึงสถานีรถไฟก็มีรถไฟขบวนที่จะเข้าสู่ตัวเมืองก็มาถึงพอดี ทำให้ทั้งสองไปต้องรอนาน

“โชคดีจัง รถไฟขบวนไปเมือง AAA มาพอดี” พระพายพูดอย่างอารมณ์ดี เพราะจะได้ไม่ต้องนั่งรอรถไฟขบวนถัดไป ซึ่งต้องใช้เวลารอประมาณครึ่งชั่วโมง

“นั้นซิ นี้... ถ้าดิวต้องนั่งรอรถไฟขบวนถัดไปล่ะก็ มีหวังได้หลับต่อที่ตรงนี้แน่” ตรีภพก็คิดเหมือนกับเพื่อน เพราะเขาเป็นคนที่หลับง่ายแล้วยิ่งเดินทางมาเหนื่อยๆ แบบนี้ ก็ทำให้ร่างกายต้องการปะทะกับเตียงนุ่มๆ

สองหนุ่มนั่งรถไฟไปเมือง AAA ใช้เวลาประมาณครึ่งชั่วโมงก็มาถึงที่หมาย ต่อจากนั้นทั้งสองคนต้องนั่งแท็กซี่ไปยังโรงแรมที่จากบริษัทได้จัดเตรียมเอาไว้

เมื่อมาถึงโรงแรมทั้งสองเดินไปที่เคาน์เตอร์เพื่อสอบถามรายละเอียดของห้องพักที่ได้จอง พนักงานของโรงแรมจึงได้นำสองหนุ่มไปยังห้องพักที่ได้ระบุ ภายในห้องพักตกแต่งด้วยโทนสีขาวสว่าง มีเตียงนอนคู่ขนาด 5 ฟุตที่มีสีครีมเข้มตัดกับสีห้อง มีเฟอร์นิเจอร์ครบครัน เช่น โต๊ะเครื่องแป้ง ตู้เสื้อผ้า และของใช้ต่างๆ มากมาย ซึ่งถือได้ว่าเป็นห้องพักที่หรูอีกแห่งหนึ่ง

“โอ๊ย...หนาวจริงๆ เลย” เสียงร้องบ่นของตรีภพดังขึ้น

“ไม่รู้ว่าคนที่นี่อยู่ไปได้ยังได้ ถ้าดิวมาอยู่นะมีหวังได้แข็งเป็นหินแน่” ตรีภพเดินไปยังเตียงนอนก่อนที่จะใช้ผ้าผืนหนามาห่มให้ความอบอุ่นแก่ร่างกาย

“ฮ่าฮ่าฮ่า” พระพายได้แต่ขำกับพฤติกรรมของเพื่อน ก่อนที่เขาจะเปิดกระเป๋าเดินทางนำเอาเสื้อผ้าออกมาแขวนเข้าตู้

พระพายกับตรีภพจะต้องอยู่ที่นี่อีกหลายอาทิตย์ เพราะทั้งสองเป็นตัวแทนของธนาคารสาขาย่อยที่ไทย ที่จะต้องมาศึกษาดูงานจากธนาคารสาขาหลัก เพื่อนำความรู้ไปปรับปรุงและพัฒนาในสาขาต่อไป

“นี่พาย เดินทางมาตั้งหลายชั่วโมง ยังมีแรงจัดของอีกเหรอ” ตรีภพถามขึ้น ขณะที่เจ้าตัวกำลังซุกอยู่ในผ้าห่มและมองเพื่อนที่กำลังแขวนเสื้อผ้าอยู่ เขานั้นทั้งเหนื่อยจะแย่อยู่แล้ว ไหนจะต้องมาเจอกับอากาศหนาวเย็นอีก แต่ร่างบางตรงหน้าทำยังกับนั่งเครื่องบินจากกรุงเทพฯ ไปหาดใหญ่ซะงั้น

“ดิวก็รู้ว่าพายเป็นคนถึกจะตาย เดินทางแค่นี้จิบๆ” พระพายหันไปบอก

“จ๊ะ พ่อคนถึก”

ทั้งสองคนพูดคุยกันไม่นานคนนอนง่ายก็หลับไปซะแล้ว พระพายที่จัดของเข้าที่เข้าทางเสร็จก็เดินไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า ก่อนที่เขาจะเดินมาเปิดประตูหน้าต่างมองดูบ้านดูเมืองที่ไม่เคยได้มาสัมผัส มองดูผู้คนด้านล่างที่เดินไปมา

ห้องพักที่ทางบริษัทได้จัดจองไว้ให้นั้นอยู่บนชั้นที่สามารถมองเห็นเมืองได้อย่างชัดเจน เวลาเช้าแบบนี้คงมีคนออกมาเดินเล่นหรือเดินทางไปทำงาน ช่วงอากาศที่หนาวเย็นและท้องฟ้าที่มีแสงสว่าง พระพายมองดูวิวทิวทัศน์ไม่นานก็เริ่มง่วง เขาจึงเดินกลับไปยังเตียงนอนเพื่อพักผ่อน ไม่นานก็หลับไปด้วยความเหนื่อยล้า

*พระพายตื่นขึ้นก็พบว่าตัวเองอยู่ในสถานที่ที่ไม่คุ้นเคย ร่างบางมองไปรอบๆ ก็มีแต่เพียงต้นไม้เท่านั้น พระพายจึงตัดสินใจเดินไปเรื่อยๆ เผื่อว่าจะพบกับทางออก เขาเดินไปเรื่อยๆ ก็เจอกับสวนสาธารณะที่มีน้ำพุขนาดใหญ่ตั้งอยู่กลางสวน*

*พระพายมองไปรอบๆ สวนสาธารณะก็ได้พบกับร่างสูงของใครบางคนที่ยืนหันหลังให้ เขาเดินเข้าไปยังคนตรงหน้าเรื่อยๆ ก็ปรากฏชัดเจนว่าชัดเจนว่าคนที่ยืนหันหลังนั้นคือคนที่ร่างบางต้องการเจอมาตลอด แม้ว่าอื่นคนจะยืนหันหลังให้ แต่ร่างบางก็ยังคงจดจำแผ่นหลังนั้นได้ดี ไม่ว่าเวลาจะผ่านไปนานกี่เดือนกี่ปีเขาก็ยังจำแผ่นหลังของชายหนุ่มร่างสูงได้เป็นอย่างดี พระพายไม่รอช้าวิ่งเข้าไปสวมกอดร่างสูงทันที*

“*ซัน...ซันกลับมาแล้ว รู้ไหมว่าพายรอซันมาตลอด” พระพายเอ่ยด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ คนที่เขารอคอยกลับมาหาเขาแล้ว และเขาจะไม่ยอมให้ร่างสูงหายจากไปไหนอีก*

“*ซันหายไปไหนมา” พระพายถามด้วยความสงสัย แต่ไร้เสียงตอบกลับจากร่างสูง*

“...........”

“*พายคิดถึงซันมาเลยรู้ไหม” ร่างบางพูดออกไปด้วยความโหยหา ก่อนที่จะกอดร่างสูงไว้แน่นเหมือนไม่ต้องการให้ร่างสูงหายจากไป แต่ก็ยังไร้เสียงตอบกลับจากร่างสูง*

“...........”

*พระพายคลายอ้อมกอดจากร่างสูง ก่อนจะเดินไปเผชิญหน้ากับคนตรงหน้า ร่างบางเงยหน้ามองคนที่ไม่ได้เจอมานานเกือบสองปี ซึ่งตลอดเวลาสองปีที่เขาต้องรอคอยให้คนรักกลับมา แต่ในวันนี้สายตาที่อีกคนมองมายังเขากับเปลี่ยนไปจากเดิม จากแววตาที่เคยมองมาด้วยความรักกับเปลี่ยนเป็นสายตาที่มีแต่ความว่างเปล่าไม่มีแววตาแห่งความรักในดวงตาคู่นั้นเลย และร่างสูงก็เอ่ยคำที่ทำให้คนฟังต้องใจสลาย*

“*ผมไม่รู้จักคุณ คุณเป็นใคร” ร่างสูงถามด้วยน้ำเสียงเรียบ*

“*พายไง คนรักของซัน” พระพายบอกด้วยน้ำเสียงสั่นๆ พร้อมความกลัวที่มีในใจ*

“*ผมไม่เคยมีคนรัก คุณคงจำคนผิดแล้วล่ะ ผมคงต้องขอตัวก่อน” พูดจบ ร่างสูงก็เดินจากไป โดยไม่หันมามองร่างบางเลย*

*พระพายมองคนรักที่เดินจากไปด้วยหัวใจที่แหลกสลาย ก่อนที่ร่างกายจะวิ่งตามอีกคนออกไป แต่เหมือนว่าเขายิ่งวิ่งตามเท่าไร อีกคนก็ยิ่งห่างไกลออกไปเรื่อยๆ*

“*ซันรอพายด้วย อย่ารีบไป ซัน ซัน ซัน” พระพายร้องเรียกชื่อคนรักจนสุดเสียง แต่ร่างสูงก็ยังไม่หันหน้ามามอง ดวงตาสวยเริ่มมีน้ำใสๆ ไหลออกมา แต่มันก็คงไม่เท่ากับความรู้สึกของหัวใจที่คนรักที่รอคอยมานานกลับจำเขาไม่ได้ ร่างบางที่วิ่งตามก็สะดุดล้ม ก่อนจะเงยหน้าขึ้นก็ไม่เห็นร่างสูงอีกแล้ว*

“*ทำไม.. ทำไมซันต้องทิ้งพายด้วย” พระพายพูดออกไปอย่างน้อยใจ มีคำถามมากมายที่ต้องการรู้จากปากคนรักว่ามีเหตุผลใดที่ทิ้งเขาไป*

“ซัน ซัน ซัน” เสียงร้องละเมอด้วยความเจ็บปวดถึงชื่อคนรักดังขึ้น

ตรีภพที่นอนอยู่ใกล้ๆ ต้องตื่นขึ้นมาดูก็เห็นร่างบางที่นอนละเมอเรียกชื่อคนรักซ้ำๆ มือบางกำผ้าห่มแน่น ใบหน้ามีแต่เหงื่อและคราบน้ำตา จนเขาต้องลุกจากเตียงเพื่อมาปลุกเพื่อน

“พาย พาย พระพายตื่น พระพาย” ตรีภพเขย่าปลุกร่างบางแรงๆ เพื่อให้เพื่อนรู้สึกตัว

พระพายสะดุ้งตื่นเพราะเสียงเรียกของเพื่อน สายตากวาดมองไปรอบๆ ห้อง เมื่อพบว่าตอนนี้ตนเองได้อยู่ที่ห้องพัก มือบางยกแตะใบหน้าของตัวเองที่มีแต่คราบน้ำตา

“เป็นอะไรเหรอเปล่าพาย” ตรีภพถามด้วยความเป็นห่วง

“เปล่าหรอก พาย.. พายแค่ฝันร้ายนะ” พระพายบอก เมื่อนึกถึงความฝันของตัวเอง

“ฝันถึงซันอีกแล้วเหรอ” ตรีภพถามต่อ พร้อมกับจับมือบางของเพื่อนเอาไว้

“อือ... แต่ความฝันครั้งนี้เหมือนจริงมากเลยนะดิว” พูดจบ น้ำตาเม็ดโตก็ไหลออกมา

“เล่าให้ดิวฟังได้หรือเปล่า” คำพูดที่ออกมาแสดงถึงความห่วงใย พร้อมกับมือบางที่เช็ดคราบน้ำตาบนใบหน้าสวย

พระพายจึงเล่าเหตุการณ์ต่างๆ ที่เกิดขึ้นในความฝันของตัวเองให้เพื่อนฟัง ตรีภพที่ได้รับฟังก็ไม่รู้ว่าจะช่วยเหลือเพื่อนยังไง นอกจากมือของเขาก็จับมือของเพื่อนไว้แน่นเชิงให้กำลังใจเท่านั้น

“พายกลัวจัง กลัวว่ามันจะเป็นความจริง” ร่างบางบอกพร้อมกับน้ำตาที่เริ่มไหลออกมาอีกครั้ง เมื่อนึกถึงความฝันที่น่าหดหู่

“มันก็แค่ความฝัน อย่าคิดว่าเลยนะ” ตรีภพดึงร่างบางมากอดปลอบ มือก็ลูบแผ่นหลังบางไว้

ตรีภพรู้สึกสงสารเพื่อนมากกับเรื่องที่เกิดขึ้น เวลาผ่านมาเกือบสองปีแล้ว เขาคิดว่าร่างบางจะลืมคนรักได้บ้าง แต่เวลากลับไม่เป็นผลกับเพื่อนของเขาเลย ร่างบางยังคงรอคอยคนรักอยู่ตลอดเวลา รอทั้งๆ ที่ไม่รู้ว่าจะเจอร่างสูงของคนรักอีกหรือไม่

“ถ้ามันเป็นความจริงพายคงจะเจ็บมาก เพราะแค่ในความฝันพายยังเจ็บมากเลย” น้ำเสียงเครือพูดบอกเพื่อนพร้อมกับน้ำตาที่ยังไหลออกมา ตรีภพมองหน้าเพื่อน ก่อนจะยกมือขึ้นมาเช็ดน้ำตาบนใบหน้าหวานนั้น

“ดิวว่าซันจะลืมพายไหม” พระพายถามเพื่อนเหมือนเด็กที่ต้องการความแน่ใจ

“ซันไม่มีทางลืมพายหรอก ก็ซันรักพายขนาดนั้น” ตรีภพพูดบอกเป็นการปลอบฝันร่างบาง เขารู้ดีว่าทั้งคู่รักกันมากแค่ไหน ถึงแม้จะรู้จักกันได้ไม่นาน แต่ความรักที่ทั้งสองแสดงออกมานั้นเป็นรักแท้แน่นอน

“อือ” พระพายกอดเพื่อนไว้แน่น เพื่อเป็นการขอกำลังใจ ทั้งสองกอดกันได้สักพัก

“เดี๋ยวดิวลงไปซื้อเครื่องดื่มอุ่นๆ มาให้พายดีกว่า” ตรีภพเอ่ยขึ้น ก่อนจะเตรียมตัวสำหรับไปร้านสะดวกซื้อที่อยู่ไม่ไกลจากโรงแรมมากนัก

“ขอบใจนะ” พระพายยิ้มให้เพื่อน เพราะเวลาที่เขาเศร้าเสียใจก็จะมีตรีภพที่อยู่ให้กำลังใจมาเสมอ

เมื่อเห็นเพื่อนเดินออกจากห้องไปแล้ว พระพายก็นั่งนึกถึงความฝันครั้งนี้ที่เหมือนจริงมาก เหมือนจนเขากลัว กลัวว่าคนรักจะลืมเขาเหมือนในความฝัน ถ้าคนรักลืมเขาจริงๆ เขาจะทำยังไง พระพายมองออกไปยังหน้าต่างก็หวนคิดถึงคนรัก

“ซันยังรอพายเหมือนที่พายรอซันใช่ไหม”

“ซันยังรักพายเหมือนที่พายรักซันใช่ไหม”

“ซันยังจำสัญญาที่ให้พายได้ใช่ไหม”

ร่างบางได้ฝากคำถามไปกลับสายลมที่พัดผ่านไปมา เผื่อว่าคำพูดเหล่านี้จะส่งไปถึงอีกคนได้ เพื่อให้อีกคนได้รับรู้ถึงการรอคอยของตนเอง

... ฝากติดตามผลงานและให้กำลังใจนักเขียนด้วยนะคะ...

กกาวน์โหลดทันที

ชอบผลงานนี้ไหม? ดาวน์โหลดแอพ บันทึกการอ่านของคุณจะไม่สูญหาย
กกาวน์โหลดทันที

โบนัส

ผู้ใช้ใหม่ที่ดาวน์โหลดแอพสามารถปลดล็อค 10 ตอนได้ฟรี

รับ
NovelToon
เปิดประตูต่างภพ
เพื่อวิธีการเล่นเพิ่มโปรดดาวน์โหลดMangatoon APP!