ท้องฟ้าสีดำที่มีดวงจันทร์สองดวงกำลังส่องแสงสว่างที่แตกต่างกัน ดวงหนึ่งสีขาวไข่ละมุนที่น่าอบอุ่นใจส่วนอีกดวงสีฟ้าครามผสมปนเปกัน อากาศหนาวเย็นสบายกับลมอ่อนๆ บ้านเรือนที่ถูกทำลายกลายเป็นซากกำลังถูกบูรณะซ่อมแซมที่ละเล็กทีละน้อย แต่ปราการใหญ่ที่เคยเป็นที่อาศัยของอดีตขุนนางและอดีตสาวกนอกรีตยังตั้งตระหง่านและมีทหารบางส่วนที่ได้รับภารกิจในการตรวจค้น บางส่วนถูกใช้ให้ประชาชนที่เหลือรอดได้พักอาศัยชั่วคราว
ผมเดินดูรอบๆอย่างเชื่องช้าเพื่อตรวจสอบให้แน่ใจว่าส่วนทางเหนือเหมาะกับการทำอะไรในอนาคต ก่อนจะหยุดลงที่ใจกลางเมือง เป็นเหมือนกับจัตุรัสเก่ามีหญิงสาวผู้สูงศักดิ์ใบหน้าที่งดงามของเธอกำลังยกดาบชูขึ้นอย่างองค์อาจ มีดอกไม้แห้งกรังวางอยู่ที่ฐานรูปปั้นหินอ่อนแกะสลักนี้
" เจ้าไม่ใช่คนที่นี่!! "
เสียงดังขึ้นจากข้างหลังของวินเซนต์ระหว่างที่เขากำลังเหม่อลอยเมื่อชมเชยรูปปั้นจนเรียกสติของเขากลับคืนมา ให้เห็นเป็นเหล่าเด็กๆที่อายุไล่เลี่ยกันระหว่าง7-16ปี
เด็กชายคนหนึ่งผมดำขลับแซมขาวใบหูเหมือนสุนัขกำลังยืนประชันหน้ากับผมอย่างไม่เกรงกลัว
" ข้าเป็นคนรับใช้กษัตริย์วินเซนต์เทอร์ "
ผมตอบกลับไปพวกเขากลับไม่มีทีท่าอ่อนลงแต่กลับแข็งกระด้างมากขึ้น เด็กที่อยู่หลังเด็กผมดำมีอาการที่สั่นเล็กน้อยแต่ดวงตากลับแสดงออกถึงการต่อต้าน
" เจ้านั่น.. ไม่ใช่กษัตริย์ของข้า ข้าไม่สนหรอก!! คนที่พรากครอบครัวคนอื่นโดยไม่สนใจอะไร ที่ขับไล่พวกปีศาจได่เพราะท่านฟารัส จะคนรับใช้กษัตริย์อะไรนั่นข้าไม่สนหนอก ออกไปซะ!! "
เสียงที่ลั่นออกมาเต็มไปด้วยความโกรธแค้น ไม่แปลกใจเลย
ผมยืนนิ่งไปชั่วครู่ก่อนจะเดินออกห่างจากเด็กพวกนั้น แต่ไม่วายที่จะมีหินก้อนหนึ่งถูกเขวี้ยงไล่หลังตามมา
" น่าสงสารจัง "
ระหว่างที่เดินกลับผ่านตรอกมืดสนิทก็มีเสียงของหญิงสาวเล็ดรอดออกมา ก่อนจะปรากฎให้เห็นถึงเรือนผมสีแดงเพลิงคล้ายกับฟารัส เธอเดินออกมาพร้อมกับดาบคู่ใจที่เหน็บเอาไว้ทั้งสองข้าง ก่อนที่จะโค้งตังเพื่อเคารพอย่างลวกๆ
มีจดหมายรับสั่งให้เธอเตรียมทหารเพื่อเข้าสู่ดินแดนทางใต้เพื่อยึดคืน น่าแปลกที่เธอโผล่มาในวันนี้ ผมหยุดนิ่งก่อนจะมองเธอโดยไม่พูดอะไร
" ดูเหมือนความยิ่งใหญ่ขององค์ราชินีวาเรนเทียร์จะส่งถึงท่าน แต่ส่งถึงบุตรบุญธรรมอย่างท่านฟารัสแทน "
เสียงที่พูดด้วยอารมณ์ที่ขำขันของเธอราวกับว่ามันเป็นเรื่องตลก ก่อนที่เดินเข้ามาใกล้เป็นจังหวะเดียวที่ผมเองก็เดินต่อไปโดยไม่ตอบโต้เช่นกัน
" ดูเหมือนแผนท่านจะได้ผลดีซะจริง ไกอาและไคอาก็ประกาศคุณความดีรวมถึงการกำเนิดใหม่ของพาราดิน มีแต่คนส่งเสียงสรรเสริญท่านฟารัสอย่างเอาเป็นเอาตาย น่าแปลกนะ "
ผมหันไปมองขณะที่เธอหยุดพูด
" น่าแปลก? "
เธอยิ้มกว้างด้วยใบหน้าโรคจิตที่ทำเอาผมรู้สึกขนลุกขนชันและหนาวกว่าปกติ
" ท่านไม่เหมือนวินเซนต์เทอร์ที่ข้ารู้จัก ทั้งหยิ่งผยอง จองหอง และดูจะฉลาด แตกต่างจากวินเซนต์เทอร์เมื่อก่อน "
ผมมองหน้าเธอนิ่งๆ ภายในใจกลับรู้สึกร้อนไม่เป็นสุขแทน
" งั้นเหรอ "
เมื่อเดินมาถึงทางที่ผมแอบออกมาเลยเลือกจะปลดเวทย์ปลอมตัวออกเผยให้เห็นร่างที่แท้จริง ก่อนจะปีนขึ้นหน้าต่าง
" อย่าลืมล่ะ เจ้ามีภารกิจดินแดนใต้ ของทุกอย่างถูกส่งให่กับเอลิเกออสแล้ว "
ผมหันกลับไปพูดเพื่อย้ำเตือนถึงหน้าที่ของเธออีกครั้ง ดวงตาที่ที่มองอย่างไม่กระพริบและเยือกเย็นจนผมเลือกจะรีบเข้าไปและปิดประตูทันทีจนไม่ได้สังเกตุว่ารอยยิ้มสุดท้ายที่เธอส่งให้
ฟารัสที่เหมือนกำลังเดินออกมาด้วยท่าทีหัวเสีย เขาได้พบกับอารีเน่ที่ยืนอยู่
" อารีเน่? เจ้าไม่ได้อยู่เมืองหลวงเหรอ "
เธอโค้งคำนับฟารัสด้วยท่าทีที่แตกต่างจากวินเซนต์ที่แสดงความเคารพต่อตัวฟารัสอย่างมาก
" อีกเดี๋ยวข้าก็จะไปแล้วค่ะ ยินดีด้วยสำหรับหน้าที่พาราดินค่ะท่านฟารัส "
ฟารัสขมวดคิ้วของเขาอย่างสงสัย เขาไม่ได้สงสัยกับพาราดินที่ว่าเพราะเรื่องคงจะกระจายไปทั่วแล้ว แต่การทำความเคารพของเธอมันดูผิดปกติมากกว่า
" ไม่ต้องเคารพข้าขนาดนั้นก็ได้ ข้าไม่ใช่ฝ่าบาทสักหน่อย "
ฟารัสรีบดันตัวเธอขึ้นแต่ดูเหมือนท่าทีของเธอยังคงเคารพตัวเขาอยู่
" ในอนาคตละมั้งคะ "
พูดติดพร้อมกับขำในลำคอแต่ฟารัสเข้าใจถึงสิ่งที่เธอจะสื่อ เพราะหน้าที่พาราดินเปรียบเสมือนได้รับคำสั่งโดยตรงจากพระเจ้า เขายิ้มให้เธอก่อนจะขอตัวเพื่อกลับไปพักผ่อน
" ต่อไปต้องเจอศึกหนัก เจ้าเป็นส่วนสำคัญในศึกนี้ดูแลตัวเองให้ดี อารีเน่ "
" ค่ะ "
ทั้งคู่แยกย้ายกันไปโดยมีสายตาสี่คู่ที่กำลังจ้องมองพวกเขาอยู่จากข้างบน คาร์คหันกลับมามองวินเซนต์ที่แอบเข้ามาตอนฟารัสถีบประตูออกไป
" นายท่าน.. "
เสียงสั่นเครือแสดงความกังวลออกมาชัดเจนของคาร์ค ผมลูบหังเจ้าก้อนหมีดำไปพลางๆเพราะกลัวว่ามันจะร้องอีก
" ไม่เป็นไรหรอก "
แสงไฟในห้องถูกปิดลงพร้อมกับร่างของวินเซนต์ที่นอนนิ่งไปพร้อมๆกับก้อนหมีดำที่นอนทับแขนเขาแล้วเกาะเสื้อไว้แน่น ดวงตาของวินเซนต์ที่ยังไม่ได้ปิดลงเรืองแสงสีฟ้าครามในที่มืด กำลังจับจ้องไปที่ดวงจันทร์อย่างไร้จุดหมาย เป็นภาพที่เขาไม่เคยได้เห็นจากที่ไหนเป็นเหมือนวิวที่กล่อมให้เขาได้นอนพักสายตา
*******************************
เสียงฝีเท้าที่กระทบกับไม้อัดค่อยๆดังขึ้นเรื่อยๆเป็นเสียงที่ไม่ช้าแต่ก็ไม่ได้เร็ว ก่อนจะเปิดประตูเข้ามาในห้องนอนของวินเซนต์เพื่อรายงานความคืบหน้า นายทหารหนึ่งที่มองเห็นวินเซนต์กำลังนั่งเขียนอะไรสักอย่างในกระดาษแผ่นน้ำตาลโดยรอบๆข้างยังมีกองเอกสารที่ตั้งไว้เป็นภูเขา
" รายงานขอรับฝ่าบาท! "
ผมมองที่นายทหารคนนั้นก่อนจะถอดแว่นตาออกและหยุดทุกอย่างเพื่อฟัง
" ว่ามา "
" การวางอุปกรณ์เวทย์ตอนนี้อีกหนึ่งวันก็จะเสร็จแล้วขอรับ การขุดเส้นทางจากแม่น้ำโอนอน์ตตอนนี่เป็นไปได้ด้วยดีท่านบิลลี่ได้จ่ายให้กับอาณาจักรโซเมเรียเป็นจำนวน 2,700 เซียราห์ต่อปี การเกษตรเป็นไปได้ด้วยดี ตอนนี้ท่านบิลลี่และท่านฟารัสกำลังไปเจริญสัมพันธไมตรีกับอาณาจักรรอบข้างขอรับ! "
ระยะเวลากว่าสองเดือนทุกคนทำหน้าที่ได้อย่างดี เส้นทางถูกสร้างใหม่ ระบบเงินตราถูกตีราคาได้สูงขึ้น เริ่มมีการหมุนเวียนเศรษฐกิจและการค้ากับอาณาจักรเล็กๆโดยรอบ โดยมีฟารัสเป็นตัวเอกในฐานะทูตและพาราดิน เอลิเกออสก็ดูแลสิ่งที่เรียกว่าธนาคารได้เป็นอย่างดี แม้จะมีสับสนอยู่บ้าง แต่ดูเหมือนทุกอย่างจะราบรื่นอย่างมาก ข่าวของฟารัสทั้งไกอาและไคอาที่รับหน้าที่เป็นตัวแทนในการกระจายข่าวผ่านเสียงดนตรีและกวีก็เริ่มเป็นที่รู้จัก เมืองหลวงในส่วนการศึกษาก็ได้หลายๆคนที่มีความรู้ในรั่วราชวังเป็นอาจารย์เฉพาะกิจที่หนังสือถูกเรียบเรียงจากเอลิเกออสและลูกชายของเขากับผม เริ่มมีศาสนจักรเทพเข้ามามีส่วน
" ดินแดนใต้เป็นยังไง"
นายทหารคนนั้นได้หยิบม้วนกระดาษออกมายื่นให้ ผมรับมาก่อนจะค่อยๆคลี่มันออก เป็นสาน์สจากอารีเน่ กองทัพที่เธอฝึกมาตอนนี้พร้อมกับการเข้าสู่สนามรบแล้ว ผมวางมันลงก่อนจะหันหานายทหารคนเดิม
" แล้วพวกมนุษย์ล่ะ "
" ท่านบิลลี่ได้เจรจาการทูตกับอาณาจักรฟิต รอการตอบรับจากท่านบิลลี่ขอรับ! "
ผมนั่งคิดอยู่พักหนึ่ง จักรวรรดิมีปรมาจารย์ดาบอยู่คงเป็นเรื่องยากที่จะส่งทูตไปตอนนี้ เป็นข้อเสียเปรียบที่เรายังยึดดินแดนกลับมาทั้งหมดไม่ได้อาจจะเป็นการแทรกแซงทางการเมืองของอีกฝ่าย ส่วนอาณาจักรฟิตก็ไม่ได้มรกำลังอะไรมาก แถมยังระหองระแหงเพราะมีเรื่องทางการเมืองกับจักรวรรดิที่ส่งทหารเข้ามาเหตุเพราะสาวกนอกรีตอีก
" แปลก "
นายทหารที่ยืนอยู่ไม่ได้พูดอะไรผมมองไปที่เขานิ่งๆและดูเหมือนเขาจะรับรู้ได้จึงยืนแข็งทื่อไปทันที
ดวงตาของผมมองเขาอย่างพิจารณาแต่ก็ไม่เห็นถึงความผิดปกติอะไรมาก
" เจ้าคิดว่าไง "
นายทหารที่ได้ยินมีสีหน้าแปลกไป ก่อนจะชี้ไปทางตัวเอง
" กระผมหรือขอรับฝ่าบาท? "
" ใช่ เจ้าคิดว่ายังไงที่บิลลี่ไปเจรจาการทูตกับอาณาจักรฟิต "
นายทหารคนนี้กำลังยืนคิดอยู่ สักพักก็เหมือนกลืนน้ำลายตัวเองก่อนจะพูดออกมา
" เป็นเรื่องที่น่ายินดีขอรับ! "
'..เค '
" เหรอ ออกไปได้แล้ว เอ้อนี้ เอาไปให้บิลลี่ด้วย "
ผมกางกระดาษออกก่อนจะเขียนคำสั่งหนึ่งลงไปแล้วปิดผนึกมันด้วยเวทย์ของผม เป็นเวทย์ที่ผมมักจะใช้เมื่อต้องส่งเอกสารทุกครั้ง เมื่อเปิดอ่านแล้วมันจะถูกเผาทันทีที่เจ้าตัวเก็บมันหรือพับเก็บในเวลา1-2นาที
ผมนั่งกลับมาคิดนอกเหนือจากสงครามที่กำลังหมายจะลงใต้ไม่อีกกี่วัน นั่นคือเรื่องของจักรวรรดิ จากที่มุมคิดแง่ร้ายอยู่แล้วกลับรู้สึกว่าจักรวรรดิดูเหมือนจะมีแผนที่มีกลิ่นออกมา และเหตุผลที่บิลลี่ทำเขาจะต้องคิดคล้ายๆผมแน่
" จักรวรรดิ์รูซเวลล์... แค่ชื่อก็ไม่มงคลแล้ว "
ดาร์คที่ขี้เซาค่อยๆลอยตัวเองจากเตียงก่อนจะมาเกาะที่ไหล่ของผม
" ไปบอกคาร์คตัวอื่น ไปสอดส่องพวกมนุษย์แล้วเอาข่าวมารายงาน ห้ามเกินหนึ่งสัปดาห์หลังจากนี้ "
คาร์คขยี้ตาตัวเองก่อนจะพยักหน้าและค่อยๆลอยออกไป
" ขอร้าบบบบบ "
***ดาวน์โหลด NovelToon เพื่อเพลิดเพลินไปกับประสบการณ์การอ่านที่ดียิ่งขึ้น!***
อัพเดทถึงตอนที่ 7
Comments
Titus
นิยายของแอดเหมือนเป็นเรื่องจริงจากใจเลยนะ ❤️
2023-11-27
1