แม่ทัพวิปริต(1)

ท้องฟ้าสีดำที่มีดวงจันทร์สองดวงกำลังส่องแสงสว่างที่แตกต่างกัน ดวงหนึ่งสีขาวไข่ละมุนที่น่าอบอุ่นใจส่วนอีกดวงสีฟ้าครามผสมปนเปกัน อากาศหนาวเย็นสบายกับลมอ่อนๆ บ้านเรือนที่ถูกทำลายกลายเป็นซากกำลังถูกบูรณะซ่อมแซมที่ละเล็กทีละน้อย แต่ปราการใหญ่ที่เคยเป็นที่อาศัยของอดีตขุนนางและอดีตสาวกนอกรีตยังตั้งตระหง่านและมีทหารบางส่วนที่ได้รับภารกิจในการตรวจค้น บางส่วนถูกใช้ให้ประชาชนที่เหลือรอดได้พักอาศัยชั่วคราว

ผมเดินดูรอบๆอย่างเชื่องช้าเพื่อตรวจสอบให้แน่ใจว่าส่วนทางเหนือเหมาะกับการทำอะไรในอนาคต ก่อนจะหยุดลงที่ใจกลางเมือง เป็นเหมือนกับจัตุรัสเก่ามีหญิงสาวผู้สูงศักดิ์ใบหน้าที่งดงามของเธอกำลังยกดาบชูขึ้นอย่างองค์อาจ มีดอกไม้แห้งกรังวางอยู่ที่ฐานรูปปั้นหินอ่อนแกะสลักนี้

" เจ้าไม่ใช่คนที่นี่!! "

เสียงดังขึ้นจากข้างหลังของวินเซนต์ระหว่างที่เขากำลังเหม่อลอยเมื่อชมเชยรูปปั้นจนเรียกสติของเขากลับคืนมา ให้เห็นเป็นเหล่าเด็กๆที่อายุไล่เลี่ยกันระหว่าง7-16ปี

เด็กชายคนหนึ่งผมดำขลับแซมขาวใบหูเหมือนสุนัขกำลังยืนประชันหน้ากับผมอย่างไม่เกรงกลัว

" ข้าเป็นคนรับใช้กษัตริย์วินเซนต์เทอร์ "

ผมตอบกลับไปพวกเขากลับไม่มีทีท่าอ่อนลงแต่กลับแข็งกระด้างมากขึ้น เด็กที่อยู่หลังเด็กผมดำมีอาการที่สั่นเล็กน้อยแต่ดวงตากลับแสดงออกถึงการต่อต้าน

" เจ้านั่น.. ไม่ใช่กษัตริย์ของข้า ข้าไม่สนหรอก!! คนที่พรากครอบครัวคนอื่นโดยไม่สนใจอะไร ที่ขับไล่พวกปีศาจได่เพราะท่านฟารัส จะคนรับใช้กษัตริย์อะไรนั่นข้าไม่สนหนอก ออกไปซะ!! "

เสียงที่ลั่นออกมาเต็มไปด้วยความโกรธแค้น ไม่แปลกใจเลย

ผมยืนนิ่งไปชั่วครู่ก่อนจะเดินออกห่างจากเด็กพวกนั้น แต่ไม่วายที่จะมีหินก้อนหนึ่งถูกเขวี้ยงไล่หลังตามมา

" น่าสงสารจัง "

ระหว่างที่เดินกลับผ่านตรอกมืดสนิทก็มีเสียงของหญิงสาวเล็ดรอดออกมา ก่อนจะปรากฎให้เห็นถึงเรือนผมสีแดงเพลิงคล้ายกับฟารัส เธอเดินออกมาพร้อมกับดาบคู่ใจที่เหน็บเอาไว้ทั้งสองข้าง ก่อนที่จะโค้งตังเพื่อเคารพอย่างลวกๆ

มีจดหมายรับสั่งให้เธอเตรียมทหารเพื่อเข้าสู่ดินแดนทางใต้เพื่อยึดคืน น่าแปลกที่เธอโผล่มาในวันนี้ ผมหยุดนิ่งก่อนจะมองเธอโดยไม่พูดอะไร

" ดูเหมือนความยิ่งใหญ่ขององค์ราชินีวาเรนเทียร์จะส่งถึงท่าน แต่ส่งถึงบุตรบุญธรรมอย่างท่านฟารัสแทน "

เสียงที่พูดด้วยอารมณ์ที่ขำขันของเธอราวกับว่ามันเป็นเรื่องตลก ก่อนที่เดินเข้ามาใกล้เป็นจังหวะเดียวที่ผมเองก็เดินต่อไปโดยไม่ตอบโต้เช่นกัน

" ดูเหมือนแผนท่านจะได้ผลดีซะจริง ไกอาและไคอาก็ประกาศคุณความดีรวมถึงการกำเนิดใหม่ของพาราดิน มีแต่คนส่งเสียงสรรเสริญท่านฟารัสอย่างเอาเป็นเอาตาย น่าแปลกนะ "

ผมหันไปมองขณะที่เธอหยุดพูด

" น่าแปลก? "

เธอยิ้มกว้างด้วยใบหน้าโรคจิตที่ทำเอาผมรู้สึกขนลุกขนชันและหนาวกว่าปกติ

" ท่านไม่เหมือนวินเซนต์เทอร์ที่ข้ารู้จัก ทั้งหยิ่งผยอง จองหอง และดูจะฉลาด แตกต่างจากวินเซนต์เทอร์เมื่อก่อน "

ผมมองหน้าเธอนิ่งๆ ภายในใจกลับรู้สึกร้อนไม่เป็นสุขแทน

" งั้นเหรอ "

เมื่อเดินมาถึงทางที่ผมแอบออกมาเลยเลือกจะปลดเวทย์ปลอมตัวออกเผยให้เห็นร่างที่แท้จริง ก่อนจะปีนขึ้นหน้าต่าง

" อย่าลืมล่ะ เจ้ามีภารกิจดินแดนใต้ ของทุกอย่างถูกส่งให่กับเอลิเกออสแล้ว "

ผมหันกลับไปพูดเพื่อย้ำเตือนถึงหน้าที่ของเธออีกครั้ง ดวงตาที่ที่มองอย่างไม่กระพริบและเยือกเย็นจนผมเลือกจะรีบเข้าไปและปิดประตูทันทีจนไม่ได้สังเกตุว่ารอยยิ้มสุดท้ายที่เธอส่งให้

ฟารัสที่เหมือนกำลังเดินออกมาด้วยท่าทีหัวเสีย เขาได้พบกับอารีเน่ที่ยืนอยู่

" อารีเน่? เจ้าไม่ได้อยู่เมืองหลวงเหรอ "

เธอโค้งคำนับฟารัสด้วยท่าทีที่แตกต่างจากวินเซนต์ที่แสดงความเคารพต่อตัวฟารัสอย่างมาก

" อีกเดี๋ยวข้าก็จะไปแล้วค่ะ ยินดีด้วยสำหรับหน้าที่พาราดินค่ะท่านฟารัส "

ฟารัสขมวดคิ้วของเขาอย่างสงสัย เขาไม่ได้สงสัยกับพาราดินที่ว่าเพราะเรื่องคงจะกระจายไปทั่วแล้ว แต่การทำความเคารพของเธอมันดูผิดปกติมากกว่า

" ไม่ต้องเคารพข้าขนาดนั้นก็ได้ ข้าไม่ใช่ฝ่าบาทสักหน่อย "

ฟารัสรีบดันตัวเธอขึ้นแต่ดูเหมือนท่าทีของเธอยังคงเคารพตัวเขาอยู่

" ในอนาคตละมั้งคะ "

พูดติดพร้อมกับขำในลำคอแต่ฟารัสเข้าใจถึงสิ่งที่เธอจะสื่อ เพราะหน้าที่พาราดินเปรียบเสมือนได้รับคำสั่งโดยตรงจากพระเจ้า เขายิ้มให้เธอก่อนจะขอตัวเพื่อกลับไปพักผ่อน

" ต่อไปต้องเจอศึกหนัก เจ้าเป็นส่วนสำคัญในศึกนี้ดูแลตัวเองให้ดี อารีเน่ "

" ค่ะ "

ทั้งคู่แยกย้ายกันไปโดยมีสายตาสี่คู่ที่กำลังจ้องมองพวกเขาอยู่จากข้างบน คาร์คหันกลับมามองวินเซนต์ที่แอบเข้ามาตอนฟารัสถีบประตูออกไป

" นายท่าน.. "

เสียงสั่นเครือแสดงความกังวลออกมาชัดเจนของคาร์ค ผมลูบหังเจ้าก้อนหมีดำไปพลางๆเพราะกลัวว่ามันจะร้องอีก

" ไม่เป็นไรหรอก "

แสงไฟในห้องถูกปิดลงพร้อมกับร่างของวินเซนต์ที่นอนนิ่งไปพร้อมๆกับก้อนหมีดำที่นอนทับแขนเขาแล้วเกาะเสื้อไว้แน่น ดวงตาของวินเซนต์ที่ยังไม่ได้ปิดลงเรืองแสงสีฟ้าครามในที่มืด กำลังจับจ้องไปที่ดวงจันทร์อย่างไร้จุดหมาย เป็นภาพที่เขาไม่เคยได้เห็นจากที่ไหนเป็นเหมือนวิวที่กล่อมให้เขาได้นอนพักสายตา

*******************************

เสียงฝีเท้าที่กระทบกับไม้อัดค่อยๆดังขึ้นเรื่อยๆเป็นเสียงที่ไม่ช้าแต่ก็ไม่ได้เร็ว ก่อนจะเปิดประตูเข้ามาในห้องนอนของวินเซนต์เพื่อรายงานความคืบหน้า นายทหารหนึ่งที่มองเห็นวินเซนต์กำลังนั่งเขียนอะไรสักอย่างในกระดาษแผ่นน้ำตาลโดยรอบๆข้างยังมีกองเอกสารที่ตั้งไว้เป็นภูเขา

" รายงานขอรับฝ่าบาท! "

ผมมองที่นายทหารคนนั้นก่อนจะถอดแว่นตาออกและหยุดทุกอย่างเพื่อฟัง

" ว่ามา "

" การวางอุปกรณ์เวทย์ตอนนี้อีกหนึ่งวันก็จะเสร็จแล้วขอรับ การขุดเส้นทางจากแม่น้ำโอนอน์ตตอนนี่เป็นไปได้ด้วยดีท่านบิลลี่ได้จ่ายให้กับอาณาจักรโซเมเรียเป็นจำนวน 2,700 เซียราห์ต่อปี การเกษตรเป็นไปได้ด้วยดี ตอนนี้ท่านบิลลี่และท่านฟารัสกำลังไปเจริญสัมพันธไมตรีกับอาณาจักรรอบข้างขอรับ! "

ระยะเวลากว่าสองเดือนทุกคนทำหน้าที่ได้อย่างดี เส้นทางถูกสร้างใหม่ ระบบเงินตราถูกตีราคาได้สูงขึ้น เริ่มมีการหมุนเวียนเศรษฐกิจและการค้ากับอาณาจักรเล็กๆโดยรอบ โดยมีฟารัสเป็นตัวเอกในฐานะทูตและพาราดิน เอลิเกออสก็ดูแลสิ่งที่เรียกว่าธนาคารได้เป็นอย่างดี แม้จะมีสับสนอยู่บ้าง แต่ดูเหมือนทุกอย่างจะราบรื่นอย่างมาก ข่าวของฟารัสทั้งไกอาและไคอาที่รับหน้าที่เป็นตัวแทนในการกระจายข่าวผ่านเสียงดนตรีและกวีก็เริ่มเป็นที่รู้จัก เมืองหลวงในส่วนการศึกษาก็ได้หลายๆคนที่มีความรู้ในรั่วราชวังเป็นอาจารย์เฉพาะกิจที่หนังสือถูกเรียบเรียงจากเอลิเกออสและลูกชายของเขากับผม เริ่มมีศาสนจักรเทพเข้ามามีส่วน

" ดินแดนใต้เป็นยังไง"

นายทหารคนนั้นได้หยิบม้วนกระดาษออกมายื่นให้ ผมรับมาก่อนจะค่อยๆคลี่มันออก เป็นสาน์สจากอารีเน่ กองทัพที่เธอฝึกมาตอนนี้พร้อมกับการเข้าสู่สนามรบแล้ว ผมวางมันลงก่อนจะหันหานายทหารคนเดิม

" แล้วพวกมนุษย์ล่ะ "

" ท่านบิลลี่ได้เจรจาการทูตกับอาณาจักรฟิต รอการตอบรับจากท่านบิลลี่ขอรับ! "

ผมนั่งคิดอยู่พักหนึ่ง จักรวรรดิมีปรมาจารย์ดาบอยู่คงเป็นเรื่องยากที่จะส่งทูตไปตอนนี้ เป็นข้อเสียเปรียบที่เรายังยึดดินแดนกลับมาทั้งหมดไม่ได้อาจจะเป็นการแทรกแซงทางการเมืองของอีกฝ่าย ส่วนอาณาจักรฟิตก็ไม่ได้มรกำลังอะไรมาก แถมยังระหองระแหงเพราะมีเรื่องทางการเมืองกับจักรวรรดิที่ส่งทหารเข้ามาเหตุเพราะสาวกนอกรีตอีก

" แปลก "

นายทหารที่ยืนอยู่ไม่ได้พูดอะไรผมมองไปที่เขานิ่งๆและดูเหมือนเขาจะรับรู้ได้จึงยืนแข็งทื่อไปทันที

ดวงตาของผมมองเขาอย่างพิจารณาแต่ก็ไม่เห็นถึงความผิดปกติอะไรมาก

" เจ้าคิดว่าไง "

นายทหารที่ได้ยินมีสีหน้าแปลกไป ก่อนจะชี้ไปทางตัวเอง

" กระผมหรือขอรับฝ่าบาท? "

" ใช่ เจ้าคิดว่ายังไงที่บิลลี่ไปเจรจาการทูตกับอาณาจักรฟิต "

นายทหารคนนี้กำลังยืนคิดอยู่ สักพักก็เหมือนกลืนน้ำลายตัวเองก่อนจะพูดออกมา

" เป็นเรื่องที่น่ายินดีขอรับ! "

'..เค '

" เหรอ ออกไปได้แล้ว เอ้อนี้ เอาไปให้บิลลี่ด้วย "

ผมกางกระดาษออกก่อนจะเขียนคำสั่งหนึ่งลงไปแล้วปิดผนึกมันด้วยเวทย์ของผม เป็นเวทย์ที่ผมมักจะใช้เมื่อต้องส่งเอกสารทุกครั้ง เมื่อเปิดอ่านแล้วมันจะถูกเผาทันทีที่เจ้าตัวเก็บมันหรือพับเก็บในเวลา1-2นาที

ผมนั่งกลับมาคิดนอกเหนือจากสงครามที่กำลังหมายจะลงใต้ไม่อีกกี่วัน นั่นคือเรื่องของจักรวรรดิ จากที่มุมคิดแง่ร้ายอยู่แล้วกลับรู้สึกว่าจักรวรรดิดูเหมือนจะมีแผนที่มีกลิ่นออกมา และเหตุผลที่บิลลี่ทำเขาจะต้องคิดคล้ายๆผมแน่

" จักรวรรดิ์รูซเวลล์... แค่ชื่อก็ไม่มงคลแล้ว "

ดาร์คที่ขี้เซาค่อยๆลอยตัวเองจากเตียงก่อนจะมาเกาะที่ไหล่ของผม

" ไปบอกคาร์คตัวอื่น ไปสอดส่องพวกมนุษย์แล้วเอาข่าวมารายงาน ห้ามเกินหนึ่งสัปดาห์หลังจากนี้ "

คาร์คขยี้ตาตัวเองก่อนจะพยักหน้าและค่อยๆลอยออกไป

" ขอร้าบบบบบ "

ฮอต

Comments

Titus

Titus

นิยายของแอดเหมือนเป็นเรื่องจริงจากใจเลยนะ ❤️

2023-11-27

1

ทั้งหมด
เลือกตอน

กกาวน์โหลดทันที

ชอบผลงานนี้ไหม? ดาวน์โหลดแอพ บันทึกการอ่านของคุณจะไม่สูญหาย
กกาวน์โหลดทันที

โบนัส

ผู้ใช้ใหม่ที่ดาวน์โหลดแอพสามารถปลดล็อค 10 ตอนได้ฟรี

รับ
NovelToon
เปิดประตูต่างภพ
เพื่อวิธีการเล่นเพิ่มโปรดดาวน์โหลดMangatoon APP!