" ท่านมันไม่ได้เรื่อง!! "
เสียงทุบโต๊ะดังขึ้นคนอื่นก็ลุกขึ้นประท้วงตามกันมา ภายในห้องที่มีโต๊ะยาวและที่นั่งของผู้นำอื่นๆ ภายในห้องที่ตกแต่งอย่างเรียบง่ายเดินไม่กี่ก้าวห่างจากที่เขาพักนิดเดียว
วินเซนต์นั่งหัวโต๊ะในชุดกางเกงขาสั้นที่ถูกเตรียมไว้อย่างหรูหรา พร้อมกับนั่งอ่านกองกระดาษที่รายงานพร้อมกับคนกลุ่มใหญ่ที่จะถูกนำไปบรรณาการต่อสาวกเทพมาร คนภายในห้องประชุมมีอยู่ด้วยกันไม่เกินห้าคน ไม่นับตัวเขาและเอล์ฟผมแดงที่ยืนเป็นองครักษ์ด้านหลังอย่างเงียบเชียบ
จากที่สังเกตุไม่ยากเลย เจ้าของร่างนามวินเซนต์เทอร์ที่เขามาสถิตอยู่แบบนี้ คงจะเป็นพวกอารมณ์ร้อนจ๋า ขี้วีนและคงเป็นพวกเน้นใช้กำลังแก้ปัญหาจากรูปร่างต่อให้เหมือนเด็กอายุ15 ปี แต่หุ่นที่เขาเห็นพร้อมแผลเหมือนถูกฟันสองสามจุด นิสัยตรงข้ามกับเขาแทบทั้งสิ้น
เพราะตัวผมจริงๆ ชื่อ พัท ก็แค่คนไทยคนหนึ่งที่มีเรื่องบัดซบกับชีวิตมาทั้งชีวิต ชายอายุ40 ปลายๆที่เจอภัยอันตรายในทุกวันหวังแค่ชีวิตได้นอนขี้เกียจแล้วมีเงินใช้ไม่ขาดมือก็เท่านั้น แต่พอเจอสถานการณ์แบบนี้เดิมในโลกของผมมันก็ไม่ใช่เรื่องแปลกอีกต่อไปแล้วล่ะ
********
ผมมองไปที่พวกโวยวายในห้องที่พากันชี้ตราหน้าผมเรียงตัว พวกเขาส่วนใหญ่จากที่อ่านรายงานทีาแนบติดมาทั้งๆที่ไม่ได้ขอ ล้วนแล้วแต่เป็นผู้นำทัพภายใต้คำสั่งของวินเซนต์เทอร์ที่ต่างก็สูญเสียลูกน้องและเขตปกครองไปบางส่วน ดวงตาที่คับแค้นก็เต็มประดา
" กองกำลังทิศเหนือที่ท่านสั่งการก็ฉิบหายไปหมดแล้ว!! "
" จะต้องส่งประชาชนไปอีกมากแค่ไหน ท่านถึงจะทวงความรุ่งโรจน์กลับมาเสียที!! "
ผมนั่งฟังก่อนจะถอนหายใจยาวเหยียด
' ฆ่าแม่งเลยดีไหม '
ดวงตาสีน้ำเงินจ้องมองพวกเขาด้วยแววตาที่คุ้นเคยราวกับจะเขมือบเข้าไป จนคนที่ลุกๆอยู่ก็รุดกลับไปนั่งเงียบทันที บรรยากาศสงบลงเพียงเพราะแค่การลืมตาของผมทำให้รู้สึกดีขึ้นมาก
เอี๊ยดดด
เสียงลากเก้าอี้ดังขึ้นพร้อมๆกับร่างของผมที่ยืนอยู่ ก่อนจะเดินออกไปยืนมองด้านนอกหน้าต่าง ที่นี่เปรียบเสมือนเมืองหลวงแห่งธรรมชาติ ดอกไม้ วิวทิวทัศน์มันสวยงามมาก แม้ผมก็ละสายตาไม่ได้ แต่ผู้คนกลับมีใบหน้าที่ตึงเคลียดไร้ความสุข สิ้นหวังเหมือนที่ผมเห็นมาตลอดชีวิต ผมหันกลับไปมองคนอื่นๆในห้องที่มองผมด้วยความงงปนสงสัย
" การตอบโต้จะยังไม่ใช่ตอนนี้ อพยพคนดินแดนนั้นมาที่เมืองหลวงนี้ซะ สละดินแดนบางส่วน "
" อะไรนะ!? "
" ท่านพูดอะไรออกมา! "
ผมถอนหายใจอีกครั้ง
" ไม่ได้ยินที่พูดรึไงวะ สละดินแดนแล้วอพยพคนมาที่เมืองหลวง "
คำหยาบที่ทุกคนคุ้นชินปรากฎพร้อมกับใบหน้าเหยเกที่เต็มไปด้วยอารมณ์พร้อมปะทุ บรรยากาศจากที่เสียงดังกลับมาสงบก่อนที่จะมีเสียงทักท้วง ตอนนี้ความเย็นจากภายนอกเริ่มกัดเซาะเข้ากระดูกดำพวกเขาไปพร้อมๆกับแรงกดดันที่หนักอึ้ง
เอล์ฟผมแดงที่ยืนเงียบมานานก็กลับเดินออกมาพูด
" ท่านมีเหตุผลอะไรที่ต้องทำแบบนั้น "
ผมมองเขาก่อนจะยิ้มมุมปากช้าๆ
" ฉันมีเหตุผลของฉัน อ้อ แล้วก็ ไปตามหาช่างฝีมือดีๆ พ่อครัวแม่ครัวดีๆ คนที่มีความสามารถอะไรก็ตามนอกเหนือจากนี้ก็เอามาซะ ทำได้ใช่ไหม ? "
เอล์ฟผมแดงที่สงสัยเขาก็เหมือนจะฉุดคิดอะไรบางอย่าง จึงโค้งคำนับก่อนจะเดินออกไปทันที
" ส่วนพวกเจ้าในนี้ ตอนอยู่ต่อหน้าข้าก็รักประชาชนปานจะกลืนกิน แต่เบื้องหลังก็ถลุงเงินประเทศจนใช้ไม่หวาดไม่ไหว ส่งเงินไปให้พวกมารอะไรนั่นอีกด้วย คิดว่าฉันโง่รึไง "
ถ้าไม่มี คาร์ค ก็ไม่รู้เลยว่ามีเรื่องแบบนี้
คาร์คเป็นกลุ่มเรียกที่วินเซนต์เทอร์คนเดิมเหมือนจะสร้างขึ้นมาลับๆ เป็นภูติตัวเล็กที่มีความสามารถสะกดรอยและปกปิด เป็นภูติที่ไม่มีพลังเวทย์อะไรนอกจากสะกดลอยและปกปิดจริงๆจึงถูกเผ่าเดียวกันขับไล่ แต่ดูเหมือนวินเซนต์เทอร์จะชอบภูติพวกนี้มากเพราะดูพูดเล่นหยอกล้อแค่กลุ่มเดียวจากที่สังเกตุ วินเซนต์เทอร์คงจะเป็นพวกบ้าเงินพอๆกับเขาแต่คงจะหนักกว่าเพราะเขารู้ได้แม้แตาเศษเงินที่หายไปเล็กน้อย ภูติกลุ่มคาร์คจึงได้รับหน้าที่สะกดรอยทุกคนในประเทศจากความขี้ระแวงของเขาส่วนหนึ่ง ระหว่างที่ผมยืนครุ่นคิดคนเดียวในห้อง เหล่าภูติก็เข้ามารายงานและขโมบเอกสารที่ยักยอกเงิน รวมถึงสัญญาระหว่างพวกนี้กับสาวกมาร
ผมยิ้มกว้างจนปากแทบจะฉีกถึงใบหู ก่อนจะหักนิ้วตัวเองดัง
" ทะ..ท่านมีหลักฐานอะไร! "
ผมเอียงคอเล็กน้อยแต่ก็ใจดีตอบด้วยเหตุผล
" ช่างแม่งหลักฐาน กูรู้ก็พอแล้ว "
**************************************
" ท่านฟารัส! "
เสียงหญิงสาวคนใช้ในคฤหาสน์ดังขึ้น เธอวิ่งมาหาเอล์ฟหัวแดงที่เพิ่งเดินออกมาจากห้องประชุมมาไม่นาน ก่อนจะหยุดลงเมื่อเขาตอบรับเสียงเรียก
" ท่านวินเซนต์ไม่ได้ทำอะไรท่านใช่ไหมคะ ? "
ผมสีน้ำตาลเหมือนสีเกาลัด ดวงตาโตสีเดียวกับผมของเธอเปร่งกระกายเมื่อมองเขา ฟารัสยิ้มให้ก่อนที่จะส่ายหัว
" เธอมาก็ดีเรน ข้าอยากให้เจ้าช่วย "
ฟารัสพูดขึ้นเป็นช่วงเวลาที่หญิงสาวยิ้มออกมาด้วยความเขินอาย ก่อนเดินไปข้างๆเขา
พลั๊กๆๆๆ!!! โคล้ม!!!!
" อ๊ากกกกกก!! "
เสียงจากห้องประชุมที่เหมือนกำลังถูกถล่มดังขึ้นพร้อมกับเสียงกรีดร้องที่น่าสงสาร ทั้งฟารัสและเรนหันไปมองต้นเสียงก่อนพวกเขาทั้งคู่จะเดินจากไปโดยไม่เข้าไปดูหรือสนใจมันอีก
" ดูเหมือนท่านวินเซนต์จะได้ข้อมูลการโกงเลยค่ะ "
ฟารัสพยักหน้าหนักๆ เขาเองก็สงสัยมานาน บางเรื่องที่เขาไม่รู้และคิดว่าคนอย่างวินเซนต์ที่ขี้โมโห ขี้ขลาดและหวาดระแวงสงครามคนนั้นจะรู้เรื่องสำคัญได้ก่อนเขา
" ท่านวินเซนต์เปลี่ยนไป หลังจากไปโบสถ์เทพเฮอร์รัส ทั้งๆที่เขาเกลียดเทพ "
เรนที่ได้ฟังก็เห็นด้วย ระหว่างที่เดินเธอก็คิดกับสิ่งที่ฟารัสพูด
" เป็นไปได้ไหมคะ ว่าท่านวินเซนต์จะได้รับสาน์สจากเทพ "
" เหอะ! ก็แค่มังกรเด็กที่บ้าอำนาจ มันไม่มีทางที่เทพจะสนใจหรอก "
ฟารัสพูดพร้อมๆกับหลี่ตาไปทางหน้าต่างด้านซ้ายของเขาที่ว่างเปล่า มีเพียงแค่แจกันดอกไม้ที่เหี่ยวเฉา ก่อนที่ทั้งคู่จะเดินกระหนุงกระหนิงไป
" ตั้งใจสบถให้ได้ยินเหรอ "
ผมพูดขึ้นพร้อมๆกับภูติคาร์คหนึ่งตัวที่อยู่ด้วยแต่แรกและไม่ยอมตามฝูงไป เวทย์ที่เขาทดลองใช้คือเวทย์มายา ลบตัวตนของเขาก่อนจะได้ยินอะไรที่เขาก็คิดว่าไม่แปลก
" เจ้าไม่ยอมฆ่าเขาไปเลย เขาจองหองเกินไป! "
ผมส่ายหน้าเมื่อภูติตัวนั้นเสนอความเห็น
" เขามีประโยชน์ "
และร่างกายของผมดูเหมือนพลังเดิมที่มีจะติดมาด้วยและคงประสิทธิภาพแต่ดูเหมือนจะแลกมากับร่างที่อ่อนแอลงกว่าเดิมอย่างมาก ผมถอนหายใจก่อนจะเดินกลับไปที่ๆคาร์คให้ข้อมูลมา
***ดาวน์โหลด NovelToon เพื่อเพลิดเพลินไปกับประสบการณ์การอ่านที่ดียิ่งขึ้น!***
อัพเดทถึงตอนที่ 7
Comments