ตอนที่ 4 เช่าบ้าน

ผู้เรียกเป็นชายหนุ่มมาดผู้ดีมีเงิน เสื้อผ้าที่สวมใส่ล้วนเป็นของมีราคาทั้งสิ้น ชายคนนั้นรีบเข้ามาใกล้อาร์ต

"ผะ ผมขอดูเล็บนั่นหน่อยได้ไหมครับ" เสียงนั้นเอื้อนเอ่ย อาร์ตเห็นว่าชายคนนี้สนใจเล็บของปีศาจสุดเขตจักรวาล เขาคิดว่าบางทีอาจมีโอกาสขายได้เงิน

"ได้สิครับ" อาร์ตตอบกลับเเล้วหงายฝ่ามือยื่นเล็บของปีศาจสุดเขตจักรวาลไปทางชายคนนั้น เขาพิจารณาเล็บในมืออาร์ตครู่หนึ่งก่อนจะเอื้อมมือหยิบ ทว่าสิ่งที่เกิดขึ้นหลังจากนั้นคือคิ้วที่ย่นเข้าหากัน อาร์ตมองดูก็เข้าใจได้ในทันที

"เล็บอันนี้หนักประมาณสองร้อยกิโล ต้องใช้เเรงหน่อยนะครับ" อาร์ตเอ่ย เพราะว่าเล็บของปีศาจสุดเขตจักรวาลนั้นอัดเเน่นไปด้วยมวลพลังที่แข็งแกร่ง น้ำหนักจึงมากตาม ชายคนนั้นมองอาร์ตด้วยสีหน้าไม่เชื่อถือ แต่เขาก็เกร็งร่างกายพยายามยกขึ้นมาจนได้

หากเขาไม่ใช่ผู้อเวคคงได้เสียหน้าเป็นแน่ ยิ่งมีคนมองหลายคน สำหรับมุมมองของคนภายนอกแล้วมองอย่างไรก็ไม่อาจทำใจเชื่อได้ว่าเล็บสีดำอันเล็กกระจ้อยจะมีน้ำหนักถึงเพียงนั้น แต่กลับกลายว่าสิ่งที่อาร์ตพูดเป็นความจริง

สีดำสนิทบวกกับปลายที่เเหลมคมทำให้เล็บชิ้นนี้ดูมีมนต์ขลัง เมื่อได้ส่งพลังไปสัมผัสเล็บเว็บแรกร่างกายพลันสั่นสะท้านราวกับว่ากำลังเผชิญกับความตายที่ไม่อาจหลีกเลี่ยง หัวใจชายคนนั้นตกไปอยู่ตาตุ่ม เขาเกือบเผลอปล่อยมือจากเล็บ แต่ยังดีที่อาร์ตสะกดอำนาจคุกคามได้ในเสี้ยววิ ทำให้ชายคนนั้นไม่ได้รับผลกระทบอีกต่อไป

เหงื่อไคลไหลแตกพลัก ชายคนนั้นหันมามองอาร์ต

"อะ เอ่อ ผมสามารถทดสอบมันได้ไหมครับ" ชายคนนั้นกล่าว อาร์ตพยักหน้าตอบกลับไป

"ตามสบายเลยครับ" เมื่อสิ้นเสียงอาร์ต ชายคนนั้นก็ปลดกระดุมเสื้อนอกออก เผยให้เห็นเกราะอกที่ทำมาจากเกล็ดมังกร เกราะนี้เป็นมรดกตกทอดของตระกูล มันเป็นเกราะที่แข็งแกร่ง สามารถป้องกันการโจมตีของมอนสเตอร์ได้อย่างสมบูรณ์แบบ แต่ด้วยเกล็ดมังกรเพียงชิ้นเดียว จึงทำให้ส่วนป้องกันมีเพียงบริเวณหน้าอกเท่านั้น

อาร์ตมองดูเกราะนั้น มันเป็นเกราะที่ผ่านการใช้งานสนามรบจริงมานานจึงมีร่องรอยขีดข่วนมากมาย มันถูกดูแลอย่างดีมาโดยตลอด แต่เกล็ดคุณภาพต่ำแบบนี้จะไปต่อกรกับเล็บปีศาจสุดเขตจักรวาลได้อย่างไร

ชายคนนั้นพยายามยกเล็บเข้าใกล้เกราะอก เพื่อที่จะกรีดทดสอบ ทันทีที่สัมผัสกับเกราะเกล็ดมังกร

ครืด

เกิดเสียงเบาๆพร้อมกับร่องรอยเกราะเกล็ดมังกรที่ถูกรีดเป็นทางยาว ชายคนนั้นเหงื่อแตกพลัก ใจเขามีสองอารมณ์ปนกันในคราเดียว อารมณ์หนึ่งคือรู้สึกทึ่งที่เล็บเล็กๆสามารถเจาะความเเข็งแกร่งของเกล็ดมังกรได้ อีกอารมณ์หนึ่งคือตกใจสุดขีดที่หายนะกำลังจะมาเยือน ถ้าหากพ่อของเขาเห็นสภาพเกราะอกตอนนี้ เขาคงได้ไปนอนหยอดน้ำข้าวต้มแน่

ยังถือว่าโชคดีที่เขาไม่ได้ขยับเล็บเข้าไปลึกมาก เกราะจึงยังไม่ทะลุ ชายคนนั้นไม่คิดว่าเกราะเกล็ดมังกรที่ตนใช้ทดสอบคุณภาพของอาวุธจะถูกกรีดได้ง่ายดายถึงเพียงนี้ เมื่อเป็นดังนี้แล้วนั่นเเสดงให้เห็นว่าเล็บนี้ไม่ใช่ของธรรมดาทั่วไปแน่

"ทดสอบพอใจหรือยังครับ" อาร์ตเอ่ย ชายคนนั้นสะดุ้งเสียงเรียก แต่เขาก็สามารถปรับอารมณ์ได้รวดเร็ว

"พะ พอใจเเล้วครับ ผมชื่อทอปครับ ไม่ทราบว่าคุณพี่จะขายเล็บนี้ราคาเท่าไหร่เหรอครับ" ทอปรีบเข้าประเด็นทันที เขากลัวว่าหากมัวพีธีรีตอง เล็บนี้อาจหลุดมือไปแน่ อาร์ตเห็นท่าทีนั้นก็คำนวณราคาในใจ

มอนสเตอร์ปกติทั่วไปราคาต่อตัวไม่ถึงหมื่น วัตถุดิบเกรดเยี่ยมราคาจะอยู่ที่หลักแสนจนถึงหลักล้าน เล็บจากปีศาจสุดเขตจักรวาลมีค่ามากกว่านั้นแน่นอน แต่เขาคงไม่อาจขายเเพงได้ มิเช่นนั้นเกรงว่าจะขายไม่ออก ทำให้ตนไม่มีเงินสำหรับไปทำธุรกรรมเริ่มใหม่

"คุณสามารถให้สูงสุดได้เท่าไหร่" อาร์ตเอ่ยถาม ชายคนนั้นรีบตอบทันควัน

"หมดบัญชีผมเลยครับพี่ ตอนนี้มีอยู่ล้านสองนิดๆครับ แต่ว่าผมสามารถให้เพิ่มทีหลังได้ ถ้าพี่กลัวผมเบี้ยวผมก็จะพาพี่ไปทำข้อตกลงสัญญาที่สามคมใหญ่เลย ถ้าพี่พอใจผมจะโอนเงินนี้ให้ทันทีก่อน แล้วก็ไปทำข้อตกลงที่สมาคมเพื่อจ่ายเงินที่เหลือทีหลังได้เลยครับ" ทอปกล่าว เขาจะไม่ยอมให้เล็บนี้หลุดมือเด็ดขาด ต่อให้ต้องจ่ายสิบล้าน เขาก็จะไปขายของในบ้าน ถ้ายังไม่พอเขาคิดไปถึงขั้นจะขโมยรถพ่อไปขายเเล้ว

เงินหลักล้านถือว่าเป็นเงินจำนวนมากพอที่จะใช้เริ่มต้นชีวิตใหม่ที่นี่ อีกอย่างเล็บของปีศาจสุดเขตจักรวาลเขามีอีกเยอะ จึงพึงพอใจกับราคานี้พอสมควร

"ล้านสองก็ได้ แต่ผมต้องการเงินสด"

"ผมจะไปกดให้คุณพี่ทันทีเลยครับ" อาร์ตพูดจบประโยคทอปรีบพูดตอบกลับอย่างรวดเร็ว เมื่อตกลงกันได้ ทอปก็ขอแลกเงินจากทางร้าน แม้จะเสียค่าบริการ แต่นั่นก็แลกมากับความรวดเร็ว เงินสดจำนวนล้านสองอยู่ในมืออาร์ต ส่วนเล็บอยู่ในมือทอป นอกจากนี้ทอปยังให้นามบัตรติดต่อกับอาร์ต เพื่อที่จะได้ทำการซื้อขายในอนาคตอีก

อาร์ตขอตัวออกไปทำธุระ ส่วนทอปเดินออกมาส่งอย่างจริงใจ เมื่อกลับเข้าไปในร้านก็เห็นผู้จัดการมองด้วยสายตาแปลกๆ

"หน้าผมมีอะไรติดเหรอ" ทอปเอ่ย ผู้จัดการถอนหายใจพลางเอ่ย

"คุณลูกค้าครับ เห็นแก่ที่คุณชายเป็นแขกวีเอพี ผมจะบอกว่าเล็บนั่นมันย้อมแมวขายครับ" ผู้จัดการเอ่ย แต่กลับทำให้ทอปยิ้มร่า

"คุณต่างหากที่ไม่รู้อะไร แต่ผมก็ต้องขอขอบคุณเถ้าแก่นะครับ ที่ไม่ซื้อเล็บนี่ ไม่งั้นผมคงไม่มีโอกาสได้ครอบครองเป็นแน่" ทอปเอ่ย

"แหม คุณชายครับ ถ้าอยากได้ทำไมคุณไม่กระซิบบอก ผมจะได้ซื้อในราคาถูกแล้วก็ขายต่อให้คุณ ที่นี้คุณชายก็จะได้ครอบครองโดยที่เสียเงินหลักร้อย แทนที่จะเป็นหลักล้าน" ผู้จัดการเอ่ย ทอปกลับส่ายหน้า

"ถ้าเถ้าแก่ซื้อ ผมคงไม่มีโอกาสได้ครองครองหลักร้อยบาทหรอกครับ เกรงว่าราคาจะพุ่งสูงถึงสิบล้านแน่ เพราะคุณยังอยู่ในร้าน ก็ต้องซื้อในนามของร้าน จะขายทันทีไม่ได้ ต้องมีการตรวจสอบอย่างละเอียดเพราะไม่มีข้อมูล ซึ่งกว่าจะตรวจสอบเสร็จเล็บนี่คงไปอยู่ในมือคนอื่นเเล้วครับ" ทอปเอ่ย ผู้จัดการแสดงสีหน้าเห็นใจออกมา

"คุณก็จองไว้สิครับ อีกอย่างเล็บนั่นมันจะซักเท่าไหร่เชียว ดูยังไงราคาก็อยู่ที่ร้อยกว่าบาทแหละครับ"

"เถ้าแก่ก็พูดได้สิครับ แต่ไม่ใช่กับผม อีกอย่างผมชอบการซื้อขายอย่างตรงไปตรงมามากกว่า เอาล่ะ ผมว่าเราหยุดคุยเรื่องนี้เถอะครับ ตอนนี้ผมต้องการทำธุระที่ค้างจากก่อนหน้าให้เสร็จ จะได้รีบกลับบ้านไวไว" ทอปกล่าว เขาไม่ยอมพูดเรื่องเล็บอีก

อาร์ตอุ้มลูกไปยังที่ว่าการอำเภอเพื่อขอลงทะเบียนประชากร เขาต้องเสียเงินค่าธรรมเนียมถึง 6000 บาทในการเพิ่มข้อมูลบุคคลเข้าทะเบียนหลัก ทางที่ว่าการได้ให้เลขประจำตัวใหม่กับอาร์ตและลูกสาว

เมื่อสามารถเข้าถึงสิทธิ์พื้นฐานได้ เขาไปซื้อโทรศัพท์เครื่องใหม่ และเปิดบัญชีธนาคารสำหรับทำธุกรรมต่างๆ อาร์ตทำการเชื่อมบัญชีธนาคารกับโทรศัพท์เพื่อจะได้ใช้ในการเเสกนจ่ายค่าอุปโภค บริโภคต่างๆ

ลำดับต่อไปก็เป็นการหาที่อยู่อาศัย อาร์ตได้เลือกเช่าบ้านใกล้โรงเรียนประถมศึกษาแห่งหนึ่ง สถานที่ตั้งนี้อยู่ใกล้กับกำเเพงเมืองจึงนับเป็นเขตนอกซึ่งอยู่ใกลจากย่านเศรษฐกิจ เพราะส่วนใหญ่ผู้อพยพมักจะเลือกโซนในที่เหมาะกับการตั้งตัวมากกว่า

การวางแผนครอบครัวล่วงหน้านับเป็นสิ่งดี แต่ก็ไม่ได้ร้อยเปอร์เซ็นต์ว่าจะไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง อย่างเช่นอาร์ตที่ตั้งใจเป็นดิบดีว่าจะอาศัยอยู่ย่านเศรษฐกิจ แต่เมื่อหาบ้านพักจริงกลับไม่มีหลังใดว่าง ด้วยเวลากระชั้นชิด ดวงตะวันใกล้ลับขอบฟ้า เขาจึงไม่อาจใจเย็นหาหลังอื่นต่อได้ จึงต้องเลือกบ้านที่มีคนแนะนำไปก่อน ซึ่งมันอยู่ใกลจากจุดตั้งเป้าพอสมควร

เมื่อถึงจุดหมายก็พบว่านได้บ้านใกล้โรงเรียน ซึ่งบ้านเช่าใกล้โรงเรียนนี้เป็นบ้านสองชั้น ชั้นล่างมีหน้าร้านสำหรับขายของอยู่ อาจเป็นเพราะอยู่ใกล้โรงเรียน เจ้าของเก่าจึงปรับเป็นร้านเพื่อทำอาชีพขายขนมให้นักเรียน หลังบ้านมีสวนเล็กๆที่มีหญ้าขึ้นรกชัฏ ยังดีที่ในบ้านถูกทำความสะอาดอยู่บ้างจึงไม่เป็นปัญหาต่อการใช้เร่งด่วน บ้านไม่มีเฟอร์นิเจอร์หรือสิ่งของตกแต่งใดๆ ไม่มีแม้กระทั่งเตียงนอน ราคาเช่าต่อเดือนอยู่ที่ 6500 บาทถือว่าแพงเอาเรื่องเมื่อเทียบกับสภาพชุมชน

เมื่อทำเรื่องการเช่ากับผู้ให้เช่าเป็นที่เรียบร้อย เขาได้มอบกุญแจให้อาร์ตหนึ่งชุดก่อนออกไป

อาร์ตมองดูสภาพบ้าน เขาใช้เวทมนตร์น้ำกับลมล้างทั้งบ้านทันที มวลน้ำมหาศาลกคลุมทั่วบ้าน จากนั้นก็เกิดการหมุนราวกับเกรียวคลื่นโดยมีอาร์ตเป็นจุดศูนย์กลาง ด้วยพลังเวทมนตร์บริสุทธิ์ของเขาทำให้คราบสกปรกหายไปจนหมดสิ้น จากนั้นอาร์ตใช้เวทมนตร์สายลมพัดให้เเห้งและใช้เวทดินในการเสริมแกร่งตัวบ้าน เมื่อเสร็จสิ้นกระบวนการภายในบ้านสะอาดสะอ้านใหม่เอี่ยมราวกับพึ่งสร้างเสร็จ

เมื่อมองดูนาฬิกาเห็นว่าตอนนี้เริ่มดึกแล้ว เขาจึงขึ้นไปข้างบนชั้นสอง ชั้นนี้มีห้องนอนอยู่สองห้องมีห้องน้ำในตัว ตรงกลางเป็นลานโล่งสามารถจัดเป็นพื้นที่นั่งเล่นได้ อาร์ตตรงไปยังห้องนอนซ้ายมือ เขาเปิดกุญแจเข้าไป ห้องนี้กว้างสี่เมตรยาวหกเมตร เป็นเพียงพื้นที่โล่งธรรมดา อาร์ตกวาดสายตาเล็งมุมนอนครู่หนึ่ง

"คืนนี้คงต้องนอนก่อน พรุ่งนี้ค่อยตกแต่งบ้าน" อาร์ตกล่าว เขาเปิดมิติส่วนตัวเเล้วเพ่งจิตค้นหาเตียงนอนที่มีขนาดพอเหมาะกับห้องนี้

ในมิติของเขาเต็มไปด้วยสิ่งของมากมาย เพราะเขาชอบเก็บสะสมสิ่งของจากดาวเคราะห์ต่างๆ ตั้งแต่ดินไปจนถึงภูเขา ทะเล ในด้านอุปกรณ์เองก็เก็บไว้ไม่ว่าจะเป็นชามที่ทำจากหินไปจนถึงอุปกรณ์เทคโนโลยีที่ดาวเคราะห์โลกยังไปไม่ถึง เตียงเองก็มีหลายแบบที่เก็บไว้ โดยเฉพาะของจากเหล่าเทพเจ้าที่เขาแอบไปขโมยแก้เผ็ด จะบอกว่าเขาไม่ชอบขี้หน้าเทพเจ้าก็ยอมรับได้เต็มอก เทพหลายตนโดนเขายกเค้าทั้งบ้าน เตียงของเทพซุสเองก็อยู่ในมิติเขา เพียงแต่ขนาดมันใหญ่เท่าสนามฟุตบอลมาตรฐาน จึงไม่อาจเอามาวางในห้องได้ อาร์ตเลือกเตียงครู่หนึ่งก็ได้เตียงของจักรพรรดิภูติมา ด้วยขนาดเพียงหกฟุตจึงเหมาะสมที่จะเอามาใช้ในตอนนี้ เขาจัดการวางเตียงที่มีหมอนกับผ้าห่มอย่างละคู่ เขาค่อยๆวางลูกสาวลงบนเตียงนอน

ไพลินลูกสาวเขายังคงไม่ได้สติเพราะแกนต้นไม้โลกกำลังปรับร่างกายของเธออยู่ บางทีอาจใช้เวลาเป็นเดือน เมื่อวางลูกสาวเสร็จเขาก็ชำระร่างกายด้วยเวทมนตร์ อาร์ตเดินไปวาดวงเวททั่วทั้งห้องเพื่อสร้างบาเรียคุ้มกันในขณะที่ตนกำลังนอน บาเรียนี้สามารถต้านทานการโจมตีเต็มกำลังของปีศาจสุดเขตจักรวาลได้หลายครั้ง ที่เขาทำแบบนี้เพราะต้องการสร้างความปลอดภัยให้กับตนและลูก เขาไม่ยอมประมาทเลินเล่อเด็ดขาด

เมื่อกระตุ้นการทำงานของเวทมนตร์บาเรียเสร็จ เขาก็ล้มตัวลงนอนทันที สัมผัสกับความนุ่มของเตียงที่ราวกับว่านอนอยู่บนปุยเมฆ เตียงนี้ให้ความอบอุ่นที่พอเหมาะ เขาไม่จำเป็นต้องห่มผ้าด้วยซ้ำ

"นุ่มดีแฮะ สมกับเป็นเตียงของจักรพรรดิภูติ" อาร์ตเอ่ยชื่นชมคุณภาพของเตียงจากนั้นก็นอนพักผ่อน การนอนของเขาไม่ได้เข้าสู่ห้วงหลับลึก เขายังไม่วางใจถึงขนาดนั้น อีกประการหนึ่งเขาพึ่งหลอมรวมร่างกายมาจึงยังไม่คุ้นชินกับการนอนของมนุษย์โลกที่นอนแค่เพียง 6\-8 ชั่วโมงต่อวัน อาร์ตกลัวตนจะหลับนานเป็นเดือนจึงทำแต่พักสายตาและสงบคลื่นความคิด วิธีนี้ถือว่าเป็นการพักผ่อนที่ดีอย่างหนึ่งเช่นกัน

...

ฮอต

Comments

Ejook

Ejook

สนุก

2023-11-10

0

ทั้งหมด
เลือกตอน

กกาวน์โหลดทันที

ชอบผลงานนี้ไหม? ดาวน์โหลดแอพ บันทึกการอ่านของคุณจะไม่สูญหาย
กกาวน์โหลดทันที

โบนัส

ผู้ใช้ใหม่ที่ดาวน์โหลดแอพสามารถปลดล็อค 10 ตอนได้ฟรี

รับ
NovelToon
เปิดประตูต่างภพ
เพื่อวิธีการเล่นเพิ่มโปรดดาวน์โหลดMangatoon APP!