เล่าเรื่องหลอน/สยอง
สวัสดีฉันมีชื่อว่าเจน ฉันเป็นเด็กม. ปลายมาจากกรุงเทพฯ วันนี้ฉันต้องเดินทางไปต่างจังหวัดเพื่อไปเยี่ยมพ่อกับแม่ซึ่งระยะทางค่อนข้างไกลนักกว่าจะถึงที่นู่นก็เย็นๆระหว่างทางก็มองทุ่งนาตามปกตินั่งรถมาสักพักก็ถึงปลายทาง แต่ยังไม่ถึงบ้านแม่ฉันรถมาจอดตรงที่ป้ายฉันเดินลงมาแถวนั้นไม่มีคนอยู่เลย ฉันเดินไปเรื่อยๆจนเจอชาวบ้านจึงสอบถามทางเพื่อไปบ้านแม่ ชาวบ้านบอกว่าก่อนจะถึงหมู่บ้านที่แม่ฉันอยู่ก็ต้องเดินผ่านหมู่บ้านแห่งหนึ่งซึ่งเขาได้ให้กระดาษเก่าๆกับฉันใบหนึ่งข้างในมีกฏเขียนอยู่หลังจากเขาให้กระดาษโน๊ตใบนั้นเสร็จเขาก็เดินจากไปโดยทิ้งฉันให้อยู่ตรงทางเข้าหมู่บ้านนั้นเพียงลำพังฉันหยิบกระดาษโน๊ตขึ้นมาอ่าน กดข้างในเขียนไว้ว่า
กฎข้อที่ 1 หลังจาก 18:00 น จะไม่มีรถเข้าไปในหมู่บ้านแห่งนั้นถ้าเกิดว่าเห็นรถผ่านอย่าโบกมือเรียกอย่าทักทายหรือถ้ามีรถจอดแล้วบอกให้เราขึ้นห้ามขึ้นตามรถคันนั้นเด็ดขาด
กฎข้อที่ 2 ถ้าหากเดินผ่านมาเห็นศาลที่มีตากับยายนั่งอยู่ข้างใน นำขนมหรืออะไรก็ได้ถวายให้ท่านเพราะท่านจะคอยคุ้มครองเราแต่ต้องดูดีๆนะว่าข้างในใช่ตายายหรือเปล่าเพราะถ้าเกิดไม่ใช่อาจจะมีบางอย่างติดตามเรามาระหว่างทางก็ได้
กฎข้อที่ 3 ถ้าหากว่าเราเหนื่อยสามารถพักศาลาริมทางที่มีได้แต่ห้ามไปนั่งพักตรงศาลาไม้เก่าๆเด็ดขาด ให้เราพักตามศาลาไม้ที่รูปร่างดูดีหรือมีพวงมาลัยห้อยแทน
กฎข้อที่ 4 ตามถนนในหมู่บ้านจะมีเสาไฟอยู่ไม่มากนัก ให้เราเดินตามแสงไฟของเสาไฟไป ถ้าเกิดเสาไฟต้นไหนไฟไม่ติดอย่าไปเดินใต้เสาไฟต้นนั้นเด็ดขาด
กฎข้อที่ 5 หลัง 22:00 น เป็นต้นไป ตามถนนจะมืดสนิท จะมีเพียงแสงไฟที่อยู่ไกลๆ ซึ่งแน่นอนว่าต้องใช้ไฟฉายแต่ ต้องฉายไปในทางตรงเท่านั้นหรือฉายไปตามทางที่เราจะไปห้ามฉายไปตามข้างทางเด็ดขาด มิเช่นนั้นคุณอาจจะเจออะไรแปลกๆได้แต่ถ้าคุณโชคดีหน่อยคืนนั้นอาจจะมีแสงไฟจากพระจันทร์คอยส่องนำทางให้คุณอยู่บ้าง
กฎข้อที่ 6 เราขอแนะนำให้คุณ เดินตามถนนที่รถวิ่งจะดีกว่าเพราะช่วงเวลา 18:00 โมงเป็นต้นไปจะไม่มีรถผ่านอยู่แล้ว อย่าไปเดินตามข้างทางที่มีบ้านคนหรืออะไรก็ตามอยู่ ให้เดินกลางถนนจะดีกว่า
กฎข้อที่ 7 ถ้าคุณเจออะไรก็ตามห้ามวิ่งให้คุณใจเย็นๆค่อยๆเดินหรือห้ามวิ่งเข้าบ้านคนหรือวิ่งเข้าตามป่าเด็ดขาด
กฎข้อที่ 8 หลัง00:00ถ้าหากคุณได้ยินเสียงหรือรู้สึกว่ามีบางอย่างตามคุณมาห้ามหันไปดูอย่างเด็ดขาดเราเตือนคุณแล้วถ้าหากคุณกลัวที่จะได้ยินเสียงมัน ที่จะรู้ว่ามันตามคุณมาก็ให้คุณใส่หูฟังซะมันอาจจะเป็นผลดีต่อคุณ
กฎข้อที่ 9 หลังตี 1 ถ้าเกิดว่าคุณใส่หูฟังอยู่ให้คุณถอดหูฟังโดยด่วนเพราะคุณอาจจะต้องฟังเสียงของมัน เสียงเดินของมันว่ามันเดินตามคุณเร็วขึ้นหรือไม่ เพราะถ้าคุณไม่ได้ยินเสียงของมันคุณอาจจะไม่รู้ว่ามันอยู่ในระยะที่ใกล้ๆกับคุณหรือเปล่ามันอาจจะเอาชีวิตคุณไปได้ทุกเมื่อถ้าคุณเก้าออกจากหมู่บ้านนี้แล้วมันจะหยุดตามคุณทันที
หลังจากฉันอ่าน ทั้งหมดเสร็จ ตัวฉันก็ขนลุกสู้ขึ้นมา เหตุ ท้ายกดเขียนไว้ว่า อย่าลืมนะ ว่าหมู่บ้านนี้ไม่มีใครอยู่ ตอนนี้เป็นเวลา 17:45 หลังจากฉันทำใจได้แล้ว ฉันจึงเดินเข้าไปในหมู่บ้านนั้น มันเข้าข้างน่ากลัวเพราะข้างทางนอกจากจะเป็นป่าแล้วยังมีบ้านร้างหรือบ้านที่ก่อสร้างไม่เสร็จ ก็ไม่รู้เพราะอะไรฉันก็เดินมาเรื่อยๆ ฉันไม่รู้ว่าฉันคิดไปเองหรือว่าทางในหมู่บ้านนี้มันค่อนข้างไกล ฉันเปิดนาฬิกาดูเพราะว่าตอนนี้มัน18:00โมงตรงแล้ว ระหว่างที่ฉันก้มดูนาฬิกามีรถประจำทางสีแดงคันนึงผ่านมา เขามาจอดอยู่ตรงข้างๆฉัน ในรถมีคนขับผู้ชายมองมาที่ฉัน และเอ่ยถามฉันว่า "ไอ้หนูจะไปไหน ขึ้นรถแล้วสิเดี๋ยวลุงพาไปส่ง"แน่นอนว่าฉันก็ต้องทำตามกฎ ฉันทำเป็นไม่สนใจลุงคนนั้นหรือเรียกได้ว่าแกล้งมองไม่เห็นเขาฉันมองเห็นคนขับแสยะยิ้มมาทางฉันอย่างน่ากลัวพอคนขับเห็นว่าฉันไม่สนใจเขาแล้ว เขาก็ขับหนีไป ความรู้สึกตอนนั้นมันตื่นเต้นและกลัวมาก ฉันเดินต่อมาเรื่อยๆจนมาเจอกับศาลเก่าๆฉันนึกถึงกฎข้อที่ 2 ที่ฉันอ่านไป สภาพศาล เป็นศาลไม้เก่าๆฉันชะโงกน่าดูเพื่อมองว่าข้างในศาลมีรูปปั้นตายายอยู่หรือเปล่า และแน่นอนข้างในนั้นไม่มีรูปปั้นตากับยาย แต่ มีรูปปั้นนางรำ หัวขาดอยู่ข้างใน ฉันรีบเดินหนีทันที หลังจากเดินหนีศาลไม้เก่าๆนั่นได้สักพัก ก็มาเจอศาลไม้ ที่ไม่ได้เก่าเท่าศาลเมื่อกี้นี้ ให้ชะโงกหน้าดูอีกรอบ ข้างในมีรูปปั้นตากับยายอยู่ ฉันจึงควักข้าวกล่องนึง ที่ซื้อมาจากร้านสะดวกซื้อก่อนจะขึ้นรถ ขึ้นมาและจุดธูปที่วางอยู่หน้าศาล เพื่อถวายให้ตากับยาย ฉันกล่าวกับรูปปั้นตายายว่า "ช่วยคุ้มครองลูกในระหว่างที่ลูกเดินทางผ่านหมู่บ้านนี้ด้วยเถิด" ตอนนี้เป็นเวลาเกือบ 19:00 น ฉันเข้าข้างจะเมื่อยขามากหลังจากเดินมา แต่ฉันก็จะไม่ยอมหยุดพักอย่างแน่นอน ด้วยความที่กำลังจะพบค่ำแล้วแสงไฟจากเสาไฟข้างทางก็สาดมา ฉันเดินตามแสงไฟไป กลางถนน จนมาเจอเสาไฟต้นนึง ที่ไม่มีไฟติด ถ้าเลยเลือกที่จะเดินอ้อมไป หางตาของฉัน เห็นผู้หญิงคนนึง ยืนอยู่ใต้เสาไฟต้นนั้น แต่ฉันเห็นแค่เงาของเขา ฉัน ตั้งสติแล้วพูดในใจว่า ตรงนี้มีแค่ฉันไม่มีใครอยู่ เพื่อปลอบใจตัวเอง ด้วยความเหนื่อยล้าที่ใช้เดินทางมาไกลอยากจะนั่งพักให้หายเมื่อย เห็นศาลาไม้ หลังหนึ่ง ฉันกำลังจะเดินเข้าไปในศาลาหลังนั้น แต่ในหัวมันก็ฉุกคิดถึงกฎข้อที่ 3 ได้ว่าถ้าเป็นศาลาไม้เก่าๆผุๆห้ามนั่งโดยเด็ดขาด แต่โชคดีที่ศาลาที่ฉันกำลังจะก้าวเข้าไป เป็นศาลาไม้ธรรมดาแถมมีพวงมาลัยแขวนอยู่ข้างหน้า ฉันเดินเข้าไปด้วยความสบายใจ นั่งสักพักฉันก็เผลอหลับไป ฉันจำได้ว่าฉันหลับไปนานมากเหมือนโดนสะกดจนฉันสะดุ้งตื่น "มึงออกไป อย่ามาทำอะไรลูกหลานกู" ฉันสะดุ้งตื่นทันทีหลังจากได้ยินเสียงนั้นฉันพยายามกอดสายตามองรอบๆก็ไม่มีใครอยู่เสียงที่ฉันได้ยินเป็นเสียงของยายคนนึง อายุประมาณ 70 80 ฉันก้มดูนาฬิกาอีกทีพบว่านี่เป็นเวลาเกือบจะ22:00ทุ่มแล้ว ฉันหลับไปนานมากขนาดนั้นเลยหรอฉันพูดกับตัวเอง ฉันจึงรีบเดินออกมาทันที ท้องฟ้าใกล้จะมืด แบบสนิทแล้ว ฉันนึกขึ้นได้ ว่าเสียงนั้นอาจจะเป็นเสียงของศาลตายายที่ฉันเอา ข้าวไปไหว้ ฉันหยุด และพูดว่า "หนูไม่รู้ว่าท่านคือตากับยายที่หนูเอาเข้าไปว่าหรือเปล่า แต่หนูขอบคุณมากที่พยายามปกป้องหนู จากอะไรก็ไม่รู้ หนูขอรบกวนให้ตากับยายปกป้องหนูไปจนถึงปลายทางด้วยนะคะ" หลังจากพูดจบฉันก็เดินต่อตอนนี้ทางถนนมืดมากฉันหยิบไฟฉายที่ เตรียมมาเปิดขึ้นและส่องไฟไปข้างหน้า ฉันไม่ได้สาดไฟไปไหน เพราะในใจฉันก็แอบกลัวอยู่เหมือนกัน ฉันรู้สึกได้ยินเสียงเดิน ตามฉันข้างหลัง ฉันไม่คิดอะไรพยายามทำตัวใจเย็น แล้วค่อยๆเดินต่อไป ระยะทางในหมู่บ้านฉันไม่คิดว่ามันจะไกลขนาดนี้ ฉันรู้สึกเห็นแสงนิดๆฉันไม่รู้ว่านั่นเป็นทางออกของหมู่บ้านหรือเปล่า ตอนนี้เมฆที่บดบังพระจันทร์ค่อยๆ เรือนหายแสงจันทร์ที่อยู่ข้างบนท้องฟ้าค่อยๆส่องมา จนทำให้เห็นทาง ตอนนี้เกือบๆเที่ยงคืนแล้วแต่ฉันยังรู้สึกว่าเสียงเดือนที่เดินตามหลังฉันมาค่อยๆเดินเร็วขึ้นยังไงไม่รู้ ฉันเหลือบตาไปเห็นบ้านหลัง 1 ที่ยังก่อสร้างไม่เสร็จ มีคนยืนอยู่ตรงระเบียงเขามองมาที่ฉัน ฉันตกใจมากฉันอยากจะวิ่งแต่ทำไม่ได้ ฉันขนลุกซู่เพราะ มีเสียงกระซิบข้างๆหูฉันมันพูดว่า"มึงออกไป!"มันทำฉันกลัวเอามากๆฉันเห็นแสงสว่างจากเสาไฟตรงปลายทาง ฉันรีบเดินจนมาถึงทางออกของหมู่บ้านฉันก้าวออกจากหมู่บ้านไปแล้ว ฉันรู้สึกโล่งใจมาก แต่ฉันก็ไม่ลืม ที่จะหันกลับมา เพื่อขอบคุณตากับยาย แต่ สิ่งที่ฉัน หันไปเห็น ไม่ใช่ตากับยายแต่กลับเป็นผู้หญิงชุดดำ ที่ดูน่ากลัว แต่ดีที่ฉันออกมาจากหมู่บ้านนั้นแล้ว ฉันจึงเลือกที่จะ เดินออกมาจากหมู่บ้านนั้นไม่ห่างมากแต่กล่าวขอบคุณตากับยายที่ปกป้องฉัน หลังจากฉันกลับมาถึงบ้านของแม่ฉันเล่าเรื่องทุกอย่างเกิดขึ้นให้แม่ฟัง แม่ฉันก็ตกใจเหมือนกัน เพราะแม่เขาไม่เคยเดินผ่านหมู่บ้านนั้นในเวลากลางคืนมีเพียงแต่ขับรถผ่านตอนกลางวันเท่านั้น เรื่องนี้ฉันคงจำไปอีกนาน ตั้งแต่วันนั้น แม่ก็จะมารับฉันที่กรุงเทพฯตลอด จบ
เรื่องนี้เป็นเรื่องที่เราแต่งเองนะไม่รูว่าทุกคนชอบไหม ยินดีด้วยนะเพื่อนเรานั่งแต่งเรื่องนี้ไปนั่งขนลุกไปไม่รู้เป็นอะไรทุกคน ฝากติดตามผลงานต่างๆด้วยนะคะ
***ดาวน์โหลด NovelToon เพื่อเพลิดเพลินไปกับประสบการณ์การอ่านที่ดียิ่งขึ้น!***
Comments