ซะที่ไหน
ใครจะปล่อยเจ้าเด็กน้อยของเขาไปลำบากที่ชายแดนคนเดียวเล่า!!
ซ่างกวนฮวาเหลียงเตรียมวางแผนปลอมตัวไปกับขบวนรถม้าที่จะออกนอกเมืองพร้อมกับหมิงกวงชิง วิชามารนอกรีตแปลงเส้นผมขาวเป็นดำเมื่อม อาภรณ์ทมิฬสลายเป็นสีดอกท้ออ่อน เค้าโครงหน้าเปลี่ยนเป็นร่างจำแลงอีกหนึ่งร่างของเขาในยามคับขัน เหน็บขลุ่ยเซียวไว้ข้างเอวเหมือนกลุ่มนักดนตรีที่เตรียมจะขนย้ายของไปแสดงเมืองอื่น
"เร็วเข้าเจียวจิ้น!! หรือต้องให้ข้าลงโทษเจ้าก่อน!" เจียวจิ้นไม่ยอมแปลงกายสักที พออีกคนไม่ได้ดั่งใจก็ฟาดฝ่ามือลงมากลางแผ่นหลังแข็ง ๆ ของเจ้าหุ่นกระบอก เอาแต่ใจเสียจริง
เจียวจิ้นเก็บความเหนื่อยใจไว้ภายในจำยอมเปลี่ยนจากชายหนุ่มกำยำเป็นหญิงสาวร่างแน่งน้อยบอบบางน่าทนุถนอม ปากชมพูกระจับจิ้มลิ้ม แก้มแดงปลั่งดั่งผลตำลึงสุก หากแย้มสรวลคงทำให้บุรุษลงไปดิ้นกองกันอยู่บนพื้น
"เหอะ เจ้าจะงามแข่งกับพวกนางรำบนรถม้าหรืออย่างไร น่ารำคาญลูกตาเสียจริง"
ประมุขน้อยแค่นเสียงนึกหมั่นไส้คนที่บังอาจแปลงกายได้งามกว่าตน บุรุษในร่างสาวงามเดินกระโดดกระเดกหันปลายเท้าออกข้างไม่สมเป็นอิสตรี มือหนึ่งถกกระโปรงพรวดยามก้าวขาขึ้นรถม้า ซ่างกวนฮวาเหลียงกุมขมับลูบหน้าลูบตาไม่รู้จักเอาอย่างไรกับกิริยาห่าม ๆ นั้นดี นี่แหละหนาที่กล่าวว่าเทพให้ใบหน้าฟ้าประทานมาแต่ท่านลืมบอกวิธีใช้งาม เขาเข้าใจอย่างถ่องแท้
ภายในรถม้านับว่าหรูหรามีสิ่งอำนวยความสะดวกและของหวานของคาวมากมายไม่พร่องเพราะอะไรหรือ เพราะเขาเนรมิตขึ้นมาใหม่ไงเล่า หากยังใช้เจ้ายานพาหนะคร่ำคร่าของพวกมนุษย์ถึกขี้เหนียวไม่ยอมซ่อมแซมมีหวังพวกเขาได้หล่นข้างป่าแน่ จะว่าไปแล้วจากที่รั้งท้ายขบวนก็เขยิบขึ้นหน้ามาเพื่อเข้าใกล้ศิษย์ผู้น่ารักมากที่สุดและเมื่อถึงทางแยกเพื่อไปทางใครทางมันรถม้าของประมุขน้อยก็รั้งท้ายอีกครั้งเพื่อมิให้เป็นที่แคลงใจ
ระหว่างทางฮวาเหลียงก็คอยชะโงกหน้าออกหน้าต่างพร้อมส่งเสียงขัดใจ สีหน้าบึ้งตึงมืดลงกว่าเก่า ไม่ว่าจะมองรถม้าข้างหน้าสุดกี่คราก็ไร้วี่แววว่าเจ้าเด็กนั่นจะโผล่มาให้เห็นสักเสี้ยวคลายความกังวลผู้เป็นอาจารย์บ้าง หมิงกวงชิงยังเป็นแค่เด็กไม่กี่หนาวแต่ต้องถูกส่งตัวไปชายแดนบ้าเลือดด้วยอ้างว่าเป็นการศึกษานอกสถานที่ บัดซบ! กลั่นแกล้งกันแล้วกระมัง เด็กตัวแค่นั้นจิตใจสูงส่งถึงเพียงนั้นจะรับสิ่งเลวร้ายไหวได้อย่างไร ซ่างกวนฮวาเหลียงถอนหายใจก้มฟุบลงกับโต๊ะ
หากเขาถูกกระทำเช่นหมิงกวงชิงท่านพ่อจักต้องจับดาบฟาดหัวมังกรให้หลุดจากบัลลังก์เป็นแน่แท้ คนรักลูกปานดวงใจมิมีทางยอมให้เขาตกระกำลำบากดิ้นรนในสนามรบหรอก บิดาของเขาดีที่สุด ดีเสียจนอดคิดถึงมิได้ป่านนี้จะร้อนใจหาทางเข้าห้องกระจกเพื่อมาตามบุตรชายแสนดื้อรั้นคนนี้หรือไม่นะ
คิดถึงเหลือเกิน
ทั้งมารดาผู้ไม่เคยเห็นหน้าก็ด้วย ท่านพ่อบอกเสมอว่านางงดงามกว่าเทพธิดาองค์ไหน ผิวพรรณเนียนผ่องส่องประกายเล่นแสง เส้นเกศาสีดำวับวาวยามกระทบจันทร์ หน้าผากวาดลวดลายบุปผา คิ้วโก่งคันศร ดวงตาเฉี่ยวคล้ายปลายมองผู้อยู่ต่ำกว่า จมูกรั้นน่าคลอเคลีย ริมฝีปากดั่งยกยิ้มอยู่ตลอดเวลาทว่าก็เหมือนอาบยาพิษ ถึงกระนั้นสตรีที่งามล้ำดูเหย่อหยิ่งเหนือสรรพสิ่งโลกาก็มีจิตใจโอบอ้ออารีไม่เคยคิดแค้นใคร ขี้สงสาร หลายครั้งที่ซื่อ ๆ ไร้เดียงสา ชอบเล่นซนชวนให้ใจมารหนุ่มสดใสตามไปด้วย ทั้งหมดนี้คือมารดาของเขาในความทรงจำบิดา
แต่ไม่รู้ว่าเหตุใดเขาจึงไม่เคยได้สัมผัสสิ่งเหล่านี้เลย
"ใช่เรื่องที่จะตัดพ้อตอนนี้หรือ" ประมุขน้อยบ่นตนเอง เห็นเจียวจิ้นมองตนไม่ละสายตาจึงได้แต่เบือนหน้าหนีหาทิวทัศน์ให้จรรโลงแล้วค่อยหาหมอนดี ๆ สักใบมาหนุนเข้าห้วงฝันไป
.
.
.
'หยุดพักที่นี่สักครู่ ข้างหน้ามีลำธารพวกเจ้าไปพักผ่อนกันตรงนั้นได้'
เดินทางมาได้หนึ่งชั่วยามบุรุษดูภูมิฐานก็ตะโกนกร้าวหยุดรถม้าสามสี่คันที่คาดว่าเป็นขบวนเดียวกันกับตนเอง ซ่างกวนฮวาเหลียงเพิ่งตื่นกุลีกุจอจะออกไปข้างนอกแต่ยังไม่ทันไรก็ถูกเจียวจิ้นรั้งไว้ นั่งกลับที่เดิมหยิบขนมหวานเลี่ยนเข้าปากอย่างเอร็ดอร่อยพลางแอบมองลูกศิษย์ตัวน้อยที่นั่งบนท่อนไม้กัดหมั่นโถวเย็นชืดเหมือนคนหิวโซ ดูแลลูกพี่ลูกน้องของหวงตี้กันเยี่ยงนี้รึ!?
ไม่ได้การแล้ว
ร่างโปร่งยกจานขนมทั้งจานลงจากรถม้าไม่สนใจเสียงห้ามของเจ้าหุ่นกระบอก ชายผ้าชมพูพริ้วสะบัดตามทิศสายลมพัดปรากฏในดวงตากวางใสซื่อคาบหมั่นโถว ฮวาเหลียงในร่างนักดนตรีส่งยิ้มพราวหย่อนกายนั่งแหมะอยู่ข้างกัน อยากจับเจ้าเด็กมากอดให้หายมันเขี้ยวแต่ก็ต้องกำหมัดข่มอารมณ์ชั่ววูบนั่นไว้
"ข้าแบ่งคุณชายน้อย" ยื่นจานขนมหลากสีให้เด็กหนุ่มทว่าหมิงกวงชิงเยียดหลังตรงนิ่งคล้ายถูกแช่แข็ง ดวงตาลูกกวางน้อยจ้องเขาไม่วางตาทำเอาลุกลี้ลุกลนไม่รู้จะหายใจอย่างไรให้ดูปกติ
"ท่าน...เป็นใครหรือขอรับ"
ท่านอาจารย์ ท่านไม่รู้เลยหรือว่ากลิ่นฝนพรำของท่านเป็นเอกลักษณ์เพียงไหน ต่อให้ไม่เหลือเงาเค้าเดิมกวงชิงน้อยก็จำได้เสมอ
"ข้า...เอ่อ...แซ่หาน หานเหอ พวกข้ากำลังจะไปแสดงยังเมืองข้างหน้าน่ะ" สิ้นคิดสิ้นดี! ซ่างกวนฮวาเหลียงเปลี่ยนเป็นเหลียงฮวาก็ว่าสิ้นคิดแล้วมาเจอหานเหอยิ่งโง่เง่าในการตั้งชื่อ ประมุขน้อยโอดครวญร่ำไห้ในใจ
ขณะที่หมิงกวงชิงยิ้มหยีแสดงความดีอกดีใจเกินหน้าเกินตา นึกไม่ถึงว่าอาจารย์ผู้กล่าวว่าจะรออยู่ที่จวนจะห่วงใยเขาถึงขนาดปลอมตัวตามมาเช่นนี้ ความจริงแล้วนั้นใบหน้าของซ่างเซียนมิได้ผิดแผกจากเดิมเท่าไรนักเพียงเปลี่ยนสีเกศาแลอาภรณ์ให้ดูนุ่มนวลขึ้นก็เท่านั้น หากหมิงกวงชิงจะปลอมตัวคงไม่เลือกทำตัวโดดเด่นเฉกเซียนผู้นี้หรอก
"ข้าแซ่หมิง หมิงกวงชิง นับเป็นวาสนาที่ได้พบท่านนะขอรับ"
"คุณชายหมิงกล่าวถูกต้อง ได้พบเจอกันนับเป็นวาสนา กินนี่สิจะกินแค่หมั่นโถวเน่าไม่ได้เด็ดขาดเด็กอย่างเจ้าต้องกินเยอะ ๆ รู้หรือไม่"
หมิงกวงชิงรับจานขนมมาอย่างตื้นตันไม่ลืมกล่าวขอบคุณ มือค่อยประคองชิ้นของหวานกัดลิ้มรสทีละนิด ท่าทางสง่าผ่าเผยมีมารยาทและอารยะใครมองก็ทราบทันทีว่าเด็กหนุ่มหน้าตาสะอาดสะอ้านถูกอบรมสั่งสอนจากตระกูลมาอย่างดี ผิดกับอาจารย์ของเขาที่นั่งชันเข่าข้างหนึ่งเคี้ยวขนมมูมมามไร้การศึกษาขั้นสุด
"หานเหอ ท่านขึ้นรถม้าเถิดประเดี๋ยวจะจับไข้" เสียงนุ่มลึกติดเย็นชาจากหญิงสาวเรียกหานเหอให้กลับเข้าไปข้างใน
หญิงงามคนนี้
อาจารย์อาเหลียงจิ้น
สายตาคมประดุจเหยี่ยวชอบมองเขาอย่างกับจะกินเลือดกินเนื้อ เขาจำได้แม่นยำ
"ข้าไปก่อน ถ้าเจ้าอยากหาเพื่อนเล่นหรือว่ามีใครรังแกเจ้าก็ไปหาข้าที่รถม้าทางด้านนู้นนะ เด็กน้อย" หานเหอพยักเพยิดหน้าไปยังรถม้าที่มีดรุณีรออยู่ไม่ใกล้ไม่ไกลจากตรงนี้
อนาคตเทพบรรพกาลตอบรับว่าเข้าใจ ก้มรับประทานขนมในจานต่อด้วยท่าทางใสซื่อไม่คิดจะรั้งอาจารย์ตนไว้ นาน ๆ ทีจะเห็นอีกฝ่ายแสดงนิสัยด้านอื่นออกมาเล่นสนุกก็นึกอยากเล่นด้วยเสียอย่างนั้น เก็บงำความลับไว้แสร้งจำไม่ได้สักระยะหนึ่งคงไม่เป็นไรกระมัง
เคร้ง !!
'ส่งของมีค่ามาให้หมด!! หากพวกเจ้ายังไม่อยากตาย!!!' เสียงแหบต่ำของบุรุษภายใต้หน้ากากจงขุยกรรโชกรีดไถทรัพย์สินจากผู้คนในขบวน ทุกคันรถแตกตื่นรีบปลดของมีค่าโยนส่งให้กลุ่มโจรเถื่อนหลายสิบคนที่ควบอาชาเฝ้าปิดล้อมทุกทิศทางมิให้มดตัวใดรอดไปได้
ทางฝั่งหมิงกวงชิงนิ่งสงบไร้เสียงโหวกเหวกด้วยเป็นวรยุทธยอดฝีมือล้วนเคยประสบเหตุการณ์คาดไม่ถึงกันมาทั้งหมดแล้ว จะเว้นก็แต่เด็กประสบการณ์น้อยอย่างหมิงกวงชิงถึงกระนั้นบุตรชายเสนาบดีหมิงก็มิได้ตระหนกหรือเสียขวัญอย่างใด มือเพียงจับด้ามกระบี่ที่เหน็บไว้ข้างเอวแม่นมั่นเตรียมต่อกรกับคู่ต่อสู้
"เจ้าพวกตัวบัดซบเอ๊ย!" ซ่างกวนฮวาเหลียงสบถเอามือหนึ่งก่ายหน้าผากมือหนึ่งเท้าเอวคิ้วขมวดมุ่น อุตส่าห์ออกนอกเมืองหลวงทั้งทีโชคชะตาดันเล่นตลกส่งตัวอะไรไม่รู้มาก่อความวุ่นวาย
ไม่ต้องเอ่ยถึงเจียวจิ้น ตอนนี้กลายเป็นว่าหญิงงามกางแขนดันชายหนุ่มไปด้านหลังเพื่อปกป้องมิให้บาดเจ็บหากใครมองมาคงได้แต่ก่นด่าบุรุษหน้าไม่อายหลบใต้ปีกสตรีเช่นเขา
วินาทีเดียวกับที่เด็กชายชักกระบี่ออกจากฝักวิ่งเข้ามาประกบด้านข้างของประมุขมารน้อยหมายคุ้มภัยเช่นกัน เจียวจิ้นแม้ส่งสายตาไม่พอใจทว่าหน้าสิ่วหน้าขวานมิอาจแสดงตัวเป็นปรปักษ์กันต่อหน้าศัตรูได้ อีกหนึ่งประการนั้นพวกเขามีเป้าหมายเดียวกันคือมิให้เกิดอันตรายกับซ่างกวนฮวาเหลียง
รอยขีดข่วนก็มิอยากให้เกิดแม้ขีดเดียว
"พวกเจ้าหลบ! ข้ามิได้มือไม้อ่อนขนาดที่ฟาดคนไม่เป็น!"
หมิงกวงชิงและเจียวจิ้นพยักหน้าให้กันก่อนจะตั้งท่ารอรับการต่อสู้ดังเดิมราวกับประโยคเมื่อครู่เป็นลมพัดผ่าน ทีเรื่องแบบนี้ละมันเข้าขากันดีจัง! ประมุขน้อยเหยเกฟึดฟัดอยู่คนเดียวสุดท้ายทิ้งก้นนั่งแกว่งขาเล่นตรงตำแหน่งที่บังคับรถม้า ฝีมือเก่งกาจนักก็สู้กันไปเลย!!!
ฉึบ
หนึ่งในกลุ่มโจรสวมหน้ากากถือกระบี่มั่นกระโดดลงจากหลังม้า จังหวะการก้าวเดินมั่นคงไหล่ตั้งฉากคอเชิดสูงผิดแผกจากวิสัยคนที่ปล้นชาวบ้านเพื่อประทังปากท้อง สายตาลุ่มลึกชำเลืองมองป้ายหยกแขวนข้างลำตัวหมิงกวงชิงและองครักษ์ยอดฝีมือสองสามคนในคราบชาวยุทธก่อนจะผินหน้าไปยังบุรุษอีกคนที่สวมหน้ากากจงขุยโดดเด่นกว่าพวกเดียวกันคล้ายว่าเป็นหัวหน้า
หัวหน้าโจรปล่อยมือขวาจากบังเหียนแล้วยกขึ้นเหนือศีรษะ นิ้วทั้งห้ากำหมับเป็นกำปั้นทันใดนั้นโจรทั้งหมดกระโจนหันดาบชี้มายังขบวนของหมิงกวงชิงโดยไม่ยุ่งเกี่ยวกับผู้บริสุทธิ์ขบวนอื่นแม้แต่คนเดียว ซ่างกวนฮวาเหลียงหรี่ตาพยายามจดจ้องใบหน้าที่ถูกซ่อนเร้น ดวงตาสีดำลึกล้ำนั้นก็มองตนอยู่ก่อนแล้ว ไม่พูดพร่ำทำเพลงเท้าเหยียบไหปลาร้ามือเรียวคว้าขลุ่ยหยกฟาดท้ายทอยผู้ประสงค์ร้ายใกล้ตัวเพื่อเปิดทางให้เขาพุ่งไปยังตัวหัวหน้าโจรคนนั้นได้
เจียวจิ้นเบิกตาเห็นประมุขน้อยลอยอยู่เหนือตน ละสายตาไปไม่เท่าไรก็เกือบพลาดท่าให้ดาบเงาวับของศัตรู ปลายเส้นผมสลวยถูกคมมันจนขาดไปเล็กน้อยโชคเข้าข้างหญิงงามไหวหลบทัน สะบัดเท้าเตะข้อพับชายร่างใหญ่ล้มท่าคุกเข่า ชะล่าใจมิได้มันจับส้นเท้าเจียวจิ้นกระชากเข้าหาตัวทว่าเก็บดาบไว้ข้างหลังเพื่อความยุติธรรมที่เจียวจิ้นเป็นสตรีทั้งยังมิได้มีอาวุธติดไม้ติดมือ
มันพลาดท่าเข้าให้แล้ว
"จิ!" ฝั่งหมิงกวงชิงรีบเหินตามอาจารย์กลับถูกดึงรั้งไว้เสียก่อน ใบหน้าเด็กชายเคยสุขุมเปื้อนยิ้มบัดนี้ยับย่นผิดรูปบิดเบี้ยวราวกำแพงใสที่กักกั้นสิ่งขุ่นมัวเอาไว้แตกร้าวปะทุออกมา พวกตัวบัดซบฝีมือมิอาจดูแคลนมันลอบซัดฝ่ามือที่เต็มไปด้วยปราณแปลก ๆ เข้ากลางหลังกวงชิง เด็กหนุ่มไอโขลกเซล้มคะมำ แขนยังมีแรงพยุงตัวเองขึ้นเหลียวมองมัน เขย่งเท้าแตะพื้นดันกายท่องนภาหมุนตีลังกาเหยียบไหล่มันอีกคนหนึ่ง เสยเข่าเข้าคางมันอีกคนหนึ่ง ฟังเสียงฟันกระทบกันก่อนซี่ล่างจะหลุดจากปากพร้อมเลือดสีดำไหลย้อยกลมกลืนกับเสื้อผ้า
กระบี่ดีตวัดฉับพลันเกิดแสงแวววาวเฉือดเฉือนตัดเส้นชีวิต รวดเร็วว่องไวจนมองไม่เห็นด้วยตาเปล่า เจียวจิ้นเองก็กำลังดึงชายกระโปรงรัดคอพวกมันไปหลายสิบคน
"นี่...มันคือตัวอะไร"
ซากบนพื้นที่ควรเป็นศพกลับลืมตาลุกขึ้นยืนไร้อาการบาดเจ็บ พวกมันจ้องเขม็งมายังขบวนที่มีป้ายหยก ไม่ทันตะลึงงันตัวบัดซบทั้งหมดก็ควบม้าหายไปในหมอกควันเหมือนว่าได้รับสัญญาณจากใครบางคน ไม่ใช่แค่พวกมัน
ท่านอาจารย์ก็หายไปด้วย!!
หมิงกวงชิงสบถน้ำตาคลอ เพียงพริบตาเดียวเองที่เขาคลาดกับท่านอาจารย์หากว่าตั้งใจฝึกวรยุทธให้พัฒนากว่านี้.... เด็กหนุ่มกล่าวโทษตัวเอง คุกเข่ากับพื้นแข็ง มือกำใบไม้แห้งกรอบแหลกละเอียด หัวคิดสารพัดวิธีที่จะพาตัวอาจารย์กลับมา
เจียวจิ้นก้มหน้ามองร่องรอยจากการต่อสู้ คิ้วขมวดกันเคาะนิ้วกับผนังรถม้า กลิ่นประหลาดสัมผัสเนื้อหนัง เมื่อครู่ดันเหลือบเห็นพวกมันคนหนึ่งใช้พลังต่างจากวิชาของพวกมนุษย์หรือผู้ฝึกตน ศพที่ควรเป็นศพก็ฟื้นคืนชีพหน้าตาเฉย กระบี่ของหมิงกวงชิงออกแบบมาเพื่อสังหารสิ่งที่อยู่บนโลกใบนี้แต่การที่ใช้ไม่ได้กับพวกมัน เพราะอาจจะไม่ใช่สิ่งใดบนโลก ไม่มีกลิ่นอายเทพเซียน พวกมันไม่ได้อาศัยอยู่บนสวรรค์เช่นเดียวกัน
เผ่าพันธุ์มาร
...- บทที่5 -...
***ดาวน์โหลด NovelToon เพื่อเพลิดเพลินไปกับประสบการณ์การอ่านที่ดียิ่งขึ้น!***
อัพเดทถึงตอนที่ 5
Comments