"ถ้าไม่รังเกียจเชิญท่านเซียนพักที่ห้องนี้นะขอรับ"
ที่นี่ไม่ได้ใหญ่โตเท่าวังมารแต่ก็มิได้เล็กจนอึดอัด ทั้งห้องส่วนใหญ่ประดับด้วยสีขาวเขียวสบายตา ต่างจากสีทึบทะมึนที่ห้องเก่าของเขา โลกมนุษย์น่าอยู่กว่าที่จินตนาการ ผู้คนแย้มยิ้มไม่ปั้นหน้าบึ้งตึงเหมือนปีศาจทั่วไป อาหารการกินหลากหลายและรสชาติดีกว่าเลือดสัตว์เนื้อดิบเป็นไหน ๆ
ข้ารับใช้ก้มหัวคำนับหนึ่งครั้งก่อนปิดประตูห้อง หากรู้ตัวตนจริง ๆ ละก็คงไม่มีใครทำความเคารพเขาเช่นนี้ ช่างปะไร มนุษย์พวกนี้ไม่มีวันรู้หรอก
โชคดีที่หมิงกวงชิงถือกำเนิดมาในตระกูลร่ำรวยซ้ำยังพ่วงด้วยตำแหน่งเสนาบดีของบิดาผู้เป็นพระชามาดาของฮ่องเต้องค์ก่อน กล่าวคือหญิงงามล่มเมืองสะเทือนฟ้าผู้นั้นคือพระราชธิดาองค์เล็กโอรสสวรรค์ บัดนี้เปลี่ยนแผ่นดินรัชทายาทขึ้นครองบัลลังก์นำพาความเจริญรุ่งเรืองมาสู่บ้านเมือง เทพบรรพกาลมีภูมิหลังที่เหลือเชื่อจริง ๆ ต้องเรียกว่าคาบช้อนเงินช้อนทองมาเกิด
สมแล้วที่เป็นต้นแบบของพระเอกนิยายประโลมโลก
"เจียวจิ้นเจ้าหลับนานเกินไปแล้วนะ คอยดูเถอะตื่นเมื่อไรข้าจะกัดหูเจ้าให้ขาด!" ฮวาเหลียงกัดฟันกรอดพลางเขย่าตุ๊กตาไม้หัวสั่นหัวคลอน
'ผู้อาวุโส'
'ผู้อาวุโสหลับหรือยังขอรับ'
อยากจะกัดลิ้นตาย บอกกี่ครั้งว่าห้ามเรียกเจ้านั่นก็ยังกวนบาทาเขาร่ำไป ไม่รู้ว่าจงใจหรือเคารพอย่างใสซื่อ เท็จจริงเป็นอย่างไรไม่สนสักวันเขาต้องตัดลิ้นเด็กผีนี่ให้ได้ วันนี้ต้องสั่งสอนล่วงหน้าสักหน่อยแล้ว
"เจ้าเด็กบ้---"
"ผู้อาวุโสขอรับ ข้าเห็นท่านยังไม่ได้แตะอาหารสักนิด ข้าเลยเตรียมมาให้แล้วก็ ข้า ข้าจะมายกน้ำชาฝากตัวเป็นศิษย์ของท่าน" มือเด็กน้อยหอบทั้งสำรับอาหารและชุดถ้วยชาพะรุงพะรัง ดวงตาหลุบต่ำมองเท้าไม่กล้าเงยหน้าสบตาเขา ฮวาเหลียงได้แต่กลืนคำด่าทอลงลำคอแห้งผาก
น่าเอ็นดูนัก
สุดท้ายซ่างกวนฮวาเหลียงจำต้องดึงกวงชิงน้อยเข้ามาหลบน้ำค้างในห้องพักตน สองมือเล็กงุ่นง่านกับการจัดเตรียมสำรับให้ว่าที่อาจารย์ ทว่าเขาแอบกินขนมในครัวมาจนอิ่มแปล้แล้วน่ะสิ เด็กหนุ่มมองหน้าเขาสลับกับอาหารบนโต๊ะ เห็นแบบนี้ใครจะปฏิเสธลง ตะเกียบคีบทุกจานเข้าปากพร้อมส่งยิ้มอ่อนโยนให้เด็กตาใสที่กำลังนั่งจ้องเขาจนกระทั่งข้าวหมดถ้วย หมิงกวงชิงจึงเก็บสำรับทันที เด็กดีเสียจริง
แทนที่ด้วยถ้วยชาสำหรับการคำนับอาจารย์ ฮวาเหลียงไม่รู้พิธีรีตองของพวกเซียนพวกมนุษย์อะไรมากนักจึงได้แต่นั่งอมยิ้มมองท่าทางจริงใจของเจ้าเด็กน่ารัก แต่ถ้วยชาที่จ่อปากเขาอยู่นี่ต้องดื่มใช่หรือไม่ น่าจะใช่ หากดื่มจอกเดียวจะดูไม่เต็มใจไหม เขาต้องดื่มทั้งกาเพื่อแสดงความจริงใจสิ
"หมดแล้ว" หมิงกวงชิงอ้าปากค้างตะลึงกับภาพแปลกประหลาด อาจารย์ของตนยกกาน้ำชากรอกปากจนหมดเกลี้ยง ไม่เคยพบเคยเจอผู้ใดแตกต่างเช่นนี้แต่ก็หลบสายตาในที่สุด
"มีสิ่งใดหรือกวงชิงน้อย" ฮวาเหลียงเห็นเทพบรรพกาลตัวจ้อยเขี่ยเท้าเล่นเหมือนมีสิ่งใดอยากพูดจึงกลั้นใจถามออกไป
"สะ สีผมท่านงดงามแปลกตานัก" ก้มหน้างุดกว่าเดิม หมิงกวงชิงตอนยังเล็กไม่ได้ครึ่งของเทพหมิงกวงชิงเลย
"ลองสัมผัสดูไหม" ประมุขน้อยสางเกศาเงินยาวสลวยยื่นใส่มือให้ลูกศิษย์จำเป็นจับ มือเล็ก ๆ ค่อยสัมผัสเส้นผมอย่างเบามือ ผมสีเงินหายากบนโลกมนุษย์นักไม่แปลกที่หมิงกวงชิงจะดูตื่นเต้น
เด็กน้อยลูบไม่กี่ทีก็วางเส้นเกศาคืนบนมือเรียวเช่นเดิม ซ่างกวนฮวาเหลียงลอบสังเกตใบหูแดงระเรื่อของเด็กตรงหน้า ใจอันแข็งกระด้างทั้งยังดำอำมหิตพ่ายแพ้ให้แก่ร่างเด็กของเทพสงครามอย่างนั้นหรือ ประมุขน้อยอยากหยิกตัวเองเสียพันทีเผื่อสติจะดีขึ้น เขาต้องวิปลาสเป็นแน่แท้ที่เห็นศัตรูน่ารักน่ากอด
"ศ ศิษย์ขอลา ไม่รบกวนอาจารย์แล้ว"
รอยยิ้มพรายของท่านอาจารย์ทำให้หมิงกวงชิงพูดติดขัดลิ้นพันกันวุ่นวาย มือน้อยตบปุหน้าอกตัวเองหลังปิดประตูให้อีกคนพักผ่อน หัวใจระส่ำระส่ายอย่างห้ามไม่อยู่
แรกพานพบ ติดตรึงใจชั่วนิรันดร์
หากชีวิตมนุษย์มีอายุขัยไม่กี่สิบปีหมิงกวงชิงก็ยินดีให้ภาพท่านอาจารย์เหลียงฮวาอยู่ในใจไม่กี่สิบปีที่เหลือนี้ พูดถึงอากาศรอบกายก็เริ่มร้อนให้ใบหน้าเห่อแดง เด็กหนุ่มก้าวเท้าฉับเร่งไปยังห้องตัวเองระหว่างทางเดินสะดุดชนเสาตกบันไดไปบ้างไม่เป็นไร คุ้มแล้ว
"รอศิษย์นะขอรับ ท่านอาจารย์เหลียงฮวา"
.
.
.
รุ่งเช้ามาเยือน ข้ารับใช้ในจวนเสนาบดีขยันขันแข็งเตรียมน้ำล้างหน้าไว้ให้ตั้งแต่ไก่ยังไม่โห่ ถ้าเป็นที่ภพมารประมุขน้อยไม่มีทางตื่นก่อนไก่เช่นนี้หรอก เมื่อสะลึมสะลือแง้มผ้าม่านออกก็เผยร่างเด็กชายแปดขวบปีมัดผมรวบสูงกำลังตวัดดาบฝึกวรยุทธไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย ตัวเขาแปดขวบยังนั่ง ๆ นอน ๆ บนตักมารดาอยู่เลย ราชครูลู่หรงก็เอาแต่ถอนหายใจใส่หากว่าได้เจ้าเด็กนี่ไปเป็นศิษย์อีกคนคงเลื่อนขั้นเป็นศิษย์เอก เขาก็จะเป็นสุนัขหัวเน่าทันที
ซ่างกวนฮวาเหลียงเท้าคางบนขอบหน้าต่างชื่นชมความเก่งกาจของหมิงกวงชิง แววตามุ่งมั่นเด็ดเดี่ยวสมกับผู้ครองตำแหน่งใหญ่โตบนสวรรค์ แขนขาคล่องแคล่วว่องไวกวาดเอาดอกเหมยบนพื้นกระจายขึ้นอากาศ ปลายกระบี่คมกริบตวัดเฉือนกลีบดอกไม้งามออกเป็นสี่ส่วน ราวฉายภาพซ้ำจนอาจารย์จอมปลอมเกือบเผลอส่งเสียงโห่ร้องด้วยความตะลึง
แล้วเหลืออะไรให้ข้าสอนบ้าง
เคร้ง!
"ทะ ท่าน" ร่างกายชุ่มเหงื่อเสียหลักถอยหลัง กระบี่เงาวับในมือร่วงกระทบพื้นเสียงดังเมื่อเห็นว่ามีอีกคนแอบมองตนอยู่ ท่านอาจารย์กำลังประเมินฝีมือที่ยังไม่ก้าวหน้าไปไหนของเขาอยู่เป็นแน่ ดูได้จากสายตาเรียบนิ่งคู่นั้นทำใจเด็กหนุ่มหล่นไปยังตาตุ่ม
ร่างสูงโปร่งชายผ้าสีดำพลิ้วไสวตัดกับเส้นผมสีเงินส่งให้อาจารย์ของเขาเหมือนภาพวาดเซียนที่มักวาดยามว่าง ท่านเหลียงฮวาหยุดลงเบื้องหน้ายื่นมือสัมผัสศีรษะเด็กน้อยโยกโคลงเคลงเบา ๆ พร้อมรอยยิ้มเจิดจ้าดั่งน้ำชะโลมต้นไม้ห่อเหี่ยวในจิตใจให้กลับมาเบ่งบาน หมิงกวงชิงหน้าแดงอีกครั้ง
"เก่งมากแล้วเด็กดี" ซ่างกวนฮวาเหลียงจำมาจากราชครูลู่หรงอีกที เด็กเก่งต้องชมแบบนี้ถึงจะมีกำลังใจเรียนหนัก เอ๊ะ ไม่ได้ จะให้ศัตรูเก่งกว่าเขาไม่ได้ ลงมือตอนนี้ก็โหดเหี้ยมเกินไปรอตอนโตก็กลัวฝีมือจะเทียบไม่ถึง เมื่อใดเจียวจิ้นจะตื่นสักที หัวจะระเบิดอยู่แล้ว
"วันนี้เป็นวันแรก เรามาสร้างความสนิทสนมกันก่อนดีกว่า" ประมุขน้อยสูดหายใจพยายามเอ่ยออกไปด้วยน้ำเสียงนุ่มสบายหูเพื่อไม่ให้หลุดภาพลักษณ์เซียนผู้สูงส่ง หมิงกวงชิงเองก็น่าจะคิดเช่นเดียวกันถึงได้พยักหน้ารัว ๆ น่าเอ็นดู
ปัญหามันอยู่ที่เขาไม่รู้ว่าจะหาอะไรมาทำร่วมกันได้บ้าง ฮวาเหลียงไม่เคยมีสัมพันธไมตรีที่ดีกับใครสักคนยิ่งกับเด็กเล็ก จะว่าไป ตอนเจอกันครั้งแรกหมิงกวงชิงน่าจะกำลังวาดรูปอะไรสักอย่าง เด็กนี่ชอบวาดรูปงั้นหรือ การจะทำให้อีกฝ่ายประทับใจต้องเอาตัวเองเข้าไปมีส่วนร่วมกับกิจกรรมที่ผู้นั้นชื่นชอบ ในขณะเดียวกันดอกเหมยจากต้นก็ร่วงหล่นลงบนฝ่ามือพอดีราวจับวาง
เหมือนจะคิดออก
คนเฒ่าคนแก่บอกว่าเทพบรรพกาลมีพัดดอกเหมยเป็นอาวุธ เหตุใดเล่าในเมื่อท่านผู้นั้นจับดาบจับกระบี่ได้คล่องแคล่วปานนี้หรือว่าไม่ชอบถืออะไรหนัก ๆ กระนั้นหรือ ช่างเถิด วันนี้เขาจะบังอาจสร้างพัดดอกเหมยเลียนแบบขึ้นมาถึงจะไม่ใช่อาวุธวิเศษเหมือนของจริงแต่ก็ใช้เป็นเครื่องมือดับร้อนได้นี่นา เพียงเอ่ยปากขอวัสดุที่ต้องใช้ประดิษฐ์เหล่าข้ารับใช้ก็หามาให้ทันที เป็นลูกหลานเศรษฐีดีเยี่ยงนี้นี่เอง แต่ท่านพ่อเขาก็เป็นถึงประมุขมารตามใจเขาทุกอย่างไยต้องอิจฉาเจ้าเด็กนี่ด้วยเล่า
"ท่านอาจารย์ เรากำลังจะทำสิ่งใดกันหรือขอรับ" หมิงกวงชิงกวาดสายตามองอุปกรณ์หลากหลายบนโต๊ะหินอ่อน มีพู่กันกับสีน้ำอีกด้วย เด็กน้อยตาวาวมองอาจารย์ตนด้วยความคาดหวัง
"พัดดอกเหมยที่สวยกว่าอันนั้น" สวยกว่าของเทพบรรพกาลอย่างไรเล่า
"พัดดอกเหมย?"
ซ่างกวนฮวาเหลียงยักคิ้วยกยิ้มร้ายกาจเพียงแต่มันทำให้เด็กหนุ่มกลัวจนหน้าแดงกระมัง ว่าที่ประมุขมารกับว่าที่เทพสงครามสุมหัวกันต่อรูปร่างพัดที่มีเพียงหนึ่งเดียวบนโลก พู่กันในมือฮวาเหลียงสั่นจนเส้นกิ่งต้นเหมยยึกยือไม่น่ามองแต่ดันมีเทพผู้มากพรสวรรค์นั่งข้าง ๆ เส้นยึกยือจึงกลายเป็นกิ่งที่มีดอกเหมยแต่งแต้มสีสันสมบูรณ์แบบ นอกจากประดิษฐ์พัดแล้วประมุขน้อยก็ไม่เก่งอะไรอีกเลย อับอายขายขี้หน้าอนาคตผู้นำเผ่ามารชะมัด
หันไปมองยังหนุ่มน้อยที่ตั้งใจวาดดอกไม้ปกปิดความผิดพลาดของอาจารย์ตน หมิงกวงชิงมีความตั้งใจจดจ่อกับทุกสิ่งที่ต้องการทำให้สำเร็จนั่นเป็นเสน่ห์อีกอย่างหนึ่งที่มัดหัวใจสาวน้อยสาวใหญ่เชียวล่ะ ขนาดเขายังเผลอมองอีกฝ่ายเสียเคลิบเคลิ้มจนกระทั่งหมิงกวงชิงยิ้มออกมาพร้อมชูพัดขึ้นเหนือศีรษะ พัดกระดาษวาดลวดลายดอกเหมยด้านหนึ่งส่วนอีกด้านเด็กหนุ่มได้เขียนตัวอักษรบางอย่างลงไป เขาเหม่อจนไม่รู้ว่าเด็กนี่เขียนอะไรทว่ามันก็ไม่เกี่ยวกับเขา
"ศิษย์จะเก็บไว้อย่างดี พัดดอกเหมยนี้เป็นของชิ้นแรกที่อาจารย์มอบให้ศิษย์"
เก็บไว้อย่างดีมิยอมให้ห่างกาย
หมิงกวงชิงแนบพัดไว้กับอกตนเองราวกับว่ามันเป็นของรักของหวง ฮวาเหลียงเบี่ยงสายตาหนีในวังมารเขามีพัดเช่นนี้หลากหลายสีสันหลากหลายขนาดอันไหนพังก็เปลี่ยนใหม่ไม่จำเป็นต้องทำท่าทางหวงแหนเช่นนั้น นอกจากท่านพ่อ เจียวจิ้น และลู่หรงที่ไม่ค่อยแสดงออกเท่าไร เด็กนี่เป็นคนที่สี่ที่เห็นความสำคัญกับสิ่งที่เขามอบให้
นึกขำฮวาเหลียงยังไม่เคยเห็นพัดดอกเหมยของจริงเพียงได้ยินลักษณะจากคำบอกเล่าเท่านั้น ไม่รู้ว่าพัดเล่มนี้เลียนแบบได้คล้ายคลึงกี่ส่วนแต่เท่าที่มองนี่งามกว่าของเทพบรพกาลอยู่มากโข
ลูกศิษย์เขาซะอย่าง
"เจ้าเก่งรอบด้านเพียงนี้ อาจารย์มิรู้ว่าจะสอนอะไรให้เจ้าแล้ว"
"มีหลายสิ่งที่ศิษย์ยังไม่รู้ต้องการอาจารย์ช่วยชี้แนะ" ท่านอาจารย์ของเจ้าก็ยังไม่รู้อะไรเลยเหมือนกัน
"ย่อมได้ แต่อาจารย์ไม่เชี่ยวชาญวรยุทธจึงจะขอนั่งดูความก้าวหน้าของเจ้าเงียบ ๆ แล้วกัน"
"เพียงเท่านี้ศิษย์ก็ซึ้งใจแล้ว" เจ้าเด็กนี่จะดูโตกว่าอายุเกินไปหรือไม่ ซ่างกวนฮวาเหลียงคิดอยู่ในใจเหลือบมองหมิงกวงชิงที่ลุกไปฝึกซ้อมวรยุทธเป็นระยะ ไม่วายหันมาส่งยิ้มใสซื่อโง่เง่าให้ประมุขน้อยได้หัวเราะในลำคอ
เด็กคนนี้มีความแค้นอะไรกับเผ่ามารกันนะ ยามเติบใหญ่ถึงได้เปลี่ยนเป็นคนละคนลงมือทำร้ายสิ่งมีชีวิตเผ่าเดียวกับเขาได้ลง
เป็นเด็กตลอดไปมิได้หรือ
"ท่านอาจารย์..." หมิงกวงชิงสีหน้าวิตกเมื่อเห็นแววตาฉงนของประมุขน้อย
"โตขึ้นเจ้าอยากทำอะไรรึ"
"ศิษย์อยากเข้าวังเป็นแม่ทัพไร้พ่าย ถึงตอนนั้นศิษย์จะสามารถปกป้องครอบครัวและปกป้องท่าน..." ประโยคสุดท้ายแผ่วเบาทว่ายังสามารถจับใจความได้
"ไม่มีอะไรได้มาโดยง่าย ขอเพียงเจ้ามุ่งมั่นตั้งใจไม่โอนอ่อนทุกสิ่งที่เจ้าปรารถนาจะมาอยู่ในมือเจ้าเอง" ราชครูลู่ศิษย์ไม่เอาไหนผู้นี้ขอยืมประโยคสวยหรูมาใช้ก่อนนะ
เด็กหนุ่มดวงตาสั่นไหวคราแรกแปรเปลี่ยนเป็นแววตายากหยั่งมันลึกล้ำคล้ายว่าคำถามที่ตั้งขึ้นมีคำตอบปรากฏขึ้นชัดเจนแล้ว หมิงกวงชิงเดิมทีมีชะตาเป็นแม่ทัพปกป้องบ้านเมืองไม่เกี่ยงศึกเล็กศึกใหญ่ คุณงามความดีเป็นที่ประจักษ์และได้รับความศรัทธาจากประชาชนล้นหลามด้วยเหตุนี้จึงได้ขึ้นเป็นเทพสงครามบนสวรรค์
คำพูดเล็กน้อยของฮวาเหลียงคงไม่เกิดผลอะไรมากนัก เด็กหนุ่มมีความตั้งใจของตัวเองอยู่เป็นทุนเดิม อย่างไรหมิงกวงชิงต้องเป็นผู้ครอบครองตำแหน่งแม่ทัพไร้พ่ายแน่นอน
ซ่างกวนฮวาเหลียงยืดอกภูมิใจในตัวลูกศิษย์ แต่แสดงออกอย่างนั้นไม่ได้ ช่างน่าเสียดาย เขาน่าจะย้อนมาตอนหมิงกวงชิงแรกเกิดจะได้ขโมยกลับไปเลี้ยงที่เผ่ามารเสียเลย เอ เท่าที่เห็นภาพในกระจกเหตุการณ์ที่เด็กน้อยนอนหลับคาพู่กันเป็นบานที่บรรพบุรุษมารเจอหมิงกวงชิงครั้งแรก แล้วบรรพบุรุษรุ่นแรกของเขาจะมายุ่งเกี่ยวกับเด็กนี่ได้อย่างไร อาจจะพยายามมาสังหารเหมือนเขากระมัง
"ท่าน--คุณชายน้อย เหตุใดเจ้าถึงสวมเสื้อผ้าสีขาวเปื้อนง่ายเช่นนี้ทุกวันเลยเล่า" ถึงจะเป็นชุดที่กระฉับกระเฉงง่ายต่อการฝึกซ้อมทว่ากลับเป็นสีขาวสะอาด พอหมิงกวงชิงแสดงหลายกระบวนท่าชายผ้าก็กลายเป็นสีหมองเพราะคลุกดินคลุกฝุ่น ซื่งหากใส่สีทึบ ๆ ไม่ดีกว่าหรือ
"ศิษย์ขอบังอาจถามท่านก่อนว่าเหตุใดท่านถึงสวมสีดำทั้งตัว" ไม่แปลกที่จะมีผู้ใดสวมใส่เสื้อผ้าสีดำ เพียงแต่บนตัวอาจารย์เป็นสีดำชนิดเดียวกันหมดแยกไม่ออกว่าชั้นผ้าซ้อนกันอยู่ที่ใด ซ่างเซียนในหนังสือไม่เคยพบเจอว่าสวมชุดเช่นนี้กัน
"อาจารย์ไม่ได้คิดอะไรมาก ทางครอบครัวมักสวมเช่นนี้เป็นปกติ ไม่ได้มีความหมายอื่นแฝงหรอก" จริงอย่างว่า เผ่ามารมักสร้างตัวตนให้มืดครึ้มกลมกลืนกับสถานที่ที่แสงตะวันส่องไม่ถึง แทนที่จะใส่ให้มันตัดกันสุดท้ายเขาเลือกไม่ได้ อยู่สังคมไหนก็ต้องไหลตามสังคมนั้น
"เจ้าตอบอาจารย์ได้หรือยัง"
"มันทำให้ศิษย์ดูเป็นคนดี ขาวสะอาด บริสุทธิ์ ไร้มลทิน"
...-บทที่ 2-...
***ดาวน์โหลด NovelToon เพื่อเพลิดเพลินไปกับประสบการณ์การอ่านที่ดียิ่งขึ้น!***
อัพเดทถึงตอนที่ 5
Comments
Alison Noemi Zetina Sepulveda
เศร้าเสียใจ
2023-11-02
1