ลำนำชิงฮวา

ลำนำชิงฮวา

บทที่ 1 ห้องกระจก

ใครปลุกเขา

หลับใหลอยู่หลายหมื่นปีเหตุใดจึงตื่นขึ้น

พัดดอกเหมยหมุนลิ่วลมกรีดเส้นเลือดร้อนระอุสาดกระเซ็นเป็นลายคล้ายดอกเหมยบานสะพรั่งก่อนจะกลับสู่มือเจ้าของ ทั่วแดนสวรรค์พร้อมใจคุกเข่าให้กับการปรากฏตัวของบุรุษอาภรณ์ขาวพิสุทธิ์ผู้มากด้วยราศี เสียงสรรเสริญก้องกังวานราวตีระฆังสวรรค์ดังไกลถึงสามหุบเขาเซียน ฝูงนกบินเป็นเกลียวคลื่นหยอกล้อแสงสว่างสีทองยามอัสดง ท่ามกลางความแตกตื่นของภูติผีปีศาจและมารร้าย

"นี่หรือ ท่านเทพบรรพกาลหมิงกวงชิง"

ชายวัยกลางคนล้อมด้วยกลุ่มควันดำทมิฬยกยิ้มพึงพอใจราวกับเจอเรื่องสนุก มือขวายกขึ้นสูงสะบัดเพียงนิดเหล่ากองทัพในควันดำพุ่งทะยานโจมตีทหารสวรรค์ไม่สนแม้ผู้มาใหม่จะเก่งกาจแค่ไหน ประมุขมารซ่างกวนฮุ่ยหลิน คิดก่อการใหญ่นำทัพมารบุกรุกพื้นที่แห่งทวยเทพหวังยึดครองทั้งสามพิภพ 

เสียงฆ่าฟันดังระงมทั่วทั้งบริเวณ หมิงกวงชิงยืนนิ่งหลับตาช้า ๆ มือหนึ่งโบกพัดดอกเหมยอย่างโอนอ่อน ประสาทสัมผัสเริ่มเพิกเฉยต่อการรบราเหมือนเป็นเพียงละครฉากหนึ่ง ประมุขมารเห็นท่าทีไม่ยินดียินร้ายก็บังเกิดโทสะ เพลิงกัลป์แดงลุกโชนเผาตำหนักบรรดาเทพทั้งหลาย ต่างต่อสู้และอ้อนวอนขอให้เทพบรรพกาลช่วยหยุดมันที

"กลับไป"

เพียงคำเดียวเหล่าทัพมารก็ชะงักด้วยกลัวเกรงอำนาจบารมีที่กดดันตนอยู่ ประมุขมารโกรธเลือดขึ้นหน้าง้างดาบคู่หมายหั่นเนื้อเทพผู้สูงส่งเป็นชิ้น ๆ ถึงต้องตายอย่างไรก็จักทำให้สวรรค์แสนโสมมนี้สิ้นสลายไปพร้อมกัน

พูดไม่รู้จักฟัง

หมิงกวงชิงแววตาเรียบเฉยปล่อยพัดดอกเหมยที่สั่นรุนแรงออกไปเผชิญ เพียงเสี้ยวเพลาเดียวพัดอันงดงามก็ทะลุทรวงอกตัดหัวใจของซ่างกวนฮุ่ยหลินขาดครึ่ง โลหิตสาดพื้นสวรรค์เป็นรอยด่างแทนสีขาวสะอาดตา

"คืนฮูหยินข้า..."

ประมุขมารน้ำเสียงแผ่วเบาก่อนจะทรุดลงแทบเท้าหมิงกวงชิง

พอสิ้นแม่ทัพเหล่าทหารมารก็แตกกระเจิงคนละทิศ มันจบเร็วกว่าที่คิดประมุขมารคิดเช่นนั้น เขายังไม่ทันได้หายเคียดแค้น ยังไม่ทันได้ทวงความเป็นธรรมให้ฮูหยินที่รักสุดดวงใจ ความปรารถนาสุดท้ายไม่ถูกเติมเต็ม

จุดจบคือกลายเป็นผุยผง

"เผ่ามารน่ารังเกียจ"

.

.

.

"ท่านพ่อของข้าเล่า เจียวจิ้น"

เจ้าของชื่อนั่งตัวตรงแข็งทื่ออย่างกับท่อนไม้ นั่นไม่ผิด เจียวจิ้นคือหุ่นกระบอกไม้ที่ถูกชุบขึ้นมาเพื่อเป็นเพื่อนเล่นและองครักษ์ผู้ซื่อสัตย์ให้กับบุตรชายเพียงคนเดียวของประมุขมารประมุขน้อยซ่างกวนฮวาเหลียง เจียวจิ้นไม่ได้ตอบอะไรออกไปทำแค่คลุมเสื้อขนสัตว์บนไหล่เจ้านาย

"เจ้าทำหูทวนลมรึ?"

ซ่างกวนฮวาเหลียง ขึ้นเสียงใส่เจ้าหุ่นกระบอกซื่อบื้อ เส้นผมสีขาวและชายผ้าดำสนิทสะบัดตามแรงหันของเจ้าตัว อารมณ์ร้อน ขี้ขลาด ไม่ได้ครึ่งของมารดาที่มีแต่ความอ่อนโยน ไม่ได้แม้เสี้ยวของบิดาที่กล้าหาญไร้สิ่งกลัวเกรง ประมุขน้อยในทุกสายตาแดนมารเป็นเช่นนั้น

เมื่อเจียวจิ้นไม่ตอบก็คร้านจะซักไซ้ ฮวาเหลียงก้าวเท้าเดินนำออกจากห้องพัก แต่แล้วจำต้องหยุดเงยหน้ามองขึ้นไปบนท้องฟ้าที่บัดนี้แปรเปลี่ยนเป็นสีเหลืองทองสว่างทั่วหล้า ปีกนกกระพือว่อนเรียงตัวจัดขบวนสวยงาม เบื้องบนสะท้านไหวราวถูกถล่ม เรื่องอัศจรรย์เกิดขึ้นในรอบหลายพันปี ตะวันจันทราขึ้นเคียงคู่กันอย่างที่ไม่น่าเชื่อว่าจะมีเหตุแปลกประหลาดเกิดขึ้นได้

"งดงามเหลือเกิน แต่ทำไมข้าถึงรู้สึกไม่ยินดีเลย"

"ท่านคิดมาก"

เจียวจิ้นมักชอบพูดเพื่อให้เขาสบายในเสมอ วันนี้กลับใช้ไม่ได้ผล ลางสังหรณ์มันตีขึ้นจนแน่นหน้าอก เมื่อกวาดสายตามองรอบตัวก็พบความเงียบสงัด เหล่ามารน้อยใหญ่หายไปไหนกันหมด ประมุขน้อยฉายสีหน้าวิตกกังวล พลางนึกถึงช่วงเวลาที่ตนเองหลับนานกว่าปกติพอตื่นขึ้นมาก็เจอเพียงเจียวจิ้นผู้เดียว ท่านพ่อทำอะไรกันแน่

"ท่านพ่ออยู่ที่ใด ตอบข้า!"

ไร้การตอบกลับประมุขน้อยโทสะกัดกินยกเท้าขึ้นถีบกลางอกเจียวจิ้นจนหงายหลังกระแทกพื้น หุ่นกระบอกไม่ตอบโต้ปล่อยให้ฮวาเหลียงทุบตีตนอยู่อย่างนั้น เจียวจิ้นมีประมุขน้อยเป็นนาย ร่างกาย วิญญาณ จิตใจ เป็นของซ่างกวนฮวาเหลียงทั้งหมด จะเป็นหรือตายแค่เพียงชี้นิ้วสั่งเศษไม้ตนนี้ก็พร้อมให้ท่านตัดสินด้วยความเต็มใจ

"ท่านประมุขให้ข้ามารายงานท่านว่าจะผนึกตนเองในถ้ำเลี่ยงเฟิ่งเพื่อซึมซับพลังให้แกร่งกล้าขึ้น ประมุขน้อยอย่าได้ห่วง"

บุรุษหนุ่มชุดดำรูปร่างสง่าผ่าเผยคุกเข่ารายงานข่าวคราวตรงหน้า ทว่าไม่ยอมสบตาเขา ทุกคนดูเหมือนมีเรื่องปิดบังไว้มากมาย ฮวาเหลียงคงไม่มีทางรู้เลย จริงหรือที่ท่านพ่ออยู่ในถ้ำเลี่ยงเฟิ่ง เหตุใดไม่บอกด้วยตนเองก่อนจะไป โดยธรรมชาติซ่างกวนฮุ่ยหลินรักใคร่บุตรชายเพียงคนเดียวมาก จะทำอะไรก็บอกเขาตลอด บัดนี้มันไม่ใช่

"ข้าจะไปหาท่านพ่อ--"

"ท่านประมุขยังกำชับอีกว่า ให้ท่านช่วยขัดขวางเทพบรรพกาลหมิงกวงชิงที่ต้องการกำจัดเผ่ามารในระหว่างที่ท่านประมุขอยู่ในถ้ำ"

"จะบ้ารึ!! ได้ชื่อว่าเป็นเทพบรรพกาลเชียวนะตัวข้าจะเอาอะไรไปสู้ ข้าทำไม่เป็นสักอย่าง ข้าไม่คู่ควรให้ท่านพ่อมาฝากฝังเผ่าพันธุ์มารไว้กับข้า จงกลับไปบอกท่านพ่อเสีย" แต่ไหนแต่ไรมาประมุขมารไม่เคยต้องให้ลูกออกหน้าแทน หวงเสียยิ่งกว่าจงอางหวงไข่ แมลงตัวนิดก็ไม่ให้ตอม แทบไม่อยากเชื่อว่าท่านพ่อจะให้เขารับมือกับเทพบรรพกาลผู้ตื่นจากการหลับใหล

"กาลนี้ท่านเทียบเขาไม่ได้หากแต่เป็นกาลในอดีตต่างหากเล่า ก่อนที่เทพบรรพกาลจะขึ้นสวรรค์ท่านมีโอกาสกำจัดเขาเพียงเท่านี้เผ่ามารของเราก็จักกลับมารุ่งโรจน์ไร้ผู้ใดทำลายลงได้ ท่านคิดเห็นอย่างไรประมุขน้อย"

"ข้าจะไปในกาลนั้นได้อย่างไร มันผ่านมาเกือบแสนปีแล้วมิใช่หรือ"

ตามตำนานก่อนที่เทพบรรพกาลหมิงกวงชิงจะทำความดีความชอบได้ขึ้นสวรรค์ตั้งแต่อายุยี่สิบกว่าปี นั่นก็ผ่านมาเกือบครบแสนปีแล้วทว่าต่อมาหมิงกวงชิงก็หลับใหลไปหลายหมื่นปีโดยไม่มีผู้ใดรู้สาเหตุ ต่างคิดว่าท่านเทพผู้ยิ่งใหญ่จะไม่ตื่นขึ้นมาอีกจนกระทั่งวันนี้เกิดปรากฏการณ์เหลือเชื่อนานา ชี้ให้เห็นว่าเป็นการต้อนรับการกลับมาของหมิงกวงชิง

"ห้องกระจกของประมุขมาร"

"ราชครูลู่หรง ห้องกระจกนั้นแม้ท่านประมุขก็ยังไม่สามารถเข้าได้"

น้ำเสียงของเจียวจิ้นคล้ายน้ำเย็นนิ่งสงบ จากที่เงียบอยู่นานเมื่อได้ยินประโยคเลอะเลือนของราชครูลู่หรงประจำวังมาร ห้องกระจกแห่งนี้ถูกสร้างขึ้นมาสมัยบรรพบุรุษพิภพมารรุ่นแรก หลังจากประมุขคนแรกสิ้นชีพไปก็มิมีผู้ใดสามารถเปิดห้องนี้ออกแม้แต่ผู้เดียวจึงถูกปล่อยทิ้งร้างอยู่ใต้พื้นพิภพ

นักเล่านิทานพเนจรเล่าว่าหากได้เข้าไปแล้วสิ่งที่ไม่เคยได้เห็นในอดีตก็จักได้เห็น อยากแก้ไขสิ่งใดย่อมทำได้ทุกช่วงเวลาแม้ผ่านมานานเท่าใดทว่ามีข้อดีย่อมมีข้อเสีย กล่าวคือเด็ดบุปผาสะเทือนถึงสวรรค์ ผลที่เข้าไปเปลี่ยนแปลงอดีตนำพาสิ่งที่ไม่คาดคิดมาสู่ปัจจุบัน ผู้กระทำการต้องรอบคอบทุกก้าวที่เดินเหยียบลงไป

"ใครจะรู้ ประมุขน้อยอาจจะถูกลิขิตให้เป็นผู้ยิ่งใหญ่สร้างความรุ่งเรืองแก่เผ่ามาร" ลู่หรงสบนัยตาสั่นไหวดั่งลูกนก ฮวาเหลียงไม่เคยทำประโยชน์ให้บ้านเมืองดีแต่สร้างปัญหาให้ท่านพ่อตามแก้ หากว่านี่เป็นลิขิตชะตาของเขาจริง ๆ เพื่อครอบครัวตนเองแล้วนี่หาใช่เรื่องยากเย็นอะไร แค่เพียงสังหารหมิงกวงชิงเท่านั้นเอง มือของเจียวจิ้นกระตุกชายแขนเสื้อเขาพลางส่ายศีรษะเบา ๆ

ราชครูลู่หรงมักมีปากเสียงกับเจ้าหุ่นกระบอกบ่อยครั้ง เจียวจิ้นคงไม่เชื่อใจอีกฝ่ายแต่ถึงอย่างไรลู่หรงก็อยู่กับฮวาเหลียงมาตั้งแต่ถือกำเนิดทั้งยังพร่ำสอนวิชามากมายให้แก่ตน ประมุขน้อยแสดงออกว่ารำคาญเท่าใดในใจกลับเทิดทูนเสมือนบิดา 

"ข้าจะลอง"

"นี่ท่าน!!" เจียวจิ้นหันขวับทำคิ้วขมวดใส่เพื่อเตือนให้รู้ว่าเจ้านายกำลังคิดทำเรื่องเลวร้าย

"ราชครูลู่นำทางข้าไปเดี๋ยวนี้"

ลู่หรงพยักหน้านำทางคนวัยแรกรุ่นอารมณ์ร้อนด้านหลังมายังหลุมขนาดใหญ่ที่มีประตูไม้สลักลวดลายสัญลักษณ์ประจำเผ่ามารกั้นขวาง เพียงราชครูลู่แตะมันก็เปิดออกเผยเป็นอุโมงค์ทางเดินยาว คบเพลิงตามแนวกำแพงสว่างวาบขึ้นทีละดวงยามก้าวเดิน อากาศหนาวเย็นจนเป็นไอออกจากปาก ไม่รอช้าเจียวจิ้นกระชับเสื้อขนสัตว์บนไหล่ประมุขน้อยให้มิดชิดกว่าเดิม

จนสุดทางปรากฏเป็นประตูสีทมิฬสูงเลยศีรษะหลายเท่า เจียวจิ้นขึ้นมายืนข้างหน้าเจ้านายเผื่อสถานการณ์พลิกผัน ลู่หรงชี้ไปยังแท่นวางลูกแก้วขนาดเท่ากำปั้นเปรอะโลหิตแห้งกรังของประมุขมารหลายต่อหลายรุ่นที่พยายามเปิดประตูห้องกระจก เลือดของผู้ที่ถูกลิขิตไว้เท่านั้นจึงจะสามารถทำให้ประตูบานนี้ขยับเปิดออก ราชครูลู่เชื่อในลางสังหรณ์ของตัวเองเมื่อยามประมุขน้อยลืมตาเป็นครั้งแรก

เดิมทีประมุขมารรุ่นแรกเป็นเทพที่โดนเนรเทศจนจิตมารเข้าครอบงำ

โลหิตครึ่งเทพครึ่งมารของซ่างกวนฮวาเหลียงอาจเป็นสิ่งที่ลูกแก้วต้องการ

"ท่านต้องหยดเลือดของท่านลงบนลูกแก้วตรงนั้น"

"ได้" ราชครูลู่ยื่นมีดสั้นให้ประมุขน้อย เจียวจิ้นเห็นดังนั้นจึงปัดออก ลู่หรงหัวเราะในลำคอกับการกระทำไร้มารยาทของหุ่นกระบอก สายตามารน้อยตวัดมองไม่พอใจ มือเรียวยกหยิกต้นแขนเจียวจิ้นไปที

"ครั้งหน้าข้าจะฆ่าเจ้า เจียวจิ้น"

"ข้าเป็นห่วงท่าน" ประมุขน้อยไม่เคยสัมผัสเลือดสักหยด บัดนี้ใจกล้าบ้าบิ่นเพียงเพราะคำยั่วยุของลู่หรง

ฉึก!

คมมีดกรีดบนฝ่ามือขาว โลหิตสีแดงเข้มไหลหยดกระทบลูกแก้วใส ฮวาเหลียงหันหน้าหนีบาดแผลตัวเอง เขาไม่ชอบให้ร่างกายบาดเจ็บ ไม่ชอบกลิ่นคาวเลือดไม่ว่าจากใครก็ตาม เมื่อราชครูลู่พยักหน้าเป็นอันว่าเพียงพอแล้วเจียวจิ้นรีบรุดฉีกเศษผ้านำมาพันไว้รอบแผลบนมือเจ้านาย

"คงไม่ใช่ข้าที่ถูกลิขิต"

เมื่อไม่มีอะไรไหวติงแม้แต่น้อย ฮวาเหลียงจึงถอนหายใจเตรียมจะกลับที่พักโดยมีเจ้าหุ่นกระบอกทำหน้าเรียบเฉยทว่าเหตุใดจะไม่รู้ว่าเจียวจิ้นกำลังหงุดหงิดขั้นสุด ลู่หรงเดินมาดักห้ามเบื้องหน้าให้พวกเขารอจนกว่าจะแน่ใจว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้นจริง เสียงจิปากเบา ๆ ของเจียวจิ้นทำให้ประมุขน้อยอ้าปากเหวอ ก่อนนั้นเจียวจิ้นไม่เคยแสดงออกมากขนาดนี้

"ข้าหิวแล้ว เจ้าจะมาขวางข้าทำไมลู่หรง"

"รออีกสักพัก มันต้องมีอะไรสักอย่างข้ามั่นใจ"

"ท่านก็รอไปคนเดียวเถิด ข้าจะพาประมุขน้อยไปพัก" ราชครูลู่ยิ้มบางเบาเพียงมุมปาก ดวงตาหาได้ยิ้มอย่างที่เห็นไม่

ครืดด

เสียงบางอย่างคล้ายของหนักเคลื่อนตัวตรงบานประตูสีนิล ทั้งสามจดจ้องสิ่งนั้นด้วยความตื่นตระหนก ฮวาเหลียงก้มมองฝ่ามือของตัวเองไม่อยากจะเชื่อในสิ่งที่เกิดขึ้น เขาเปิดประตูที่คล้ายถูกปิดตายนี้ได้ ลู่หรงระบายยิ้มกว้างภูมิใจในลางสังหรณ์อันแม่นยำ ไม่เสียแรงที่เฝ้าชุบเลี้ยงประมุขน้อยมาเป็นอย่างดี

"เป็นไปได้อย่างไร"

บานประตูแง้มออกปรากฏเป็นแสงสีขาวสว่างจนดวงตาพร่ามัว ราชครูลู่เดินนำเด็ก ๆ เข้าไปใกล้แสงนั้นก่อนจะยื่นพู่ห้อยตุ๊กตาไม้ตัวเล็กขนาดหัวแม่มือให้ประมุขน้อยแขวนไว้ข้างเอว

"เจียวจิ้นจะไปกับท่าน เพียงแต่เขาเป็นหุ่นกระบอกไม่สามารถเดินทางผ่านกระจกด้วยร่างแปลงได้ จิตของเขาจะอยู่ในตุ๊กตาตัวนี้จนกว่าจะถึงที่หมาย" ลู่หรงอธิบายเกี่ยวกับตัวตนของเจียวจิ้น ซ่างกวนฮวาเหลียงรับฟังเป็นอย่างดีผิดกับเจ้าของบทสนทนายืนจ้องราชครูลู่เขม็ง

อย่างไรนี่ก็เป็นอีกหนึ่งวิธีที่ประมุขน้อยจะพิสูจน์ความจงรักภักดีต่อเผ่ามารให้ทุกคนประจักษ์

"อย่ากลัว เด็กดีของข้า" ฝ่ามือคุ้นเคยลูบศีรษะปลอบประโลมลูกศิษย์ ลู่หรงอ่อนโยนเฉพาะสถานการณ์ที่สำคัญนอกเหนือจากเวลาแบบนี้เขาก็เดาอุปนิสัยไม่ออกเลยสักนิด ไม่รู้ว่าใจจริงคิดเห็นเช่นไร 

ดวงจิตของเจ้าหุ่นกระบอกลอยมาอยู่ในตุ๊กตาไม้ข้างเอว คำนับอาจารย์ด้วยความเคารพกว่าทุกครั้ง ทุกอย่างจะเปลี่ยนไปนับตั้งแต่วันนี้ เพื่อกำจัดศัตรูช่วยเหลือญาติพี่น้องเผ่ามารแล้วประมุขน้อยต้องทำให้ดีที่สุด

ซ่างกวนฮวาเหลียงก้าวเข้าไปยังแสงสว่างเมื่อหันกลับมาก็ไร้เงาราชครูลู่และทุกสิ่งอย่าง รอบด้านขาวโพลนยินกระดิ่งส่งเสียงราวนำทาง กริ๊ง ครั้งแรงเดินหนึ่งก้าว กริ๊ง ครั้งที่สองเดินสองก้าว กริ๊ง ครั้งสุดท้ายหยุดเดิน

โถงสีขาวกลายเป็นหมอกควันกำลังสลายตัวเปิดเผยสิ่งที่ปกปิดไว้ กระจกห้าร้อยบานหมุนล้อมรอบกายประมุขน้อย สะท้อนผู้คนที่ทั้งรู้จักและไม่รู้จักเรื่องราวในอดีตถูกบันทึกไว้โดยบรรพบุรุษรุ่นแรกที่ประสบพบเจอมา ซ่างกวนฮวาเหลียงชะงักเท้าเมื่อภาพของเด็กหนุ่มนอนหลับตาพริ้มภายใต้แสงนวลของดวงจันทร์ปรากฏแก่สายตา

เขามั่นใจว่าเด็กนั่นคือหมิงกวงชิง

แล้วเหตุใดประมุขรุ่นแรกจึงได้พบกับหมิงกวงชิง เผ่ามารถือกำเนิดก่อนเทพบรรกาลผู้นี้กว่าสองพันปีเห็นจะได้

"บรรพบุรุษรุ่นแรกไม่ได้มีแค่ประมุขมารเสียหน่อย อาจจะมีผู้ที่สามารถเปิดประตูห้องกระจกนี้ได้อีกคน สิ่งที่ข้าได้เห็นก็จะถูกบันทึกไว้ที่นี่เหมือนกัน" ฮวาเหลียงพึมพำกับตัวเอง กระจกบานนั้นส่องแสงเชิญชวนให้ยื่นมือแตะต้อง

แสงสว่างน่าหลงใหลดึงร่างประมุขน้อยหายวับเข้าไปยังห้วงเวลาในกระจก ห้องนี้จึงมืดลงอีกครั้ง

ประมุขน้อยจับศีรษะมึนงงถูกดูดเข้ามาโดยไม่ทันตั้งตัว ปรับสายตามองเบื้องหน้าเป็นชายวัยกลางคนกับหญิงสาวงามสะคราญปานล่มเมืองพร้อมบริวารรับใช้มากมาย

"โอ้ ท่านคงจะเป็นซ่างเซียนที่ข้าน้อยภาวนาเชิญลงมาจากภูเขาทุกคืนวันเพื่อให้ท่านช่วยสั่งสอนชิงเอ๋อร์บุตรชายคนโตของข้า นับว่าจวนเสนาบดีฝ่ายบู๊แห่งนี้มีวาสนายิ่งนัก ขอท่านซ่างเซียนเมตตารับชิงเอ๋อร์เป็นศิษย์ท่านด้วยเถิด"

"หากท่านปรารถนาสิ่งใดพวกข้าน้อยยินดีจะหามาเพื่อท่านเพียงแค่ท่านรับบุตรชายข้าเป็นศิษย์ ท่านเซียนเมตตาชิงเอ๋อร์น้อยด้วยเถิดเจ้าค่ะ"

สองชายหญิงคุกเข่าเอาหน้าผากโขกพื้นขอความเห็นใจ ทำอย่างไรดี ซ่างกวนฮวาหลียงไม่ใช่เซียน วิชาความรู้มิได้เลิศล้ำพอจะสอนผู้ใด พร่ำเรียกเจียวจิ้นที่กลายเป็นตุ๊กตาไม้ในใจแต่ก็ไร้เสียงตอบกลับ หรือนี่อาจเป็นโชคชะตาเปิดโอกาสให้สังหารหมิงกวงชิงได้โดยง่าย

ง่ายดายเพียงนี้จริงหรือ

"อะแฮ่ม ข้าขอไปดูเทพ- เขาหน่อยแล้วกัน" ฮวาเหลียงยกยิ้มหลังจากลับสายตามายังห้องของเทพบรรพกาลน้อย

เด็กหนุ่มอายุราวแปดขวบปีใช้แขนเล็ก ๆ เป็นที่หนุนนอน ท่ามกลางตำราเรียนกองเป็นพะเนินสูงท่วมหัว หมึกสีดำบนพู่กันเปรอะเปื้อนกระดาษวาดภาพจนมองไม่ออกว่าวาดสิ่งใด ซ่างกวนฮวาเหลียงทิ้งตัวหย่อนนั่งข้างเด็กขี้เซา เท้าคางมองใบหน้าไร้พิษภัยยามหลับใหล ช่างน่าเอ็นดูเสียจริง

ใครกันจะใจร้ายสังหารเด็กน้อยได้ลง

"เจ้านี่นะ เป็นเด็กตลอดไปไม่ได้หรือไง" นิ้วเรียวจิ้มสันจมูกเล็กเบา ๆ บิดามารดาหมิงกวงชิงหน้าตาดีทั้งคู่ ไม่แปลกที่เขาจะได้ยินข่าวซุบซิบจากปีศาจสาวอาวุโสว่าเทพบรรพกาลรูปงามเพียงใด หมอนี่โตขึ้นคงเป็นดั่งข่าวลือพวกนั้น

รอเขาโตกว่านี้ค่อยจัดการตามแผนแล้วกัน

"ผู้อาวุโสท่านนี้เป็นใคร" เด็กหนุ่มปรือตามองเมื่อรู้สึกถึงผู้มาเยือน

ห๊ะ

ผู้อาวุโส?

ใครกันแน่ที่เป็นไอ้แก่

"ข้าเหลียงฮวา เป็นอาจารย์คนใหม่ของเจ้า แล้วก็ข้าเด็กกว่าบิดาเจ้ามากนะห้ามเรียกผู้อาวุโส!!" ประมุขน้อยลุกขึ้นโวยวายเสียใหญ่โต มันเป็นความจริงนี่ที่เขาอายุน้อยกว่าบิดาเจ้าเด็กตาใสตั้งเกือบแสนปี กล้าดีอย่างไร

ไม่ถูกต้อง

จงสำรวม สำรวมกาย สำรวมวาจา สำรวมใจ

เขายังเด็กนัก เขามิรู้ความ

"ผู้อาวุโสเป็นอาจารย์ข้าหรือ" สายตาแป๋วแหววเช่นนั้นไร้เดียงสานัก แต่ว่า

เจ้านั่นแหละไอ้แก่!!

.

.

.

"เหตุใดท่านไม่บอกความจริงว่าประมุขสิ้นแล้ว"

"ข้าไม่อยากให้เขาวู่วามในห้วงเวลานั้น ไม่รู้ว่าใครลิขิตกัน"

...-บทที่ 1-...

ฮอต

Comments

turquoise sea

turquoise sea

แอดเนื้อเรื่องดีมาก อยากได้อีก

2023-11-01

1

ทั้งหมด
เลือกตอน

กกาวน์โหลดทันที

ชอบผลงานนี้ไหม? ดาวน์โหลดแอพ บันทึกการอ่านของคุณจะไม่สูญหาย
กกาวน์โหลดทันที

โบนัส

ผู้ใช้ใหม่ที่ดาวน์โหลดแอพสามารถปลดล็อค 10 ตอนได้ฟรี

รับ
NovelToon
เปิดประตูต่างภพ
เพื่อวิธีการเล่นเพิ่มโปรดดาวน์โหลดMangatoon APP!