เด็กหนุ่มตัวบางขยับลุกขึ้นพิงหัวเตียงทำให้ผ้าห่มหล่นไปกองอยู่ที่เอว ไออุ่นอยู่ในชุดนอนเสื้อเชิ๊ตแขนยาวสีขาว มันหลวมโพรกจนเผยให้เห็นช่วงไหล่บริเวณไหปลาร้าเนียนละเอียดเพราะขนาดร่างกายที่ต่างกันของเขากับเจ้าของห้อง
เมื่อคืนหลังจากถูกจับจูบจนปากเจ่อเขาก็ถูกอุ้มเข้าห้องน้ำ ไออุ่นเตรียมใจเอาไว้แล้วว่าจะโดนทำเรื่องแบบนั้นแต่ร่างสูงกลับทำให้เขาแปลกใจทั้งสบายใจไปพร้อมๆกัน เพราะอีกคนแค่อาบน้ำแต่งตัวให้ทำอย่างกับไออุ่นเป็นเด็กสามขวบก่อนจะอุ้มเขามานอนที่เตียงและรวบร่างเล็กเข้าไปกอดไว้แนบอกตลอดทั้งคืน แม้ตอนแรกไออุ่นจะแข็งทื่อไปทั้งตัวด้วยความไม่คุ้นชินแต่ผ่านไปสักพักก็เป็นฝ่ายขยับซุกเข้าหาความอบอุ่นและหลับตาลงอย่างว่าง่าย ยอมอยู่ในอ้อมกอดของคนที่เขาไม่ได้รู้จักแม้แต่ชื่อด้วยซ้ำ
“ตื่นแล้วหรือ” เสียงเอ่ยทักทำให้คนบนเตียงสะดุ้งเล็กน้อยก่อนจะขานรับ
“ครับ” เด็กหนุ่มเสมองไปทางอื่นเพราะร่างสูงที่ยืนพิงกรอบประตูอยู่นั้นเล่นเปลือยท่อนบนอวดร่างกายกำยำ ตอนนี้ไออุ่นถึงได้เพิ่งสังเกตเห็นว่าเสื้อที่ตัวเองใส่อยู่นั้นเป็นชุดเดียวกันกับกางเกงที่อีกคนสวมอยู่
“งั้นไปอาบน้ำจะได้กินข้าวเช้ากัน”
ไออุ่นยังคงนั่งนิ่งไม่ขยับ ทำร่างสูงเลิกคิ้วมองอย่างแปลกใจก่อนที่เด็กหนุ่มจะกล้าบอกออกมาเสียงอ้อมแอ้ม
“ผะ ผมไม่มีเสื้อผ้าใส่ครับ” เพราะถูกเจ้าของห้องจับแต่งตัวเมื่อคืน และอีกคนก็ใส่ให้แค่เสื้อตัวเดียว ดังนั้นท่อนล่างของไออุ่นจึงโล่งโจ่งทำให้ไม่กล้าขยับตัว แม้เสื้อของอีกคนจะยาวพอปกปิดแต่เขายังรู้สึกอายอยู่ดี
ชายหนุ่มที่ยืนอยู่หน้าประตูเห็นท่าทางแบบนั้นของไออุ่นก็พอเข้าใจ เขายกยิ้มก่อนจะเดินมายังโต๊ะซึ่งตั้งอยู่ปลายเตียง หยิบถุงกระดาษที่วางอยู่บนนั้นพร้อมกับยื่นส่งให้
“ฉันเตรียมไว้ให้แล้ว”
ไออุ่นเปิดดูก็พบว่าเป็นเสืัอผ้าชุดใหม่หนึ่งชุด
“ไปอาบน้ำเถอะ”
“ขอบคุณครับ” ไออุ่นเอ่ยขอบคุณพลางขยับออกจากเตียงและตรงเข้าห้องน้ำ เผลอลืมว่าตัวเองไม่ได้สวมกางเกงทำเอาคนที่ยืนมองอยู่ตาลุกวาวเมื่อเห็นก้นกลมๆโผล่ออกมาวับแวม
หลังจากอาบน้ำแต่งตัวเสร็จไออุ่นก็เดินออกมาข้างนอก สายตาพลันมองเห็นบางสิ่งที่วางพิงอยู่บนโซฟาห้องนั่งเล่นใบหน้าน่ารักฉายแววดีใจออกมา มันคือกระเป๋าสะพายของเขาที่ทิ้งไว้ในคลับเมื่อคืน เดิมทีไออุ่นยังกังวลเพราะนอกจากบัตรประจำตัวต่างแล้วในกระเป๋ายังมีเงินอยู่เกือบห้าร้อย
ตั้งห้าร้อยเชียวนะ! ต่อชีวิตไออุ่นได้หลายมื้อทีเดียว
เด็กหนุ่มรีบเข้ามาเปิดดูทันทีเมื่อเห็นว่าทุกอย่างอยู่ครบก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอก
“ฉันให้คนไปเอามาให้ของน่าจะอยู่ครบนะ”
ชายหนุ่มที่ถือแก้วกาแฟออกมาจากเคาน์เตอร์ในห้องครัวเอ่ยบอกเมื่อเห็นไออุ่นถือกระเป๋าเอาไว้ ขณะที่ไออุ่นกำลังครุ่นคิดในใจว่าคนๆนี้ต้องมีอิทธิพลขนาดไหนถึงขนาดกัน ดูเขาจัดการทุกอย่างได้ง่ายดายไปหมด
“มากินข้าวมา สายมากแล้วเดี๋ยวปวดท้อง”
“ครับ”
ไออุ่นวางกระเป๋าในมือก่อนจะเดินมานั่งที่โต๊ะทานข้าว เด็กหนุ่มมองอาหารตรงหน้าพลางกลืนน้ำลายลงคอเล็กน้อย ข้าวต้มรวมมิตรทะเลกำลังส่งกลิ่นหอมยั่วน้ำย่อยในกระเพาะไออุ่นไม่ได้กินมื้อเช้าที่ดีแบบนี้มานานแล้ว ปกติมื้อเช้าของเขาถ้าไม่เป็นมาม่าคัพก็เป็นข้าวเหนียวหมูปิ้ง หรือบางวันก็ไม่ได้กินเลยสักมื้อเพราะเงินไม่พอทำให้ไออุ่นมักจะปวดท้องอยู่บ่อยๆ
เขามือสั่นเล็กน้อยขณะตักข้าวต้มเข้าปาก ความรู้สึกยามได้กินของอร่อยทำให้ตากลมโตเป็นประกายระยิบระยับ ก่อนจะเงยหน้ามองร่างสูงที่เลื่อนแก้วนมมาวางข้างๆให้ด้วยความขอบคุณ
ไออุ่นนั่งทานข้าวไปเหลือบมองคนตรงหน้าไปเพราะมีเรื่องอยากจะถามแต่เกรงว่าจะขัดการทานมื้อเช้าของอีกฝ่ายจึงเงียบไว้
“มีอะไรอยากถามหรือเปล่า”
“ขะ ขอโทษครับ ผมเสียมารยาท” ประโยคจากร่างสูงทำไออุ่นเบิกตากว้างก่อนจะรีบเอ่ยขอโทษเพราะคิดว่าตัวเองคงมองจนอีกคนไม่พอใจ
“ไม่เป็นไร ถามมาเถอะ”
“คุณ…ชื่ออะไรหรือครับ” ตั้งแต่เมื่อคืนจนถึงตอนนี้ไออุ่นยังไม่รู้จักชื่อเจ้าของใบหน้าหล่อเหลาราวกับพระเอกในม่านฮวา*เลยด้วยซ้ำ
“ฉันภาคินัย เธอจะเรียกว่าภาคเฉยๆก็ได้”
อีกฝ่ายเอ่ยบอกทำไออุ่นนิ่งงันไปเล็กน้อย ‘ภาคินัย’ ชื่อเดียวกับคลับที่ไออุ่นเข้าไปทำงานเมื่อคืน ไม่ใช่ว่า…
“ฉันเป็นเจ้าของคลับนั่นเอง” ภาคินัยเอ่ยบอกขณะตักเอากุ้งตัวโตในถ้วยของตัวเองมาใส่ถ้วยของเด็กหนุ่มตรงหน้า
“คุณ…”
“หือ” ชายหนุ่มขานรับเมื่อเห็นว่าไออุ่นเหมือนจะพูดอะไรบางอย่าง
“ผะ…ผมขอโทษครับที่สร้างความวุ่นวายในคลับของคุณเมื่อคืน” ไออุ่นว่าพร้อมกับก้มหน้าลงอย่างรู้สึกผิด เพราะเกิดเรื่องขึ้นไม่รู้ว่าอีกคนจะเสียรายได้ไปเท่าไหร่ แถมคนที่ทำร้ายไออุ่นยังเป็นแขกวีไอพีถ้าเกิดมีผลกระทบเขาจะเอาเงินที่ไหนไปชดใช้
ไออุ่นคิดด้วยความกระวนกระวายใจ ภาคินัยที่เห็นแบบนั้นก็เดาได้จึงเอ่ยบอก
“อย่าคิดมากเธอไม่ได้ทำอะไรผิด จริงอยู่ที่ในคลับอาจมีเรื่องแบบนั้นบ้างแต่มันต้องเกิดจากความยินยอมพร้อมใจของสองฝ่ายและเท่าที่ฉันเห็นเมื่อคืนเธอไม่ได้เต็มใจ อีกอย่างฉันเป็นเจ้าของคลับก็ต้องปกป้องพนักงานตัวเองใช่ไหมล่ะ”
“ขอบคุณนะครับคุณภาค” ไออุ่นเอ่ยขอบคุณคนตรงหน้าอีกครั้งด้วยแววตาที่เปี่ยมด้วยความซึ้งใจ
ภาคินัยมองคนตรงหน้าซึ่งเอ่ยขอบคุณเขาเสร็จก็หันไปก้มมองกุ้งในถ้วยของตัวเองด้วยแววตาเป็นประกายราวกับเด็กดีใจที่ได้ขนม
‘ชอบกินกุ้งสินะ’
หลังกินข้าวไออุ่นก็อาสาล้างจานซึ่งภาคินัยก็ไม่ได้ขัดอะไร เรียกว่าไม่ทันได้ขัดก็ได้เพราะอีกคนดูกระตือรือร้นที่จะทำงานเสียจริง เขาจึงเดินเลี่ยงออกมายังห้องนั่งเล่นพร้อมกับโทรสั่งงานชรัณซึ่งเป็นทั้งเลขาและบอดิการ์ดส่วนตัว เพิ่งวางสายจากชรัณคนตัวเล็กก็เดินออกมาพอดี ท่าทางดูระแวดระวังไปหมดราวกับกลัวว่าตัวเองจะทำอะไรผิด
“มาคุยกันหน่อย” เขาเอ่ยเรียกก่อนจะทิ้งตัวลงบนโซฟาตัวยาว ไออุ่นขยับเข้ามาใกล้แต่ทิ้งระยะห่างเอาไว้จนชายหนุ่มต้องให้สัญญาณด้วยการตบลงบนที่ว่างข้างตัวเป็นการบอกใบ้ให้คนตัวเล็กมานั่งข้างๆ เด็กหนุ่มจึงค่อยกล้าเดินเข้ามา จังหวะที่ไออุ่นจะทิ้งตัวลงบนโซฟาแขนแข็งแรงก็ตวัดรัดเอวบางรั้งให้นั่งแหมะอยู่บนตักแทน
“อ้ะ!” ไออุ่นอุทานด้วยความตกใจเนื่องจากไม่ทันได้ตั้งตัวแต่ถึงอย่างนั้นก็ไม่ได้ขยับหนี ยอมนั่งนิ่งอยู่บนตักของเขาแบบที่เกร็งไปทั้งตัวจนภาคินัยสัมผัสได้ ร่างสูงคลายอ้อมกอดลงเล็กน้อยให้คนบนตักผ่อนคลายก่อนจะยื่นมือไปเกลี่ยแก้มนวลข้างที่ยังหลงเหลือรอยช้ำเอาไว้เบาๆ
“ยังเจ็บอยู่ไหม” เขาเอ่ยถามพลางทอดมองใบหน้าอ่อนเยาว์ และเพราะไออุ่นเอาแต่หลุบตาต่ำจึงไม่ได้สังเกตเห็นว่าแววตาสีนิลคู่นั้นเต็มไปด้วยความห่วงใย
“ไม่เจ็บแล้วครับ”
“วันนี้ฉันจะพาไปเก็บของ ต่อไปย้ายมาอยู่กับฉันที่นี่”
เมื่อภาคินัยพูดประโยคนี้ คนที่เอาแต่หลบตาก็เงยหน้าขึ้นมาเสียทีพร้อมกับมองเขาด้วยสีหน้าสับสน
“ให้ผม…ย้ายมาอยู่ที่นี่เหรอครับ”
“อืม”
“แล้วคนที่บ้านของคุณ…” ไออุ่นกัดปากตัวเองอย่างครุ่นคิดก่อนจะเอ่ยถามออกมา เพราะคิดว่าคนอย่างคุณภาคินัยคงมีพันธะผูกพันอยู่แล้ว หากเขาย้ายมาอยู่กับอีกคนคงไม่ใช่เรื่องดี แค่ตกลงเป็นเด็กอยู่ในสถานะเลี้ยงดูก็ผิดศีลธรรมมากพอแล้ว
ขณะที่ไออุ่นกำลังรู้สึกแย่ในใจว่าตัวเองทำผิดเพราะคิดว่าอีกคนมีครอบครัวอยู่แล้ว ภาคินัยที่สังเกตเห็นสีหน้าไม่สู้ดีของคนบนตักจึงพอจะเดาได้ว่าคนอายุน้อยกว่ากำลังคิดอะไร มือหนายกเชยคางเล็กให้ใบหน้าของไออุ่นเงยขึ้นหาเขา
“ถ้าหมายถึงพ่อกับแม่ของฉันเขาไม่ว่าอะไรหรอก ฉันอายุตั้งสามสิบแล้วคงไม่ต้องให้ใครมาจำกัดการใช้ชีวิต แต่ถ้าเธอหมายถึงเมียฉันล่ะก็…”
ภาคินัยเว้นประโยคคำพูดเอาไว้พลางยื่นหน้าเข้าไปใกล้คนบนตักจนปลายจมูกจรดชิดกันก่อนจะพูดต่อ
“ยังไม่มี” แม้น้ำเสียงที่เอ่ยบอกจะคล้ายหยอกล้อแต่ทว่าดวงตาสีนิลกลับฉายแววจริงจัง จนไออุ่นทำตัวไม่ถูกได้แต่ผินมองไปด้านข้างเพื่อหลบสายตาล้ำลึกของอีกฝ่าย
“ละ แล้วผมต้องอยู่กับคุณนานแค่ไหนครับ”
เมื่อโล่งใจที่รู้ว่าตัวเองไม่ได้กลายเป็นมือที่สามของครอบครัวใครไออุ่นจึงเปลี่ยนเรื่องพูดคุยให้บรรยากาศคลุมเครือเมื่อครู่จางหาย หากแต่คำถามนั้นก็เป็นการถามเพื่อให้คำตอบกับตัวเองเช่นกัน
“นานแค่ไหนงั้นเหรอ…” เจ้าของใบหน้าหล่อเหลาคล้ายครุ่นคิดอยู่พักหนึ่งจากนั้นจึงตอบด้วยท่าทางทีเล่นทีจริง
“จนกว่าฉันจะแต่งงานล่ะมั้ง”
‘ถ้างั้นคงไม่นาน’ ไออุ่นคิดในใจพลางหลุบตาลง
คนตรงหน้าเขานั้นสมบูรณ์แบบไปหมดทุกอย่างไม่ว่าจะเป็นรูปร่างหน้าตาหรือฐานะ หากจะหาใครสักคนเป็นคู่ชีวิตคงไม่ใช่เรื่องยากอะไร แต่ก็น่าแปลกใจที่อีกคนยังใช้ชีวิตโสดมาจนถึงตอนนี้
‘หรือคุณภาคจะเป็นประเภทรักอิสระไม่อยากผูกพันกับใครกันนะ’
“คิดอะไรอยู่น่ะ”
“ปะ…เปล่าครับ!” ไออุ่นสะดุ้งหลุดจากภวังค์ความคิดเมื่อน้ำเสียงทุ้มเอ่ยถามชิดใบหู ก่อนจะรีบบอกปฏิเสธด้วยความเลิ่กลั่กชนิดที่มองแล้วคล้ายเด็กที่ทำอะไรบางอย่างแล้วกลัวถูกจับได้อย่างไรอย่างนั้น
“หึๆ” ท่าทางแบบนั้นเรียกเสียงหัวเราะทุ้มต่ำในลำคอจากภาคินัย เขาชอบใจที่ได้เห็นสีหน้าท่าทางเสียอาการของไออุ่นมากกว่าความเศร้าที่มาจากดวงตาหม่นแสงคู่นั้น
เด็กหนุ่มตรงหน้าเขาในตอนนี้ไม่สดใสเหมือนกับเด็กชายที่เขาเจอเมื่อห้าปีก่อนแล้ว
เมื่อถึงช่วงบ่ายภาคินัยก็พาไออุ่นกลับมาเก็บของที่ห้องเช่าหลังเก่า เขาให้ไออุ่นเอาไปเฉพาะของที่จำเป็นเท่านั้นส่วนที่เหลือให้เด็กหนุ่มตัดสินใจซึ่งไออุ่นก็ขอให้บริจาคกับคนยากไร้หรือสถานเด็กกำพร้า ภาคินัยจึงสั่งให้ชรัณหาคนมาจัดการ
เมื่อก้าวเข้ามาในห้องความรู้สึกตีบตันในลำคอของชายหนุ่มผู้ไม่เคยต้องพบเจอกับความยากลำบากใดตั้งแต่เด็กจนโตก็ปรากฎขึ้น ห้องของไออุ่นไม่มีเครื่องอำนวยความสะดวก มีเพียงฟูกนอนและโต๊ะเตี้ยๆสำหรับไว้วางของเท่านั้น เสื้อผ้าที่แขวนอยู่บนราวก็มีแค่ไม่กี่ชุด ภาคินัยขบกรามแน่นเมื่อเห็นสภาพความเป็นอยู่ของคนตัวเล็กนึกโกรธตัวเองที่ตอนนั้นเขาน่าจะทำอะไรมากกว่าแค่มองอีกคนเดินจากไป อย่างน้อยถ้ามีช่องทางติดต่อกันเด็กหนุ่มตรงหน้าอาจจะไม่ต้องเผชิญกับความยากลำบากขนาดนี้
ขณะที่ไออุ่นเมื่อเข้ามาในห้องของตัวเองก็เดินไปยังโต๊ะซึ่งตั้งอยู่ข้างฟูกนอน เด็กหนุ่มหยิบเอารูปถ่ายพ่อกับแม่และยายที่วางไว้บนโต๊ะเก็บใส่กระเป๋า พลันสายตาก็เหลือบมองไปเห็นตุ๊กตากระต่ายที่วางอยู่บนหมอน
ไออุ่นหยิบมันขึ้นมาอย่างเบามือ จ้องมองสิ่งนี้พร้อมกับนึกถึงความเจ็บปวดจากการหลอกลวงของคนที่ให้ตุ๊กตาตัวนี้กับเขา
“จะเอาไปด้วยหรือเปล่า” ภาคินัยเห็นไออุ่นยืนเหม่อมองตุ๊กตาจึงก้าวเข้ามาใกล้พร้อมกับเอ่ยถาม
“ไม่ครับ ไม่เอาแล้ว” ไออุ่นหันมามองสบดวงตาสีนิลก่อนจะเอ่ยตอบช้าๆจากนั้นจึงวางมันไว้ทีเดิม
“ผมเก็บของเสร็จแล้วครับ”
“อืม งั้นไปกันเถอะที่เหลือเดี๋ยวให้คนมาจัดการ”
ไออุ่นพยักหน้ารับจากนั้นจึงเดินตามหลังร่างสูงออกไป
เมื่อออกมาจากห้องเช่าไออุ่นก็นั่งเงียบมาตลอดทาง ภาคินัยที่มองดูอีกคนอยู่ตลอดจึงขยับไปดึงรั้งให้เด็กหนุ่มขึ้นมานั่งคร่อมบนตักโดยหันหน้าเข้าหาตัวก่อนจะเอ่ยถามเสียงนุ่ม
“เธอเป็นอะไร”
“เปล่าครับ” ไออุ่นเอ่ยตอบแต่ไม่ยอมมองหน้าอีกคน กลัวว่าดวงตาล้ำลึกคู่นั้นจะมองทะลุไปถึงความรู้สึกภายในใจของตัวเอง
เมื่อเด็กหนุ่มไม่ยอมบอกภาคินัยเองก็ไม่อยากซักไซร้ เขาเพียงแค่กอดกระชับแผ่นหลังบางพลางจ้องมองดวงตาหม่นหมองของคนบนตักก่อนจะเอ่ยบอกด้วยน้ำเสียงจริงจัง
“ไม่ต้องกลัว อยู่กับฉันเธอจะไม่เป็นอะไร”
ประโยคนั้นให้ความรู้สึกปลอดภัยในใจกับไออุ่น เขาจึงเอนศีรษะพิงซบไหล่แกร่งพร้อมทั้งขยับซุกหาความอบอุ่นอย่างจงใจออดอ้อน
ตอนนี้ไออุ่นเป็นเด็กของคุณภาคินัยและอยู่ในการปกครองของเขาแล้ว แม้สถานะเด็กเลี้ยงดูคงจะอยู่ได้ไม่นานเพราะหากว่าอีกคนเจอใครที่รักจริงและจะใช้ชีวิตอยู่ด้วยไออุ่นเองก็คงต้องจากไป
แต่ระหว่างนี้ที่ยังได้อยู่ในอ้อมกอดของคุณเขาไออุ่นก็ขอตักตวงความอบอุ่นที่ปรารถนามาตลอดชีวิต แค่เพียงสักนิดก็ยังดี
..............................
...TBC....
talk with muxii:
แงงงงง ยัยน้องอุ่นน่าสงสารจังเลยลูกไม่รู้ว่าเจออะไรมาบ้าง หอมหัวยัยน้องของแม่😭
สปอย~ เรื่องนี้นายเอกเราเคยมีแฟนมาก่อนนะคะแต่ยังเคยไม่มีอะไรกัน มีแค่ใช้มือใช้ปากช่วยเพราะแฟนเก่าน้องเป็นชายแท้ชอบผู้หญิง มันแค่มาหลอกน้องเราเท่านั้น คิดล่ะก็โมโหแทนจริง แฟนที่ดีคือแฟนใหม่นะคะน้องไออุ่น โดยเฉพาะคนมีอายุนี่ของดีเลย 😂
*ม่านฮวา คือคำที่ใช้เรียกการ์ตูนในภาษาจีน คิดว่าสายอ่านนิยาย/การ์ตูนคงคุ้นเคยคำนี้กันดีนะคะ 😆
...#ไออุ่นของภาคินัย...
***ดาวน์โหลด NovelToon เพื่อเพลิดเพลินไปกับประสบการณ์การอ่านที่ดียิ่งขึ้น!***
Comments