ตักตวง

ไออุ่นอยู่ในสถานะเด็กเลี้ยงดูของภาคินัยได้อาทิตย์กว่าแล้ว แม้จะแอบเกร็งอยู่บ้างแต่ก็เริ่มคุ้นชินกับความสัมพันธ์ที่คลุมเครือแบบนี้

ในทุกๆวันเขาตื่นไปเรียนและกลับเพนท์เฮ้าส์อย่างสบายใจโดยไม่ต้องกังวลเรื่องค่าใช้จ่าย ไม่ต้องนั่งคิดเรื่องหางานทำอยากกินอะไรก็ได้กิน อยากซื้ออะไรก็สามารถซื้อได้เลยโดยไม่ต้องรอเพราะบัตรเครดิตที่คนโตกว่าให้ถือไว้แต่เด็กหนุ่มก็ยังเจียมตัวไม่ได้ใช้จ่ายอะไรฟุ่มเฟือยมากนัก

ชีวิตที่ดีขึ้นเริ่มทำให้ไออุ่นกลับมาสดใสและมีรอยยิ้มมากกว่าเดิมจนรู้สึกขอบคุณใครอีกคนและไม่รู้จะตอบแทนอย่างไรให้สมกับความใจดีที่ได้รับมา เดิมทีไออุ่นคิดว่าภาคินัยต้องการทำเรื่องอย่างว่ากับเขาแต่อยู่มาหลายวันแล้วนอกจากนอนกอด ก็มีเพียงหอมแก้มและจูบอีกคนไม่ได้ล่วงเกินอะไรมากกว่านั้น

‘หรือเราไม่น่าดูจนคุณเขาไม่อยากทำ’

ไออุ่นคิดอย่างรู้สึกไม่มั่นใจในตัวเอง เด็กหนุ่มนอนคว่ำหน้าอยู่บนโซฟาและกำลังอ่านหนังสือจึงไม่ทันได้ยินเสียงคนที่เพิ่งเปิดประตูเข้ามา

ภาคินัยพลางยกยิ้มเมื่อเห็นว่าตอนนี้คนตัวเล็กดูผ่อนคลายมากขึ้นต่างจากช่วงแรกๆที่มาอยู่ด้วยกัน ขายาวก้าวเข้าไปใกล้คนที่นอนอยู่ก่อนจะวางสูทซึ่งพาดทับกับแขนไว้บนโซฟาจากนั้นจึงโน้มลงไปหอมแก้มนุ่มให้ชื่นใจ

ฟอด!

“อ้ะ! คุณภาค” ไออุ่นอุทานด้วยความตกใจก่อนจะเปลี่ยนเป็นยิ้มกว้างเมื่อเห็นว่าเป็นคนที่ตัวเองกำลังนึกถึง

“ทำไมวันนี้กลับเร็วล่ะครับ” เด็กหนุ่มเอ่ยถามพลางขยับลุกขึ้นมาช่วยถอดเนคไทให้

“วันนี้ฉันจะเข้าไปดูในคลับหน่อยน่ะ”

คนตัวเล็กตรงหน้าพยักหน้ารับขณะเลื่อนมือมาปลดกระดุมเสื้อตรงข้อมือหนา ภาคินัยเองก็ยกนิ้วเกลี่ยเส้นผมที่ปรกหน้าผากเนียนออกให้เบาๆพลางถามว่า

“อยากไปด้วยหรือเปล่า”

“อุ่นไปได้เหรอครับ”

“ได้สิ ฉันกลัวเธอเบื่อเลยอยากพาไปเปิดหูเปิดตา” ร่างสูงว่าพร้อมกับจับคนตัวเล็กมานั่งบนตัก ปลายจมูกโด่งเกลี่ยคลอเคลียสูดดมความหอมกรุ่นจากพวงแก้มใสจนมันเริ่มขึ้นสีระเรื่อ

“งะ งั้นอุ่นไปด้วยก็ได้ครับ” ไออุ่นเอียงหน้าหลบแววตาพราวระยับด้วยความเก้อเขินก่อนจะรีบขยับลุกเพื่อไปแต่งตัว ภาคินัยยอมปล่อยคนในอ้อมกอดแต่โดยดี เขาหัวเราะเสียงทุ้มในลำคออย่างชอบใจกับท่าทางเลิ่กลั่กเขินอายของคนตัวเล็กก่อนจะทิ้งตัวนั่งเอนพนักโซฟาเพื่อรอ 

ไม่นานไออุ่นก็ออกมาพร้อมกับสวมเสื้อยืดสีขาวและกางเกงยีนส์แบบพอดีตัวนั่นยิ่งทำให้อีกคนดูตัวเล็กจ้อยจนกลัวว่าจะถูกใครอุ้มเอาไปได้ง่ายๆ

“เอ่อ…อุ่นแต่งตัวโอเคหรือเปล่าครับ”

เมื่อเห็นคนโตกว่าเอาแต่จับจ้องกันไออุ่นจึงเอ่ยถามพร้อมกับมองสำรวจตัวเองไปด้วย จากนั้นจึงเงยหน้าขึ้นเมื่ออีกคนเดินเข้ามาใกล้

ถึงแม้การแต่งตัวของไออุ่นจะดูธรรมดาแต่กลับดึงดูดให้ภาคินัยมองไม่ละสายตา ท่อนแขนแข็งแรงสวมกอดเอวบางพลางรั้งเข้าหาตัวก่อนโน้มใบหน้ามากระซิบบอก

“ไปถึงคลับห้ามเดินห่างจากฉันเข้าใจไหม”

“คะ…ครับ”

แม้จะไม่เข้าใจแต่ไออุ่นก็รับคำอย่างว่าง่าย ส่วนหนึ่งเป็นเพราะยังฝังใจกับเหตุการณ์ที่ถูกทำร้ายเมื่อครั้งก่อนแต่ถ้ามีคนตัวสูงอยู่ข้างๆก็คงทำให้อุ่นใจ

‘อีกอย่างอยู่กับคุณภาคทำให้ไออุ่นรู้สึกปลอดภัยที่สุด!’

ภาคินัยพาไออุ่นมาถึงคลับราวสี่ทุ่ม เมื่อพนักงานในคลับเห็นก็พากันทักทายด้วยความเคารพก่อนจะมองเด็กหนุ่มข้างกายเขาด้วยความสนใจ มีบางคนที่จำไออุ่นได้ว่าเป็นคนเดียวกับที่เกิดเรื่องคราวนั้นและหลายๆคนก็ต่างคิดแบบเดียวกันว่า

‘คุณภาคินัยถึงกับพามาที่คลับด้วยแสดงว่าต้องเป็นคนสำคัญ’

“ฉันจะเคลียร์งานหน่อย อยากออกไปดูข้างนอกไหม”

ภาคินัยหันมาถามเมื่อเดินเข้ามายังห้องทำงานส่วนตัว เห็นไออุ่นยืนเก้ๆกังๆทำตัวไม่ถูกก็กลัวว่าอีกคนจะเบื่อที่ต้องรอเขาทำงาน

“อุ่นออกไปหาไนท์ได้ไหมครับ” เพราะไออุ่นเคยบอกภาคินัยว่าไนท์ซึ่งเป็นเพื่อนสนิทของเขานั้นก็ทำงานที่คลับแห่งนี้ด้วย ตอนแรกที่รู้ไออุ่นยังคิดว่า

ช่างเป็นเรื่องบังเอิญเสียจริง!

“ได้สิ ระวังตัวด้วยนะ”

“ครับ”

เมื่อร่างสูงอนุญาตไออุ่นก็เดินลงมาจากห้องทำงาน ตอนนี้คลับเปิดแล้วทุกคนจึงดูยุ่งๆกัน เด็กหนุ่มเอ่ยถามกับพนักงานชายคนหนึ่งที่ยืนอยู่หน้าเคาน์เตอร์เครื่องดื่ม

“เอ่อ…ขอโทษนะครับไม่ทราบว่าเห็นไนท์หรือเปล่าครับ” รอยยิ้มบนใบหน้าของคนตัวเล็กค่อยๆจางลงเมื่ออีกฝ่ายหันมามองด้วยสายตาดูแคลนตั้งแต่หัวจรดเท้าก่อนจะตอบเสียงแข็ง

“ข้างใน”

แม้จะรู้สึกไม่ดีที่ถูกอีกฝ่ายมองแบบนั้นแต่ไออุ่นก็พยักหน้ารับพลางเอ่ยขอบคุณจากนั้นจึงเดินเข้าไปทางด้านหลังคลับซึ่งเป็นห้องพักสำหรับพนักงาน เขาเห็นไนท์กำลังนั่งแต่งตัวอยู่หน้ากระจกอีกคนอยู่ในชุดเมดแบบเดียวกับที่ไออุ่นเคยใส่เมื่อคราวก่อน ปกติเจ้าตัวทั้งแสบและซนแต่พอมาอยู่ในชุดแบบนี้ก็ดูน่ารักดี

“คิดค่ามองเป็นไอติมถ้วยใหญ่นะ!”

ไนท์หันมาว่าเมื่อมองเห็นไออุ่นผ่านกระจกก่อนจะรีบลุกขึ้นมาหา ภายในห้องพักมีเพียงแค่ไนท์ไออุ่นจึงทำตัวสบายๆ

“ได้สิ! เดี๋ยวอุ่นเลี้ยงเองถ้างั้นขอมองอีกหน่อย” ไออุ่นพูดพร้อมแกล้งก้มมองต่ำทำเอาไนท์รู้สึกอายจนต้องรีบดึงให้เพื่อนตัวเล็กนั่งลง

“มีอะไรน่ามองกันเล่า!”

“ก็ไนท์ไงแต่งแบบนี้แล้วน่ารักเหมือนตุ๊กตาเลย”

“อุ่นแต่งก็น่ารักเหมือนกันแหละ นี่! ไม่ลองใส่ให้คุณภาคินัยเขาดูบ้างล่ะชุดกระต่ายเอย ชุดพยาบาลเอยเร้าใจดีออก”

“บะ…บ้า ไม่เอาหรอก!” ไออุ่นถึงกับเสียอาการเมื่อถูกเพื่อนสนิทหยอกล้อจนต้องรีบโวยวายกลบเกลื่อน

ไนท์นั้นรู้สถานะระหว่างเจ้านายกับเพื่อนของตัวเองดีเพราะตอนนี้เขากับไออุ่นพูดคุยกันแทบทุกเรื่อง ก่อนหน้าไออุ่นเอาแต่ทำงานหาเงินใช้หนี้จึงไม่ได้สนใจจะมีปฏิสัมพันธ์กับใคร ภายหลังถึงได้รู้ว่าเป็นไนท์ที่คอยช่วยเหลือเรื่องเรียนให้เขาอยู่ตลอด พอได้รู้แบบนี้ไออุ่นจึงเปิดใจและกลายเป็นเพื่อนซี้กับไนท์ทั้งยังสนิทกันมากที่สุดเด็กหนุ่มทั้งสองพูดคุยเล่นกันอยู่สักพักก็มีคนเดินเข้ามา 

“เอ่อ…น้องไออุ่น”

เสียงเอ่ยทักทำให้ไออุ่นหันไปมองอีกฝ่ายเป็นทรานส์เจนเดอร์ที่ไออุ่นจำได้ว่าคือผู้จัดการของคลับ

“พี่แรนดี้นะคะ เรื่องวันนั้นพี่ต้องขอโทษด้วยที่ไม่ได้เข้าไปช่วย” น้ำเสียงแหบห้าวที่ถูกดัดให้ดูนุ่มนวลขึ้นว่าอย่างรู้สึกผิด

ไออุ่นซึ่งยังมึนงงจึงหันมาหาไนท์ที่กำลังยืนยิ้มก่อนเจ้าตัวจะเอ่ยอธิบาย

“หลังจากเกิดเรื่องคุณภาคินัยก็เรียกพนักงานทุกคนมาพูดคุยน่ะ ตำหนิที่วันนั้นไม่มีใครเข้าไปช่วยตอนที่อุ่นถูกคนคุกคาม”

“ใช่แล้วค่ะ วันนั้นเพราะพวกพี่เอาแต่เกรงกลัวอิทธิพลของลูกค้าวีไอพีเลยไม่กล้าเข้าไปยุ่งจนทำให้น้องไออุ่นโดนทำร้าย”

“เอ่อ ไม่เป็นหรอกครับอุ่นไม่ได้เป็นอะไรมากแล้ว” เพราะเห็นสีหน้ารู้สึกผิดอย่างจริงใจ ไออุ่นจึงไม่ได้รู้สึกโกรธเคืองอะไรอีกอย่างท่าทางพี่แรนดี้ก็ไม่ใช่คนเลวร้ายเพียงแค่ตอนนั้นทุกคนต่างก็กลัวจะเดือดร้อน

แรนดี้ยิ้มออกเมื่อเห็นว่าเด็กหนุ่มตรงหน้าไม่เอาความและที่เธอตั้งใจมาขอโทษก็เพราะรู้สึกผิดจริงๆไม่ใช่แค่เพราะรู้ว่าไออุ่นเป็นเด็กของภาคินัยเท่านั้น

“คุณภาคินัยไม่ได้ห้ามถ้าพนักงานในคลับจะมีความสัมพันธ์ที่นอกเหนือจากงานกับลูกค้าแต่ต้องเกิดจากความเต็มใจ ถ้าเกิดพนักงานถูกคุกคามคุณเขาก็พร้อมปกป้องเต็มที่เหมือนกันไม่ใช่แค่กับอุ่น” ไนท์เอ่ยว่า

“จริงค่ะ พี่ยังจำได้เลยตอนที่น้องไนท์ต่อยลูกค้าเพราะโดนลวนลาม อีกฝ่ายเป็นถึงลูกนายตำรวจใหญ่แถมจะเอาเรื่องน้องไนท์อีก ดีที่คุณภาคินัยยื่นมือเข้ามาช่วยจนฝั่งนั้นทำอะไรไม่ได้แถมยังถูกแบนห้ามเข้ามาใช้บริการในคลับนี้ตลอดไปอีกด้วย คุณภาคินัยน่ะให้ความสำคัญกับเรื่องคอนเซนท์พอสมควรเลยค่ะ” แรนดี้เอ่ยสำทับ

ไออุ่นได้ยินทั้งสองพูดถึงคนอายุมากกว่าซึ่งตอนนี้คงกำลังนั่งทำงานอยู่ ก็ครุ่นคิดบางอย่างอยู่ในใจ

หลายๆครั้งที่ไออุ่นรู้สึกได้ว่าเจ้าของนัยย์ตาสีนิลอยากทำมากกว่าแค่จูบ แต่พอเห็นท่าทางอึดอัดแม้เพียงน้อยนิดจากเขาอีกคนก็จะหยุดทันที

‘หรือที่คุณภาคไม่ล่วงล้ำทำมากกว่านั้นเพราะอยากให้เขารู้สึกยินยอมพร้อมใจ’

ปากอิ่มคลี่ยิ้มบาง รู้สึกดีเมื่อรู้ว่าตัวเองได้รับการเอาใจใส่จากใครอีกคน

“อะแฮ่ม! ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่เลยนะตัวเล็ก ไงคุณภาคินัยนี่ดี๊ดีใช่ไหมล่ะ” ไนท์แกล้งแซวเมื่อเห็นเพื่อนสนิทเอาแต่อมยิ้ม

“กะ…ก็คุณเขาก็ดีอยู่แล้วนี่” ไออุ่นว่าอย่างเขินๆเมื่อทั้งไนท์และแรนดี้ต่างมองด้วยสายตาหยอกล้อ

พูดคุยกันอยู่สักพักพี่แรนดี้กับไนท์ก็ต้องไปทำงาน ไออุ่นจึงแยกออกมาเข้าห้องน้ำก่อนตั้งใจจะกลับไปหาภาคินัย ระหว่างกำลังล้างมืออยู่หน้ากระจกใครบางคนก็เดินเข้ามาหยุดยืนตรงอ่างล้างมือข้างๆเขา

“เหอะ! คิดว่าตัวเองจะได้ฝันหวานอีกนานแค่ไหนกันเชียว”

คนมาใหม่เอ่ยด้วยน้ำเสียงเย้ยหยันจนไออุ่นต้องเงยหน้าขึ้นมอง อีกฝ่ายคือพนักงานที่มองไออุ่นด้วยสายตาดูถูกเมื่อไม่กี่นาทีก่อน ในห้องน้ำไม่มีใครอยู่นอกจากพวกเขาสองคน อีกทั้งคนๆนั้นยังตั้งใจมองมาที่ไออุ่นตรงๆทำให้เด็กหนุ่มรู้ว่าประโยคเมื่อครู่พูดว่าให้เขา

ไออุ่นแกล้งทำไม่สนใจก่อนจะรีบเดินไปหน้าประตูเพื่อออกจากห้องน้ำแต่อีกฝ่ายกลับก้าวเข้ามาขวางเอาไว้

“มีอะไรหรือเปล่าครับ” ไออุ่นเอ่ยถามด้วยความไม่เข้าใจ

“เปล่า แค่เห็นนายดูมีความสุขที่ได้ยืนข้างคุณภาคินัย เลยอยากจะมาเตือนด้วยความหวังดี”

“…”

“คุณภาคินัยน่ะเพรียบพร้อมไปทั้งหน้าตาและฐานะ ทุกคนต่างก็รู้ว่าคนที่คู่ควรกับเขาเป็นใคร ส่วน ‘ของเล่น’ แก้เหงาอย่างนายก็แค่ใช้คั่นเวลาเท่านั้นแหละ อย่าฝันหวานนักเลยว่าตัวเองจะได้ยืนข้างๆคุณภาคินัยตลอดไป” อีกฝ่ายเหยียดยิ้มเมื่อเห็นว่าไออุ่นหน้าเสียก่อนจะเอ่ยส่งท้าย

“แต่ก็นะคนแบบนายก็คงถนัดหาเงินด้วยวิธีแบบนี้ ใช้ร่างกายเข้าแลกเพื่อให้ชีวิตตัวเองสุขสบายขึ้น รีบๆตักตวงเข้าล่ะถึงวันที่โดนเขี่ยทิ้งจะได้มีทุนไปตั้งตัว”

เจ้าตัวพูดจบก็เดินสะบัดหน้าออกไปทิ้งให้ไออุ่นยืนขอบตาแดงก่ำ เด็กหนุ่มกัดปากตัวเองจนรู้สึกถึงกลิ่นคาวเลือดจางๆก่อนจะยกมือขึ้นปาดน้ำตาที่ไหลลงมาอย่างเจ็บในใจ

ไออุ่นกลับขึ้นมาห้องทำงานของภาคินัยด้วยท่าทางเหม่อลอยจนชรัณที่เดินสวนออกมาเอ่ยทัก

“คุณอุ่น เป็นอะไรหรือเปล่าครับ”

“ปะ…เปล่าครับ” ไออุ่นสะดุ้งเล็กน้อยก่อนจะรีบตอบ

บทสนทนาของทั้งสองคนทำให้ภาคินัยที่ก้มอ่านงานเงยหน้าขึ้นมองด้วยความสนใจ ดวงตาคมจับจ้องเด็กหนุ่มตัวเล็กอย่างสำรวจก่อนจะส่งสัญญาณให้ชรัณออกไปจากนั้นจึงเอ่ยเรียกให้ไออุ่นเข้ามาหา

“มานี่สิ”

ไออุ่นเดินเข้ามาอย่างว่าง่ายถูกคนโตกว่าจับนั่งตักก็เป็นเด็กดีนั่งนิ่งไม่หือไม่อือ

“เป็นอะไรไป” ภาคินัยเอ่ยถามเมื่อสังเกตได้ว่าคนบนตักเงียบจนผิดปกติ

“เปล่าครับ” ไออุ่นตอบเสียงแผ่วก่อนจะพยายามปรับท่าทางและน้ำเสียงให้เป็นปกติและเอ่ยเลี่ยงความสนใจจากคนโตกว่า

“คุณภาคยังทำงานไม่เสร็จเหรอครับ”

“อีกนิดหน่อย ง่วงแล้วเหรอ” ภาคินัยว่าพลางมองนาฬิกาที่บอกเวลาเกือบเที่ยงคืนแล้ว

“คุณภาคทำต่อเถอะครับอุ่นรอได้”

ไออุ่นทำท่าจะขยับลุกไปนั่งบนเก้าอี้ที่ตั้งอยู่ตรงข้ามเพื่อให้อีกคนทำงานได้สะดวก แต่รอบเอวกลับถูกแขนแกร่งกอดเอาไว้

“นั่งนี่แหละ”

เด็กหนุ่มจำต้องนั่งลงบนตักกว้างของเขาตามเดิม ขนาดร่างกายที่ต่างกันจนเห็นชัดทำให้มีพื้นที่กว้างพอให้ไออุ่นนั่งได้สบายไม่ติดขัด ไออุ่นเห็นคนอายุมากกว่ากำลังยุ่งอยู่กับงานจึงก้มหน้างุดพร้อมกับนึกถึงคำพูดดูถูกพวกนั้นก่อนจะเลื่อนสายตาขึ้นมามองคนตรงหน้าด้วยใจสั่นไหว

ทำไมไออุ่นจะไม่รู้ว่าตัวเองอยู่ในสถานะไหน เขาพร่ำบอกกับตัวเองอยู่ตลอดว่าสักวันฝันที่แสนดีเช่นนี้คงจบลง ความอบอุ่นที่เคยได้รับจากอีกคนก็จะมลายหายไป

ในเมื่อเป็นแบบนั้นแล้วมันจะผิดไหมถ้าเขาจะขอตักตวงความสุขตรงหน้าเวลานี้ให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้

ไออุ่นกัดปากตัวเองก่อนจะคลายมือซึ่งเอาแต่บีบกันอยู่บนตักให้เลื่อนขึ้นมาโอบรอบลำคอแกร่ง การกระทำนั้นทำให้ภาคินัยชะงักมือที่กำลังจับปากกาก่อนจะหันมองคนบนตักอย่างแปลกใจ เขายังไม่ทันได้เอ่ยถามอะไรไออุ่นก็ขยับขึ้นมาประทับริมฝีปาก ชายหนุ่มนิ่งไปชั่วครู่จากนั้นจึงค่อยๆเปิดรับสัมผัสจุมพิตไร้เดียงสา

จากความอ่อนนุ่มแปรเปลี่ยนเป็นรุนแรงมากขึ้น ปากกาในมือของภาคินัยถูกเจ้าตัวขว้างทิ้งอย่างไม่สนใจและเปลี่ยนเป้าหมายมาเป็นบั้นเอวเล็กพอดีมือแทน ชายหนุ่มบีบเคล้นร่างกายของคนบนตักตามแรงอารมณ์ขณะที่เกลียวลิ้นอุ่นนุ่มยังคงพัวพันกันไม่ห่างจากบทจูบรุกเร้า

“อึก อือ”

“อืม”

เสียงครางต่ำในลำคอดังขึ้นสลับกับเสียงจูบเฉอะแฉะแลกน้ำลาย ทั้งๆที่ปรับลมหายใจตามไม่ทันแต่ไออุ่นกลับไม่ยอมประท้วงขอจนภาคินัยเป็นฝ่ายผละออกมาเองเมื่อสัมผัสได้

“เธอปากแตกแล้ว” เขาว่าพลางใช้นิ้วหัวแม่มือลูบเบาๆบนริมฝีปากที่มีรอยแดงช้ำเลือด

“อันนี้อุ่นกัดเอง”

“เธอเป็นอะไร อยากได้อะไรหรือเปล่า…หืม”

ภาคินัยถามพลางจ้องมองดวงตาฉ่ำเยิ้มอย่างหาคำตอบ รู้สึกแปลกใจที่เห็นไออุ่นเป็นฝ่ายเริ่มก่อนแบบนี้ แต่อีกคนทำเพียงส่ายศีรษะไปมาจากนั้นจึงก้มหน้าอยู่กับอกของเขา

ขณะที่คนโตกว่าก็ไม่ได้รีบร้อนเร่งเอาคำตอบ เขารู้ว่าเด็กหนุ่มมีเรื่องอยากจะพูดจึงทำเพียงลูบเล่นเส้นผมสีดำละเอียดรอคอยให้เจ้าตัวเอ่ยออกมาเอง ผ่านไปสักพักจึงค่อยได้ยินเสียงสั่นๆดังขึ้นผะแผ่ว

“อะ...อุ่นแค่อยากตักตวง”

“ตักตวง?” ภาคินัยทวนคำพูดของคนบนตัก ก่อนจะใช้ปลายนิ้วเชยคางมนให้เงยหน้าขึ้นมาสบตา มือหนาข้างหนึ่งประคองข้างแก้มกลมพลางใช้นิ้วหัวแม่มือลูบกล่อมเนื้อเนียนเบาๆจากนั้นจึงเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงหยอกเย้าระคนเอ็นดู

“ไหนบอกฉันสิ ไออุ่นคนดีอยากตักตวงอะไร”

“คุณ”

เพียงแค่คำเดียวสั้นๆ แต่กลับทำให้เกิดความรู้สึกและปฏิกิริยาตอบรับมหาศาล ภาคินัยหมดความสนใจกับงานตรงหน้าทันที เขารีบติดต่อให้คนเป็นเลขาเตรียมรถก่อนจะช้อนสะโพกกลมของคนบนตักขึ้นอุ้มและเดินตรงดิ่งแทบจะกลายเป็นวิ่งออกจากห้องทำงาน

ช่างหัวงานมันปะไร เพราะตอนนี้มีหัวอย่างอื่นให้เขาสนใจมากกว่าตั้งเยอะ!

..............................

...TBC....

Talk with muxii:

ซ่อนสปอยล์

ทรานส์เจนเดอร์ หรือทรานส์หมายถึงบุคคลที่อัตลักษณ์ทางเพศหรือการแสดงออกทางเพศต่างไปจากเพศโดยกำเนิด

ตอนนี้คุณภาคไม่สนใจงานแล้วจ้า สนอย่างอื่นแทนแล้ว ส่วนจะสนอะไรนั้นโปรดติดตามตอนต่อไป 🤭

อยากบอกไออุ่น ไม่ต้องคิดเยอะและมีความสุขกับปัจจุบันเถอะลูก ตัวก็ของเราใจก็ของเราอยากทำอะไรก็ทำที่ตัวเองมีความสุข หนูไม่ได้ทำให้ใครเดือนร้อน🥺

ขอบคุณทุกกำลังใจ ที่ทุกคนเข้ามาอ่าน กดใจ เพิ่มเข้าชั้นและคอมเม้นท์ให้มู่มากๆเลยนะคะ เห็นยอดอ่านแล้วมีแรงปั่นยัยน้องอุ่นกับคุณภาคินัยเยอะเลย 😘

...#ไออุ่นของภาคินัย...

ฮอต

Comments

Murniyati Mommy

Murniyati Mommy

แอดขยันสร้างงานของตัวเองดีใจมากเลย 😊

2023-11-04

0

ทั้งหมด
เลือกตอน

กกาวน์โหลดทันที

ชอบผลงานนี้ไหม? ดาวน์โหลดแอพ บันทึกการอ่านของคุณจะไม่สูญหาย
กกาวน์โหลดทันที

โบนัส

ผู้ใช้ใหม่ที่ดาวน์โหลดแอพสามารถปลดล็อค 10 ตอนได้ฟรี

รับ
NovelToon
เปิดประตูต่างภพ
เพื่อวิธีการเล่นเพิ่มโปรดดาวน์โหลดMangatoon APP!