ณ ปัจจุบัน
จักรวรรดิโลรันเทียร์ มีองค์จักรพรรดิและจักรพรรดินีเป็นผู้ปกครอง ทั้งสองพระองค์มีบุตรชายและบุตรสาว ซึ่งผู้ที่ได้รับการปลุกพลังภายในราชวงศ์นั้นมีเพียงแค่องค์หญิง และองค์ชายเท่านั้น น่าเสียดายที่จักรพรรดิและจักรพรรดินีไม่สามารถปลุกพลังได้..แต่ถึงจะเป็นเช่นนั้นก็ไม่มีการต่อต้านของผู้อยู่ใต้การปกครองแต่อย่างใด...
ส่วนพระนามขององค์หญิงนั้นมีนามว่า อลิธซาเบธ ส่วนองค์ชายนั้นมีนามว่า มาร์คัส ซึ่งแน่นอนว่าองค์หญิงและองค์ชายก็ต้องเข้ามาเรียนที่สถาบันจักรกล เพื่อเรียนรู้เกี่ยวการต่อสู้และก็ฝึกการควบคุมพลัง…
“ ลูกพ่อทั้งสองคน..วันนี้เป็นวันแรกที่ลูกจะได้เข้าไปเรียนรู้และฝึกฝนตัวเองให้แข็งแกร่งขึ้น แม้เราจะเป็นราชวงศ์แต่จงพึงละลึกไว้เสมอว่า เราต้องปกป้องดูแลประชาชนในจักรวรรดิ ในฐานะ ราชวงศ์.. ”
ชายวัยกลางคนนัยต์ตาสีเหลืองทอง เส้นผมสีเงิน ที่ยาวประบ่าเสื้อผ้าสีขาวบางเรียบง่ายพร้อมด้วย มงกุฏสีทองคำที่อยู่บนศรีษะของชายผู้นี้..
นี่ก็คือองค์จักรพรรดิ์แห่งจักรวรรดิโลรันเทียร์แห่งนี้..จักรพรรดิซินเทียร์ ข้างๆกันมีสตรีเลอโฉมอยู่หนึ่งองค์แม้นางจะดูอ่อนเยาว์ แต่ทว่าแท้จริงแล้ว นี่คือ โซเฟียจักรพรรดินีแห่งจักวรรดิ !! ด้วยเลือนผมสีทองนัยต์นาสีฟ้าอ่อนสวมเสื้อผ้าสีขาวเรียบง่ายกลับดึงรัศมีความงดงามและน่าเกรงขามออกมาในเวลาเดียวกัน..ไม่ต่างจากผู้เป็นสามี…
“ หนูเข้าใจแล้วท่านพ่อ…ก่อนที่หนูจะไปที่สถาบันหนูมีคำถามที่อยากจะถามท่านพ่อกับท่านแม่เพียงแค่หนึ่งคำถามเท่านั้น…”
องค์จักรพรรดิและจักรพรรดินีต่างมองหน้ากันก่อนที่ทั้งสองยิ้มอ่อนออกมา..
“ ลูกอยากจะถามเกี่ยวกับอะไรล่ะ? ถ้าไม่เกินความสามารถของพ่อ พ่อก็จะตอบให้ หรือไม่งั้นท่านแม่อาจจะเป็นคนตอบหากพ่อไม่รู้คำตอบในสิ่งที่ลูกถาม.. ”
อลิธซาเบธ ชี้นิ้วไปที่หน้าต่างซึ่งด้านนอกหน้าต่างนั้นก็มีเขตขุนนาง เขตที่ชาวเมืองอยู่อาศัย เขตสลัมและสุดท้ายก็คือกำแพงสูงขนาดใหญ่ที่โอบล้อมปกป้องจักรวรรดิแห่งนี้เอาไว้…
ผู้เป็นพ่อแสดงสีหน้างุนงงเล็กน้อย…
“ ถ้าเกิดว่ามีคนต้องเผชิญหน้ากับอัลฟ่าโดยไร้ซึ่งอาวุธใดๆทั้งสิ้น..ท่านพ่อคิดว่าคนคนนั้นมีสิทธิที่จะรอดหรือตาย..หนูไม่เคยเห็นอัลฟ่ามาก่อน หนูเลยอยากจะถามว่าถ้าคนธรรมดาต้องเผชิญกับมัน..ด้านนอกกำแพงนั้นพวกเขาจะรอดหรือไม่ ”
“ ท่านพี่..ท่านกำลังทำให้ท่านพ่อลำบากใจนะ เราไปกันเถอะท่านพี่ วันแรกที่จะไปสถาบันเดี๋ยวก็สายเอาหรอก.. ”
มาร์คัสลากมือผู้เป็นพี่สาวแต่ทว่ากลับไม่ขยับเขยื้อนสักนิดทั้งๆที่มาคัสนั้นตัวสูงและแรงเยอะกว่าผู้เป็นพี่..นอกเสียจาก..
ออร่าสีฟ้าอ่อนแผ่ออกมาปกคลุมตัวของอลิธซาเบธ..เป็นลักษณะที่บ่งบอกถึงการใช้พลัง..
“ ท่านพี่นี่ท่านใช้พลัง… ”
“ ถ้าฉันไม่ใช้พลังนายก็ลากฉันตัวปลิวไปแล้วสิน้องรักของพี่.. ”
“ พวกลูกทั้งสองคนพอได้แล้ว..คำถามที่พวกลูกถามนั้น… ”
จักรพรรดิ์ซินเทียร์ผู้เป็นพ่อแสดงสีหน้าเคร่งขรึมออกมาอยากเห็นได้ชัด..ยิ่งแสดงให้เห็นว่า เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องเล่นๆ..
“ อลิธซาเบธ มาร์คัส พวกลูกทั้งสองคนฟังพ่อให้ดี..เชื่อเถอะว่าลูกไม่เห็นมันจะเป็นการดีที่สุด พวกมันทั้งน่ากลัว น่าขยะแขยง พวกมันรู้จักเพียง2 สิ่งเท่านั้นคือ กิน และ ทำลาย…”
ซินเทียร์ยังคงพูดต่อไปเรื่อยๆจนกระทั่ง…
“ ฟังพ่อให้ดี ต่อให้พวกลูกจะได้รับการปลุกพลังจากเศษอุกกาบาต แต่ถึงยังไงพวกลูกก็มีร่างเนื้อเป็นมนุษย์…อาวุธธรรมดา ทำอะไรมันไม่ได้… ถ้าต้องเผชิญหน้ากับมันโดยไร้ซึ่งหุ่นจักรกล หนีไปให้ไกลที่สุด อย่าได้ส่งเสียงออกมาเป็นอันขาดเพราะประสาทสัมผัสของมันไวกว่าพวกมนุษย์หลายร้อยเท่า..”
ทุกอย่างเป็นแบบที่จักรพรรดิ์ซินเทียร์กล่าวออกมา แต่หลังจากที่กำแพงนี้ถูกสร้างขึ้นมาคนรุ่นใหม่ที่ได้รับการปลุกพลังหลังจากที่กำแพงนั้นถูกสร้างขึ้นมา ก็ไม่เคยมีใครได้เห็นอัลฟ่ามาก่อน..เนื่องจากมาตราการบางอย่างของทางกองทัพ...ยกเว้นก็แต่เหล่าอัศวินแหละผู้ที่ได้รับอนุญาติเป็นการเฉพาะจากสถาบันจักรกล..
“ ท่านพ่อ แล้วถ้าเกิดว่ามีมนุษย์อยู่ด้านนอกกำแพงแล้วต้องเผชิญหน้ากับอัลฟ่ามนุษย์พวกนั้น… ”
มาร์คัสก็กล่าวถามแก่ผู้เป็นพ่อขึ้นมาเช่นกัน..
“ ไม่เคยมีใครรอดชีวิต..ต่อให้รอดมาได้สภาพจิตใจก็ไม่ต่างจากคนสติฟั่นเฟือน หรือไม่ก็กลายเป็นบ้าไปในที่สุด..อีกอย่างถึงลูกจะไม่ถามพ่อแต่ที่สถาบันจักรกลก็มีคำตอบที่ลูกต้องการอยู่แล้ว…ออกเดินทางกันได้แล้ว”
มาร์คัสและอลิธซาเบธได้ยินเช่นนั้นก็ไม่ได้กล่าวถามสิ่งใดต่อ ก่อนจะย่อเข่าลงทำความเคารพผู้เป็นพ่อและแม่หลังจากนั้นทั้งสองคนจึงเดินไปขึ้นรถหุ้มเกราะคันสีดำที่ถูกจัดเตรียมไว้…โดยองค์รักษ์ ซึ่งทันทีที่ทั้งสองคนออกไปแววตาและท่าทางของจักรพรรดิซินเทียร์ก็เปลี่ยนไปอย่างเห็นได้ชัด
ตัวของ จักรพรรดิซินเทียร์ลุกขึ้นจากบัลลังก์ก่อนจะมองออกไปนอกหน้าต่าง…พร้อมกับมองกำแพงสูงตระหง่านเป็นป้อมปราการด่านสุดท้ายท่ีปกป้องจักรวรรดิแห่งนี้
ซึ่งโซเฟียเองก็รับรู้ได้ในทันทีว่าซินเทียร์นั้นแสดงท่าทีวิตกกังวลออกมาอย่างเห็นได้ชัด..ราวกับรับรู้ว่ากำลังจะมีบางอย่างเกิดขึ้น..
“ อีกไม่นานแล้วสินะ…”
…………………………………………………............
นอกกำแพง…
นอกกำแพงนั้นเรียกได้ว่าเป็นนรกบนดินเลยก็ว่าได้ ทั้งเศษซากของหุ่นจักรกลที่ถูกทำลาย ซากบ้านเรือนสิ่งปลูกสร้างต่างๆมากมายถูกทำลายจนย่อยยับ..
เขตที่ถูกทำลายจะถูกเรียกว่าเขตปกครองที่ถูกทอดทิ้ง ไม่ได้เป็นการทอดทิ้งเพราะจงใจแต่เป็นสถานการณ์ฉุกเฉิน เพราะข้างในกำแพงนั้นไม่อาจรองรับประชาการทั้งจักรวรรดิได้…เพราะจะส่งผลต่อทรัพยากรทำให้เกิดความขาดแคลนอย่างใหญ่หลวง
จึงมีมนุษย์ที่ถูกทอดทิ้งนอกกำแพงอยู่เป็นจำนวนมาก..ไม่ใช่เฉพาะจักรวรรดิโลรันเทียร์เพียงจักรวรรดิเดียวเท่านั้นที่ทำเช่นนี้ แต่จักรวรรดิอื่น และประเทศอื่นต่างก็ทำเช่นนี้เช่นกัน..เพราะเหตุความจำเป็น
แม้จะเป็นเรื่องที่โหดร้ายและไร้ซึ่งสามัญสำนึกแต่ทว่าการทำแบบนั้นก็ย่อมไม่ผิด แม้จะป่าเถื่อน แต่การที่จะแบกรับสิ่งที่เรารับไว้ไม่ไหวสุดท้ายก็จะล่มสลายกันไปในที่สุด…
เพราะโลกใบนี้ได้เปลี่ยนไปตั้งแต่อัลฟ่าปรากฎตัวขึ้นและแพร่กระจายไปทั่วโลก…
ไกลออกไปจากตัวของจักรวรรดิ...
ณ เมืองร้างแห่งหนึ่งที่เคยถูกฝูงอัลฟ่าบุกโจมตี..เศษซากปรักหักพังของสิ่งปลูกสร้างที่ถูกทำลายจนแทบจะไม่เหลือเค้าโครงเดิม
ลึกลงไปในหลุ่มขนาดใหญ่ มีร่างของเด็กหนุ่มคนหนึ่งอายุราวๆ19\-20ปี กำลังนอนหมดสติอยู่ข้างๆอุกกาบาตขนาดใหญ่แต่ที่น่าแปลกไปมากกว่านั้น พวกอัลฟ่า ที่ต่างมารวมกันราวๆหนึ่งร้อยตัว พวกมันไม่สามารถเข้าไปใกล้เด็กหนุ่มคนนั้นได้..
ราวกับว่าพวกมันกำลังหวาดกลัวบางอย่าง…อีกทั้งสภาพบริเวณโดยลอบคล้ายกับว่าเป็นเมืองใต้ดินเก่า สภาพเหล็กและสิ่งก่อสร้างทั้งหมดถูกสนิมกลัดกร่อนจนหมด..
และยังมีตะไคร้น้ำเกาะติดอยู่กับเด็กคนนั้นราวกับว่า ระยะเวลานั้นล่วงเลยผ่านมาหลายปี!!!…แต่ที่แปลกไปยิ่งกว่านั้นคือ เด็กหนุ่มนั้นอยู่ในสภาพเปลื่อยเปล่า และเส้นผมสีดำยาวไปถึงปลายเท้า....
ขณะนั้นเองเปลือกตาของเด็กหนุ่มค่อยๆขยับและลืมตาตื่นขึ้นมา..เผยให้เห็นนัยต์ตาสีเลือด!! ที่มนุษย์ปกติทั่วไปนั้นไม่ควรจะมี แม้จะเป็นผู้ที่ถูกปลุกพลังก็ตามที!!!
เด็กหนุ่มค่อยๆลุกขึ้นยืนอย่างช้าๆพร้อมกับขยี้ตาไปมาคล้ายกับเด็กที่พึ่งตื่นจากการหลับไหลอันยาวนาน..แต่ในขณะนั้นสิ่งแปลกประหลาดก็เกิดขึ้น อัลฟ่าทั้งหมดต่างค่อยๆคลานถอยหลังออกไปราวกับว่าพวกมันสัมผัสได้ถึงภัยคุกคามได้เป็นครั้งแรก…
ก่อนที่เด็กหนุ่มจะพูดขึ้นมาด้วยน้ำเสียงที่เย็นชา และภายในน้ำเสียงที่เปล่งออกมานั้น ยังแฝงแรงกดดันและจิตคุกคามออกมา จนทำให้อัลฟ่าบริเวณต่างสั่นกลัวเป็นครั้งแรก..เพราะพวกมันไม่เคยพบเจอเหตุการณ์แบบนี้มาก่อน!!!...
“พวกตัวน่ารัจเกียจ..”
จบตอน..
***ดาวน์โหลด NovelToon เพื่อเพลิดเพลินไปกับประสบการณ์การอ่านที่ดียิ่งขึ้น!***
อัพเดทถึงตอนที่ 12
Comments