^^^บทที่ 9^^^
^^^คนสำคัญ^^^
^^^[มุมมองบุคคลที่สาม]^^^
บรรยากาศเย็นยะเยือกภายในห้องฝ่ายปกครองที่นักเรียนทุกคนต่างไม่อยากเดินผ่านด้านหน้าห้องใกล้ๆ
คุณครูฝ่ายปกครองทั้ง12คนที่อยู่ภายในห้องต่างพากันมองมาที่เด็กนักเรียนทั้งสองคนเป็นตาด้วยกัน
เพราะโรงเรียนชื่อดังระดับประเทศที่มีค่าเล่าเรียนถึงครึ่งแสนดันมีนักเรียนหญิงและเพื่อนชายของเธอถูกเรียกผู้ปกครองเพราะถูกสงสัยว่าเจ้าตัวสูบพอตในโรงเรียน
เด็กนักเรียนทั้งสองคนต่างสะกิดซึ่งกันและกันไปมาพลางซุบซิบกันอยู่สองคนตลอดที่พวกเขารอคอยให้ผู้ปกครองของใครคนหนึ่งมาพบครูฝ่ายปกครองที่โรงเรียน
"ทิชา!"
เสียงนุ่มลึกของหญิงสาวอายุประมาณ30ต้นๆดังขึ้นหลังจากที่เจ้าตัวผลักประตูเข้ามาภายในห้องนี้
'ทิพย์คือชื่อของเธอ'
"เรื่องจริงหรอคะที่ลูกสาวอิฉันสูบพอต"
น้ำเสียงที่ฟังดูเหมือนจะไม่เชื่อในสิ่งที่ได้ยินในสายปะปนกับความกังวลเมื่อได้รู้ว่าลูกสาวที่รักมีรสนิยมที่ชื่นชอบการสูบจำพวกบุหรี่ไฟฟ้าเหมือนพ่อของเธอ
"ใช่ค่ะคุณแม่ ครูเห็นพอตหนึ่งเครื่องในกระเป๋านักเรียนของชนิตราค่ะ คุณแม่ทราบมั้ยคะ"
"ม-ไม่ทราบเลยค่ะ"
แม่ของทิชาพูดอย่างตะกุกตะกักเพราะความอับอายจากสายตาของครูฝ่ายปกครองทั้ง12คนที่มองเธอเป็นตาเดียวเหมือนเป็นการสื่อว่าเธอเลี้ยงลูกมายังไงให้เธอทำตัวแบบนี้
"ขอเชิญคุณแม่ไปคุยอีกห้องนึงด้วยนะคะ"
สิ้นเสียง ครูรัชพรก็เดินนำหน้าแม่ของเธอไปที่ห้องขนาดเล็กที่มีกระจกอยู่โดยรอบ
คุณครูและแม่ของเธอนั่งลงตรงข้ามกันบนเก้าอี้ธุรกิจสีเทาหม่นพลางยกมือขึ้นมาวางไว้บนโต๊ะกระจกที่ตั้งอยู่ด้านหน้าของทั้งคู่
แม่ของเด็กสาวหันหน้ามาสบตากับลูกสาวสักพักหนึ่งแต่ทิชากลับสบตากับผู้เป็นแม่เพียงชั่วครู่ก่อนจะหลบสายตาไปมองที่พื้นห้องพลางสูดหายใจเข้าลึกๆ
"ทิชา เป็นไรเปล่า"
เสียงทุ้มต่ำเอ่ยถามคนข้างกายอย่างห่วงๆเมื่อเห็นว่าเธอผู้นั้นมีสีหน้าที่เคร่งเครียดและเอาแต่ก้มหน้าลงมองพื้นไม่พูดไม่จาอะไร
เธอผู้นั้นพยักหน้าเป็นคำตอบและยังคงมองไปที่พื้นอยู่เหมือนเดิม ไม่ใช่ว่าเธอกลัวว่าจะโดนพักการเรียนหรือหักคะแนนจิตพิสัย
แต่เธอกลัวว่าจะถูกมองด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความผิดหวังของผู้เป็นแม่ต่างหาก
เวลาผ่านไปชั่วขณะหนึ่งหญิงทั้งสองออกมาจากห้องกระจก ไม่มีใครนอกจากสองคนนั้นที่รู้ว่าพวกเธอพูดเกี่ยวกับเรื่องอะไรกันบ้าง
ถึงทำให้สีหน้าของแม่ทิชาดูสงบนิ่งได้ถึงขนาดนี้ แม้เด็กสาวจะไม่ได้เงยหน้าขึ้นไปสบตากับผู้เป็นแม่ตรงๆแต่เธอก็สัมผัสได้ถึงความผิดหวังอันเหลือล้นที่ถูกส่งมาที่เธอจนน่าอึดอัด
เด็กสาวพยายามสูดหายใจเข้าไปในปอดลึกๆถึงแม้ว่าลมหายใจของเธอจะติดขัดมากเพียงใดก็ตาม
"กลับบ้าน ทิชา"
เสียงที่เคยนุ่มลึกในตอนนี้กับฟังดูเย็นชาและเมินเฉยกับสถานการณ์ที่อยู่ด้านหน้า
ทิชาลุกขึ้นจากเก้าอี้ก่อนจะเดินตามผู้เป็นแม่ที่เดินนำหน้าไปก่อนแล้วพลางหันกลับมามองเธียรเป็นครั้งคราว
ส่วนเด็กชายที่ไม่สามารถทำอะไรได้เลยก็ได้แต่นั่งมองเพื่อนสนิทเดินตามแม่ของเธอจนเธอลับตาไป
เมื่อถึงบ้านของทั้งสอง หญิงสาวผู้เป็นแม่กัดฟันกรอดพลางกระทืบเท้าเข้าบ้านด้วยความโกรธก่อนจะโยนกระเป๋าสะพายไว้บนโซฟาและนั่งลงบนเก้าอี้โต๊ะกินข้าว
"แม่บอกแล้วไงว่าอย่าสร้างปัญหา แล้วนี่อะไร"
ผู้เป็นแม่เอ่ยขึ้นด้วยเสียงทุ้มต่ำอย่างไม่สบอารมณ์ ดูเหมือนว่าทิพย์จะถูกไฟโทสะลุกโหมท่วมตัวและไม่อาจซ่อนไฟร้อนที่ซ่อนอยู่ในอก
ทิชาเดินมาอยู่ตรงหน้าแม่ของเธอและเงยหน้าขึ้นมองหน้าแม่พร้อมกับทำสีหน้าที่ดูเหมือนจะร้องไห้
"แม่คะ มันไม่ใช่ของชาจริงๆนะคะ ชาไม่ร้ว่ามันมาอยู่ในกระเป๋าชาได้ไง"
เธออธิบายอย่างลุกลี้ลุกลนนิ้วมือทั้งสิบถูกันไม่มีอย่างกระวนกระวาย
"แกเอาแต่ส่วนดีๆจากพ่อแกมาไม่ได้รึไง ทำไมแกถึงเอามาแต่ส่วนที่มันชั่วๆ! แม่ล่ะไม่เข้าใจ"
ผู้เป็นแม่พูดเน้นเสียงดังพร้อมกับส่ายหัวไปมาพลางนวดเบาๆที่หว่างคิ้ว
"ทั้งๆที่แม่ไว้ใจให้แกดูแลตัวเองได้ ให้อิสระแกเต็มที่ ทำไมแกถึงทำเรื่องแบบนี้ได้!"
ทิพย์ถอนหายใจเฮือกใหญ่พลางก้มหน้าลงมองพื้นและพยายามสงบสติอารมณ์ของตัวเอง
"แม่ให้โอกาสแกอธิบายตัวเองอีกที"
"..."
"พูดสิ!"
คำพูดของเธอมีอำนาจบีบบังคับให้เธอกล่าวความจริงออกมา ทิชาคุกเข่าลงอย่างรวดเร็วและพ่นลมหายใจออกมาเบาๆ
"ช-ชาไม่ได้ทำจริงๆ"
เด็กสาวตอบกลับด้วยน้ำเสียงตะกุกตะกักเพราะความประหม่า ทั้งที่ในเวลาปกติเธอเป็นคนพูดจาคล่องแคล่ว
แต่เมื่อเธอมาอยู่ตรงหน้าคนผู้นี้ที่ไม่เคยพูดเสียงดังใส่เธอ เด็กสาวกลับมีอาการอึกๆอักๆและไม่รู้ว่าจะแก้ตัวอย่างไร
และยิ่งเธอให้เหตุผลไปแบบนั้นแล้ว ก็ยิ่งทำให้ผู้เป็นแม่เดือดจัดเข้าไปใหญ่
"ฉันไม่ได้คลอดแกมาให้ทำตัวแบบนี้ ที่ฉันพร่ำสอนแกมาตั้งแต่เล็กไม่ได้ทำให้แกฉุกคิดขึ้นมาบ้างเลยรึยังไง!!"
ผู้เป็นแม่ตวาดเสียงดังด้วยความโมโห จนทำเอาทิชาสะดุ้งโหยงด้วยความตกใจและยิ่งก้มหน้าลงต่ำ
"แม่ผิดหวังในตัวแกมาก ทิชา"
วาจาไร้เยื่อใยของเธอบาดหู แม้จะเป็นเพียงคำพูดไม่กี่ประโยค ก็มันสามารถทำให้ขอบตาเธอร้อนผ่าว
หัวใจของเด็กสาวพลันดิ่งวูบกะทันหัน คำพูดของผู้เป็นแม่แปรเปลี่ยนเป็นเข็มพันเล่มที่ทิ่มแทงหัวใจของเธออย่างแรง
เด็กสาวเงยหน้าขึ้นไปเพื่อที่จะแก้ตัวก่อนที่เธอจะต้องหยุดชะงักด้วยความตกตะลึงเมื่อเห็นสายตาที่เธอได้รับกลับมา
สายตาที่ดูผิดหวังเหลือทนจนเด็กสาวแทบจะทรุดลงไปกองกับพื้น แม้ว่าหญิงร่างเรียวเล็กจะทำเพียงแค่จ้องมองเธอเงียบๆ
เด็กสาวระบายลมหายใจออกมาเบาๆข่มกลั้นความรู้สึกที่อยากจะร้องไห้เอาไว้
เธอพยายามอยากสุดความสามารถเพื่อไม่ให้มีน้ำตาแม้หยดเดียวเปื้อนใบหน้าของเธอและความพยายามนั้นก็เป็นผล
"ขึ้นไปบนห้องได้แล้ว"
"ค่ะแม่"
บรรยากาศเย็นสบายกับสายลมที่พัดผ่านหน้าต่าง ถ้าเป็นเวลาปกติทิชาก็คงกำลังจะนั่งอ่านหนังสือ
หรือไม่เธอก็คงนั่งเล่นเกมมือถืออยู่ในห้องนอนขนาดเล็กของตนเอง
แต่ในเวลานี้ที่เธอพึ่งประสบกับเรื่องหลายๆอย่างมา เธอคงไม่สามารถกับการอ่านหนังสือเล่นเกมหรือทำอะไรได้เลย
เด็กสาวในชุดนักเรียนสีขาว มือทั้งสองถูกยกขึ้นมาปลดกระดุมเสื้อของตนเองไปละเม็ดก่อนจะถอดเสื้อและกระโปรงออกให้เหลือแต่ชุดชั้นในสีดำกับกางเกงซับขาสั้นสีดำ
ทิชาทิ้งตัวลงนอนบนเตียงที่อุ่นและนุ่มสบายของตัวเองก่อนจะถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่และดึงผ้าห่มสีฟ้าผืนใหญ่ที่ประดับลายการ์ตูนอยู่ประปรายขึ้นมาห่มตัวเอง
'แม่ผิดหวังในตัวแกมาก ทิชา'
คำพูดนี้ยังคงติดของในหัวของเธอ วนไปวนมาไม่จบสิ้นและคนตัวเล็กยกมือขึ้นมาปิดหูทั้งสองข้าง
และในเมื่อเธออยู่ในห้องนอนของตัวเองเพียงคนเดียว ก็คงไม่มีเหตุผลอะไรที่เธอจำเป็นจะต้องกลั้นความรู้สึกที่อยู่ภายในหัวใจอีกต่อไป
น้ำตาสีใสคลออยู่ข้างในดวงตาคู่สวยทั้งสองข้าง
แม้จะไม่มีแม้เสียงสะอื้นหรือน้ำตาที่ไหลลงมา แต่ความเจ็บปวดก็แสดงออกมาทางสีหน้าและท่าทางที่ดูลุกลี้ลุกลนของเธอ
แม้เจ้าตัวอยากที่จะกรีดร้องออกมาให้ดังสุดเสียงแต่มันก็ไม่สามารถเป็นไปได้
และเธอก็ทำได้แค่เพียงกอดตัวเองและร้องไห้ออกมาในห้องนอนที่เงียบงันเพียงคนเดียว
[โรงเรียน]
"ทิชา"
เสียงที่ฟังดูเป็นห่วงของเพื่อนสนิทดังขึ้นเมื่อเห็นว่าเพื่อนมีท่าทีที่ดูเศร้าหมองและไม่ร่าเริงเหมือนอย่างเคย
บรรยากาศช่วงก่อนเข้าเรียนคาบเช้าที่เคยสนุกสนานกลับดูหดหู่และอึมครึม
มือหนาเอื้อมไปสัมผัสที่ไหล่ของเพื่อนเบาๆ เธียรมีสีหน้าที่ดูเป็นห่วงคนข้างกายเป็นอย่างมากก่อนที่เขาจะเอ่ยคำใดออกไป
"ถ้ามึงไม่อยากบอกว่าเกิดอะไรขึ้นบ้างก็ไม่เป็นไรนะเพื่อน"
คำว่าเพื่อนอีกแล้ว
"แม่กูบอกว่าเขาผิดหวังในตัวกูมาก"
เด็กสาวรวบรวมความกล้าและระบายสิ่งที่เกิดขึ้นออกไปให้เธียรได้รับรู้
"แต่กูไม่เคยผิดหวังในตัวมึงเลยนะทิชา"
คนตัวเล็กหันไปสบตากับร่างสูงข้างกายที่ตอนนี้เขามองเธอด้วยสายตาที่อบอุ่นดั่งแสงตะวันที่คอยชี้นำและปลอบประโลมเธอ
"กูบอกเขาไปแล้วว่ากูไม่ได้ทำแล้วเขาก็ไม่เชื่อกูวะ กูไม่ได้ทำอะไรผิดสักหน่อยทำไมเขาถึงไม่ฟังกูเลยวะมึง"
นัยน์ตาสีฟ้าครามคู่สวยเริ่มสั่นไหว แม้เธอพยายามกลั้นน้ำตาเอาไว้สุดชีวิต
แต่เมื่อได้สบตากับเจ้าของนัยน์ตาสีเปลือกไม้สนตรงหน้า
เธอก็กลั้นน้ำตาไว้ไม่อยู่
ตั้งแต่ที่เธอกับแม่ถูกทิ้งให้อยู่ลำพัง เธอก็พยายามเข้มแข็งมาตลอด แม้แต่หยดน้ำตาหยดเดียวก็ไม่เคยไหลออกมาจากดวงตาของเธอ
แต่เมื่อได้อยู่ต่อหน้าเธียร ความเข้มแข็งทั้งหมดที่เธอเคยมีก็พลันมลายหายไปจนหมดสิ้น
"กู...ไม่ได้ตั้งใจจะทำมึงร้องไห้นะทิชา กูขอโทษ อย่าร้องไห้เลย"
และยิ่งเขาเข้ามาปลอบ มันยิ่งกระตุ้นให้น้ำตาของเธอหล่นร่วงหนักกว่าเดิม
ราวกับเขากำลังกลืนยาขมเข้าไปจนเต็มท้อง เมื่อได้เห็นน้ำตาของคนตรงหน้าที่ไม่เคยร้องไห้ออกมาให้เขาเห็นมาตลอด11ปี ใจของเขาก็พลันอ่อนยวบ
ความสงสัยที่มีอยู่ก่อนหน้าก็พลันจางหายไปหลงเหลือไว้แต่ความเป็นห่วง น้ำตาของเธอทำให้เขารู้สึกปวดใจอย่างไรก็บอกไม่ถูก แต่เขาไม่อยากเห็นเธอร้องไห้
"ฮึก...มึงคือ..คนสำคัญของกูคนนึงเลย ฮึก..ไอ้เธียร"
เธียรได้แต่ลูบหัวของเธออย่างแผ่วเบา เมื่อเห็นเธอร้องไห้เป็นเด็กๆแบบนี้แล้ว เธอก็ยิ่งดูตัวเล็กและบอบบางเหมือนจะแตกสลายหายไปจากเขาได้ทุกเมื่อ
เพราะในสายตาของเขา เธอเป็นเพียงเพื่อนสนิทคนสำคัญที่รู้ใจ
"มึงก็เป็นคนสำคัญของกูเหมือนกัน"
แม้จะไม่ใช่คำพูดที่ฟังดูสวยหรูหรือหวานปานน้ำผึ้งแต่นั่นก็เป็นคำพูดที่เมื่อทิชาได้ยินแล้วก็รู้สึกดีใจอย่างบอกไม่ถูก
และคำพูดของเธียรในวันนี้คงถูกสลักเอาไว้ในใจของทิชาไปอีกนานแสนนาน
'คนสำคัญ'
***ดาวน์โหลด NovelToon เพื่อเพลิดเพลินไปกับประสบการณ์การอ่านที่ดียิ่งขึ้น!***
Comments
Aurelia
มีความสุข 😊
2023-10-24
0