^^^บทที่ 7^^^
^^^กูอยู่นี่^^^
^^^[มุมมองบุคคลที่สาม]^^^
"แพ้อีกและ เหลือดาวเดียวก็จะขึ้นคอมอยู่แล้วเชียว"
เด็กสบถของเด็กสาวดังขึ้นในศาลาไทยขนาดเล็กที่ตั้งอย่างโดดเดี่ยวอยู่หลังโรงเรียนและไม่มีแม้สักคนที่อยากเดินผ่านมาแถวนี้ด้วยเหตุผลบางอย่าง
ทิชาลุกขึ้นจากที่นั่งของตนเองก่อนจะเดินลงมาจากศาลาไทยเพื่อไปเดินสูดอากาศสักหน่อยเพื่อให้ในใจปลอดโปร่ง
เมื่อเห็นว่าเพื่อนสาววางเกมและเดินลงไปจากศาลาแล้ว เธียรจึงวางโทรศัพท์ของตัวเองลงบ้างและเดินตามเธอลงไป
"มึงเดินลงมาทำไมเนี่ย"
เสียงหวานที่เต็มไปด้วยความสงสัยของเด็กสาวดังขึ้นถามเพื่อนชายที่เดินตามมา
"กูมาเดินเล่นไง"
เธียรพูดด้วยเสียงหยอกล้อเช่นเคยและไปเดินเคียงข้างเพื่อนสาว
ทั้งคู่เดินไปเรื่อยๆ พลางพูดคุยถกเถียงกันในเรื่องต่างๆ อย่างสนุกสนานตามภาษา
ทิชานั่งลงที่เก้าอี้ไม้หินอ่อนตัวหนึ่งที่ตั้งอยู่ติดกับกำแพงโรงเรียนที่ไม่สูงมากสักเท่าไหร่และเงยหน้าขึ้นไปมองใบหน้าคมของเธียร
"ไอ้เธียร กูลืมลิปไว้ในกระเป๋ามึงไปเอาให้กูหน่อยดิ น้าๆๆ"
เด็กสาวพูดด้วยเสียงอ้อนๆ และส่งสายตาหวานให้เพื่อนสนิทอย่างขี้เล่น
"เสียงตอแหลมากเพื่อน"
เธียรพูดขึ้นพร้อมกับเอามือหนาตบหัวเพื่อนสนิทเบาๆ ไปทีนึงก่อนจะหันหลังและเดินกลับไปที่ศาลาไทยเพื่อไปเอาของตามที่เธอบอก
เธอนั่งอยู่ตรงนั้นสักพักพลางคิดอะไรไปเรื่อยเปื่อย ทิชามองไปรอบๆ ก่อนที่จมูกของเธอจะได้กลิ่นที่คุ้นเคย
'กลิ่นบุหรี่'
เธอหันไปมองรอบๆ อย่างรวดเร็วและเห็นว่ามีควันสีเทาหม่นลอยออกมาจากหลังกำแพงโรงเรียน
ดูเหมือนว่าพวกวัยรุ่นที่โดดเรียนออกไปจากมาสุมหัวสูบยาเส้นกันแถวนี้
ก็ไม่แปลกที่จะเลือกที่นี่เพราะตรงนี้แทบไม่มีใครผ่านมาเลยแม้สักคนเดียว
กลิ่นบุหรี่ที่แตะจมูกเปรียบเสมือนลูกอมหวานในหลอดลมที่ทำให้ทางเดินหายใจของเธอติดขัด
ความรู้สึกเหมือนโดนใครสักคนบีบคอและทุ่มลงพื้นอย่างแรงเกิดขึ้นอย่างกะทันหัน
มือเล็กๆ ทั้งสองข้างสัมผัสที่กลางหน้าอกและลำคอของตัวเองอย่างกระวนกระวาย
ร่างเล็กตกจากเก้าอี้และทรุดลงไปกองกับพื้น ใบหน้าละมุนเต็มไปด้วยเหงื่อที่ไหลตามกรอบหน้า
ความมืดมิดคืบคลานเข้ามาในมุมมองของเธอจนแทบมองอะไรไม่เห็น
ความทรงจำที่เธอไม่อยากนึกถึงดันผุดขึ้นมาในหัวของเธอโดยไม่ได้ตั้งใจ
การที่เธอตกอยู่ในความวิตกกังวลจนแทบหยุดหายใจทำให้เพื่อนสนิทที่เดินมาเจอพอดีทิ้งทุกอย่างในมือและรีบวิ่งตรงมาช่วยเธอ
"ทิชา! มึงเป็นอะไร! เฮ้ย!"
น้ำเสียงที่ฟังดูกังวลยิ่งกว่าดังขึ้นก่อนที่มือหนาจะจับไหลทั้งสองข้างของเพื่อนสาวแน่น
"ชาขอโทษ! อย่าทำชาเลยชาผิดไปแล้ว!"
น้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความหวาดกลัวดังขึ้น ร่างเล็กสั่นอย่างควบคุมไม่ได้
ใบหน้าละมุนที่เต็มไปด้วยความหวาดกลัวและความตกใจนั้นยิ่งทำให้เธียรยิ่งกังวลเข้าไปใหญ่ว่าเพื่อนของเขาเป็นอะไรไป
เขาดึงเธอเข้าไปกอดแน่นและเอามือลูบหัวของเด็กสาวอย่างอ่อนโยน
ทิชาที่ตอนนี้ไม่สามารถควบคุมตัวเองได้ก็พยายามขัดขืน
"ทิชาๆ กูเธียรเอง กูไม่ต้องกลัวแล้ว กูอยู่นี่"
เสียงที่อบอุ่นของเธียรทำให้เธอสงบลงเล็กน้อย เธอไม่ขัดขืนหรือโวยวายทั้งนี้ยังกอดร่างสูงแน่นพลางสั่นเหมือนลูกนกที่ตกจากรัง
มือหนาลูบหัวของเพื่อนสาวอย่างอ่อนโยนพลางกอดร่างเล็กไว้แน่นไม่ปล่อย
เมื่อเด็กสาวสงบลง เธียรจึงพาเธอเดินกลับไปที่ศาลาไทยและพยายามถามเธอเรื่องอาการของเธอในวันนี้
"พ่อกูเคยทำร้ายกูกับแม่ก่อนเขาจะกลับไปอเมริกาเมื่อ12ปีก่อน"
____________________________
ในบ้านหลังเล็กที่ดูอบอุ่นครอบครัวอยู่กับพร้อมหน้าพ่อแม่ลูกชาวบ้านแถวนั้นต่างพากันอิจฉาแม่ของเธอที่ได้แต่งงานกับพ่อที่เป็นชาวอเมริกาตัวสูงรูปหล่อและมีลูกสาวที่น่ารักด้วยกัน1คน
แต่ใครจะไปรู้ว่าชายชาวอเมริกาที่หญิงวัยรุ่นและวัยกลางคนต่างพากันชื่นชมและเอ็นดูเป็นคนอารมณ์ร้อนทั้งยังติดเหล้าและบุหรี่
"IF YOU LOVE YOUR SLUT MOM SO MUCH YOU BOTH DIE TOGETHER!!!"
ถ้าแกรักแม่x่านๆของแกมากก็ไปตายด้วยกันทั้งคู่นั่นแหละ!!!
เสียงตวาดของชายร่างใหญ่ดังขึ้นลั่นบ้านก่อนจะกระชากแขนบางๆ ของเด็กหญิงตัวน้อยให้ลุกขึ้นก่อนจะง้างมือขึ้นตบไปที่ใบหน้าของเด็กหญิงอย่างเต็มแรงจนเธอล้มลงไป
หญิงสาวที่นอนกองอยู่กับพื้นเงยหน้าขึ้นมาเธอมีแต่บาดแผลฟกช้ำทั่วใบหน้า
เธอใช้แรงที่มีอันน้อยนิดของเธอจับขาของสามีไว้เมื่อเห็นว่าเขากำลังจะเตะไปที่ลูกสาวตัวน้อยของตัวเองด้วยความโกรธและความเมามาย
เมื่อเขาไม่สามารถทำให้สิ่งที่เขาต้องการได้ มือหนาก็กระชากเส้นผมยาวสลวยเพื่อให้เธอลุกขึ้นก่อนจะตบไปที่หน้าของเธออย่างเต็มแรง
เด็กหญิงตัวเล็กลุกขึ้นยืนและรีบวิ่งไปขวางหน้าพ่อของเธอไม่ให้เขาทำร้ายแม่ที่รักด้วยร่างเล็กๆ ของเธอ
แต่ดูเหมือนว่าใบหน้าที่เต็มไปด้วยบาดแผลของลูกสาวตรงหน้าไม่ได้ทำให้เขาได้สติขึ้นมาบ้างเลย
ทั้งยังบีบคอลูกสาวและทุ่มลงพื้นจนเจ้าตัวร้องไห้ออกมาเสียงดังด้วยความกลัวและความเจ็บปวดทางร่างกายและจิตใจ
"ตอนนั้นกูกลัวมากเลยว่าใครจะมาทำร้ายกูกับแม่อีกรึเปล่า กลิ่นบุหรี่นั้นทำให้กูนึกถึงตอนที่เขาทำร้ายพวกเรา"
กลับมาในปัจจุบันที่เธอนั่งอยู่ในศาลาพร้อมกับเพื่อนสนิทที่คอยลูบไหล่ปลอบเธอเบาๆ
แม้เรื่องนี้จะเป็นเรื่องที่เธอไม่อยากนึกถึงและไม่อยากเล่าในใครฟังเพราะเธออายเกินกว่าจะให้ใครรู้ว่าพ่อแม่ของเธอไม่ลงรอยกัน
เธียรไม่เอ่ยคำใดนอกจากลูบไหล่ของเธอเบาๆ ไม่ใช่ว่าเขาไม่ตกใจกับเรื่องที่เธอเคยประสบแต่เพราะเขาไม่รู้จะสรรหาคำใดมาปลอบประโลมจิตใจของเพื่อนให้ดีขึ้นก็เท่านั้น
"ไม่ว่ามึงจะมีเรื่องอะไรที่ไม่สบายใจแต่กูอยากให้มึงรู้ไว้ว่ามึงยังมีกูเสมอและไม่ว่าอะไรขึ้นมึงก็สามารถเล่าให้กูฟังได้ มึงเข้าใจมั้ย"
เธียรร่ายยาวก่อนจะดึงเพื่อนสนิทเข้ามากอดแน่นเพื่อเป็นการปลอบใจที่บอบช้ำของเธอให้ดีขึ้นไม่มากก็น้อย
"อือ ขอบใจมึงมาก"
'ที่คอยอยู่เคียงข้างกูมาตลอด'
"มึงโอเคแล้วใช่มั้ย"
น้ำเสียงที่ฟังดูอบอุ่นเอ่ยถามขึ้นหลังจากที่เขานั่งรับฟังสิ่งต่างๆ ที่เพื่อนสนิทเล่าให้เขาฟังเงียบๆ
เสียงของเธียรอบอุ่นดั่งแสงตะวันยามรุ่งสางที่เป็นแสงสว่างในชีวิตของคนอย่างเธอ
"อืม กูโอเคขึ้นแล้ว ขอบใจ"
เสียงหวานตอบรับเบาๆ ก่อนที่เสียงกริ๊งเลิกพักเที่ยงจะดังขึ้น
เด็กสาวถอนหายใจก่อนจะลุกขึ้นยืนในศาลา เธียรเงยหน้าขึ้นมองคนข้างกายอย่างไม่ละสายตาหลังจากที่จู่ๆ เธอก็ลุกขึ้นยืน
เด็กสาวถอนหายใจเฮือกใหญ่เหมือนเป็นการปล่อยวางสิ่งที่เคยเกิดขึ้นก่อนที่ใบหน้าเปื้อนยิ้มของเธอจะปรากฏขึ้นมาอีกครั้ง
"ไปกันมึง ขึ้นห้องเรียนกันป่านนี้รัชพรด่าตายแล้ว!"
เด็กสาวพูดเสียงดังก่อนจะหยิบกระเป๋านักเรียนสีกรมท่าขึ้นมาสะพายหลังก่อนที่เธอจะรีบวิ่งลงไปจากศาลาไทยโดยเร็ว
"ใครถึงห้องก่อนชนะ แพ้เลี้ยงข้าว!"
สิ้นเสียง เจ้าตัวก็รีบวิ่งไปทางอาคารโดยเร็วโดยหันหลังกลับมาดูเพื่อนสนิทเป็นครั้งคราว
เธียรเห็นดังนั้นก็รีบสะพายกระเป๋าและวิ่งตามคนด้านหน้าไปและหัวเราะออกมาเล็กน้อยเมื่อเห็นว่าเธอกลับมาเป็นปกติอีกครั้ง
เพียงไม่กี่อึดใจที่ทั้งคู่วิ่งไล่กันไปมา ทั้งสองคนก็ถึงห้องเรียนคาบวิชาภาษาไทยที่เจ้าของวิชาเป็นครูฝ่ายปกครองที่นักเรียนทั้งโรงเรียนต่างยำเกรง
"ขออนุญาตเข้าห้องค่ะ"
คนทั้งห้องเรียนทั้ง40คนต่างหันมามองเธอและเพื่อนสนิทเป็นตาเดียว
เมื่อคุณครูหญิงรวบผมสูงกับยูนิฟอร์มขนาดใหญ่พอดีตัวเห็นว่านังตัวดีที่เธอมองหายตั้งแต่เข้าห้องเรียนมาได้ปรากฏตัวขึ้น
เสียงแข็งตวาดเน้นเสียงดังลั่นห้องเรียนพลางส่งสายตาที่น่าสะพรึงกลัวมาให้เด็กสาว
"ชนิตรา! เธอมาหน้าห้องเดี๋ยวนี้!"
สิ้นเสียงแข็ง เด็กสาวรู้ได้ทันทีว่าเธอต้องทำอะไรบางอย่างที่ร้ายแรงอย่างแน่นอน
ทิชาเดินไปหน้าห้องเรียนช้าๆ และไปยืนต่อหน้าคุณครูอย่างนอบน้อม
"เอากระเป๋าเธอมาดู"
"มีอะไรรึเปล่าคะ ถึงต้องดูกระเป๋าของหนู"
ทิชาเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงเบาๆ และก้มหน้าลงเพื่อแสดงถึงความเคารพครูอาวุโส
"ไม่ใช่เรื่องที่เธอต้องถาม!"
คุณครูรัชพรตวาดเสียงดังก่อนจะคว้ากระเป๋านักเรียนของเด็กสาวไปดื้อๆ ก่อนจะเทของในกระเป๋าลงบนโต๊ะใกล้ๆ
'พอตนี่น่า'
มือที่เหี่ยวย่นเอื้อมไปหยิบพอตขึ้นมาดูก่อนจะหันไปมองหน้าของเด็กสาวที่ตอนนี้เต็มไปด้วยความตกใจกับภาพตรงหน้า
เพื่อนทั้งห้องและเธียรต่างมองพอตที่อยู่ในมือของครูด้วยความตกตะลึง
"เธอมีอะไรจะแก้ตัวมั้ย"
"ไม่ใช่ของหนูนะคะแม่ หนูไม่ได้สูบพอต ต้องมีคนแกล้งหนูแน่ๆ"
เจ้าตัวแก้ตัวอย่างสงบและพยายามรวบรวมสติของตัวเอง
"ตามครูมา รัชชานนท์ด้วย"
เสียงที่เยือกเย็นพูดขึ้นก่อนจะเดินออกจากห้องเรียนไป
เมื่อเด็กสาวมองไปรอบๆห้องเรียน เพื่อนๆในห้องต่างมองเธอด้วยสายตาที่ผิดหวังและเหยียดหยาม
'เกิดเรื่องบ้าอะไรขึ้นวะเนี่ย'
ในตอนนี้ทิชาและเธียรต่างก็นั่งอยู่ข้างกันตรงข้ามกับครูรัชพรที่ตอนนี้มีสีหน้าที่เคร่งเครียดเป็นอย่างมาก
ห้องฝ่ายกิจการนักเรียนที่รวมครูอาวุโสทั้ง12คนที่ทุกคนต่างหวาดกลัวไว้ในที่เดียวกัน
ในห้องฝ่ายเก็บเอกสารต่างๆใบงานและใบคะแนนความประพฤติของนักเรียนทั้ง4พันคนไว้
"มันอยู่ในกระเป๋าเธอแสดงว่ามันก็ต้องเป็นของเธอสิ"
"แต่หนูไม่ได้สูบจริงๆนะคะ มันเป็นของใครก็ไม่รู้"
หัวเด็ดตีนขาดยังไงเธอก็จะไม่ยอมรับว่าพอตเครื่องนั้นเป็นของเธอ เพราะมันไม่ใช่ของเธอจริงๆนี่นาทำไมเธอต้องยอมรับด้วย
"แม่โทรหาผู้ปกครองเธอแล้ว อีกเดี๋ยวแม่เธอก็จะมา"
และไม่ว่าทิชาจะพยายามอธิบายอะไรออกไปแต่หลักฐานที่มัดตัวเธอแน่นคือพอตนั้นอยู่ในกระเป๋าเธอจริงๆ
ถึงแม้เธอจะพูดอะไรออกไปในตอนนี้มันก็คงไร้ความหมาย
แถมเรื่องนี้ครูก็เอาเธียรเข้ามาเกี่ยวด้วยเพราะเธอคิดว่าถ้าสูบเพื่อนสนิทของเธอก็คงสูบด้วยเช่นเดียวกัน
เพียงชั่วอึดใจเดียวที่เธอและเธียรนั่งรออยู่ในห้องฝ่ายกิจการนักเรียนที่เย็นยะเยือกแห่งนี้
ในที่สุดหญิงสาวคนหนึ่งก็ปรากฏตัวขึ้นมาในห้องนี้จนได้ เธอมองซ้ายมองขวาไปทั่วห้องเพื่อหาลูกสาวของเธอจนหญิงสาวก็เจอคนที่เธอตามหา
"ทิชา!"
***ดาวน์โหลด NovelToon เพื่อเพลิดเพลินไปกับประสบการณ์การอ่านที่ดียิ่งขึ้น!***
Comments