บุคคลชักใย
"บุตรชายงั้นหรือ?" ประมุขโอวหยางถามขึ้นอย่างทบทวนสิ่งที่ตน ได้ยิน
"ไม่ใช่ว่า คุณชายเจียงผู้นี้เป็นบุตรชายประมุขเจียงหรอกหรือ" ประมุขสกุลหนึ่งถามขึ้น
"มิผิด เขาเป็นบุตรของข้า" เจียงเฉิงประกาศออกมาชัดถ้อยชัดคำ
"แล้ว......"
"แล้วเขาก็มีสายเลือดตระกูลหลานอยู่ครึ่งนึง" หลานซีเฉินเอ่ยขึ้น อย่างสุขุมและเดินเข้าไปยืนข้างบุตรชายอย่างปกป้อง เหล่าเซียนในตอน นี้จับจ้องไปที่เจียงลู่จิวเป็นตาเดียว "เขาเป็นทายาทสกุลเจียงและเป็น คุณชายใหญ่ตระกูลหลาน"
ถึงแม้จะมีสายตาหลายสิบคู่จดจ้องที่ตน เจียงลู่จิวก็หาได้สนใจไม่ เพราะตอนนี้ภายในสายตาเด็กหนุ่มมีเพียงร่างสูงใหญ่ของบิดาที่ยืนอยู่ ข้างกาย กำลังปกป้องเขาจากเหล่าเซียนพวกนั้นในฐานะบิดา ดวงตาเด็ก หนุ่มตื้นขึ้นมาอีกรอบด้วยความตื้นตัน
"และข้าคิดว่า..คงไม่จำเป็นที่จะต้องเล่าเรื่องภายในครอบครัวให้ บุคคลภายนอกฟังไปมากกว่านี้" น้ำเสียงดุดันของเจียงเฉิงพูดขึ้นทำให้ ไม่มีใครกล้าถามอะไรออกมาอีกทั้งๆที่มีเรื่องสงสัยมากมาย "อาลู่ กลับ เรือนกัน" เจียงเฉิงเดินไปจูงมือบุตรชายให้เดินตามออกมา
"ซีเฉินเกอ หวั่นอิ่นขอพาลูกกลับเรือนก่อน...ประเดี๋ยวข้าจะไปหา ท่านที่เรือนปรึกษาเรื่องนี้ก้น" เจียงเฉิงพูดขึ้นเสียงเบาให้ได้ยินเพียงสอง คน ก่อนจะพาบุตรชายเดินออกจากงานเลี้ยงไป
เจียงเฉิงจูงมือบุตรชายกลับมาที่เรือนรับรอง ระหว่างทางเจียงลู่จิว เดินตามเขาเงียบๆ ไม่พูดไม่จาจนเจียงเฉิงอดที่จะเป็นห่วงไม่ได้
"อาลู่ เจ้ารู้สึกไม่ดีตรงไหน....บอกเหนียงได้ไหม" เจียงเฉิงถามบุตร ชายเมื่อเดินเขามาในเรือนนอน เจียงลู่จิวมองมารดาของตนนิ่งจนเจียงเฉิง รู้สึกใจเสีย
"อาจ...อะ"
"อาเหนียง~" เจียงลู่จิวกระโดดเข้ากอดเอวเจียงเฉิงจนผงะถอย หลังเล็กน้อย "ฮือออ รู้สึกดีจัง"
"หึม รู้สึกดีอย่างไร เจ้าพึ่งโดนคนพวกนั้นด่ามานะ" เจียงเฉิงถาม ขึ้นอย่างสงสัย มือสวยลูบหลังบุตรชายขึ้นลงอย่างเอ็นดู
"ลู่จิวไม่ต้องซ่อนอีกต่อไปแล้ว ไม่ต้องอึดอัดอีกแล้ว" เจียงลู่จิวพูด เสียงง็มง่าอยู่กับหน้าท้องของเจียงเฉิง
"อาเหนียงรู้ไหม ตั้งแต่ที่ข้ามาที่กูซูหลาน ไม่มีวันไหนที่เหล่าศิษย์ คนอื่นจะไม่มองมาที่ข้า และกระซิบกันอย่างสงสัย" เจียงลู่จิวเอ่ยความใน ใจที่เก็บไว้คนเดียวมานานให้มารดาฟัง
"ก็คงเพราะเจ้าเหมือนเตี่ยเจ้าเกินไปนะสิ"เจียงเฉิงบอกพร้อมกับ เชยใบหน้าบุตรชายขึ้นมาพิจารณา
"เป็นอย่างนั้นขอรับ และนั่นทำให้ข้าอึดอัดมาก" เจียงลู่จิวพูดเสียงแฝง
"เราสองคนเหมือนกันมาก บางทีพวกเขาก็ถามตรงๆว่าทำไมข้าถึง คล้ายประมุขหลาน มันทำให้ข้าอึดอัดเพราะข้าเองก็ตอบไม่ได้ แต่หลาย คราพวกเขาแอบนินทาหรือพูดไปในทางไม่ดีต่างๆนานา จนวันนี้สุดท้าย พวกเขาก็ได้รู้อีกสถานะนึงของข้า จากปากของอาเตียเอง ต่อไปนี้หาก ใครสงสัยว่าทําไมเราถึงเหมือนกันนัก ลู่จิวสามารถตอบอย่างไม่ต้องลังเล
ว่าที่ข้าหน้าตาเหมือนเขาเพราะเขาคืออาเตี๋ยของข้า" เจียงลู่จิวระบายออก
มาเสียยืดยาวอย่างโล่งใจ เจียงเฉิงยิ้มให้บุตรชายอย่างรักใคร
"เตี๋ยเจ้าต้องดีใจเป็นแน่ หากได้ยินคำว่าอาเตี่ยจากปากเจ้า"เจียง เฉิงเอ่ยแซวอย่างเอ็นดู เรียกรอยริ้วเลือดฝาดให้ปรากฏบนแก้มขาวของ เจียงลู่จิ
"งั้นต่อไปนี้ ลู่จิวจะเรียกอาเตี่ยว่าอาเตี่ยทุกวันเลยขอรับ" เจียงลู่จิว บอกพร้อมรอยยิ้มกว้าง เจียงเฉิงคว้าตัวบุตรชายเข้ามากอดแนบอก
"อาลู่~ ขอบใจเจ้ามาก เตี่ยเจ้าคงดีใจจนยิ้มไม่หุบเป็นแน่" เจียงเฉิ งกระซิบกับกลุ่มผมบุตรชายอย่างรักใคร่
"เอาหละ เจ้าพักผ่อนเถิด เจอเรื่องหนักมาทั้งวันแล้ว" เจียวเฉิงผละ ออกจากบุตรชาย
"ท่านจะไปพบอาเตี้ยหรอ ลู่จิวไปด้วยได้หรือไม่"เจียงลู่จิวเอ่ยขอ แต่เจียงเฉิงส่ายหน้า
"ไปพรุ่งนี้ดีกว่า เหนียงมีเรื่องสำคัญจะคุยกับเตี่ยเจ้า" เจียงเฉิงบอก " จ่าที่เหนียงขอได้ไหม เหนียงไม่อยากให้เจ้าเข้ามาเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้"
"ก็ได้ขอรับ"
เวลานี้ค่อนข้างดึกพอสมควรแล้ว งานเลี้ยงก็คงจบลงไปแล้ว เจียง เฉิงเดินทอดน่องมุ่งหน้าสู่เรือนเหมันต์ เรือนของประมุขหลานคนรักของ ตน ภายในหัวครุ่นคิดกับข้อมูลที่พึ่งได้รับวันนี้ คนอย่างประมุขเหยาขี้ ขลาดเปลี่ยนสีเป็นกิ้งก่าไม่กล้าลงมือทำอะไรพวกนี้เป็นแน่ แต่มันเป็นไป ได้ด้วยหรือที่เขตดูแลของประมุขเหยาไม่มีปีศาจไปก่อกวน หากไม่ใช่ว่า คนที่สั่งการอยู่ที่นั่น
"หวั่นอิ่น" เจียงเฉิงที่กำลังคิดถึงเรื่องที่เกิดขึ้นสะดุ้งเล็กน้อยเมื่อ ได้ยินเสียงเรียก
"ซีเฉินเกอ ท่านพึ่งกลับมาถึงหรือ" เจียงเฉิงเอ่ยถามเมื่อเห็นคนรัก อยู่บริเวณด้านนอกเรือนเหมันต์
"มิใช่ พี่มารอเจ้าหนะ" คำตอบของหลานซีเฉินเรียกรอยยิ้มเขิน ของเจียงเฉิงได้อย่างดี "เข้าไปข้างในกันเถิด ข้างนอกอากาศหนาวเดี่ยว เจ้าจะไม่สบาย"
"ข้ามิได้อ่อนแอถึงขนาดป่วยง่ายเสียหน่อย" เจียงเฉิงเอ่ยเถียงคน รักเล็กน้อยแต่ก็ยอมเดินตามเข้าเรือนไป
ประมุขทั้งสองสกุลใหญ่เดินเข้ามาภายในเรือนเหมันต์ หลานซีเฉิน เดินนำคนรักไปที่โต๊ะหนังสือ ทั้งสองนั่งลงตรงข้ามกัน เพื่อปรึกษาหารือ เรื่องที่เกิดขึ้น
"วันนี้ในงาน ท่านพบพิรุธใครหรือไม่" เจียงเฉิงเอ่ยถามทันทีเมื่อนั่ง ลงเรียบร้อย
"พี่รู้สึกว่าประมุขเหยาพุ่งเป้ามาที่อาลู่มากเกินไป เหมือนถูกใครสัก คนปลุกปั่น" หลานซีเฉินออกความเห็น
"หวั่นอิ๋นเห็นด้วย" เจียงเฉิงพยักหน้าอย่างเห็นด้วย "ก็จริงที่ประมุข เหยา เปลี่ยนไปเปลี่ยนมาตามสถานการณ์ แต่เขาเป็นคนที่ถูกเป่าหูได้ง่าย เพราะงั้นไม่ใช่เรื่องยากที่จะปลุกปั่นเขาให้พุ่งความสนใจไปที่อาลู่"
"คนที่ทำแบบนี้ได้ ใกล้ชิดหรือไปมาหาสู่กันบ่อยครั้ง" หลานซี เฉินเอ่ยทับ "จากที่พี่ให้ซือจุยไปสืบข่าว ได้ความว่า สัตว์ปีศาจที่เกิดจาก ตราพยัคฆ์ทมิฬพวกนี้ จริงอยู่ที่อาละวาดไปทั่วทุกแถบ แต่ทุกที่ล้วนคล้าย กับที่อวิ๋นเมิ่งพลังของพวกมันไม่มาก ไม่เหมือนตัวที่พบที่ตำบลไฉ่อีที่มีพลัง สร้างภาพมายาขึ้นมาได้"
"ท่านหมายความว่า คนร้ายพุ่งเป้ามาที่ตระกูลหลานแห่งกูซู โดยตรงงั้นหรือ" เจียงเฉิงคิดตามและเอ่ยออกมาอย่างไม่เชื่อหู
"พี่คิดว่าเป็นเช่นนั้น"
"แต่น่าแปลกที่วันนี้เหมือนมีคนจงใจ ให้อาลู่ไปอยู่ที่แจ้งจนสุดท้ายต้องเปิดเผยอีกหนึ่งสถานะของเขาออกมา" เจียงเฉิงออกเผยสิ่งที่ตนกำลัง
สงสัยออกมาให้อีกคนฟัง หลานซีเฉินคิดตามก่อนจะเอ่ยสิ่งที่จนเองสงสัย
บ้างออกมา
"แต่เมื่อวันก่อน พี่พาลู่จิวไปหาท่านอา บังเอิญพบประมุขเหยากับ เหล่าผู้ติดตาม วันนั้นเขายังถามพี่ว่าอาลู่เป็นบุตรชายของพี่หรือ แต่กลับ วันนี้ตอนเขาพบอาลู่ในชุดสกุลเจียงเขากลับไม่สงสัยสักนิดว่าแท้จริงแล้ว ลู่จิวเป็นใคร"
"ประมุขเหยาในงานวันนี้เหมือนจะไม่สนใจในตัวลู่จิว..."เจียงเฉิง เอ่ยขึ้นสีหน้าเคร่งเครียด "ดังนั้น...ต้องมีใครสักคนสร้างสถานการณ์ให้ ประมุขเหยาสนใจในตัวลู่จิว ใครสักคนที่เข้าใกล้เขาได้ ใครสักคนที่คอย ชี้แนะเขาอยู่ด้านหลังโดยที่พวกเราไม่รู้ตัว...."
"คนสนิทที่มาจากตระกูลซูผู้นั้น!!!" หลานซีเฉินและเจียงหวั่นโพล่ง ออกมาแทบจะพร้อมกัน
"เขาต้องมีบางอย่างที่กำลังลักลอบทำอยู่อย่างลับๆ แต่วันนี้เรา กลับนำเรื่องปีศาจมาคุยในงานเลี้ยง เขาจึงต้องเลี่ยงประเด็นไปที่สถานะ ของลู่จิว ซึ่งเรื่องนี้ทุกคนให้ความสนใจไม่น้อยแล้วประเด็นของปีศาจนั่น จะตกไป" หลานซีเฉินวิเคราะห์สถานการณ์ออกมา เจียงเฉิงพยักหน้า อย่างเห็นด้วย
"แต่เราไม่มีหลักฐาน"เจียงเฉิงเอ่ยขึ้นเสียงเครียด คิ้วผูกกันเป็นปม หลานซีเฉินเห็นดังนั้นจึงยื่นมือออกมาบีบมือคนรักเบาๆให้ผ่อนคลายลง
"ไม่ต้องกังวลไป เรารู้ตัวผู้ต้องสงสัยแล้ว"หลานซีเฉินเอ่ยปลอบให้ เจียงเฉิงคลายกังวล "พรุ่งนี้ก่อนตระกูลเหยาจะเดินทางกลับ ข้าจะพบเขา เป็นการส่วนตัวและลอบถามข้อมูลที่อาจจะเป็นประโยชน์ และให้ซือจุยอ ไปสืบเพิ่มเติม"
"หลานซือจุยหรือ เป็นคนอื่นไม่ได้หรือ?" เจียงเฉิงเอ่ยอย่าง อิดออด
"ทำไมหรือ...ในบรรดาศิษย์ทั้งหมดซือจุยฝีมือเก่งกาจที่สุดแล้ว"
หลาน เฉินเอ่ยถามอย่างสงสัย
"หวั่นอิ๋นเห็นด้วย...แต่เขาแพ้ทางบุตรชายท่าน โดนหลอกถามข้อมูลก็เปิดเผยเสียง่ายดาย หวั่นอิ่นไม่ยากให้ลูกมาเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้
เขายังเด็ก" เจียงเฉิงเผยความกังวลของตนเองออกมาเห็นดังนั้นหลานซี
เฉินได้แต่ยิ้มละมุนปลอบคนรัก
"เจ้าไม่ต้องกังวล พี่จะรีบจบเรื่องนี้ในเร็ววัน" หลานซีเฉินเอ่ยเพิ่ม ความมั่นใจให้กับเจียงเฉิง
"หวั่นอิ๋น...."เอ่ยเรียกคนรักเสียงอ่อนโยนเมื่อเห็นว่าการพูดคุยเรื่อง เครี่องเครียดได้จบลงไปแล้ว
"หม.."
"จบเรื่องนี้แล้ว เราสองคนเข้าพิธีกราบไว้ฟ้าดินกันตามธรรมเถิด หนา" น้ำเสียงอ่อนโยนแต่ทว่ามั่นคงของหลานซีเฉินถูกเปล่งออกมา
"ทะ..ท่านหมายถึง เราแต่งงานกันหรือ"เจียงเฉิงถามออกมาเสียง แผ่วเบาหัวใจดวงน้อยเต้นระส่ำจนกลัวว่าจะหลุดออกมาเสียให้ได้
"ถูกต้อง พี่อยากทำมันให้ถูกต้อง อยากประกาศให้ทั่วยุทธภพรู้ว่า เจ้าเป็นคนรักของพี่ อยากจะปกป้องดูแลเจ้าได้อย่างเปิดเผย อยากใช้ เวลาต่อจากนี้ให้มีค่าที่สุด หวั่นอิ่น เจ้าแต่งงานกับพี่ได้หรือไม่"
"หลานซีเฉิน....." เจียงเฉิงพยายามค้นหาเสียงตนเอง "ท่าน..."
"หวั่นอิ่น พี่จะไม่เร่งรัดเจ้า....พี่จะรอจนกว่าเจ้าจะพร้อมให้ค่าตอบ กับพี่" หลาน เฉินเอ่ยอย่างเข้าใจ เมื่อเห็นว่าเจียงเฉิงนั่นนิ่งไป
เมื่อได้ยินแบบนั้นเจียงเฉิงก็ส่ายหน้าให้คนรักและลุกขึ้นเดินเข้ามา หาหลานซีเฉินที่นั่งอยู่อีกฝั่ง มือเรียวสวยค่อยๆทาบลงบนใบหน้าของคน รัก พินิจใบหน้าอีกคนอย่างรักใคร่ ใบหน้าสวยค่อยๆลดระยะห่างลง "ต่อ จากนี้ไปคงลำบากท่านแล้ว" เจียงเฉิงกระซิบแผ่วกับริมฝีปากของอีกคน
"ข้าเต็มใจ..." หลานซีเฉินเอ่ยออกมาอย่างนุ่มนวลแต่ทว่ามั่นคง ก่อนที่ระยะห่างของทั้งสองจะหมดลง ริมฝีปากแนบชิดกันอย่างนุ่มนวล สัมผัสอันแผ่วเบาแต่หนักแน่นไปด้วยความรู้สึกข้างในใจถูกส่งให้กันและ กัน ปล่อยให้ความรู้สึกล่องลอยไปดั่งสายลม ท่ามกลางอกาศหนาวเย็น ด้านนอก ภายในห้องมีสองร่างที่คอยมอบความอบอุ่นให้แก่กัน
"เจ้าไม่ต้องกังวล พี่จะรีบจบเรื่องนี้ในเร็ววัน" หลานซีเฉินเอ่ยเพิ่ม ความมั่นใจให้กับเจียงเฉิง
"หวั่นอิ๋น...."เอ่ยเรียกคนรักเสียงอ่อนโยนเมื่อเห็นว่าการพูดคุยเรื่อง เครี่องเครียดได้จบลงไปแล้ว
"หม.."
"จบเรื่องนี้แล้ว เราสองคนเข้าพิธีกราบไว้ฟ้าดินกันตามธรรมเถิด หนา" น้ำเสียงอ่อนโยนแต่ทว่ามั่นคงของหลานซีเฉินถูกเปล่งออกมา
"ทะ..ท่านหมายถึง เราแต่งงานกันหรือ"เจียงเฉิงถามออกมาเสียง แผ่วเบาหัวใจดวงน้อยเต้นระส่ำจนกลัวว่าจะหลุดออกมาเสียให้ได้
"ถูกต้อง พี่อยากทำมันให้ถูกต้อง อยากประกาศให้ทั่วยุทธภพรู้ว่า เจ้าเป็นคนรักของพี่ อยากจะปกป้องดูแลเจ้าได้อย่างเปิดเผย อยากใช้ เวลาต่อจากนี้ให้มีค่าที่สุด หวั่นอิ่น เจ้าแต่งงานกับพี่ได้หรือไม่"
"หลานซีเฉิน....." เจียงเฉิงพยายามค้นหาเสียงตนเอง "ท่าน..."
"หวั่นอิ่น พี่จะไม่เร่งรัดเจ้า....พี่จะรอจนกว่าเจ้าจะพร้อมให้ค่าตอบ กับพี่" หลาน เฉินเอ่ยอย่างเข้าใจ เมื่อเห็นว่าเจียงเฉิงนั่นนิ่งไป
เมื่อได้ยินแบบนั้นเจียงเฉิงก็ส่ายหน้าให้คนรักและลุกขึ้นเดินเข้ามา หาหลานซีเฉินที่นั่งอยู่อีกฝั่ง มือเรียวสวยค่อยๆทาบลงบนใบหน้าของคน รัก พินิจใบหน้าอีกคนอย่างรักใคร่ ใบหน้าสวยค่อยๆลดระยะห่างลง "ต่อ จากนี้ไปคงลำบากท่านแล้ว" เจียงเฉิงกระซิบแผ่วกับริมฝีปากของอีกคน
"ข้าเต็มใจ..." หลานซีเฉินเอ่ยออกมาอย่างนุ่มนวลแต่ทว่ามั่นคง ก่อนที่ระยะห่างของทั้งสองจะหมดลง ริมฝีปากแนบชิดกันอย่างนุ่มนวล สัมผัสอันแผ่วเบาแต่หนักแน่นไปด้วยความรู้สึกข้างในใจถูกส่งให้กันและ กัน ปล่อยให้ความรู้สึกล่องลอยไปดั่งสายลม ท่ามกลางอกาศหนาวเย็น ด้านนอก ภายในห้องมีสองร่างที่คอยมอบความอบอุ่นให้แก่กัน
"เจ้าไปนอนที่นี่หรือ?" หลานซีเฉินถามขึ้นเสียงงัวเงียเมื่อคนรักผละ ออกจากตัวเองลุกขึ้นไปแต่งตัวที่กระจกบานใหญ่
"วันนี้ยังดีกว่า" เจียงเฉิงตอบขณะแต่งตัวไปด้วย "ดึกมากแล้ว ท่าน นอนต่อเถิด พรุ่งนี้จะได้เตรียมรับของขวัญจากบุตรชายของท่าน"
"หืม อย่างไร" ประมุขหลานถามขึ้นอย่างฉงน เจียงเฉิงยิ้มให้กับ ท่าทีนั่นเล็กน้อยก่อนจะเดินไปจุมพิตที่หน้าผากสวยที่ไร้ผ้าคาดหนึ่งที
"เป็นความลับ แต่ท่านต้องดีใจเป็นแน่......ฝันดีฮวันเกอ"
"ฝันดีอาเฉิง"
เจียงเฉิงกลับมาที่เรือนก็ย่างเข้ายามโฉ่ว(๐๑:๐๐ -๐๒.๕๙) ขาสวย ค่อยๆเดินเข้าไปภายในเรือนอย่างแผ่วเบากลัวว่าบุตรชายที่น่าจะนอนแล้ว ตื่นขึ้นมา เจียงเฉิงเดินไปยังห้องอาบน้ำด้านหลังพบว่ามีน้ำอุ่นเตรียมไว้ให้ แสดงว่าบุตรชายเขาพึ่งนอนหลับไปไม่นาน
หลังจากชำระร่างกายเสร็จเจียงก็เดินเข้าไปในห้องนอนพบว่าบุตร ชายนอนอยู่ฟูกด้านล่างเตียงที่นำมาปูนอนอย่างทุกที เจียงเฉิงเดินเข้าไป หาอย่างแผ่วเบาก่อนจะจุมพิตหน้าผากบุตรชายหนึ่งที
"ฮือออ อาเหนียงท่านกลับมาแล้วเจียงลู่จิวพูดขึ้นอย่างงัวเงีย คล้ายละเมอ
"เหนียงไม่กวนเจ้าแล้วนอนต่อเถิด" เจียงเฉิงกระซิบแผ่วเบาแล้ว ขึ้นไปนอนบนเตียงครุ่นคิดเรื่องต่างๆแล้วยิ้มออกมา ก่อนจะผลอยหลับไป 'ทุกๆสิ่งกำลังเป็นไปในทิศทางที่ควรจะเป็น ความสุขที่ข้าเคยเฝ้าฝันจะ เป็นจริงแล้ว'
เจียงเฉิงรู้สึกตัวในช่วงเช้ามืดเขาลืมตาขึ้นมาพบว่าบุตรชายกำลัง แต่งตัวอยู่หน้ากระจก เจียงลู่จิวทำกำลังสาละวนกับการรวบผมอยู่นั้นรับรู้ ได้ถึงการขยับตัวของคนที่อยู่บนตั่งนอนจึงได้หันมาสนใจ
"อาเหนียง ท่านนอนต่อเกิดขอรับ" เจียงลู่จิวบอกกับมารดาของตน
เมื่อเห็นว่าตอนยังเช้ามืดอยู่ เด็กหนุ่มรู้ว่ามารดาของตนนั้นพึ่งจะได้หลับไป
ไม่กี่ชั่วโมงนี้เอง
"อืม นี่ยามใดแล้ว" เจียงเฉิงงุมงัมถาบุตรชาย
"กลางยามเหมาขอรับ" เจียงลู่จิวตอบ เจียงเฉิงพยักหน้ารับเล็ก น้อยแล้วผลอยหลับไปด้วยความเพลีย
เจียงลู่จิวตั้งใจว่าวันนี้ตนจะเขาพบบิดาก่อนที่จะไปเรียนเลยตื่นเช้า กว่าปกติ เด็กหนุ่มรู้ว่ามารดาของตนนั้นพึ่งได้นอนจึงได้พยายามทำอะไร เบาๆแต่มิวายทำให้มารดาตนตื่นขึ้นมาจนได้ เมื่อคืนเจียงลู่จิวรอเจียงเฉิง จนถึงดึกและหลับไปในที่สุด เด็กหนุ่มจึงรู้ว่ากว่ามารดาจะกลับมานั่น ดึกดื่นเสียเหลือเกิน เจียงลู่จิวมองไปยังคนที่หลับลงไปอีกครา ชุดนอนที่ หลุดรุ่ยโดยที่เจ้าตัวไม่สนใจนั้นเผยให้เห็นไหปลาร้าสวยและร่องรอยรักที่ ถูกแต่งแต้มไว้
"อีกไม่นานข้าคงมีน้องเพิ่มมาอีกแน่ๆ" เด็กหนุ่มพูดกับตัวเองยิ้ม น้อยๆ เจียงลู่จิวไม่ได้ไร้เดียงสาถึงขนาดไม่รู้ว่าสิ่งที่อยู่ร่างกายของมารดา นั้นคืออะไร เมื่อแต่งตัวเสร็จแล้วเด็กหนุ่มก็อออกไปพบบิดาตามความ ตั้งใจ
"ข้าควรจะเริ่มพูดอย่างไรดี" เจียงลู่จิวคิดหาวิธีพูดคุยกับบิดาอย่าง ไม่เก้อเขินระหว่างทางที่เดินไปเรือนเหมันต์ "ใช่แล้ว ต้องเริ่มจากการ ขอโทษ ข้าต้องขอโทษอาเตี่ยก่อน ที่ก่อนหน้านี้ทำกิริยาไม่ดีต่อเขา"
เด็กหนุ่มเดินคิดทบทวนสิ่งที่อยากพูดคุยอยู่ในหัวไปเรื่อยๆ ตอนนี้ ยังเช้ามาก ระหว่างทางเด็กหนุ่มจึงแทบไม่พบใครเลยนอกจากศิษย์สกุล หลานบ้างประปรายระหว่างทางเดิน เด็กหนุ่มเดินตามทางไปเรื่อยๆสายตา สะดุดเข้ากับเงาตะคุ่มที่มองออกว่าเป็นคนกำลังเดินไปที่หลังเขาอย่างมี ท่าทีน่าสงสัย อีกทั้งแถวนี้ไม่มีใครเลยนอกจากเขาเท่านั้น ไม่ไกลจากตรง นี้เจียงลู่จิวมองเห็นเรือนเหมันต์ที่จุดไฟสว่างแล้ว นั่นหมายความว่าบิดาเขา ตื่นแล้ว สองขายาวเร่งเดินตรงไปที่เรือนเหมันต์เพื่อแจ้งสิ่งที่ตนพบเห็นให้ บิดาฟังทันที
"อาเตีย!!!"
100%
***ดาวน์โหลด NovelToon เพื่อเพลิดเพลินไปกับประสบการณ์การอ่านที่ดียิ่งขึ้น!***
อัพเดทถึงตอนที่ 22
Comments