พิธีกราบไหว้ฟ้าดินได้เริ่มต้นขึ้น เกี้ยวของเวยอูเซี่ยนมาถึงโถงพิธี หลานวั่งจียื่นมือไปประคองคนรักที่กำลังลงมาจากเกี้ยวและพาเดินเข้าไปในห้องโถงเพื่อทพิธี เจียงเฉิงมองภาพนั้นด้วยความตื่นตนใจไม่น้อย ไม่นึกไม่ฝันเลยว่าพวกเขาทั้งหลานวั่งจีกับเว่ยอูเซี่ยน หลานซีเฉินและเจียงเฉิง จะมีวันนี้กัน
"หวั่นอิ๋น" เสียงอันนมนวลเอ่ยเรียกชื่อเจียงเฉิงทำให้ทั้งตัวเจ้าของชื่อและบุตรชายหันไปมอง
"ฮวั่นเกอ...ท่านยังมิเข้าไปข้างในพิธีหรอกหรือ" เจียงเฉิงเอ่ยถามด้วยความฉงน
"พี่รอเจ้า เข้าไปพร้อมกัน" หลานซีเฉินตอบพร้อมรอยยิ้มดั่งเคย เจียงเฉิงเป็นคนจากสกุลเจียงเพียงคนเดียวที่จะต้องเข้าร่วมพิธีนี้ด้วย หลานซีเฉินคงกลัวว่าคนรักของคนจะทำตัวไม่ถูก เพราะแทบจะไม่รู้ผู้อาวุโสคนอื่นเลยนอกจากหลานฉี่เหริน
"ลำบากท่านแล้ว" เจียงเฉิงส่งยิ้มกลับคืนให้อีกคนเป็นคำขอบคุณ
"อาสู่..เตี่ยกับเหนียงจะเข้าร่วมพิธีด้านใน เจ้าไปรอกับพี่ชายและสหายเจ้าก็ได้นะ"
"ขอรับ" เด็กหนุ่มรับคำและเดินออกไป เจียงเฉิงและหลานซีเฉินมองตามบุตรชายจนลับสายตา ก่อนจะเดินเคียงคู่กันเข้าไปในพิธี
"หวั่นอิ๋น ในงานฉลองเย็นนี้หากใครถามพี่เกี่ยวกับเจ้าและลูกพี่จะไม่ปกปิด" หลานซีเฉินเอ่ยความตั้งใจของตนให้คนรักฟัง "เจ้าคิดเห็นว่าอย่างไร?"
"ในส่วนของข้า แล้วแต่ท่านเกิด" เจียงเฉิงบอกอย่างเห็นด้วยกับคนรัก
" แต่กับสูจิว หวั่นอวิ๋นว่าท่านไปถามลูกเองดีกว่า"
"ขอบใจเจ้ามาก เรื่องลูกเดี๋ยวพี่หารือกับลูกเอง" หลานซีเฉินบอกด้วยความดีใจ มือใหญ่จับมือเรียวที่สวมจื่อเตี้ยนอยู่ให้เดินไปช้างหน้าด้วยกันจนถึงบริเวณพิธีหลายสายตาจากผู้อาวุโสคนอื่นๆจับจ้องมาที่ทั้งคู่อยางสงสัยในสถานะ เพราะหลายวันมานี้แม้จะจัดเตรียมงานกันอย่างวุ่นวาย แต่ผู้อาวุโสหลายคนสังเกตุได้ว่าเมื่อไหร่ ที่ประมุขสองสกุลหยุดเดินเพื่อสนทนากัน บรรยากาศรอบตัวของพวกเขานั้นดูสว่างสไวเสียเหลือเกิน อีกทั้งหลายวันมานี้ศิษย์สกุลหลานหลายคนก็พึ่งได้พบเห็นรอยยิ้มของประมุขเจียงและพบว่ามันชางสดใสยิ่งนักหลานซีเฉินและเจียงเฉิงนั่งลงข้างกันในตำแหน่งประมุขสกุล ตรงกลางเป็นคู่ปาวสาวล้อมรอบไปด้วยผู้อาวุโสสกุลหลาน ตรงด้านหน้าเป็นป้ายวิญญาณบรรพบุรุษสกุลสกุลหลาน และเครื่องบูชาที่เป็นมงคลในพิธี เพื่อประมุขสองสกุลนั่งเรียนร้อยพิธีจึงได้เริ่มขึ้นหลานวั่งจีและเว่ยอู๋เซี่ยนเริ่มคำนับพร้อมกันสามครั้ง และพิธีกราบไหว้ฟ้าดินจึงได้เริ่มขึ้น ล่วงเลยมาชั่วยามจึงได้เริ่มพีธียกน้ำชา ซึ่งคือพิธีที่ปาวสาวจะต้องทำความเคารพผู้อาวุโสในสกุล ซึ่งพิธีนี้เข้าร่วมจัดต้องมีอายมากกว่าปาวสาวเท่านั้น เจียงเฉิงผู้อายุน้อยกว่าหลานวั่งจีและเวยเซี่ยนในร่างเดิมจึงเข้าร่วมไม่ได้
"ข้าในฐานะประมุขสกุลเจียง และน้องชายบุญธรรมของเวยอู๋เซี่ยนขออวยพรให้พวกท่านทั้งสอง ครองคู่กันตราบนานเท่านาน" เจียงเฉิงอวยพรคู่ป่าวสาวก่อนจะเดินออกจากพิธีไป หลานวั่งจีผู้สุขมเย็นชาส่งยิ้มให้แก่ว่าที่พี่สะใภ้องตนเล็กน้อยเป็นคำขอบคุณ
เจียงเฉิงเดินออกมาจากโถงพิธีภายในแล้วเดินหาบุตรชายเพื่อสอบถามเรื่องที่หลานซีเฉิน
ต้องการเปิดเผยเรื่องของพวกเขาให้บุคคลอื่นให้รับรู้ สำหรับเจียงเฉิงนั้นยอมเห็นดีเห็นงามด้วย อดีตที่
ผ่านมาได้สอนเขาว่าอย่าให้ความสำคัญคนภายนอกมากกว่าคนในครอบครัว เขาจะไมยอมให้มันซ้ำรอยเดิมแน่
เจียงเฉิงเดินมาถึงเรือนรับรองศิษย์สกุลจิน กลับเห็นแค่จินหลิงอยู่แค่คนเดียวสอบถามได้
ความว่า เจียงลู่จิวกลับเรือนรับรองสกุลเจียงไปแล้ว เนื่องจากอึดอัดสายตาที่แขกเหรื่อจากสกุลอื่นมอง
มาที่เด็กหนุ่มอย่างใครสงสัยแบบไม่ปิดบัง เจียงเฉิงพยักหน้าเข้าใจที่หลานชายบอกและเดินกลับเรือน
ตนเองเพื่อไปคุยกับบุตรชาย
กลับมาถึงเรือนพบว่าบุตรชายกำลังนั่งอ่านคัมภีร์อยู่ที่ม้าหินอ่อนหน้าเรือน เจียงเฉิงอมยิ้มให้
กับนิสัยของเด็กหนุ่มที่ถึงแม่ไม่ได้อยู่กับบิดาตั้งแต่เด็กแต่กลับมีลักษณะนิสัยคล้ายกันไมมีที่ติ
"อาลู่~ "เจียงเฉิงเฮ่ยเรียกบุตรชาย เด็กหนุ่มเงยหน้าขึ้นมอง
"อาเหนียง~ ท่านกลับมาแล้ว วิธีเสร็จแล้วหรือขอรับ" เจียงสู่จิวเอ่ยถามมารดาน้ำเสียงสดใสดวงตาเป็นประกาย เจียงเฉิงนั่งลงข้างบุตรชาย
"ยังมิเสร็จ แต่หมดหน้าที่ในส่วนของข้าแล้ว จะอยู่ให้พี่ชายตนกราบไว้ก็ใช่เรื่อง แล้วเจ้าเล่าทำไมกลับเรือนเร็วนัก?" เจียงเอ่ยถามบุตรชายในคำตอบที่ตนรู้อยู่แล้ว แต่อยากรู้ความคิดในใจเด็กหนุ่มมากกว่า
"ข้าอึดอัด" เสียงหนุ่มพูดเสียงอ่อย
"อึดอัดอันใด บอกอาเหนียงได้ไหม" พูดพร้อมยกมือขึ้นลูบหัวบุตรชายอย่างรักใคร
"สายตาพวกเขา แขกที่มาร่วมงาน" เจียงสู่จิวพูดอย่างไม่ค่อยพอใจเล็กน้อย
"พวกเขามองข้าและซุบซิบกัน ข้าอึดอัดจึงได้กลับมาที่เรือน"
"เจ้านี่นา ช่างเหมือนเตี่ยเจ้านัก" เจียงเฉิงปนออกมาอย่างไมใส่ใจ "ถ้าพวกเขาทำแบบนั้นต่อหน้าข้า ข้าด่าเปิงแน่"
"โธ่~ อาเหนียง...ท่านพี่จินหลิงต่อว่าพวกเขาไปแล้ว...ข้าไม่อยากให้เขาเดือดร้อน เลยกลับเรือนมาก่อน" เจียงสู่จิวอธิบายออกมา เจียงเฉิงพยักหน้ารับ
"อาสู่~ " เจียงเฉิงเรียกบุตรชายเสียงจริงจัง
"ขอรับ" เด็กหนุ่มขานรับด้วยความสงสัย
"เตี่ยเจ้าบอกข้าว่า หากใครถามว่าเจ้าเป็นใคร และซ่าเป็นอะไรก้บเขา เขาจะตอบว่าเจ้าคือบุตรชายของเขาและข้า เจ้าคิดเห็นว่าอย่างไร"
"อืมมม..แล้วอาเหนียงคิดอย่างไรขอรับ" เจียงลู่จิวยังไม่ให้คำตอบแต่ถามมารดากลับ
"อาเหนียงเห็นด้วยกับเตี๋ยเจ้า พวกเขามองเจ้าด้วยความสงสัย ก็บอกพวกเขาไปเลยว่าเจ้าเป็นใคร เตี่ยเจ้า เหนียงเจ้าเป็นใคร บอกให้พวกเขาหายสงส้ย ใครจะแอบติฉินนินทาก็ช่างเขา แต่ถ้ากล้าพูดต่อหน้าข้าจะจัดการเอง" เจียงเฉิงอธิบายสิ่งที่ตนคิดให้บุตรชายฟัง
"ก็ได้ขอรับ หากประมุขหลานต้องการเปิดเผย ก็ดีเหมือนกันจะได้หายอึดอัดสักที" เจียงสู่จิว
เห็นด้วยกับมารดา แต่ไม่ว่าเรียกอีกฝ่ายว่าอาเตี๋ย เจียงเฉิงสายหน้ายิ้มๆด้วยความเอ็นดู ทุกวันนี้บุตร
ชายมองหาบิดาทุกเช้าเย็นแต่ไมยอมเรียกอีกฝ่ายว่าอาเตี๋ย ไม่รู้ว่าปากแข็งเหมือนใคร
"ความปากแข็งของเจ้าช่างน่าหมั่นเขี้ยวนัก"เจียงเฉิงยกมือขึ้นมาบีบจมูกบุตรชายเบาๆด้วยความเอ็นดู
"อื้อ~อาเหนียง" เจียงลู่จิวทำเสียงอิดออดใส่มารดาเล็กน้อยอย่างเขินอาย
"ใช่แล้ว! อาเหนียงขอรับ"
"หืม เจ้ามีอะไร" เจียงเฉิงถามบุตรชายด้วยความสงสัยเมื่อจู่ๆน้ำเสียงก็เปลี่ยนเป็นจริงจังขึ้นมา
"เรื่องสัตว์ปีศาจพวกนั้น" เจียงลู่จิวพูดขึ้น "สูจิวพึ่งรู้ว่ามันออกอาละวาดหลายพื้นที่ มิใช่แค่ที่อวิ่นเมิ่งและไฉอี"
"ถูกต้อง แล้วเจ้ารู้ได้อย่างไร เตี่ยเจ้าบอกหรือ?" เจียงเฉิงถามกลับด้วยความสงสัย หลายวัน
มานี้แม้จะยุ่งกับการจัดงานสมรสแต่เขาและหลานชีเฉินก็ส่งคนออกไปตามสืบเรื่องราวจนได้รู้ว่ามีปีศาจ
ลั่กษณะคล้ำยกันออกอาละวาดหลายพื้นที่ในเขตการปกครองของสกุลต่างๆ แต่เรื่องนี้พวกเขายังไม่ได้
บอกให้ใครรู้ เจียงเฉิงนึกสงสัยว่าบุตรชายตนรู้ได้อย่างไร
"เปล่าขอรับ...ซือจุยซยงบอกข้า" เด็กหนุ่มตอบแบบไม่เต็มเสียงนัก เขาพึ่งได้รู้ว่าหลานซือจุย
ได้รับหน้าที่ตามสืบเรื่องปีศาจ เนื่องจับสั่งเกตได้ว่าหลานซือจุยไม่ได้อยูอวิ่นเซิ่นปู่จี่อฉีเมื่อสามสี่วันที่
แล้วและพึ่งกลับมาเมื่อวานตอนเย็นๆ
"หลานซือจุยบอกเจ้าง่ายๆเลยรึ เตี่ยเจ้ากำชับเขาหนักหนาว่าอย่าพึ่งบอกใคร" เจียงเฉิงถาม
ด้วยความสงสัยคนที่ทำงานได้ดีอย่างหลานซือจุยไม่น่จะพลาดได้ง่ายๆ
"คะ..คือว่า" เจียงสูจิวอึกอัก เพราะไม่รู้ว่าเรื่องพวกนี้ควรเก็บเป็นความลับไว้ก่อน มินาเล่าตอน
เขาหลอกถามหลานซือจุยถึงได้มีที่ท่าอึดอัดใจ
"หึ...เจ้าคงใช้ประโยชน์จากกฎสกุลหลานที่ห้ามโกหก หลอกถามเขาละสินะ" เจียงเฉิงพูด
อย่างรู้ทันบุตรชาย เจียงสู่จิวพยักหน้ารับ
"ขอรับ"
"เจ้ารู้แล้วก็แล้วไป แต่อยาได้พึ่งเฟงพายเรื่องนี้เข้าใจไหม และที่สำคัญเจ้าอย่าเข้ามายุ่งกับเรื่องนี้มันอันตรายเกินไป ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของผู้ใหญ่เข้าใจหรือไม่" เจียงเฉิงสั่งออกมาเสียยืดยาวด้วยความเป็นห่วงบุตรชาย
"สู่จิวเข้าใจแล้วขอรับ"
ยามเย็นของกูซูหลานวันนี้มิได้เงียบสงบดังเซนทุกวัน เนื่องจากวันนี้มีงานสำคัญเกิดขึ้น ทำให้
เวลานี้คึกครื้นไปด้วยเหล่าเซียนจากสำนักต่างๆที่มาร่วมงาน เจียงสู่จิวมาถึงสถานที่จัดงานฉลองพร้อม
กับเหล่าศิษย์สกุลเจียง การมาถึงของเด็กหนุ่มกลายเป็นที่สนใจของทุกคนในงาน
"นั่นใครหรือ?"
"บุตรชายประมุขเจียง"
"บุตรชาย? ข้าพึ่งรู้ว่าเขามีบุตรด้วย"
"ไม่แปลก ก็เขาซ่อนไร่ไม่ยอมให้บุตรออกนอกเรือน"
เสียงซุบซิบนินทาดังขึ้นเมื่อเด็กหนุ่มเดินเข้ามาด้านใน ถึงจะไม่พอใจแค่ไหนแต่ต้องชมใจไร
เพราะไม่อยากให้อาเหนียงต้องเดือดร้อน
"เจ้าพวกปากปูนั้นต้องโดนสักที" เจียงหรงหนึ่งในศิษย์สกุลเจียงพูดขึ้นอย่างอารมณ์เสีย
"อยาได้ลดตัวไปสนทนาด้วยเลยศิษย์พี่หรง เสียเวลาเปล่าๆ เราไปนั่งกันเถิด" เจียงลู่จิวเอ่ย
ห้ามศิษย์พี่ของตนด้วยเสียงที่ค่อนข้างดั่งทำให้คนที่ลอบมองและแอบนินทาหน้าม้านไปเล็กน้อย
"ก็จริงอย่างที่คุณชายว่า ไม่ควรลดตัวไปเกลือกกลั้ ไปก้นเถอะ" ศิษย์สกุลเจียงพูดขึ้นอย่าง
เห็นด้วย ทั้งหมดเดินไปนั่งประจำโต๊ะของตน
ไม่นานประมุขสี่สกุลใหญ่ก็เดินเข้ามา ตามมาด้วยผู้อาวุโสกุลหลานและคู่สมรสหมาดๆ เมื่อ
ทั้งหมดมาถึง งานฉลองจึงได้เริ่มขึ้นอย่างเป็นทางการ
เจียงเฉิงหันไปมองบุตรชายที่นั่งหน้าตาเรียบเฉยและทานอาหารเงียบอยู่โต๊ะด้านหลั่งอย่างนึกสังสัย
"อาลู่ เจ้าเป็นอันใด" ยังไม่ทันที่เจียงเฉิงจะเอ่ยถามคนที่นั่งข้างๆเขากลับถามขึ้นเสียก่อน
เจียงลู่จิวเงยหน้ามองคนที่เอ่ยถามตนด้วยดวงตาที่รื้นเล็กน้อย ยิ่งทำให้หลานซีเฉินนึกเป็น
ห่วงลุกขึ้นเดินเข้าหาบุตรชายทันทีซึ่งการกระทำทั้งหมดนั้นตกอยู่ภายใต้สายตาของทุกคน
"เปล่าขอรับ ลู่จิวไม่เป็นไร" เด็กหนุ่มพยายามควบคุมตนเองเพื่อให้คนตรงหน้าสบายใจ
"งั้นหรือ...อาหารไม่ถูกปากหรือเปล่าข้าจะให้คนเปลี่ยนให้" หลานซีเฉินยังคงถามด้วยความเป็นห่วง
"ลู่จิวไม่เป็นไรจริงๆขอรับท่านไปนั่งเถิด" เจียงลู่จิวยังคงยืนยัน หลานซีเฉินถอนหายใจเล็กน้อยอย่างไม่ค่อยเชื่อ
"หากเจ้ารู้สึกไม่ดี รีบบอกเตี่ยกับเหนียงนะ" หลานซีเฉินบอกย้ำบุตรชาย เจียงสูจิวยิ้มให้เล็กน้อยเพื่อบิดาคลายกังวล
"หลานซีเฉิน" เสียงเรียกพร้อมมือนุมๆที่ยื่นมาจับมือแกร่งทำให้หลานซีเฉินหันกลับไปมอง
"เขาไม่เป็นไรหรอก ท่านอย่าได้กังวลไป"
หลานซีเฉินพยักหน้ารับยอมกลับไปนั่งที่ในที่สุดทามกลางสายตาสงสัยของหลายคนที่มองมา
และเห็นพฤติกรรมที่เปลี่ยนไปของประมุขเจียงและประมุขหลาน เสียงซุบซิบเบาๆดั่งขึ้นเป็นระยะ แต่ยั่ง
รักษามารยาทไว้บ้างเจียงเฉิงจึงปล่อยผ่านไป
ในงานเลี้ยงเฉลิมฉลองยอมมีหัวข้อสนทนาพูดคุยกันเป็นธรรมดา เพื่อผู้คนมากหน้าหลายตา
มาพบปะกัน แต่จะพูดคุยกันอย่างสนุกสนานเพียงใดแต่ด้วยมารยาทแล้วหัวข้อสนทนาจึงมากไปด้วยคำ
รวมยินดีกับงานสมรสที่เกิดขึ้น
"ขอแสดงความยินดีกับหานกวงจวินและหลานฟูเหริน" ประมุขโอวหยางยกน้ำชาขึ้นแล้วกล่า
วอวยพร หลานว่งจีและเว่ยอุเซี่ยนจึงยกน้ำชาตอบกลับเพื่อเป็นคำขอบคุณ
"ใช่ๆ ยินดีด้วย"ประมุขเหยากล่าวขึ้นอยางประจบ "ได้ข่าวว่าหลานฟูเหรินกำลังตั้งครรภั
ยินดีกับสกุลหลานด้วยที่มีทายาทคนแรก"
"ไม่ใช่" เสียงนิ่งๆของหลานวั่งจีขัดขึ้น "ไม่ใช่ทายาทคนแรกของสกุล" คำบอกกล่าวของหลา
นวั่งจีทำให้คนในงานที่เห็นด้วยกับคำอวยพรนี้เงียบลงทันใด
"อา..เป็นงั้นหรือ" ประมุขเหยารู้สึกว่าตนเสียหน้า เพราอุตสาห์ประจบเรื่องทายาทกลับโดน
หลานวั่งจีหักหน้าเสียได้ แล้วบทสนนาก็เริ่มเปลี่ยนไป ถึงการแนะนำคนของตัวเองจากสกุลต่างๆให้รู้จัก
กันมากขึ้น และยังคงเป็นประมุขเหยาที่แนะนำคนสนิทของตนอย่างออกนอกหน้าเช่นเคย
"ประมุขเจียง ประมุขเนี่ย ประมุขจิน ประมุขหลาน ข้าขอแนะนำอีกครั้ง นี่คือจางซี คนสนิท
ของช้า เดิมเขาเป็นคนตระกูลซู เมื่อตระกูลซูลมเขาและศิษย์คนอื่นๆก็มาขอข้าพักฟิง เขาเป็นยอดฝีมือ
จนกลายมาเป็นคนสนิทข้า" ประมุขเหยาเอ่ยแนะนำคนของตนเองอย่างโฮอวด บุรุษที่ชื่อจางซีเคารพ
ประมุขสี่สกุลด้วยความนอบน้อม เจียงเฉิงกระตุกยิ้มออกมาด้วยความเยัยหยัน
"ประมุขเหยานี่ชางเป็นคนดีเสียจริง ให้ที่พักพิงแก่คนจากโม่หลิงมากมาย แต่นาเสียดายที่
ท่านให้ตระกูลหลานดูแลแกบโมหลิงแทนเสีย" ฝีปากของประมุขเจียงสมกับที่ร่ำลือเสมอ ประมุขเหยา
รู้สึกหน้าชาอีกรอบวันนี้ประมุขเหยาถูกหักหนำไปสองหนแล้ว
"ท่านประมุขเจียงก็กสาวเกินไป...ว่าแต่คุณชายที่นั่งตรงนั้นคือใครหรือ" ประมุยเหยาไม่ยอม
แพ้เปลี่ยนหัวข้อบทสนทนาไปที่เด็กหนุ่มที่สวมอาภรณ์สีมวงต่างจากศิษย์สกุลเจียงทั่วไป ซึ่งก็พอจะเดา
ได้ว่าเด็กหนุ่มคือใครจากเสียงซุบซิบแล้ว น่าจะเป็นหัวข้อโจมตีประมุขเจียงได้เป็นอย่างดี
เจียงเฉิงยิ้มหยันอีกฝ่ย ประมุขเหยายอมไม่ได้ที่ตนเสียหน้าเลยฟุงเป้ามาที่เขาแทน เพราะ
หลายคนในที่นี้กำลังสนใจเจียงสู่จิว ก็เมื่ออยากรู้กันนักเจียงเฉิงก็ยอมเปิดเผย
" ขอแนะนำ นี่คือเจียงหลิน นามรองลู่จิว บุตรชายของข้าทายาทสกุลเจียง" การเปิดเผยตัว
ของเจียงสู่จิวเรียกเสียงฮือฮาจากคนในงานได้ไม่น้อย
"ข้าน้อยเจียงสู่จิวขอคารวะทุกท่าน" เจียงลู่จิวเดินมาเคียงข้างมารดาและคำนับทุกคนที่อยู่
"คุณชายช่างรูปงามยิ่งนัก" ประมุขเหยาเอ่ยขึ้นเสียไมได้ เมื่อดูชาเจียงเฉิงไม่สะทกสะท้านกับการชี้นำให้ประมุขเจียงเป็นเป่าสนทนาตรงนั้น
"ทุกๆท่าน แนะนำตัวกันมาพอสมควรแล้ว" เสียงหลานฉี่เหรินดังขึ้นเรียกให้ทุกคนหันไปสนใจ
"ในวันนี้ นอกจากจะเฉลิมฉลองงามสมรสของหลานชายคนเล็กของข้า ข้ายังมีเรื่องอยากปรึกษาพวก
ท่านด้วย ได้หรือไม่"
"เชิญท่านอาจารย์หลานฉี่เหรินกล่าวเถิด" เสียงประมุขโอวหยางดังขึ้นและทุกๆพยักหน้าเห็น
"ข้าอยากสอบถามพวกท่านเล็กน้อย" เสียงมั่นคงกล่าวขึ้น " ช่วงนี้ในเขตการดูแลของพวก
ท่านมีเรื่องประหลาดๆเกิดขึ้นหรือไม่" สิ้นคำถามของหลานฉี่เหริน หลายคนมีสีหนำาครุ่นคิด ซึ่งมีหลานซี
เฉิน เจียงเฉิงและหลานวั่งจีคอยสั่งเกตสีหนำาท่าทางวาใครในนี้มีพิรุธหรือไม
"อิ่ม จะว่าไปเมื่ออาทิตย์ก่อนก็มีปีศาจรูปร่างประหลาดออกอาละวาดจนข้าต้องไปปราบเอง"
ประมุขโอวหยางกล่าวขึ้นอย่างใช้ความคิด
ด้วย
"ข้าด้วยๆ"
"เขตดูแลของข้าก็เหมือนกัน"
หลายๆคนในงานต่างบอกเล่าสิ่งที่เกิดขึ้นในพื้นที่การดูแลของตนอย่างเซ็งแซ่ ซึ่งลักษณะ
ปีศาจพวกนั้นก็คล้ายกันอย่างนาสงสัย แต่มีเพียงสกุลเดียวที่นั่งนิ่ง แสดงว่าพื้นที่นั้นไมมีเรื่องประหลาด
เกิดขึ้น เจียงเฉิงและหลานซีเฉินจับสั่งเกตุได้และคอยมองอย่างเงียบๆ เจียงสู่จิวเองก็สังเกตุได้เช่นกัน
"น่าแปลกที่ประมุขเหยาไม่ออกตัวเช่นทุกครั้ง" เจียงลู่จิวหันไปพูดคุยกับหลานซือจุยในสิ่งที่
สนสงสัย นั่นทำให้ศิษย์สกุลเหยาที่นั่งใกล้ได้ยิน ยิ่งเพิ่มความไม่พอใจที่พวกตนถูกหักหนำหลายครั้งใน
วันนี้จึงกล่าวสวนเด็กหนุ่มขึ้นมา
"คุณชายเจียง ท่านอยาได้กล่าวหาประมุขของข้าลอยๆเชนนี้" ศิษย์คนนั้นพุดขึ้นเสียงค่อน
ข้างดั่งทำให้ทุกคนหันไปสนใจ
"หาไม่ได้ ข้าแค่แปลกใจเท่านั้น ที่หลายสกุลเจอเรื่องประหลาด แต่สกุลเหยาไม่" เจียงลู่จิว
พูดสิ่งที่ตนคิด ยิ่งเพิ่มความไม่พอใจให้พวกเขา
"ประมุขเจียง ท่านสอนสั่งบุตรชายของท่านด้วยว่า อย่าได้เที่ยวกล่าวหาใครโดยไม่มีหลัก
ฐาน" ประมุขเหยาที่รอจังหวะอยู่แล้วกล่าวขึ้น เจียงเฉิงมองประมุขเหยาด้วยความไม่พอใจ
"ท่านก็กล่าวเกินไป สูจิวไม่ได้กล่าวหาท่าน" หลานฉี่เหรินพูดขึ้น "เขาแค่แปลกใจจึงเอ่ยถาม"
น้ำเสียงที่พูดด้วยความใจเย็นแต่แฝงไปด้วยความไม่พอใจ
"หึ คุณชายเจียงผู้นี้ช่างเป็นศิษย์คนโปรดของท่าน อย่างที่เขาร่ำลือ" ศิษย์สกุลเหยาที่ร่ำเรียน
กับเจียงสู่จิว ผู้หนึ่งเอ่ยขึ้น "โปรดปรานถึงขนาดยอมให้คุณชายเจียง ตะโกนใส่หน้าประมุขหลานโดยไม่
ลงโทษใดๆ ข้าไม่แปลกใจนักที่ท่านปกป้องเขา ปกป้องยิ่งกว่าคนในสกุล"
พูดจบเสียงฮือฮาก็ดังขึ้นอีกรอบ หลายคนที่พึ่งได้รู้เรื่องราวต่างก็พูดคุยก้นอย่างออกรสชาติ
ถึงพฤติกรรมของเจียงสู่จิว เจียงเฉิงและเวยอู๋เซี่ยนกำมือตัวเองแน่นด้วยความไม่พอใจที่เจียงสูจิวและ
อาจารย์หลานถูกกล่าวหา ปากสวยกำลังจะขยับ แต่ไม่ทันบุรุษรูปงามที่นั่งข้างๆกัน
"ข้าพึ่งรู้ว่าเรื่องภายในครอบครัวของข้า เป็นที่สนใจของพวกท่านขนาดนี้" เสียงเรียบๆที่เคย
นุ่มนวลบัดนี้เยือกเย็นถูกเอ่ยออกมาจากประมุขหลาน
"หมายความว่าอย่างไร"
"หมายความว่า การที่ข้กับบุตรชายมีเรื่องเข้าใจผิดกัน และข้าเป็นฝ่ายผิดจึงไม่ได้ลงโทษ
เขานั้น ข้าควรป่าวประกาศให้คนภายนอกรู้ด้วยหรือ?" สิ้นเสียงเย็นเยือกของหลานชีเฉินทั้งโถงตกอยู่
ในความเงียบ เหมือนกำลังประมวลผลในสิ่งที่ประมุขหลานประกาศออกมา
100%
TBC.
***ดาวน์โหลด NovelToon เพื่อเพลิดเพลินไปกับประสบการณ์การอ่านที่ดียิ่งขึ้น!***
อัพเดทถึงตอนที่ 22
Comments