บทที่ 15 ไม่เคยเกลียดชัง

ไม่เคยเกลียดชัง

ในคราแรกเจียงเฉิงจะกลับไปที่เรือนรับรองศิษย์สกุลเจียง แต่นึก ได้ว่าตนเองนั้นมาเยือนกูซูหลานแต่ยังมิได้ไปคาราวะท่านอาจารย์หลาน เลย ร่างของประมุขเจียงจึงเปลี่ยนทิศทางจากเรือนรับรองไปที่เรือนของ หลานฉี่เหริน ถึงจะกล่าวว่าเป็นการไปคาราวะในฐานะผู้เยี่ยมเยือนแต่ใน ใจของเจียงเฉิงกลับรู้สึกประหม่าเป็นอย่างมากเพราะจิตใต้สำนึกของเขารู้ ดีว่ามาในฐานะอะไร

"ท่านอาจารย์หลานอยู่หรือไม่" เจียงเฉิงถามศิษย์ที่เฝ้าอยู่หน้า เรือน

"คาราวะประมุขเจียง ท่านอาจารย์อยู่ด้านใน กำลังหารือเรื่องงาน สมรสอยู่กับหานกวงจวินขอรับ" ศิษย์สกุลหลานบอก

"หากข้าจะขอคาราวะสักครู่จะเป็นการรบกวนหรือไม่"

"ประมุขเจียงโปรดรอสักครู่"

ศิษย์สกุลหลานเดินเข้าไปภายในเรือนสักพักก็กลับออกมา

 "ท่าน อาจารย์เชิญประมุขเจียงด้านในขอรับ"

"ขอบคุณ" เจียงเฉิงค่อยๆเดินเข้าไปภายในเรือนของหลาน เหริน กายในยังคงเป็นดังเดิมดังเมื่อครั้งที่เขามา เราท่านอาจารย์กลับอวิ๋นเมิ่งเจียงเฉิงเข้าไปด้านใน พบหลานวึ่งจีและท่านอาจารย์หลานกำลัง นั่งหารือกันอยู่บนโต๊ะตัวเตี้ย ทั้งสองรับรู้ถึงการมาของเขาอยู่แล้วจึงลุก ขึ้นต้อนรับ ทั้งสามคาราวะให้กัน

"คาราวะท่านอาจารย์ สบายดีหรือไม่ขอรับ" เจียงเฉิงกล่าวทักทาย ผู้อาวุโส

"ก็ตามกาลเวลา เชิญประมุขเจียงนั่งเถิด" หลานฉี่เหรินผายมือเป็น สัญญาณให้เจียงเฉิงนั่งลง

"เจ้าพบซีเฉินหรือยัง?" หลานฉี่เหรินเอ่ยถามทันทีที่เจียงเฉิงนั่งลง เรียบร้อย เจียงเฉิงซะงักไปนิดเมื่อได้ยินคำถามดูท่าทุกคนคงรู้เรื่องพวก เขาเป็นแน่

"เอ่อ..พบแล้วขอรับ" เจียงเฉิงตอบพร้อมหลบตาเล็กน้อย

"งั้นก็เรียกข้าว่าท่านอาเถิด" หลานฉี่เหรินกล่าวออกมาเสียงนิ่ง เจียงเฉิงเงยหน้าขึ้นมองสลับไปมาระหว่างหลานฉี่เหรินและหลานวิ่งจี อย่างไม่ค่อยเชื่อหูตัวเอง

"ท่าน..ท่านอาจารย์หมายถึง..."

"พวกเจ้าพบกันแล้ว ก็คงปรับความเข้าใจกันแล้ว เจ้าถึงเขามาหา ข้า เข้าใจถูกหรือไม่" หลานฉี่เหรินอธิบายการคาดเดาของตนออกมา

"ถูกแล้วขอรับ" เจียงเฉิงตอบด้วยความกังวลเล็กน้อยจนผู้อาวุโส กว่ารับรู้ได้

"เจ้าอย่าได้กังวลไป กับเรื่องภายนอกที่ยังมาไม่ถึง รู้ไว้แค่ว่าตอนนี้ เจ้าคือหลานสะใภ้ของข้าแล้ว และซีเฉินไม่ปล่อยให้ใครว่าร้ายเจ้าเด็ดขาด หลังจากนี้" หลานฉี่เหรินปลอบให้เจียงเฉิงคลายกังวล

"เจียงลู่จิวเป็นลูกซยงจ่าง"เสียงนิ่งๆของหลานวิ่งจีดังขึ้น เรียก สายตาคาดหวังจากหลานฉี่เหรินหันไปมองประมุขเจียงทันทีเจียงเฉิงพยักหน้ายอมรับ หลานฉี่เหรินถอนหายใจออกมาเสียงดัง

"พวกเจ้าเล่นอะไรกัน ปิดบังจนหลานข้าโตขนาดนี้ ใช้ได้ที่ไหนกัน" หลานฉี่เหรินบ่นออกมา 

"เจอลู่จิวครั้งแรกข้าละนึกว่าซีเฉินย่อส่วน ข้าละ คิดว่าหากไม่ใช่บุตรประมุขเจียง หากพบกันที่อื่นข้าคงคิดเป็นบุตรของซี เฉินเป็นแน่ ที่ไหนได้หลานข้าตัวเป็นๆอยู่ตรงหน้าข้าแท้ๆข้ากลับไม่รู้เรื่อง"

"หวั่นอื่นขอภัยท่านอาจารย์ เรื่องนี้ผิดที่หวั่นอินเอง" เจียงเฉิงคำนับ ลงกับพื้นเป็นการขอโทษ

"เฮ้อ~ โกรธไปก็กลับไปแก้ไขอะไรไม่ได้....คราวหน้ามีอะไรพวก เจ้าก็พูดคุยกันตรงๆเสีย คราวนี้รอถึงสิบเจ็ดปี คราวหน้าอาจจะไม่มีโอกาส อีกแล้วเข้าใจไหม?"

"หวั่นอิ่นทราบขอรับ ขอบคุณท่านอาจารย์...เอ่อท่านอาที่ชี้แนะ"

เจียงเฉิงรีบเสียแก้ไม่ทันเมื่อเห็นตาดุๆของหลานฉี่เหรินมองมาตอนเขาเรียกอีกฝ่ายว่าอาจารย์

"อืม...พรุ่งนี้ให้ลู่จิวมาพบข้าด้วย" เจียงเฉิงพยักหน้ารับรู้ "เจ้าละมา กูซูคราวนี้จะอยู่กี่วัน?"

"ก็จนกว่างานสมรสจะเรียบร้อย แล้วหวั่นอิ่นตั้งใจว่าหารือเรื่องสัตว์ ประหลาดที่โผล่มาช่วงนี้ขอรับ แล้วก็..." เจียงเฉิงนิ่งไปนิดก็จะพูดขึ้น "แล้วก็อาจจะอยู่จนกว่าลู่จิวจะยอมรับเรื่องอาเตี่ยของเขาได้ขอรับ เพราะ จากที่หวั่นอิ่นสังเกต เขาค่อนข้างที่จะตั้งแง่กับประมุขหลานอยู่แต่เดิม หากเขารู้ความจริงเรื่องอาเตี่ย....หวั่นอิ่นกลัวว่าเขาจะโกรธและไม่ ยอมรับ" เจียงเฉิงบอกเสียงเครียดหลานฉี่เหรินและหลาน งจีก็มีสีหน้าเคร่งเครียดลงเช่นเดียวกัน ภาพที่เด็กหนุ่มตะโกนใส่หน้าหลานซีเฉินยังคงตราตรึงในใจของท่าน อาจารย์หลาน ดูท่างานนี้ยากยิ่งกว่าสิ่งใดเสียอีก หลานฉี่เหรินลูบเครา ของด้วยท่าทีคิดหนักเจียงเฉิงกลับมาถึงที่เรือนรับรองพบว่าหลานซีเฉินมารอตนอยู่แล้ว แต่ไร้เงาลูกชายที่ตนนั้นบอกให้มารอที่เรือน มองไปรอบๆก็ไม่เห็น เจียง เฉิงรับรู้ถึงความแปลกไปจากใบหน้าเศร้าเสียใจที่มองมายังตน ร่างสวม อาภรณ์สีม่วงค่อยๆก้าวเข้าไปหาบุรุษร่างสูง

"เกิดอันใดขึ้น?" เจียงเฉิงดึงมือใหญ่มากอบกุม

"หวั่นอิ่น...พี่..พี่บอกลูกไปแล้ว" น้ำเสียงแผ่วเบาปนความผิดหวังถูก เอ่ยออกมาเจียงเฉิงรู้ได้ทันทีว่าคำตอบที่ได้จากลูกชายคือคำตอบแบบไหน ความเศร้าสร้อยผิดหวังของคนตรงหน้านี้เป็นคำตอบได้ดี มือเรียวค่อยๆ เลื่อนขึ้นไปแตะปาคนตรงหน้าแล้วบีบแผ่วเบา

"แล้วตอนนี้ลู่จิวอยู่ไหนท่านรู้หรือไม่" เจียงเฉิงถามเสียงอ่อนโยนหลานซีเฉินพยักหน้า

"ศิษย์สกุลเจียงบอกว่าเขาขังตัวเองอยู่ในห้อง" เจียงเฉิงพยักหน้ารับรู้ มือที่จับอยู่ตรงปาค่อยเลื่อนขึ้นไปจับใบหน้าที่เคยประดับไปด้วยรอยยิ้มแต่บัดนี้กลับมีแต่ร่องรอยของความผิดหวังเสียใจ

"ท่านโกรธเขาไหม?"

"ไม่..พี่สมควรได้รับแล้ว" หลานซีเฉินตอนนี้ไม่หลงเหลือมาดของ ประมุขสกุลหลานผู้สูงส่งเลยแม้แต่น้อย

"อย่าได้พูดแบบนั้น ท่านไม่ควรถูกลูกโกรธ ควรเป็นหวั่นอิ่นต่าง หากเล่า" เจียงเฉิงส่ายหน้าเมื่อหลานซีเฉินบอกว่าตนสมควรได้รับมันแล้ว นิ้วโป้งเรียวเกลี่ยที่ใบหน้าหล่อเหลาแผ่วเบา

"และตอนที่เขาโกรธท่าน อาจเป็นเพราะเขายังไม่รู้ถึงเหตุผลของ สิ่งที่เกิดขึ้น หวั่นอิ่นจะค่อยๆพูดกับลูกเอง ท่านเชื่อใจข้าหรือไม่" คำมั่นที่ หนักแน่นถูกเปล่งออกมา หลานซีเฉินพยักหน้าแล้วรวบตัวตัวเจียงเฉิง เข้าไปกอด

"ขอบใจเจ้ามาก...พี่เชื่อเจ้า" หลานซีเฉินกระซิบข้างหูคนที่ตนกอด อยู่ ใบหน้าสวยเผยยิ้มอ่อนโยนออกมา มือเรียวสวยของเจียงเฉิงลูบขึ้นลง ตรงแผ่นหลังกว้างเพื่อปลอบประโลมและให้กำลังใจ

ดวงตากลมสวยสีทองคู่หนึ่งมองลอดผ่านหน้าต่างเรือน ในตาสั่น ระริกกับสิ่งที่ได้เห็น สองร่างของประมุขสกุลใหญ่สองคนกำลังตะกรอง กอดกัน เป็นภาพที่หากใครพบเห็นต่างอาจไม่เชื่อในสายตาว่าประมุขเจียง กำลังยิ้มอย่างอ่อนโยน แต่สำหรับเด็กหนุ่มวัยสิบห้าที่ใกล้ชิดประมุขเจียง ตั้งแต่เกิดรู้ดีว่ารอยยิ้มนั่นเป็นเรื่องจริง และต่างกับอีกคนร่างสูงใหญ่ที่เคย สง่างาม บัดนี้ดูห่อเหี่ยวไร้เรี่ยวแรงเหมือนกับว่าไหล่สวยนั่นเป็นที่พักพิง เดียวที่จะยึดไม่ให้ร่างอันหนักอึ้งนั้นล้มลงไป ภาพที่เห็นทำให้เจียงลู่จิวเม้ม ปากเข้าหากันแน่นอย่างใช้ความคิด

หลังจากปลอบประโลมกันสักพักจนหลานซีเฉินรู้สึกดีขึ้นเล็กน้อย อีกคนก็ขอตัวไปจัดการงานสมรสของหานกวงจวินกับเว่ยอู๋เซี่ยนต่อ แล้ว ต้องหารือกับเหล่าศิษย์ที่ไปปราบปีศาจด้วยกันเพิ่มเติม บอกเจียงเฉิงเพียง ว่าฝากฟูหยกให้บุตรชายหากเจียงลู่จิวไม่รับก็ให้เขาเก็บไว้ก่อนเสีย หลาน ซีเฉินยังไงก็คือหลานซีเฉินถึงแม้จะมีเรื่องราวกระทบจิตใจเพียงใดแต่ หน้าที่ก็สำคัญไม่เคยละทิ้งสักอย่าง หลังจากแยกกันเจียงเฉิงก็เดินมาที่ เรือน เคาะประตูเรียกบุตรชาย

"อาลู่ เปิดประตูให้อาเหนียงหน่อย" เจียงเฉิงได้ยินเสียงดังก๊อก แก๊กข้างในสักพักประตูก็เปิดออก

เจียงเฉิงมองดวงตาบวมช้ำของบุตรชายด้วยความสงสาร จะให้ ต่อว่าก็ทำไม่ลงเพราะตนเองก็เป็นสาเหตุของเรื่องราวเล่านี้ เจียงเฉิงอ้า แขนทั้งสองข้างออกกว้างเป็นสัญญาณ เจียงลู่จิวโผเข้ากอดเจียงเฉิง พร้อมร้องไห้โฮ

"โฮฮฮ..ฮึก..อาเหนียง..ฮือ..ขะ...ข้า...." เจียงลู่จิวร้องไห้จนพูดออก มาไม่เป็นค่า

"ชู่ววว เด็กดื้อไม่ต้องพูดๆ" เจียงเฉิงลูบหัวบุตรชายอย่าง ปลอบโยน "อะไรที่เจ้าเก็บไว้ในใจ ก็ร้องออกมาเสีย อาเหนียงอยู่ตรงนี้ จะ กอดปลอบเจ้าไม่ไปไหน"

"ฮึก...ขะ...เขา....เป็นเขา...ฮึก...หรือขอรับ" เจียงลู่จิวถามออกมาทั้งๆ ที่ยังสะอื้นอยู่กับอกของมารดา

"อาเตี่ยของเจ้าคือประมุขสกุลหลาน" เจียงเฉิงตอบบุตรชายที่ กําลังร้องไห้กับออกของตนอยู่

"ละ..อีก..แล้วท่าไม"

"อาเหนียงจะยังไม่คุยกับเจ้าตอนนี้ ตอนที่เจ้ายังร้องไห้หนักขนาด นี้ เจ้าคงรับฟังอะไรไม่ได้มาก" เจียงเฉิงเอ่ยขัดลูกชายที่กำลังจะเอ่ยปาก ถาม 

"เมื่อไหร่ที่เจ้าหยุดร้อง อาเหนียงจะอธิบายทุกอย่างให้เจ้าฟังดีหรือ ไม่"

"กะ...ก็ได้...ฮึก..ขอรับ" เจียงลู่จิวเอ่ยตอบขณะที่ผละออกมาจากอก มารดาและพยายามเช็ดน่าตาของตนออก

"อาลู่ เจ้าหิวไหม" เจียงเฉิงยื่นมือเข้าไปช่วยเช็ดน้ำตาออกจาก ใบหน้าของบุตรชาย เด็กหนุ่มพยักหน้าอย่างว่าง่าย "เดี่ยวอาเหนียงทำ ของโปรดให้เจ้ากิน"

ใช้เวลาปลอบสักพักเจียงลู่จิวก็หยุดร้องไห้ วันนี้เป็นวันที่เจียงเฉิงใช้พลังใจไปเยอะมากเพราะต้องปลอบทั้งอาเตี่ยและบุตรชาย ตอนนี้เจียงเฉิงและบุตรชายนั่งอยู่ที่ม้าหินอ่อนที่หน้าเรือนรับรอง พร้อมทั้งอาหารมื้อโปรดของเจียงลู่จิว เด็กหนุ่มรีบกินข้าวให้หมดเพื่อพูดคุยกับมารดา

"ไม่ต้องรับขนาดนั้น เดี่ยว ติดคอ อาเหนียงอยู่ตอบค่าถามเจ้าทั้ง าแกงบ บะ ไม่มี คอ" เจียงเฉิงเอ่ยปรามบุตรชายที่เร่งรีบ ค้น...อะ ทานข้าว ห่ายังกับว่าเขาจะหนีหายไปไหนอีก สักพักเจียงจิวกินข้าว เรียบร้อยมีอเรียวของเจียงเฉิง นผ้าไปเช็ดปากให้บุตรชายเล็กน้อย

"เอาหละ เจ้าอยากรู้อะไร ถามออกมาได้เลยอาเหนียงจะไม่ปิดบัง เจ้าอีกแล้ว" เจียงเฉิงจับมือทั้งสองข้างของบุตรชายมากุมไว้ที่ตึกตน

เจียงลู่จิวสูดลมหายใจเข้าลึกเพื่อเรียกกำลังใจให้ตนเอง ก่อนจะ เอ่ยปากถามคําถามแรก

"เป็นเขาจริงๆใช่ไหมขอรับ"

"เจียงหลิน" เจียงเฉิงเอ่ยเรียกนามของลูกชายด้วยท่าทีจริงจัง " หลิน ที่แปลว่า หยก เช่นเดียวกับนามของเจ้า เมื่อพูดถึงหยก ผู้คนคีตาง กอีหยก สกุลหลาน อาเหนียง เช่นกัน เมื่อค งคล เจ้า เจ้ามีช่างมี เค้าโครงเหมือนเตียเจ้า คนที่เหนียงติดดึงเสมอมา ซึ่งเป็นหยกผู้พี่ เป็น ประมุขสกุลหลาน" เจียงเฉิงอธิบายออกมาอย่างใจเย็น แววตาของเด็ก หนุ่มหลุมไปมาด้วยความสับสน

"พวกท่านรักกัน?"

"เป็นเช่นนั้น "

"แล้วหาไมเราปล่อยให้อาเหนียงอุ้มท้อง และเลี้ยงชามาคนเดียว เจียงลู่จิวถามออกมาด้วยน้าเสียงเริ่มไม่พอใจ

"เตี่ยเจ้าไม่ได้ทําดังที่เจ้ากล่าว...จะพูดให้ถูกก็คือ เหี่ยเจ้าไม่รู้ว่า ข้ามีเจ้า"

"จิวลู่ไปเข้าใจ" เด็กหนุ่มสับสนจนประติดประต่อเรื่องราวไม่ได้

"อาเหนียงจะเล่าทุกอย่างให้เจ้าฟังทั้งหมด" เมื่อเห็นว่าการถาม ตอบนั้นยิ่งทำให้เบุตรชายสับสน เจียงเฉิงจึงเลือกที่จะอธิบายให้ฟังเสียดีกว่า

"มีนิทานอยู่เรื่องหนึ่ง" เจียงเฉิงเริ่มเล่า " มีคุณชายนามว่าเฉิง เพศ รองเป็นเกอแต่ด้วยฐานะของเขา เขาคิดว่าต้องปิดมันเป็ความลับ จนวัน หนึ่งที่เขาต้องไปเรียนที่เมืองหนึ่ง เขาได้พบคนผู้นึงนามว่าฮวั่น เป็น คุณชายใหญ่ของเมืองนั่นที่กำลังจะขึ้นรับตำแหน่ง เฉิงรู้สึกตกหลุมรัก คุณชายคนนั้นตั้งแต่แรกพบ แต่เฉิงคิดว่ามันเป็นไปไม่ได้ที่อีกฝ่ายจะรักตัว เองตอบ จึงตัดใจโดยที่ไม่รู้ว่าฮวั่นก็รักตนเช่นกัน" เจียงลู่จิวฟังสิ่งที่มารดา ตนเล่าด้วยความตั้งใจ

"หลายปีผ่านไปเกิดเรื่องราวเลวร้ายขึ้นมากมายจนเฉิง และฮวั่น ไม่มีแม้แต่เวลาจะสนใจเรื่องของตนเอง วันหนึ่งเฉิงปลอมตัวออกไปตามหา พี่ชาย พบชายคนนั้นกำลังถูกภูตต้นไม้ล่อลวงจึงได้เข้าช่วยเหลือ โดยที่ ฮวั่นไม่รู้ว่าคนที่ช่วยนั้นคือเฉิงและเฉิงปิดเรื่องที่เกิดขึ้นเป็นความลับไว้กับ ตนเพียงคนเดียว ฮวั่นรู้สึกผิดที่มีใจให้เฉิงแต่กลับนอกกาย จึงขังตัวเองไว้ ในถ้ำอันหนาวเหน็บสี่เดือน"

"สี่เดือน!! ทำไมเขาต้องทรมานตัวเองขนาดนั้น" เจียงลู่จิวโพล่ง ถามออกมา เจียงเฉิงส่ายหน้าให้ลูกชายเป็นคำตอบว่าไม่รู้

"พอกลับออกมา พบว่าจู่ๆเฉิงออกท่องยุทธภพ หลายเดือนต่อมา ได้ยินข่าวลือที่เฉิงตั้งใจปล่อยออกมา ว่าเฉิงแต่งงานกับแม่นางคนนึงและมี บุตรชายด้วยกัน ฮวั่นรู้สึกเสียใจกับเรื่องที่ได้ยินจึงทุ่มเทให้กับงานไม่ สนใจเรื่องความรัก เฉิงกับฮวั่นห่างเหินกันออกไปเรื่อยๆ จนฮวั่นได้พบกับ บุตรชายของเฉิงที่นามว่าหลิน ฮวั่นรู้สึกได้ถึงความไม่ชอบมาพากลสืบ เรื่องราวจนรู้ว่าหลินเป็นบุตรของตนเช่นกัน ความผิดพลาดของเรื่องราวนี้ คือทั้งสองไม่คุยกันปล่อยเวลาล่วงเลยมาถึงสิบเจ็ดปี" เจียงเฉิงยกมือขึ้น ลูบแก้มบุตรชายแผ่วเบา

"อาลู่ อาเหนียงขอโทษเจ้า เพราะอาเหนียงปิดเรื่องของเจ้าไว้ อา เตี่ยเลยไม่รู้ว่ามีเจ้า อาเหนียงทำให้เจ้ากับอาเตี่ยต้องจากกันกว่าสิบสี่ปี เพราะงั้นเจ้าอย่าได้โกรธเคืองเซี่ยเจ้าไปเลย เขารักเจ้ามากนะ หากเจ้า อยากโกรธใครสักคน คนนั้นตน้องเป็นข้า"

เจียงลู่จิวส่ายหน้าไปมาเล็กน้อย เด็กหนุ่มยอมรับว่าเรื่องที่ตนพึ่งได้ รู้นั้นตกใจไม่น้อย ทั้งสองคนผ่านเรื่องราวมามากมายเกินกว่าเด็กหนุ่มจะ เข้าใจได้

"น้อยใจ?" เจียงเฉิงเอ่ยถาม เจียงลู่จิวพยักหน้ารับ เจียงเฉิงลูบผม บุตรชายด้วยความเอ็นดู

"วันนั้น...ที่หน้าหอวินัย..." เจียงลู่จิวเอ่ยออกมาไม่เต็มเสียง

"เจ้าคิดว่าสิ่งที่เจ้าทำถูกหรือไม่" เจียงเฉิงถามบุตรชายอย่างรู้ทัน

"ไม่ถูกขอรับ"

"เช่นนั้นเขาทำถูกต้องแล้วที่ไม่ลงโทษเจ้า....และเจ้าอยู่ที่นี่ในฐานะ คุณชายเจียง นี่คือนามที่เหล่าศิษย์ทุกคนรู้จักเจ้า หากเตี๋ยเจ้าลงโทษเจ้า นั่นไม่ใช่เรื่องดีแน่ เข้าใจหรือไม่"

"ลู่จิวทราบแล้ว" เจียงลู่จิวตอบเสียงอ่อย

เจียงเฉิงหยิบฟูหยกที่หลานซีเฉินฝากไว้ให้บุตรชายขึ้นมา และยื่น ให้เด็กหนุ่ม เจียงลู่จิวชะงักไปเล็กน้อยก่อนจะค่อยๆหยิบมันขึ้นมา

"เตี่ยเจ้าฝากมาให้ เขาคิดว่าเจ้าเกลียดเขาจนไม่อยากมองหน้า" เจียงเฉิงบอกกับลูกชาย ความรู้สึกผิดตีตื้นขึ้นมาในใจของเด็กหนุ่ม

"ลูกเปล่าเกลียด..."

"อาลู่ เจ้าชอบเรือนรับรองนี่หรือไม่"

"ชอบขอรับ" เจียงลู่จิวมองมารดาด้วยความสงสัยที่จู่ๆก็ถาม คําถามนี้ขึ้นมา "ทําไมหรือขอรับ"

"อาเหนียงเคยพักที่นี่ตอนมาเรียนที่กูซูหลาน และเรือนนี้เคยถูก เผาครั้งนึง" เจียงเฉิงและเจียงลู่จิวมองไปรอบๆอย่างสํารวจ "ไม่น่าเชื่อว่า จะซ่อมแซมกลับมาให้เป็นดังเดิมได้ อาเหนียงก็ชอบเรือนนี้มากเช่นกัน"

เจียงลู่จิวคิดตามสิ่งที่มารดาตนเล่าให้ฟัง จะว่าไปการใส่ใจเล็กๆ น้อยๆที่เขาไม่ทันจะสังเกตเห็น ทั้งเรื่องเรือนที่พักที่จัดให้เด็กหนุ่มรู้สึกว่า ยังอยู่ที่อวิ๋นเมิ่ง เรื่องอาหารที่ปกติแล้วรสชาติจืดชืด แต่อาหารที่เด็กหนุ่ม ทานทุกวันนั้นรสชาติจัดจ้านขึ้นมาเล็กน้อยให้ทานง่ายขึ้น เรื่องแบบนี้ใคร จะทำได้หากไม่ใช่คำสั่งของประมุขสกุล พอคิดแบบนั้นภายในใจของเจียง ลู่จิวกลับลิงโลดขึ้นมาทันใด แต่เก็บอาการเอาไว้

"แล้วหายโกรธเตี่ยเจ้าบ้างหรือยัง?" เจียงเฉิงถามย้ำบุตรชาย แต่ เจียงลู่จิวไม่ตอบเด็กหนุ่มจับมือเรียวสวยของมารดาที่วางอยู่บนตักแล้วก้ม ลงไปหนุนทับลงไปอย่างออดอ้อน เจียงเฉิงมองบุตรชายอย่างเอ็นดู "เจ้า เด็กปากแข็ง"

หลานซีเฉินจัดการงานทุกอย่างเรียบร้อยแล้วจึงแอบมาดูบุตรชาย ที่เรือน ทันเห็นภาพที่เจียงลู่จิวกำลังออดอ้อนอาเหนียง หลานซีเฉินยิ้มให้ กับภาพที่เห็น สักวันเขาจะให้บุตรชายยอมรับเขาและมาคอยออดอ้อน ใกล้ๆ และมีเจียงเฉิงคอยยิ้มเอ็นดูอยู่ข้างกาย เขาจะทำให้ครอบครัวของ เขาสมบูรณ์ให้ได้

100%

...TBC....

เลือกตอน
1 Intro
2 บทที่ 1 แรกพบพาน
3 บทที 2 ทุกสิ่งล้วนน่าสงสัย
4 บทที่ 3 สิ่งที่เก็บซ่อนไว้ภายใน
5 บทที่ 4 เรื่องราวในอดีต 1
6 บทที่ 5 เรื่องราวในอดีต 2
7 บทที่ 6 เรื่องราวในอดีต 3
8 บทที่ 7 นานของเขา เจียงลู่จิว
9 บทที่ 8 ความสุขที่ควรได้รับ
10 บทที่ 9 หวนคืนเหลียนฮวาอู้
11 บทที่ 10 จดหมาจจากใครบางคน
12 บทที่ 11 ความรู้สึกภายในสู่ภายนอก
13 บทที่ 12 แว่วเสียงจากความจริง
14 บทที่ 13 ปลดปล่อยเรื่องราว
15 บทที่ 14 เพียงพร้องหน้า
16 บทที่ 15 ไม่เคยเกลียดชัง
17 บทที่ 16 งายสมรส
18 บทที่ 17 ค่ำคืนเฉลิมฉลอง
19 บทที่ 18 บุคคลชักใย
20 ตอนที่ 19 ลักพาตัว
21 ตอนที่ 20 อาเตี่ย
22 ตอนที่ 21 มิพลัดพราก (จบ)
เลือกตอน

อัพเดทถึงตอนที่ 22

1
Intro
2
บทที่ 1 แรกพบพาน
3
บทที 2 ทุกสิ่งล้วนน่าสงสัย
4
บทที่ 3 สิ่งที่เก็บซ่อนไว้ภายใน
5
บทที่ 4 เรื่องราวในอดีต 1
6
บทที่ 5 เรื่องราวในอดีต 2
7
บทที่ 6 เรื่องราวในอดีต 3
8
บทที่ 7 นานของเขา เจียงลู่จิว
9
บทที่ 8 ความสุขที่ควรได้รับ
10
บทที่ 9 หวนคืนเหลียนฮวาอู้
11
บทที่ 10 จดหมาจจากใครบางคน
12
บทที่ 11 ความรู้สึกภายในสู่ภายนอก
13
บทที่ 12 แว่วเสียงจากความจริง
14
บทที่ 13 ปลดปล่อยเรื่องราว
15
บทที่ 14 เพียงพร้องหน้า
16
บทที่ 15 ไม่เคยเกลียดชัง
17
บทที่ 16 งายสมรส
18
บทที่ 17 ค่ำคืนเฉลิมฉลอง
19
บทที่ 18 บุคคลชักใย
20
ตอนที่ 19 ลักพาตัว
21
ตอนที่ 20 อาเตี่ย
22
ตอนที่ 21 มิพลัดพราก (จบ)

กกาวน์โหลดทันที

ชอบผลงานนี้ไหม? ดาวน์โหลดแอพ บันทึกการอ่านของคุณจะไม่สูญหาย
กกาวน์โหลดทันที

โบนัส

ผู้ใช้ใหม่ที่ดาวน์โหลดแอพสามารถปลดล็อค 10 ตอนได้ฟรี

รับ
NovelToon
เปิดประตูต่างภพ
เพื่อวิธีการเล่นเพิ่มโปรดดาวน์โหลดMangatoon APP!