บทที่ 14 เพียงพร้องหน้า

...เพียงพร้อมหน้า...

เช้าวันใหม่ในยามเหม่า ช่วงเวลาตื่นนอนในยามปกติของคนตระกูลหลาน ประมุขหลานขยับตัวเล็กน้อย รับรู้ถึงน้ำหนักที่กดทับที่แขนของตน ดวงตากลมสีทองศอยๆลืมขึ้นปรับสภาพให้คุ้นชิน มองไปที่ร่างของเจียงเฉิงที่ตนนั้นกอดอยู่ด้วยหัวใจที่ฟูฟอง สิ่งที่เขาเฝ้าฝันว่าอยากตื่นขึ้นมาเจอคนรักเป็นคนแรกนั้นเป็นจริงเสียที

หลานซีเฉินก้มลงไปจุมพิตที่กลุ่มผมของเจียงเฉิงเล็กน้อยก่อนจะขยับตัวให้เบาที่สุดเพราะยังไม่ถึงเวลาตื่นนอนของอีกคน มือใหญ่หยิบผ้าขึ้นมาห่มให้อีกคนอย่างเบามือ แล้วจึงลุกขึ้นมาแต่งตัวให้เรียบร้อยก่อนจะลงไปช้างล่างโรงเตี๊ยม

"เจ๋ออจวิน" หลานซือจุยคาราวะประมุขของตน

"ชื่อจุย ตื่นกันหมดแล้วใช่ไหม?" หลานซีเฉินถามถึงศิษย์คนอื่นๆ

"ตื่นกันหมดแล้วขอรับ เจอฮูจวินจะออกเดินทางกลับกูซูหลานเลยหรือไม่ขอรับ"

"ยัง....พวกเจ้าทานอาหารเช้าให้เรียบร้อยเสียก่อนค่อยกลับกัน" หลานซีเฉินบอก เด็กหนุ่มพยักหน้ารับอย่างเข้าใจ

"เจ่ออู่จวิน จะรับสำรับข้างล่างหรือบนห้องขอรับ" หลานซื้อจุยเอ่ยถาม แต่ปกติแล้วนั้นประมุขหลานจะทานอาหารพร้อมพวกเขาอย่างกันเอง

"บนห้อง เอาสำรับมาสำหรับสองคน"เจียงเฉิงขยับตัวเล็กรับรู้ถึงไออุ่นที่จางไป ดวงตารูปเมล็ดซิ่งลืมขึ้นมามองเพดานนิ่งๆเพื่อปรับสภาพ แล้วค่อยๆมองสำรวจไปทั่วห้อง หลานซีเฉินไม่อยู่ในห้องแล้ว มือเรียวค่อยๆยันตัวเองลุกขึ้นนั่งเพื่อแต่งตัวให้เรียบร้อย แต่ทุกการขยับตัวทำเจียงเฉิงเจ็บจนต้องเป้หน้า

"อุยย..เจ็บชะมัด" ถึงจะปนออกมาแต่ก็ต้องลุกขึ้นมาแต่งตัวให้เรียบร้อยสภาพเขาตอนนี้หากใครมาเจอเข้าคงไม่ดีนักยังไม่ทันที่เจียงเฉิงลุกขึ้นนั่งได้ ประตูห้องก็ถูกผลักเข้ามา เจียงเฉิงรีบเอาผ้าหมมาคลุมตนเองไว้ด้วยความตกใจ ก่อนจะถอนหายใจอย่างโสงอกเมื่อเห็นว่าใครคือคนที่เปิดประตูเข้า

"หวั่นอิ๋น...เจ้าตื่นแล้ว" หลานซีเฉินเอ่ยทักเมื่อเห็นคนรักนั่งอยู่บนตั่งนอน

"อิ่มมม..ท่านไปไหนมา" เจียงเฉิงเอ่นถามขณะที่กำลังลุกขึ้นมาแต่งตัว

"ลงไปสั่งสำรับมาให้เจ้า" หลานซีเฉินตอบพร้อมรอยยิ้ม เจียงเฉิงพยักหน้ารับรู้

"พี่ว่าจะถามเจ้าเมื่อคืน ก็ลืมไปเสียสนิท" ประมุขหลานเอ่ยขึ้นเมื่อนึกขึ้นได้ 

"เจ้ารู้ได้อยางไรว่าพี่อยู่ที่นี่?"

เจียงเฉิงส่งยิ้มกลับไปให้อีกคนเล็กน้อยก่อนเอ่ยตอบ 

"บังเอิญหนะ ข้ามิได้กลับมากูซูเสียนานเลยแวะสำรวจความเปลี่ยนแปลงของตำบลไฉอีเสียหน่อย....แต่เจอท่านเสียก่อน ก็คิดได้ว่าควรจะพุดคุยกันอย่างจริงจังเสียที"

เจียงเฉิงตอบคำถามขณะกำลังมัดรวบผมของตนขึ้นเพื่อสวมกวาน ให้สมกำฐานะประมุขหลานซีเฉินเห็นดังนั้นก็เขาไปชวย ทั้งศูสบตากันฝานกระจกที่เจียงเฉิงกำลังใช้อยู่ การกระทำของพวกเขาทั้งสองมิต่างกับสามีภรรยา

"ขอบคุณท่าน"

ตึก ตึก ตึก เสียงบางอย่างกระทบกับบานประตูทำให้ทั้งสองหันไปมองด้วยความสนใจ

"เจ๋ออู๋จวินขอรับ ซือจุยนำสำรับมาให้" เสียงของหลานซือจุยดั่งออกมาจากด้านนอก

"หวั่นอิ๋น เจ้าพร้อมจะให้คนในสกุลพบเจ้าหรือไม่" หลานซีเฉินเอ่ยถามอีกคนด้วยความเป็นห่วง เจียงเฉิงอาจจะยังไม่พร้อมใหใครรับรู้เรื่องนี้

"หากข้าไม่พร้อม ข้าไม่ยอมทำแบบนั้นกับท่านหรอกนะ หลานฮวั่น อีกอย่างหลานซือจุยไม่นำไปพูดในทางเสียหายแน่นอนข้เชื่อ" เจียงเฉิงสายหน้าที่ประดับรอยยิ้มไปให้หลานซีเฉิน

 "แต่แค่ซือจุยเท่านั้น เราควรคุยกับลู่จิวเสียก่อน"

"ได้เสมอ...เข้ามาเถิดซือจุย" เอ่ยรับคำคนรักแล้วเอ่ยอนุญาตคนที่อยู่ด้านนอกหลานซือจุยเปิดประตูเข้ามาด้านในพร้อมถาดสำรับอาหาร เด็กหนุ่มดูอึ้งไปเมื่อเห็นว่าใครอยู่ภายในห้องนอนของประมุขของตน หลานซื้อจุยจ้องไปที่เจียงเฉิงไม่ละสายตาเพราะคิดว่าตนอาจจะเห็นเป็นภาพลวงตา

"เจ้าจะจ้องข้า จนทะลุไปข้างหลั่งหรืออย่างไร" เจียงเฉิงเอ่ยเสียงดุแบบไม่จริงจ้งนักออกจะเอ็นดูเด็กหนุ่มเสียมากกว่า

"ป...ประมุขเจียง" หลานซือจุยพูดออกมาไม่เต็มเสียงนักด้วยความงงงวยกับสิ่งที่เจอ

"ชื่อจุย อย่าเสียมารยาท" เสียงนุ่มๆของประมุขหลานเรียกให้สติของเด็กหนุ่มกลับเข้าร่าง

"คาราวะประมุขเจียง ซือจุยเสียมารยาทแล้วขออภัย"

"หลานซือจุย เจ้าอยาได้พูดเรื่องที่เจ้าพบข้อยู่กับประมุขหลานตอนนี้ ให้ใครฟังเป็นอันขาดได้หรือไม่?"

"จะ..อรับ" หลานซือจุยรับปากอย่างไม่เต็มเสียงนัก เขาหนะโกหกไม่เป็น หากถูกถามเขาจะเลี่ยงตอบอย่างไร นี่ช่างเป็นโจทก์ที่ยากนัก

อวิ่นเซินปู้จื่อยู่ , กูซูหลาน

เจียงลู่จิวรู้สึกร้อนใจ ก่อนออกมาจากเหลียงฮวาอู้ อาเหนียงบอกเขาว่าอีกสามวันจะตามมาแต่นี่เชาวันที่สี่ไปแล้วยังไม่เห็นคนที่ควรจะมาถึงกูซูหลานได้แล้ว หลังเรียนเสร็จเด็กหนุ่มจึงออกมาเตรีดเตรแถวหน้าประตูทางเข้าเพื่อรอรับหากอาเหนียงมาถึงแล้ว เขาแค่มารออาเหนียงคนเดียวเท่านั้นมิได้มารอใครอื่นอีก

"วันนี้ทำไมเจ้าดูร้อนลนนักอาสู่" จินหลิงเอ่ยถามเมื่อรับรู้ได้ว่าญาติผู้น้องของตนนั้นคอยชะเง้อไปที่ประตูทางเข้าตลอดเวลา

"ไม่มีอะไรขอรับ ข้าแค่รออาเหนี...อาเตี่ยนะ" เจียงลู่จิวอยู่ไม่เป็นสุขจนเกือบเรียกเจียงเฉิงว่าอาเหนียงต่อหน้าจินหลิง และหลานจิ่งอี๋

"เดี๋ยวท่านน้าก็มาเจ้าอย่าได้กังวลไป เขาไม่ได้มาที่นี่เสียนานคงแวะเที่ยวชมบ้านเมืองอยู่หละมั้ง" จินหลิงบอกตามความคิดของตน

 "เราไปหลังเขากันดีกว่า อีกไม่กี่วันก็จะมีงานใหญ่แขกมามากมายเราคงไม่มีเวลาเที่ยวเล่นอีกหลายวัน วันนี้ข้าจะเล่นให้เต็มที่เลย"

"ก..!ได้" เด็กหนุมตอบญาติผู้พี่เสียงอ่อย แล้วค่อยเดินตามจินหลิงออกไป แต่ยังเดินไปไม่ถึงสิบก้าวก็ได้ยินเสียงหลานจิ่งอี๋เรียกใครสักคนเสียก่อน

"ซือจุย กลับมาแล้วหรือ?" หลานจิ่งอี๋เอ่ยทักคนที่กำลังเดินฝานประตูเข้ามาพร้อมกับศิษย์สกุลหลานสี่ห้าคน ซือจุยพนักหน้าเป็นคำตอบพร้อมรอยยิ้ม

"ซือจุยซยง เป็นอย่างไรบ้าง?" เจียงสู่จิวเอ่ยถามพร้อมกับมองไปข้างหลังหลานซือจุยเมื่อไม่พบคนที่ควรจะกลับมาพร้อมกัน

"ปีศาจตนนั้น มีลักษณะเดียวกับที่พวกเราเจอที่อวิ่นเมิ่ง แต่ดุร้ายและมีพลังมากกว่า เจ่อฮูจวินจะหารือกับประมุขสกุลอื่นหลั่งจากงนสมรสของหานกวงจวินกับผู้อาวุโสเว่ย" หลานซือจุยอธิบายออกมา เด็กหนุ่มทั้งสามมีสีหน้าเครงเครียดทันทีที่ได้ยิน นี่ไมใช่เหตุบังเอิญแต่มีคนจงใจปล่อยมันออกมา

"แล้ว..."เจียงลู่จิวเหมือนอยากจะถามอะไรสักอย่างแต่ก็เงียบไป

"ปกติไม่ค้างแรมนี่นา หากไมเกิดเหตุสุดวิสัยขึ้น" หลานจิ่งอี๋พูดขึ้นอย่างสงสัย

"เกิดอะไรขึ้นหรือเปล่าหลานเวี่ยน" จินหลิงเฮยถามด้วยความเป็นห่วงและรู้สึกถึงสิ่งผิดปกติประมุขหลานควรจะกลับมาพร้อมกันแต่เขากลับไม่เห็น

"คือว่า.." หลานซือจุยลอบมองเจียงสูจิวเล็กน้อย

 "เมื่อวานกว่าจะจัดการปีศาจได้ก็ปายคล้อยเสียแล้ว ยังต้องตรวจสอบร่างของมันอีกก็เกือบมืดค่ำ ชวงนี้เริ่มหนาวแล้วเดินทางลำบาก ก็เลยพักที่โรงเตี๊ยมสักคืน...อีกทั้งเจออู่จวินได้รับบาดเจ็บ... ยังไมทันที่หลานซือจุยอธิบายเสร็จ ก็ได้ยินเสียงฟูหยกตกกระทบหินและคำถามที่โพล่งออกมา

"ทะ..ท่านว่าอย่างไรนะ!! เขาบาดเจ็บหรือ?"

"อ..เฮอใช่" หลานซือจุยตอบกลับควาตกใจกับท่าทีของเจียงลู่จิว

 "แต่เจ่อฮูจวินมได้เป็นอะไรมากเจ้าไม่ต้องเป็นห่วง"

"อา..เอ่อคือว่า.." แต่เหมือนเจียงลู่จิวพึ่งรู้ตัวว่าตนแสดงท่าทีตื่นตระหนกเกินควรออกไป

"ขะ..ข้าแค่ไม่อยากใหมีผู้ใดบาดเจ็บ ไม่ได้เป็นห่วงเขาคนนั้น!" เด็กหนุมแก้ตัวออกมาเสียงดั่ง

"อยู่สกุลหลานมาเป็นเดือน เจ้ายังไม่รู้อีกหรือไงว่าห้ามส่งเสียงดั่ง" เสียงดุเรียบๆดั่งขึ้นทำให้เด็กหนุ่มทุกคนให้หันไปสนใจ

"ท่านน้า " "ประมุขเจียง"

"อาเหนี..เอ่ออาเตี่ย"

จินหลิงและหลานจิ่งอี๋คาราวะเจียงเฉิง แต่ได้รับสายตาดุๆส่งกลับมา เจียงลู่จิวมองเลยไปยังข้างหลังเจียงเฉิงก็เห็นประมุขหลานกำลังเดินตามมา แสดงว่าเขาต้องได้ยินในสิ่งที่เด็กหนุ่มพูด

"ว่าอย่างไร ไม่ได้ยินที่ข้าถามรึ? เจียงหลิน" เจียงเฉิงถามย้ำบุตรชายของตน การกระทำของเด็กหนุ่มไม่ควรเป็นอย่างยิ่งโดยเฉพาะการเรียกบิดาของตนอย่างไมให้ความเคารพ

"ได้ยินขอรับ ลูกผิดเองที่เสียมารยาท" เจียงลู่จิวกัมหน้าลงอย่างสำนึกผิดและเสียใจที่ถูกอาเหนียงเร็ยกนามหลัก เพราะมื่อไหร่ที่เขาถูกอาเหนียงเรียกนามหลักนั่นหมายความว่าอาเหนียงกำลังโกรธเขาอย่างจริงจัง เขารู้ว่าสิ่งที่เขาทำนั้นไมหมาะสม แต่เขาไมสามารถควบคุมตนเองได้สักครั้งเมื่อเป็นเรื่องของประมุขหลาน

"หึ รู้ตัวก็ดี ข้าจำได้ว่าไม่เคยสอนให้เจ้าเรียกผู้ที่อาวุโสกว่าด้วยกิริยาแบบนั้นนะ รึชาเคยสอน" เจียงเฉิงดุขึ้นมาอีกครั้งหลานชีเฉินที่มองบุตรชายที่กัมหน้ากัมตาองียบๆก็อดที่จะสงสารไมได้

"มิเป็นไร หวั่นอิ๋น..ข้าไม่ถือ" หลานซีเฉินพยายามเกลี้ยกล่อมเจียงเฉิงไมให้ต่อว่าเด็กหนุ่ม

"หลานซีเฉิน ท่านอยาได้ตามใจเขา" เจียงเฉิงห์นมาปนคนรักหมาดๆของตนเล็กน้อยเจียงลู่จิวที่ยืนสำนึกผิดคราแรกเมื่อได้ยินสรรพนามที่ทั้งสองใช้เรียกกันก็รู้สึกถึงความผิดปกติ เด็กหนุมงยหน้าขึ้นมามองประมุขทั้งสองคนด้วยความสงสัยและขุนมัวในใจเล็กน้อย

"ดูท่านทั้งสองสนิทกันดีนะขอรับ" เจียงสูจิวพุดขึ้นเรียกความสนใจของคนที่ยืนอยุบริเวณนั้นหันไปมอง "ไม่เหมือนที่เคยได้ยินมาว่าประมุขหลานและประมุขเจียงพูดคุยกันแทบจะนับคำได้ แต่ฟังจากสรรพนามแล้ว สู่จิวคงเข้าใจผิดไป"

เจียงเฉิงเมื่อได้ยินบุตรชายพูดแบบนั้นก็สายหนัาเล็กน้อยดูชา เรื่องนี้คงต้องค่อยๆพูดคุยกับบุตรชายให้ดี เด็กคนนี้กำลังตั้งแกับบิดาของตนอย่างเปิดเผยหากผลีผลามทำอะไรรวดเร็วไปเจียงสู่จิวคงเตลิดเป็นแน

"กลับไปคุยกันที่เรือน" เจียงเฉิงบอกกับบุตรชายนิ่งๆ "หลานซีเฉิน ท่านมิต้องให้คนเตรียมเรือนให้ข้า หวั่นอิ๋นจะพักที่เรือนของศิษย์สกุลเจียง"

"แล้วแต่เจ้า หวั่นอิ๋น" หลานซีเฉินส่งยิ้มละมุนให้ ให้เจียงเฉิงรู้สึกเขินอายเล็กน้อย ก่อนจะเดินออกไปและมีจุดหมายเดียวคือเรือนรับรองศิษย์สกุลเจียงเจียงสู่จิวเมื่อเห็นอาเหนืยงเดินไปก่อนแล้วก็มีท่ว่าจะเดินตามไป เด็กหนุ่มมองหน้าหลานซีเฉินด้วยความไม่พอใจอย่างปิดไม่มิด แต่สิ่งที่ได้รับกลับมากลับเป็นรอยยิ้มที่ดูอบอุ่นใน เจียงลูจิวสะบัดหน้าหนีเพื่อปิดบังความรู้สึกสับสนของตนเองและจะเดินตามเจียงเฉิงออกไป

"เดี๋ยวก่อน คุณชายเจียง" ยังไม่ทันที่เจียงลู่จิวเดินออกไปก็ถูกรั้งไว้เสียก่อน เจียงสู่จิวไม่หันกลับไปมองแต่รับรู้ได้ว่าคนที่เอ่ยเรียกเขาไว้กำลังเดินเข้ามาหา

"เจ้าทำของตกไ!" คำบอกกล่าวของประมุขหลานทำให้เด็กหนุ่มหันไปมอง เห็นหลานซีเฉินยื่นฟูหยกที่เขาทำหล่นเพราะตกใจที่ได้ข่าวคนตรงหนำบาดเจ็บมาให้

"มะ..ไม่ใช่..ของข้า.."

"มันเป็นของเจ้า เป็นของเจ้ามาตลอดสิบห้าปี" หลานซีเฉินยังคงพูดด้วยใบหน้าประดับรอยยิ้มเหมือนเคย เหมือนกำลังพูดเรื่องดินฟ้าอากาศ ในขณะที่เจียงสู่จิวรู้สึกอึ้ง ดวงตาสีทองเฮ่อไปด้วยหยาดน้ำ เพราะทั้งสองรู้ในความหมายโดยในของประโยคนั้นหมายถึงอะไร

"ข้า..ไม่..รับ.." เจียงลู่จิวเอ่ยซ่าๆอยางชัดถ้อยซัดคำพร้อมกับน้ำตาที่ไหลลงมาอย่างไม่ขาดสาย

 "ทำไมพึ่งมาให้ข้า ท่านไมคิดว่ามันสายไปแล้วหรือ เจออุจวิน"

"สาย..สายไป...สายไปแล้ว" ใบหน้าเหล่าเหลาของเด็กหนุ่มสะบัดไปมาพร้อมกับหยาดน้ำตาที่ไหลริน เฮ่ยคำเดิมซ้ำไปซ้ำมาและเดินออกไปจากตรงนั้นอย่างรวดเร็วหลานซีเฉินมองภาพตรงหน้าด้วยความหนักอึ้งในห้วใจ เหมือนสิ่งที่หวังได้พังทลายลง สีหน้าที่เคยประดับด้วยรอยยิ้มตอนนี้ซีดเฝือดไร้เลือดฝาด มือใหญ่กำหยกแน่นจบเล็บจิกเข้าที่ฝ่ามือ เด็กฉลาดอย่างเจียงสุจิวเข้าใจในสิ่งที่เขาสื่อและแสดงออกชัดเจนว่าบุตรชายไม่ยอมรับเขา มันคงสายไปอย่างที่เจียงสู่จิวบอก สายเกินไป และเขาไม่คู่ควรเจียงลู่จิวเดินออกมาด้วยความรวดเร็ว ในหัวคิดแค่ว่าเขาต้องหนีจากสถานการณ์ตรงนั้นไมใช่แต่ตัวเขาที่หนีหากเป็นหัวใจของเขาด้วยที่กำลังหนีความจริงและปฏิเสธสิ่งที่รับรู้ในวันนี้

"อีก..ฝานมาตั้งสิบห้าปี..ก..ทำไม...ทำไม..กไม่เคยตามหา...กทำไมไม่เคยแสดงออกว่าท่านต้องการ..ฮึก..ข้า...อีก...ทำไม"

 เจียงสู่จิวยกมือปาดน้ำตาที่หลออกมาด้วยความน้อยเนื้อต่ำใจเขาใช้ชีวิตแค่กับอาเหนียงสองคนมาเกือบสิบห้ปี ไร้เงาของบิดาที่แท้จริง เด็กหนุ่มเคยถามแต่ก็ไม่ได้รับคำตอบ จนกระทั่งได้มาเรียนที่กูซูหลาน เขารับรู้ถึงความผูกพ้นบางอย่างกับประมุขหลานแต่การกระทำของประมุขคนนั้นปฏิบัติกับเขาอย่างห่างเหินเหมือนศิษย์ต่างสกุลคนนึง อีกทั้งเมื่อเจอกันครั้งแรกอีกฝ่ายก็ไม่ได้มีชาทีดีใจที่ได้พบเขา มันทำให้เด็กหนุ่มรู้สึกถึงการมีอยู่ของเขานั้นมิได้สำคัญอะไรกับประมุขหลาน แต่ไมกี่วันมานี้เขาคนนั้นกลับพึ่งมีท่าทีแปลกไป มันทำให้เจียงสูจิวสับสนเป็นอย่างมาก จนวันนี้ที่ประมุขหลานบอกกับเขาเป็นนัยๆว่าพวกเขาทั้งสองผูกกันทางสายเลือด มันทำให้เด็กหนุ่มถูกความรู้สึกที่อัดไวในใจถโถมขึ้นมา มันเป็นความรู้สึกเสียใจ ไมใช่เสียใจที่มีรู้ว่าใครคือบิดาที่แท้จริงแต่เป็นความเสียใจที่คิดว่าบิดาคงไมตั้งใจที่จะให้เขาเกิดมา แต่ต้องยอมรับว่าเขาเป็นบุตรเพราะจำใจ ที่ปากเร็วพูดออกไปวันนี้เพราะความเสียใจล้วนๆ

"ฮึก...ถ้ารู้ว่าอาเตี๋ย..ฮีก..เป็นใคร..จะเจ็บปวดขนาดนี้..ก..เลือกที่จะไมรู้เสียดีกว่า"

100%

...TBC....

เลือกตอน
1 Intro
2 บทที่ 1 แรกพบพาน
3 บทที 2 ทุกสิ่งล้วนน่าสงสัย
4 บทที่ 3 สิ่งที่เก็บซ่อนไว้ภายใน
5 บทที่ 4 เรื่องราวในอดีต 1
6 บทที่ 5 เรื่องราวในอดีต 2
7 บทที่ 6 เรื่องราวในอดีต 3
8 บทที่ 7 นานของเขา เจียงลู่จิว
9 บทที่ 8 ความสุขที่ควรได้รับ
10 บทที่ 9 หวนคืนเหลียนฮวาอู้
11 บทที่ 10 จดหมาจจากใครบางคน
12 บทที่ 11 ความรู้สึกภายในสู่ภายนอก
13 บทที่ 12 แว่วเสียงจากความจริง
14 บทที่ 13 ปลดปล่อยเรื่องราว
15 บทที่ 14 เพียงพร้องหน้า
16 บทที่ 15 ไม่เคยเกลียดชัง
17 บทที่ 16 งายสมรส
18 บทที่ 17 ค่ำคืนเฉลิมฉลอง
19 บทที่ 18 บุคคลชักใย
20 ตอนที่ 19 ลักพาตัว
21 ตอนที่ 20 อาเตี่ย
22 ตอนที่ 21 มิพลัดพราก (จบ)
เลือกตอน

อัพเดทถึงตอนที่ 22

1
Intro
2
บทที่ 1 แรกพบพาน
3
บทที 2 ทุกสิ่งล้วนน่าสงสัย
4
บทที่ 3 สิ่งที่เก็บซ่อนไว้ภายใน
5
บทที่ 4 เรื่องราวในอดีต 1
6
บทที่ 5 เรื่องราวในอดีต 2
7
บทที่ 6 เรื่องราวในอดีต 3
8
บทที่ 7 นานของเขา เจียงลู่จิว
9
บทที่ 8 ความสุขที่ควรได้รับ
10
บทที่ 9 หวนคืนเหลียนฮวาอู้
11
บทที่ 10 จดหมาจจากใครบางคน
12
บทที่ 11 ความรู้สึกภายในสู่ภายนอก
13
บทที่ 12 แว่วเสียงจากความจริง
14
บทที่ 13 ปลดปล่อยเรื่องราว
15
บทที่ 14 เพียงพร้องหน้า
16
บทที่ 15 ไม่เคยเกลียดชัง
17
บทที่ 16 งายสมรส
18
บทที่ 17 ค่ำคืนเฉลิมฉลอง
19
บทที่ 18 บุคคลชักใย
20
ตอนที่ 19 ลักพาตัว
21
ตอนที่ 20 อาเตี่ย
22
ตอนที่ 21 มิพลัดพราก (จบ)

กกาวน์โหลดทันที

ชอบผลงานนี้ไหม? ดาวน์โหลดแอพ บันทึกการอ่านของคุณจะไม่สูญหาย
กกาวน์โหลดทันที

โบนัส

ผู้ใช้ใหม่ที่ดาวน์โหลดแอพสามารถปลดล็อค 10 ตอนได้ฟรี

รับ
NovelToon
เปิดประตูต่างภพ
เพื่อวิธีการเล่นเพิ่มโปรดดาวน์โหลดMangatoon APP!