...เพียงพร้อมหน้า...
เช้าวันใหม่ในยามเหม่า ช่วงเวลาตื่นนอนในยามปกติของคนตระกูลหลาน ประมุขหลานขยับตัวเล็กน้อย รับรู้ถึงน้ำหนักที่กดทับที่แขนของตน ดวงตากลมสีทองศอยๆลืมขึ้นปรับสภาพให้คุ้นชิน มองไปที่ร่างของเจียงเฉิงที่ตนนั้นกอดอยู่ด้วยหัวใจที่ฟูฟอง สิ่งที่เขาเฝ้าฝันว่าอยากตื่นขึ้นมาเจอคนรักเป็นคนแรกนั้นเป็นจริงเสียที
หลานซีเฉินก้มลงไปจุมพิตที่กลุ่มผมของเจียงเฉิงเล็กน้อยก่อนจะขยับตัวให้เบาที่สุดเพราะยังไม่ถึงเวลาตื่นนอนของอีกคน มือใหญ่หยิบผ้าขึ้นมาห่มให้อีกคนอย่างเบามือ แล้วจึงลุกขึ้นมาแต่งตัวให้เรียบร้อยก่อนจะลงไปช้างล่างโรงเตี๊ยม
"เจ๋ออจวิน" หลานซือจุยคาราวะประมุขของตน
"ชื่อจุย ตื่นกันหมดแล้วใช่ไหม?" หลานซีเฉินถามถึงศิษย์คนอื่นๆ
"ตื่นกันหมดแล้วขอรับ เจอฮูจวินจะออกเดินทางกลับกูซูหลานเลยหรือไม่ขอรับ"
"ยัง....พวกเจ้าทานอาหารเช้าให้เรียบร้อยเสียก่อนค่อยกลับกัน" หลานซีเฉินบอก เด็กหนุ่มพยักหน้ารับอย่างเข้าใจ
"เจ่ออู่จวิน จะรับสำรับข้างล่างหรือบนห้องขอรับ" หลานซื้อจุยเอ่ยถาม แต่ปกติแล้วนั้นประมุขหลานจะทานอาหารพร้อมพวกเขาอย่างกันเอง
"บนห้อง เอาสำรับมาสำหรับสองคน"เจียงเฉิงขยับตัวเล็กรับรู้ถึงไออุ่นที่จางไป ดวงตารูปเมล็ดซิ่งลืมขึ้นมามองเพดานนิ่งๆเพื่อปรับสภาพ แล้วค่อยๆมองสำรวจไปทั่วห้อง หลานซีเฉินไม่อยู่ในห้องแล้ว มือเรียวค่อยๆยันตัวเองลุกขึ้นนั่งเพื่อแต่งตัวให้เรียบร้อย แต่ทุกการขยับตัวทำเจียงเฉิงเจ็บจนต้องเป้หน้า
"อุยย..เจ็บชะมัด" ถึงจะปนออกมาแต่ก็ต้องลุกขึ้นมาแต่งตัวให้เรียบร้อยสภาพเขาตอนนี้หากใครมาเจอเข้าคงไม่ดีนักยังไม่ทันที่เจียงเฉิงลุกขึ้นนั่งได้ ประตูห้องก็ถูกผลักเข้ามา เจียงเฉิงรีบเอาผ้าหมมาคลุมตนเองไว้ด้วยความตกใจ ก่อนจะถอนหายใจอย่างโสงอกเมื่อเห็นว่าใครคือคนที่เปิดประตูเข้า
"หวั่นอิ๋น...เจ้าตื่นแล้ว" หลานซีเฉินเอ่ยทักเมื่อเห็นคนรักนั่งอยู่บนตั่งนอน
"อิ่มมม..ท่านไปไหนมา" เจียงเฉิงเอ่นถามขณะที่กำลังลุกขึ้นมาแต่งตัว
"ลงไปสั่งสำรับมาให้เจ้า" หลานซีเฉินตอบพร้อมรอยยิ้ม เจียงเฉิงพยักหน้ารับรู้
"พี่ว่าจะถามเจ้าเมื่อคืน ก็ลืมไปเสียสนิท" ประมุขหลานเอ่ยขึ้นเมื่อนึกขึ้นได้
"เจ้ารู้ได้อยางไรว่าพี่อยู่ที่นี่?"
เจียงเฉิงส่งยิ้มกลับไปให้อีกคนเล็กน้อยก่อนเอ่ยตอบ
"บังเอิญหนะ ข้ามิได้กลับมากูซูเสียนานเลยแวะสำรวจความเปลี่ยนแปลงของตำบลไฉอีเสียหน่อย....แต่เจอท่านเสียก่อน ก็คิดได้ว่าควรจะพุดคุยกันอย่างจริงจังเสียที"
เจียงเฉิงตอบคำถามขณะกำลังมัดรวบผมของตนขึ้นเพื่อสวมกวาน ให้สมกำฐานะประมุขหลานซีเฉินเห็นดังนั้นก็เขาไปชวย ทั้งศูสบตากันฝานกระจกที่เจียงเฉิงกำลังใช้อยู่ การกระทำของพวกเขาทั้งสองมิต่างกับสามีภรรยา
"ขอบคุณท่าน"
ตึก ตึก ตึก เสียงบางอย่างกระทบกับบานประตูทำให้ทั้งสองหันไปมองด้วยความสนใจ
"เจ๋ออู๋จวินขอรับ ซือจุยนำสำรับมาให้" เสียงของหลานซือจุยดั่งออกมาจากด้านนอก
"หวั่นอิ๋น เจ้าพร้อมจะให้คนในสกุลพบเจ้าหรือไม่" หลานซีเฉินเอ่ยถามอีกคนด้วยความเป็นห่วง เจียงเฉิงอาจจะยังไม่พร้อมใหใครรับรู้เรื่องนี้
"หากข้าไม่พร้อม ข้าไม่ยอมทำแบบนั้นกับท่านหรอกนะ หลานฮวั่น อีกอย่างหลานซือจุยไม่นำไปพูดในทางเสียหายแน่นอนข้เชื่อ" เจียงเฉิงสายหน้าที่ประดับรอยยิ้มไปให้หลานซีเฉิน
"แต่แค่ซือจุยเท่านั้น เราควรคุยกับลู่จิวเสียก่อน"
"ได้เสมอ...เข้ามาเถิดซือจุย" เอ่ยรับคำคนรักแล้วเอ่ยอนุญาตคนที่อยู่ด้านนอกหลานซือจุยเปิดประตูเข้ามาด้านในพร้อมถาดสำรับอาหาร เด็กหนุ่มดูอึ้งไปเมื่อเห็นว่าใครอยู่ภายในห้องนอนของประมุขของตน หลานซื้อจุยจ้องไปที่เจียงเฉิงไม่ละสายตาเพราะคิดว่าตนอาจจะเห็นเป็นภาพลวงตา
"เจ้าจะจ้องข้า จนทะลุไปข้างหลั่งหรืออย่างไร" เจียงเฉิงเอ่ยเสียงดุแบบไม่จริงจ้งนักออกจะเอ็นดูเด็กหนุ่มเสียมากกว่า
"ป...ประมุขเจียง" หลานซือจุยพูดออกมาไม่เต็มเสียงนักด้วยความงงงวยกับสิ่งที่เจอ
"ชื่อจุย อย่าเสียมารยาท" เสียงนุ่มๆของประมุขหลานเรียกให้สติของเด็กหนุ่มกลับเข้าร่าง
"คาราวะประมุขเจียง ซือจุยเสียมารยาทแล้วขออภัย"
"หลานซือจุย เจ้าอยาได้พูดเรื่องที่เจ้าพบข้อยู่กับประมุขหลานตอนนี้ ให้ใครฟังเป็นอันขาดได้หรือไม่?"
"จะ..อรับ" หลานซือจุยรับปากอย่างไม่เต็มเสียงนัก เขาหนะโกหกไม่เป็น หากถูกถามเขาจะเลี่ยงตอบอย่างไร นี่ช่างเป็นโจทก์ที่ยากนัก
อวิ่นเซินปู้จื่อยู่ , กูซูหลาน
เจียงลู่จิวรู้สึกร้อนใจ ก่อนออกมาจากเหลียงฮวาอู้ อาเหนียงบอกเขาว่าอีกสามวันจะตามมาแต่นี่เชาวันที่สี่ไปแล้วยังไม่เห็นคนที่ควรจะมาถึงกูซูหลานได้แล้ว หลังเรียนเสร็จเด็กหนุ่มจึงออกมาเตรีดเตรแถวหน้าประตูทางเข้าเพื่อรอรับหากอาเหนียงมาถึงแล้ว เขาแค่มารออาเหนียงคนเดียวเท่านั้นมิได้มารอใครอื่นอีก
"วันนี้ทำไมเจ้าดูร้อนลนนักอาสู่" จินหลิงเอ่ยถามเมื่อรับรู้ได้ว่าญาติผู้น้องของตนนั้นคอยชะเง้อไปที่ประตูทางเข้าตลอดเวลา
"ไม่มีอะไรขอรับ ข้าแค่รออาเหนี...อาเตี่ยนะ" เจียงลู่จิวอยู่ไม่เป็นสุขจนเกือบเรียกเจียงเฉิงว่าอาเหนียงต่อหน้าจินหลิง และหลานจิ่งอี๋
"เดี๋ยวท่านน้าก็มาเจ้าอย่าได้กังวลไป เขาไม่ได้มาที่นี่เสียนานคงแวะเที่ยวชมบ้านเมืองอยู่หละมั้ง" จินหลิงบอกตามความคิดของตน
"เราไปหลังเขากันดีกว่า อีกไม่กี่วันก็จะมีงานใหญ่แขกมามากมายเราคงไม่มีเวลาเที่ยวเล่นอีกหลายวัน วันนี้ข้าจะเล่นให้เต็มที่เลย"
"ก..!ได้" เด็กหนุมตอบญาติผู้พี่เสียงอ่อย แล้วค่อยเดินตามจินหลิงออกไป แต่ยังเดินไปไม่ถึงสิบก้าวก็ได้ยินเสียงหลานจิ่งอี๋เรียกใครสักคนเสียก่อน
"ซือจุย กลับมาแล้วหรือ?" หลานจิ่งอี๋เอ่ยทักคนที่กำลังเดินฝานประตูเข้ามาพร้อมกับศิษย์สกุลหลานสี่ห้าคน ซือจุยพนักหน้าเป็นคำตอบพร้อมรอยยิ้ม
"ซือจุยซยง เป็นอย่างไรบ้าง?" เจียงสู่จิวเอ่ยถามพร้อมกับมองไปข้างหลังหลานซือจุยเมื่อไม่พบคนที่ควรจะกลับมาพร้อมกัน
"ปีศาจตนนั้น มีลักษณะเดียวกับที่พวกเราเจอที่อวิ่นเมิ่ง แต่ดุร้ายและมีพลังมากกว่า เจ่อฮูจวินจะหารือกับประมุขสกุลอื่นหลั่งจากงนสมรสของหานกวงจวินกับผู้อาวุโสเว่ย" หลานซือจุยอธิบายออกมา เด็กหนุ่มทั้งสามมีสีหน้าเครงเครียดทันทีที่ได้ยิน นี่ไมใช่เหตุบังเอิญแต่มีคนจงใจปล่อยมันออกมา
"แล้ว..."เจียงลู่จิวเหมือนอยากจะถามอะไรสักอย่างแต่ก็เงียบไป
"ปกติไม่ค้างแรมนี่นา หากไมเกิดเหตุสุดวิสัยขึ้น" หลานจิ่งอี๋พูดขึ้นอย่างสงสัย
"เกิดอะไรขึ้นหรือเปล่าหลานเวี่ยน" จินหลิงเฮยถามด้วยความเป็นห่วงและรู้สึกถึงสิ่งผิดปกติประมุขหลานควรจะกลับมาพร้อมกันแต่เขากลับไม่เห็น
"คือว่า.." หลานซือจุยลอบมองเจียงสูจิวเล็กน้อย
"เมื่อวานกว่าจะจัดการปีศาจได้ก็ปายคล้อยเสียแล้ว ยังต้องตรวจสอบร่างของมันอีกก็เกือบมืดค่ำ ชวงนี้เริ่มหนาวแล้วเดินทางลำบาก ก็เลยพักที่โรงเตี๊ยมสักคืน...อีกทั้งเจออู่จวินได้รับบาดเจ็บ... ยังไมทันที่หลานซือจุยอธิบายเสร็จ ก็ได้ยินเสียงฟูหยกตกกระทบหินและคำถามที่โพล่งออกมา
"ทะ..ท่านว่าอย่างไรนะ!! เขาบาดเจ็บหรือ?"
"อ..เฮอใช่" หลานซือจุยตอบกลับควาตกใจกับท่าทีของเจียงลู่จิว
"แต่เจ่อฮูจวินมได้เป็นอะไรมากเจ้าไม่ต้องเป็นห่วง"
"อา..เอ่อคือว่า.." แต่เหมือนเจียงลู่จิวพึ่งรู้ตัวว่าตนแสดงท่าทีตื่นตระหนกเกินควรออกไป
"ขะ..ข้าแค่ไม่อยากใหมีผู้ใดบาดเจ็บ ไม่ได้เป็นห่วงเขาคนนั้น!" เด็กหนุมแก้ตัวออกมาเสียงดั่ง
"อยู่สกุลหลานมาเป็นเดือน เจ้ายังไม่รู้อีกหรือไงว่าห้ามส่งเสียงดั่ง" เสียงดุเรียบๆดั่งขึ้นทำให้เด็กหนุ่มทุกคนให้หันไปสนใจ
"ท่านน้า " "ประมุขเจียง"
"อาเหนี..เอ่ออาเตี่ย"
จินหลิงและหลานจิ่งอี๋คาราวะเจียงเฉิง แต่ได้รับสายตาดุๆส่งกลับมา เจียงลู่จิวมองเลยไปยังข้างหลังเจียงเฉิงก็เห็นประมุขหลานกำลังเดินตามมา แสดงว่าเขาต้องได้ยินในสิ่งที่เด็กหนุ่มพูด
"ว่าอย่างไร ไม่ได้ยินที่ข้าถามรึ? เจียงหลิน" เจียงเฉิงถามย้ำบุตรชายของตน การกระทำของเด็กหนุ่มไม่ควรเป็นอย่างยิ่งโดยเฉพาะการเรียกบิดาของตนอย่างไมให้ความเคารพ
"ได้ยินขอรับ ลูกผิดเองที่เสียมารยาท" เจียงลู่จิวกัมหน้าลงอย่างสำนึกผิดและเสียใจที่ถูกอาเหนียงเร็ยกนามหลัก เพราะมื่อไหร่ที่เขาถูกอาเหนียงเรียกนามหลักนั่นหมายความว่าอาเหนียงกำลังโกรธเขาอย่างจริงจัง เขารู้ว่าสิ่งที่เขาทำนั้นไมหมาะสม แต่เขาไมสามารถควบคุมตนเองได้สักครั้งเมื่อเป็นเรื่องของประมุขหลาน
"หึ รู้ตัวก็ดี ข้าจำได้ว่าไม่เคยสอนให้เจ้าเรียกผู้ที่อาวุโสกว่าด้วยกิริยาแบบนั้นนะ รึชาเคยสอน" เจียงเฉิงดุขึ้นมาอีกครั้งหลานชีเฉินที่มองบุตรชายที่กัมหน้ากัมตาองียบๆก็อดที่จะสงสารไมได้
"มิเป็นไร หวั่นอิ๋น..ข้าไม่ถือ" หลานซีเฉินพยายามเกลี้ยกล่อมเจียงเฉิงไมให้ต่อว่าเด็กหนุ่ม
"หลานซีเฉิน ท่านอยาได้ตามใจเขา" เจียงเฉิงห์นมาปนคนรักหมาดๆของตนเล็กน้อยเจียงลู่จิวที่ยืนสำนึกผิดคราแรกเมื่อได้ยินสรรพนามที่ทั้งสองใช้เรียกกันก็รู้สึกถึงความผิดปกติ เด็กหนุมงยหน้าขึ้นมามองประมุขทั้งสองคนด้วยความสงสัยและขุนมัวในใจเล็กน้อย
"ดูท่านทั้งสองสนิทกันดีนะขอรับ" เจียงสูจิวพุดขึ้นเรียกความสนใจของคนที่ยืนอยุบริเวณนั้นหันไปมอง "ไม่เหมือนที่เคยได้ยินมาว่าประมุขหลานและประมุขเจียงพูดคุยกันแทบจะนับคำได้ แต่ฟังจากสรรพนามแล้ว สู่จิวคงเข้าใจผิดไป"
เจียงเฉิงเมื่อได้ยินบุตรชายพูดแบบนั้นก็สายหนัาเล็กน้อยดูชา เรื่องนี้คงต้องค่อยๆพูดคุยกับบุตรชายให้ดี เด็กคนนี้กำลังตั้งแกับบิดาของตนอย่างเปิดเผยหากผลีผลามทำอะไรรวดเร็วไปเจียงสู่จิวคงเตลิดเป็นแน
"กลับไปคุยกันที่เรือน" เจียงเฉิงบอกกับบุตรชายนิ่งๆ "หลานซีเฉิน ท่านมิต้องให้คนเตรียมเรือนให้ข้า หวั่นอิ๋นจะพักที่เรือนของศิษย์สกุลเจียง"
"แล้วแต่เจ้า หวั่นอิ๋น" หลานซีเฉินส่งยิ้มละมุนให้ ให้เจียงเฉิงรู้สึกเขินอายเล็กน้อย ก่อนจะเดินออกไปและมีจุดหมายเดียวคือเรือนรับรองศิษย์สกุลเจียงเจียงสู่จิวเมื่อเห็นอาเหนืยงเดินไปก่อนแล้วก็มีท่ว่าจะเดินตามไป เด็กหนุ่มมองหน้าหลานซีเฉินด้วยความไม่พอใจอย่างปิดไม่มิด แต่สิ่งที่ได้รับกลับมากลับเป็นรอยยิ้มที่ดูอบอุ่นใน เจียงลูจิวสะบัดหน้าหนีเพื่อปิดบังความรู้สึกสับสนของตนเองและจะเดินตามเจียงเฉิงออกไป
"เดี๋ยวก่อน คุณชายเจียง" ยังไม่ทันที่เจียงลู่จิวเดินออกไปก็ถูกรั้งไว้เสียก่อน เจียงสู่จิวไม่หันกลับไปมองแต่รับรู้ได้ว่าคนที่เอ่ยเรียกเขาไว้กำลังเดินเข้ามาหา
"เจ้าทำของตกไ!" คำบอกกล่าวของประมุขหลานทำให้เด็กหนุ่มหันไปมอง เห็นหลานซีเฉินยื่นฟูหยกที่เขาทำหล่นเพราะตกใจที่ได้ข่าวคนตรงหนำบาดเจ็บมาให้
"มะ..ไม่ใช่..ของข้า.."
"มันเป็นของเจ้า เป็นของเจ้ามาตลอดสิบห้าปี" หลานซีเฉินยังคงพูดด้วยใบหน้าประดับรอยยิ้มเหมือนเคย เหมือนกำลังพูดเรื่องดินฟ้าอากาศ ในขณะที่เจียงสู่จิวรู้สึกอึ้ง ดวงตาสีทองเฮ่อไปด้วยหยาดน้ำ เพราะทั้งสองรู้ในความหมายโดยในของประโยคนั้นหมายถึงอะไร
"ข้า..ไม่..รับ.." เจียงลู่จิวเอ่ยซ่าๆอยางชัดถ้อยซัดคำพร้อมกับน้ำตาที่ไหลลงมาอย่างไม่ขาดสาย
"ทำไมพึ่งมาให้ข้า ท่านไมคิดว่ามันสายไปแล้วหรือ เจออุจวิน"
"สาย..สายไป...สายไปแล้ว" ใบหน้าเหล่าเหลาของเด็กหนุ่มสะบัดไปมาพร้อมกับหยาดน้ำตาที่ไหลริน เฮ่ยคำเดิมซ้ำไปซ้ำมาและเดินออกไปจากตรงนั้นอย่างรวดเร็วหลานซีเฉินมองภาพตรงหน้าด้วยความหนักอึ้งในห้วใจ เหมือนสิ่งที่หวังได้พังทลายลง สีหน้าที่เคยประดับด้วยรอยยิ้มตอนนี้ซีดเฝือดไร้เลือดฝาด มือใหญ่กำหยกแน่นจบเล็บจิกเข้าที่ฝ่ามือ เด็กฉลาดอย่างเจียงสุจิวเข้าใจในสิ่งที่เขาสื่อและแสดงออกชัดเจนว่าบุตรชายไม่ยอมรับเขา มันคงสายไปอย่างที่เจียงสู่จิวบอก สายเกินไป และเขาไม่คู่ควรเจียงลู่จิวเดินออกมาด้วยความรวดเร็ว ในหัวคิดแค่ว่าเขาต้องหนีจากสถานการณ์ตรงนั้นไมใช่แต่ตัวเขาที่หนีหากเป็นหัวใจของเขาด้วยที่กำลังหนีความจริงและปฏิเสธสิ่งที่รับรู้ในวันนี้
"อีก..ฝานมาตั้งสิบห้าปี..ก..ทำไม...ทำไม..กไม่เคยตามหา...กทำไมไม่เคยแสดงออกว่าท่านต้องการ..ฮึก..ข้า...อีก...ทำไม"
เจียงสู่จิวยกมือปาดน้ำตาที่หลออกมาด้วยความน้อยเนื้อต่ำใจเขาใช้ชีวิตแค่กับอาเหนียงสองคนมาเกือบสิบห้ปี ไร้เงาของบิดาที่แท้จริง เด็กหนุ่มเคยถามแต่ก็ไม่ได้รับคำตอบ จนกระทั่งได้มาเรียนที่กูซูหลาน เขารับรู้ถึงความผูกพ้นบางอย่างกับประมุขหลานแต่การกระทำของประมุขคนนั้นปฏิบัติกับเขาอย่างห่างเหินเหมือนศิษย์ต่างสกุลคนนึง อีกทั้งเมื่อเจอกันครั้งแรกอีกฝ่ายก็ไม่ได้มีชาทีดีใจที่ได้พบเขา มันทำให้เด็กหนุ่มรู้สึกถึงการมีอยู่ของเขานั้นมิได้สำคัญอะไรกับประมุขหลาน แต่ไมกี่วันมานี้เขาคนนั้นกลับพึ่งมีท่าทีแปลกไป มันทำให้เจียงสูจิวสับสนเป็นอย่างมาก จนวันนี้ที่ประมุขหลานบอกกับเขาเป็นนัยๆว่าพวกเขาทั้งสองผูกกันทางสายเลือด มันทำให้เด็กหนุ่มถูกความรู้สึกที่อัดไวในใจถโถมขึ้นมา มันเป็นความรู้สึกเสียใจ ไมใช่เสียใจที่มีรู้ว่าใครคือบิดาที่แท้จริงแต่เป็นความเสียใจที่คิดว่าบิดาคงไมตั้งใจที่จะให้เขาเกิดมา แต่ต้องยอมรับว่าเขาเป็นบุตรเพราะจำใจ ที่ปากเร็วพูดออกไปวันนี้เพราะความเสียใจล้วนๆ
"ฮึก...ถ้ารู้ว่าอาเตี๋ย..ฮีก..เป็นใคร..จะเจ็บปวดขนาดนี้..ก..เลือกที่จะไมรู้เสียดีกว่า"
100%
...TBC....
***ดาวน์โหลด NovelToon เพื่อเพลิดเพลินไปกับประสบการณ์การอ่านที่ดียิ่งขึ้น!***
อัพเดทถึงตอนที่ 22
Comments