บทที่ 11 ความรู้สึกภายในสู่ภายนอก
เช้าวันเดินทางกลับอวิ่นเซินปู้จื่อฉู่ เจียงเฉิง เว่ยอู๋เซี่ยนและหลานวั่งจีร่วมทานมื้อเช้าด้วยกันเช่นเคย เขายอมรับว่านี่คืออีกหนึ่งสิ่งที่เขาปรารถนา การได้ทานมื้อเช้าร่วมกันอย่างพร้อมหน้าพร้อมตาพร้อมกับพี่ชายบุญธรรมหากหญิงยังอยู่คงดีกว่านี้มาก
"เรื่องกราบไหว้ฟ้าดินจะเลื่อนขึ้นมาเร็วขึ้นหรือไม่" เจียงถามพร้อมกับมองไปที่เว่ยอู๋เชี่ยนที่นั่งส้ปหงกอยู่ทั้งๆที่มือกำลังคีบอาหารเข้าปาก
"หากตามกำหนดเดิเดือนหน้า ข้าว่าเจ้าไม่ไหวแน่" เจียงเฉิงว่า ช่วงเดือนที่สองและสามของการตั้งครรภ์ร่างกายแปรปวนเป็นอย่างมากอีกทั้งเป็นช่วงที่แพ้ท้องหนัก เว่ยอู๋เซี่ยนคงเข้าพิธีไม่ไหวเป็นแน่
"อีกสิบวัน" หลานวั่งจีพูด เขาส่งข่าวเรื่องเว่ยอิงไปให้พี่ชายผ่านผีเสื้อสื่อสารแล้ว
"ซยงจ่างกำลังเร่งเตรียม"
เจียงเฉิงพยักหน้าเข้าใจ เว่ยอู๋เซี่ยนที่ระแคะระคายเรื่องของน้องชายบุญธรรมกับประมุขสกุลหลาน จึงเอ่ยปากชวนอีกคนไปกูซุหลานด้วยกัน
"นี่ เจียงเฉิง ไหนๆงานก็เร่งรัดมาขนาดนี้ เจ้าไปกูซูพร้อนข้าเลยดีกว่า"
"เจ้านี่ช่างเหลวไหล งานประมุขสกุลข้าก็มี จะให้ข้าไปเที่ยวเล่นตามใจได้อย่างไรนานขนาดนั้น ที่นั่นก็ไม่ใช่บ้านของข้าเสียหน่อย" เจียงเฉิงบ่นเว่ยอู๋เชี่ยนเสียยืดยาว ด้านปรมาจารย์อี๋หลิงแทนที่จะสำนึกกลับยิ้มเอ็นดูน้องชาย เจียงเฉิงคนเดิมกลับมาแล้ว
"เดี๋ยวก็ใช่" หลานวั่งจีเอ่ยขึ้นมาเสียงเรียบ เจียงเฉิงตวัดตามอง ใครบอกหลานวั่งจี สุขุม เย็นชา ที่เจียงเฉิงเห็นนั้นไม่ใช่เลยกนิด ชายคนนี้ถึงจะพูดเพียงไม่กี่คำแต่ทุกคำนั้นล้วนแสนกวน
"เหอะ!...." เจียงเฉิงทำเสียงขึ้นจมูกอย่างที่ชอบทำเวลาไม่พอใจ แต่ยังไม่ทันได้เอ่ยอะไรมากกว่านี้ก็ได้ยินเสียงวิ่งตึงต้งจากศิษย์ในสกุลกำลังวิ่งหน้าตื่นเข้ามา
"มีอะไรกันถึงได้วิ่งหน้าตั้งมาเชียว" เจียงเฉิงถามศิษย์สกุลที่ยืนหอบอยู่
"แฮ่ก..เหล่าคุณชายกลับมาแล้วขอรับ"
"กลับมาก็ดีแล้วนี่ เจ้าจะตื่นเต้นไปใย ทำเสียงดั่งเอะอะมะเทิ่งไม่เกรงใจแขกเสียเลย" เจียงเฉิงบ่นให้ศิษย์เสียชุดใหญ่
"ต..แต่ท่านประมุข...ค...คุณชายน้อย" ศิษย์ผู้นั้นเริ่มอึกอัก เมื่อเห็นตาเฉี่ยวรูปเมล็ดซิ่งจ้องมองอยู่
"ลู่จิวเป็นอะไร มีอะไรก็รีบพูดมา"
"คุณชายน้อย...บ...บาดเจ็บขอรับ!" แจ้งข่าวแก่ประมุขและแขกอย่างร้อนรนและรีบก้มหน้าลงอย่างรวดเร็ว
"ว่าอย่างไรนะ!!! / เจ้าว่าไงนะ!! / หืม!" ทั้งสามตกใจกับข่าวที่พึ่งได้รู้ เจียวลู่จิวบาดเจ็บนี่มันเกิดอะไรขึ้น
"ตอนนี้พวกเขาอยู่ไหน?" เป็นเว่ยอู๋เซี่ยนที่เอ่ยถามให้ได้ความ
"โถงสกุลขอรับ"
เด็กหนุ่มทั้งสี่นั่งคุกเข่าสำนึกผิดอยู่ที่หน้าบัลลังก์ดอกบัวเก้ากลีบภายในโถงสกุล เสียงฝีเท้าเร็วสลับช้าสามคู่นั้นกำลังเดินเข้ามาภายในโถง หลานจิ่งอี่ใจแทบหยุดเต้นเมื่อได้ยินเสียงประมุขสกุลเจียง
"อาลู่!" เจียงเฉิงรีบประชิดตัวบุตรชายแล้วประคองเด็กหนุ่มขึ้นสำรวจ พบว่าแขนด้านซ้ายของเจียงลู่จิวนั้นอาภรณ์ขาดวิ่น ตามแขนมีเลือดที่แห้งแล้วเกาะกรังเป็นบางส่วน แขนของเด็กหนุ่มมีรอยแผลที่คาดว่าเกิดจากกรงเล็บของสัตว์อยู่
"อาเหนื...อ...อาเตี๋ยใจเย็นขอรับข้ามิได้เป็นอะไรมาก" เจียงลู่จิวเอ่ยพร้อมกับลูบแขนมารดาขึ้นลงเพื่อให้เจียงเฉิงใจเย็น
"แล้วนี่มันเกิดอะไรขึ้น ทำไมลู่จิวบาดเจ็บ"เว่ยอู๋เซี่ยนเอ่ยถามออกมาหลานจิ่งอี๋ลุกขึ้น เดินมาหาประมุขเจียงและคุกเข่าลง เจียงเฉิงมองเด็กหนุ่มปากไวด้วยความงงงวย
"เป็นความผิดจิ่งอี๋เองขอรับ ข้าประมาทคิดว่าสัตว์ปีศาจตัวนั้นตายแล้ว จึงเดินเข้าไปโดยไม่ทันระวัง แต่มันจะทำร้ายข้า คุณชายเจียงเห็นเหตุการณ์จึงผลักข้าออกเขาเลยบาดเจ็บเสียเอง " หลานจิ่งอี๋สารภาพถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เจียงเฉิงถอนหายใจด้วยความโล่งอกเพราะบุตรชายตนเองนั้นก็ไม่ได้บาดเจ็บมากมายอะไร
"แล้วพวกเจ้าเล่า ไม่บาดเจ็บตรงหนใช่หรือไม่?" เจียงเฉิงถามด้วยน้ำเสียงอ่อนลงด้วยความเป็นห่วง
"ไม่ขอรับ" เด็กหนุ่มทั้งสามตอบ
"และสัตว์ปีศาจตนนั้น สิ้นชีพแล้วขอรับ ด้วยฝีมือของคุณชายเจียง" หลานซือจุยเอ่ยถึงความดีความชอบของเจียงลู่จิวผู้อาวุโสทั้งสามมองตามไปที่เจียงลู่จิว เจียงเฉิงยกมือขึ้นลูบศีรษะบุตรชายเป็นการชื่นชม
"ทำได้ดีมากอาลู่"
"เจ้าเก่งมากลู่จิว เก่งเหมือนลุงเว่ยของเจ้า" เว่ยอู๋เซียนกล่าวชื่นชมหลานชายตามฉบับตน เรียกสีหน้าระอาจากเจียงเฉิงและรอยยิ้มขำของหลานชายได้ดี
"ทำได้ดี" คำชมประโยคสั้นๆของบุรุษในอาภรณ์สีขาวที่กล่าวออกมายิ่งเรียกรอยยิ้มกว้างจากเด็กหนุ่ม
"ขอบคุณขอรับหานกวงจวิน ท่านลุงเว่ย" เด็กหนุ่มหันไปคำนับให้ผู้อาวุโสทั้งสอง
"หลานจิ่งอี๋ เจ้าอย่าได้กังวลไป ข้ามิได้ถือโทษโกรธเจ้า แต่อยากให้เจ้าจำเอาไว้อย่าได้ประมาทตอนออกล่าภูตผี เจ้าอาจจะไม่โชคดีเหมือนคราวนี้ เจ้าอาจจะบาดเจ็บกว่านี้ เข้าใจหรือไม่ พวกเจ้าทั้งหมดลุกขึ้นเถิด" เจียงเฉิงกล่าวกับหลานจิ่งอี๋ด้วยน้ำเสียงที่มิได้อ่อนโยนเลย แต่เด็กหนุ่มที่นั่งคุกเข่าอยู่นั้นกลับน้ำตาคลอด้วยความตื้นตันใจ เขาเตรียมใจไว้แล้วว่าจะต้องถูกประมุขเจียงลงโทษ กลับกลายเป็นว่านอกจากจะไม่โดนลงโทษแล้ว เขายังได้รับรู้ถึงความเป็นห่วงจากอีกคน ประมุขเจียงนั้นปากร้ายใจดีเหมือนกับที่จินหลิงและเจียงลู่จิวเล่าให้ฟังจริงๆ
"จิ่งอี๋เข้าใจแล้วขอรับ ขอบคุณและขอโทษประมุขเจียง" หลานจิ่งอี๋ลุกขึ้นคำนับเจียงเฉิง
"ในส่วนของข้า มิมีอะไรแล้ว แต่ในส่วนของสกุลหลานข้าไม่เข้าไปยุ่ง ทางสกุลเจ้าจะมีบทเรียนอย่างไรให้หานกวงจวินจัดการเถิด" ดีใจยังไม่ทันไรหลานงอี๋ก็ใจตกไปถึงตาตุ่มอีกครา เขาลืมไปได้อย่างไรว่าเขาติดตามใครมา หลานจิ่งอี๋กลืนน้ำลายค่อยๆหั้นไปมองหานกวงจินพบว่าอีกฝ่ายมองเขาเรียบนิ่งเหมือนเดิม
"หานกวงจวินท่านอย่าลงโทษจิ่งอี๋ซยงเลย ข้าเองก็ผิดด้วยที่ไม่ระวังเช่นกัน"เจียงลู่จิวออกตัวแทน หลานวั่งจีเสมองไปที่เด็กหนุ่มสกุลเจียง
"ต้องแจ้งซยงจ่างและท่านอา" หลานวั่งจีเอ่ยขึ้น หลานจิ่งอี๋ถอนหายใจด้วยความโล่งอกอย่างน้อยถูกประมุขหลานและท่านอาจารย์ลงโทษคงไม่หนักเท่าหลานวั่งจีลงโทษเอง เขาเคยโดนทุกคนลงโทษมาแล้ว หลานจิ่งอี๋ยืนยันได้เลยว่าบทลงโทษของหลานวั่งจีนั้นโหดที่สุด
"มีอีกเรื่องที่ต้องแจ้งพวกท่าน" หลานซือจุยพูดขึ้นเมื่อเห็นว่าเหตุการณ์สงบลงแล้ว
"สัตว์ปีศาจตัวนั้น มีไอมารแผ่กระจายออกมาเล็กน้อยซือจุยคิดว่าพวกท่านควรไปดู"
"ใช่ๆท่านน้าพวกข้าสี่คนรับรู้ถึงมันได้ ตอนนี้ข้ากับหลานเยวี่ยนร่ายอาคมคุมทับไว้อยู่ ท่านน้าควรไปตรวจสอบ"จินหลิงเสริมทับประโยคของหลานซือจุยเด็กหนุ่มทั้งสี่พยักหน้ายืนยันในสิ่งที่เล่าออกไปผู้อาวุโสมองหน้าก้นเล็กน้อย ก่อนจะไล่ให้เด็กหนุ่มออกไป ในคราแรกจินหลิงมีท่าทีฮึดฮัดเพราะอยากฟังสิ่งที่ผู้อาวุโสจะหารือกัน แต่เจียงเฉิงใช้ข้ออ้างให้จินหลิงพาเจียงลู่จิวไปทำแผล เด็กหนุ่มจึงยอมล่าถอยแต่โดยดี
"ไม่ใช่ข้าแน่ๆ ตอนนี้ข้าไม่มีตราพยัคฆ์ทมิฬในครอบครอง"เว่ยอู๋เซี่ยนเอ่ยปฏิเสธกับน้องชายเมื่ออยู่กันตามลำพังสามคน
"ข้ามิได้สงสัยเจ้าเสียหน่อยช่างร้อนตัวไปเองเสียนี่" เจียงเฉิงตอบออกมาให้พี่ชายสบายใจ
"เจ้าไม่ต้องคิดมากไป วันนี้พวกท่านกลับอวิ่นเซินปู้จื่อฉู่ไปก่อน ข้าขอไปตรวจสอบด้วยตนเองสักสองสามวัน แล้วข้าจะไปหารือกับพวกท่านอีกทีที่กูซุหลาน" เจียงเฉิงบอกกล่าวกับคนทั้งสองถึงแบบแผนของตนเอง
"เข้าใจแล้ว"หลานวั่งจีตอบรับ
"ส่วนเจ้าเว่ยอู๋เซี่ยน เจ้าอย่าพึ่งคิดมากไปมันไม่ดีต่อเด็ก"เจียงเฉิงบอกเว่ยอู๋เซี่ยนอย่างรู้ทันว่าอีกคนกำลังคิดมากเพราะเรื่องนี้มันน่าจะเกี่ยวกับตราพยัคฆ์ทมิฬที่เคยอยู่ในครอบครองของพี่ชายโดยตรง
"ขอบใจเจ้ามากอาเฉิง" เว่ยอู๋เซี่ยนมองเจียงเฉิงอย่างซึ้งใจ หลายปีที่ผ่านมานี้น้องชายบุญธรรมของเขาโตขึ้นมากจริงๆ
"เจ้ายิ้มอะไร น่าขนลูกพิลึก" เจียงเฉิงตวัดเสียงใส่พี่ชายกลบเกลื่อนความขัดเขินของตนเองเมื่อเห็นเว่ยอู๋เซี่ยนส่งยิ้มมาให้
"แล้วนี่จะเหินกระบี่กลับหรือ? "
"นั่งเรือกลับ" หลานวั่งจีตอบ
"หลานจ้านข้าบอกเจ้าแล้วว่าข้าไหว" เว่ยอู๋เซี่ยนยู่จมูกใส่คนรัก
"อย่างนั้นก็ดี ข้าจะให้เจียงลู่จิวนั่งเรือไปด้วย ถึงแม้เขาไม่เจ็บมากแต่ข้าก็อดห่วงมิได้ เขายังขี่กระบี่ไม่คล่องนัก เจ้านั่งเรือเป็นเพื่อนหลานได้หรือไม่เว่ยอู๋เซี่ยน"เจียงเฉิงแสดงความคิดเห็นออกมา แต่เว่ยอู๋เซี่ยนยังไม่ตอบอะไร หลานวั่งจีก็ขัดขึ้นเสียก่อน
"อืม"
ผลสุดท้ายเจียงลู่จิวต้องนั่งเรือกลับกูซหลานพร้อมหลานวั่งจีและเว่ยอู๋เซี่ยนโดยเด็กหนุ่มที่เหลือเหินกระบี่กลับไปก่อนแล้ว การเดินทางด้วยเรือนั่นจะล่าช้ากว่าหนึ่งวัน ทำให้เด็กหนุ่มที่พึ่งกลับมาถึงกูซุหลานก็ต้องแปลกใจเมื่อเจอหลานซือจุยและจินหลิงตอนรออยู่หน้าเรือนนอนของศิษย์สกุลเจียงด้วยความร้อนรน
"จินหลิงเกอ ซือจุยซยงมีอันใดหรือ? "
"อาสู่! " จินหลิงรีบวิ่งมาหาน้องชายดยไม่สนกฎของสกุลหลาน
"เจ้ากลับมาแล้ว ไปหาหลานจิ่งอี๋กับข้าเถอะ"
"เกิดอันใดขึ้น?" เจียงลู่จิวถามด้วยความงงงวย
"ตอนนี้จิ่งอี๋ซยงน่าจะกำลังคัดกฎสกุลอยู่ที่หอคั่มภีร์นิ" เด็กหนุ่มเดาไปตามความคิดตน เพราะหลานจิ่งอี๋เล่าให้ฟังว่าน่าจะโดนลงโทษแค่ค้ดกฎสกุลเหมือนที่ท่านลุงเว่ยโดนเมื่อครานั้น
"มิใช่ เขาไม่ได้ถูกลงโทษโดยให้ค้ดกฎสกุล"หลานซือจุยตอบ แต่กลับทำให้เด็กหนุ่มสงสัยยิ่งกว่าเดิม
"อย่างไรกัน"
"เราไปเยี่ยมเขากันก่อนเถิด" หลานซือจุยเสนอขึ้นเจียงลู่จิวเดินมาถึงเรือนนอนของหลานจิ่งอี๋ พร้อมกับศิษย์พี่จินหลิงและซือจุยเด็กหนุ่มเคาะประตูสองสามได้ยินเสียงเอ่ยอนุญาตจากข้างในจึงได้เปิดประตูเข้าไปสิ่งที่เจียงลู่จิวเห็นนั้นคือหลานจิ่งอี๋กำลังนอนคว่ำอยู่บนตั่ง เด็กหนุ่มรีบถลาไปข้างเตียงทันที
"ข้านึกว่าท่านแค่ต้องคัดกฎสกุล นี่มันเรื่องอะไรกัน" เจียงลู่จิวถามด้วยน้ำเสียงไม่พอใจเล็กน้อยที่ศิษย์พี่ต่างสกุลของตนโดนโบย
"ลู่จิว"หลานซือจุยวางมือบนหล่ของเจียงลู่จิว
"กฎการลงโทษของสกุลหลานมีตั้งแต่คัดกฎไม่กี่ข้อไปจนถึงโบยเป็นร้อยๆครั้ง ขึ้นอยู่กับพิจารณาของผู้ลงโทษ ท่านอาจารย์และเจ๋ออู่จวินจึงใส่โบยไปยี่สิบครั้ง" หลานชื่อจุยอธิบายออกมา
"คราแรกนี้กว่าจะรอดแล้วเชียวที่หานกวงจวินไม่ลงโทษข้าเอง"จิ่งอี๋บ่นออดแอดออกมา
"อากาศหนาวเช่นนี้ข้าไม่ไปรักษาแผลที่สระเหมันต์เป็นแน่" เพราะที่นี่เริ่มเข้าฤดูหนาวแล้ว หลานจิ่งอี๋คิดว่าไม่เป็นการดีแน่หากต้องไปแช่สระน้ำเย็นๆเช่นนั้นเขายอมเจ็บไปอีกสามสี่วัน
"แต่ข้ามิได้บาดเจ็บหนัก แค่แผลเล็กน้อยใยต้องลงโทษโดยการโบยเช่นนี้" ยิ่งคิดยิ่งไม่พอใจ เขาเจ็บคนเดียวไม่พอใยต้องให้คนอื่นมาเจ็บเหมือนเขาเล่า
"งั้นข้าก็ควรถูกลงโทษเช่นกัน เพราะข้าเองก็ประมาทจนได้แผล" พูดจบแค่นั้นร่างของเจียงสู่จิวก็เดินออกจากห้องไปทันที ขายาวขอเด็กหนุ่มเดินตรงไปยัง หอวินัย
ประมุขหลานและหลานฉี่เหรินกำลังนั่งปรึกษาหารือกันเรื่องงานสมรสของหลานวั่งจีและเว่ยอู่เซี่ยนที่ถูกเร่งรัดเข้ามา เพื่อไม่ให้เป็นเรื่องหนักกับคนท้องมากเกินไปจึงจำเป็นต้องตัดรอนขั้ตอนบางอย่างให้ลดน้อยลง
"ท่านประมุขขอรับ"เสียงศิษย์สกุลดั่งออกมาจากด้านนอก หลานซีเฉินเดินออกมาหา
"มีอันใด"หลานซีเฉินเอ่ยถาม
"คุณชายเจียงขอรับ"
"ลู่จิวทำไม?"
"คุณชายเจียงกำลังนั่งคุกเข่าอยู่ที่หอวินัยตอนนี้ขอรับ" สิ้นประโยค ประมุขหลานก็รีบเดินออกไปทันที หลานฉี่เหรินได้ยินเช่นกันก็เดินตามหลานชายไปติดๆ
"เกิดอะไรขึ้น"หลานซีเฉินเอ่ยถามเมื่อเดินไปถึงหอวินัยพบว่าเจียงลู่จิวนั่งคุกเข่าอยู่ ใกล้ๆกันยังมีหลานซือจุยกับจินหลิงยืนมองด้วยท่าทีเก้ๆก้งๆ
"คุณชายเจียงท่านมานั่งคุกเข่าอยู่ตรงนี้ทำไม" หลานซีเฉินเดินไปข้างหน้าเด็กหนุ่ม
"ข้าน้อยเจียงสู่จิว มารอรับบทลงโทษขอรับ" เด็กหนุ่มประสานมือกันวาจาแน่วแน่ถูกเปล่งออกมา
"คุณชายทำความผิดอันใดถึงต้องลงโทษ" หลานฉี่เหรินที่พึ่งเดินมาถึงเอ่ยถาม
"ข้าประมาทไม่ระวังต้วจนได้บาดแผล ทำผิดกฎของสกุลหลานเช่นเดียวศิษย์พี่หลานจิ่งอี๋ ควรถูกโบยเช่นเดียวกัน" แววตาของเจียงลู่จิวเพ่งไปข้างหน้าไม่สบตาผู้ใด
หลานซีเฉินมองเจียงลู่จิวอย่างอ่อนใจ เด็กหนุ่มคงไม่พอใจที่หลานจิ่งอี๋โดนโบย แต่เขาต้องทำเพื่อให้อีกคนเข็ดหลาบ การที่หลายจิ่งอี๋ประมาทจนเจียงลู่จิวบาดเจ็บนั้นท่านอาไม่พอใจมากเพราะหลานจิ่งอี๋เป็นคนสนิทตนกลับละเมิดคำสั่งสอนของสกุลจึงได้สั่งโบยห้าสิบทีแต่เขาเจรจาให้ลดลงเหลือยี่สิบให้ถือว่าลงโทษแล้ว
"นั่นมิใช่ความผิดคุณชาย คุณชายช่วยเหลือเขาจนตนเองไม่ทันระวัง จึงไม่ถือว่าเป็นความผิด" หลานซีเฉินอธิบายให้เด็กหนุ่มได้เข้าใจ แต่เจียงลู่จิวยังนั่งนิ่งไม่สนใจคำพูดของหลานซีเฉิน
"ลุกขึ้นเถิดคุณชาย" หลานฉี่เหรินมองหน้าหลานซีเฉินด้วยความลำบากใจ
"เจ้าบาดเจ็บอยู่ลุกขึ้นเถิดหนา"หลานซีเฉินเอ่ยกล่อมบุตรชาย
"ต่อให้เจ้านั่งอยู่ทั้งคืนข้าก็ลงโทษเจ้าไม่ได้เพราะเจ้ามิผิด"
"ข้าผิด ผิดกฎสกุลหลานข้อที่สองร้อยเก้าสิบหก ห้ามใช้ชีวิตด้วยความประมาท" เจียงลู่จิวยังยืนหยัดในความต้องการของตนเอง
"ถ้าอย่างนั้นก็ยิ่งลงโทษมิได้ ไม่ถือว่าเป็ความผิดหากเจ้าประมาทก็แค่ตนเองบาดเจ็บแต่มิได้ทำคนอื่นบาดเจ็บ และยิ่งไปกว่านั้นเจ้าในตอนนี้แซ่เจียง ลงโทษแบบไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ยมิได้" หลานซีเฉินพยายามอธิบายเมื่อเด็กหนุ่มไม่ยอมฟัง
"ข...ข้าแซ่เจียง ใช่ขอรับเจ๋ออู๋จวินข้าแซ่เจียงมิใช่แซ่หลานดังที่ท่านว่า" เจียงลู่จิวลุกขึ้นยืนแต่โดยดี เด็กหนุ่มเอ่ยกับบุรุษตรงหน้าด้วยน้ำเสียงผิดหวัง
"เจียงหลิน" หลานซีเฉินเผลอเรียกนามหลั่กของเด็กหนุ่มเมื่อเห็นท่าทางไม่สู้ดีของเจียงลู่จิว
"อย่าเรียกข้าด้วยนามหลัก! ประมุขเจียงยังเอ่ยไม่ถึงสามครั้งในชีวิตข้า แล้วท่านเป็นใครเจ๋ออู๋จวิน" เจียงลู่จิวกล่าวออกมาด้วยโทสะบวกกับความน้อยใจ หลานซีเฉินเมื่อได้ยินแบบนั้นรู้สึกเจ็บปวดไม่น้อย
"หลายๆคนบอกว่าท่านรูปงาม สุขุม ใจดี แม้แต่อาเหนียงก็เอ่ยชม แต่สำหรับข้านั้น ท่านคือคนที่เห็นแก่ตัวและไร้หัวใจเป็นที่สุด!" เจียงลู่จิวเอ่ยออกมาเสียงดังน้ำตาไหลเป็นทาง แล้ววิ่งสะอื้นออกไป จินหลิงจึงวิ่งตามน้องชายของตนออกไปติดๆหลานซีเฉินทรุดตัวนั่งลงคุกเข่ากับฟื้นอย่างหมดสิ้นเรี่ยวแรงมืออันสั่นเทายกขึ้นมาลูบใบหน้าด้วยความตึงเครียด อีกแล้วทำให้บุตรชายต้องเป็นทุกข์เพราะคำพูดที่ไม่ยั้งคิดของตนอีกแล้ว
100%
...TBC....
***ดาวน์โหลด NovelToon เพื่อเพลิดเพลินไปกับประสบการณ์การอ่านที่ดียิ่งขึ้น!***
อัพเดทถึงตอนที่ 22
Comments