บทที่ 8 ความสุขที่ควรได้รับ

บทที่ 8 ความสุขที่ควรได้รับ

เจียงลู่จิวรู้สึกว่าตนนั้นรู้สึกประหม่าเป็นอย่างมากทุกครั้งที่อยู่ต่อหน้าหลานซีเฉิน ไม่ว่าจะเป็นรอยยิ้มที่ถูกส่งออกมา หรือแววตาตาสีทองแบบเดียวกันนั้นมองมาที่เขา มันทำให้เด็กหนุ่มรู้สึกไม่เป็นตนเองพูดจาติดขัดไปเสียหมด

"พู่หยกนั่นท่านทำหายที่ไหนหรือแล้วท่านหามันเจอหรือไม่" เพราะพู่หยกนั้นเป็นสิ่งสำคัญของศิษย์สกุลหลาน จากที่เจียงลู่จิวสั่งเกต ศิษย์ทุกคนของสกุลหลานจะมีพู่หยกพกติดตัวทุกคน ไม่เว้นกระทั่งคนที่ยืนอยู่ต่อหน้าเขาหลานซีเฉินเมื่อได้ยินคำถามของเจียงลู่จิวก็ยิ้มให้เด็กหนุ่มเล็กน้อยแล้วเสมองขึ้นไปบนท้องฟ้าที่เริ่มมืดมิดจ้องมองไปที่ดวงจันทร์สว่างสดสวย

"ข้าทำหายที่โรงเตี๊ยมแห่งหนึ่งแถบฉีซาน เคยคิดว่าทำหายไปพร้อมคนผู้หนึ่งตอนนี้ข้าคิดว่าหาเจอแล้วแต่มิแน่ใจว่าเป็นสิ่งเดียวกันหรือไม่" หลานซีเฉินตอบพร้อมกลับหันกลับมามองผู้สนทนาอย่างมีนัยยะเจียงลู่จิวรู้สึกงงงวยกับคำตอบ ทำไมถึงไม่แน่ใจว่าเป็นอันเดียวกัน บุรุษผู้สุขุมตรงหน้าเขาความจำไม่ดีถึงขนาดจำหยกของตนไม่ได้เชียวหรือ 

"ท่านจำมิได้รึ?"หลานซีเฉินเพียงแค่ยิ้มตอบไม่ตอบคำถามของเจียงลู่จิว เขาคิดว่าตอนนี้ไม่ควรพูดอะไรมากนัก จะกลายเป็นว่าเป็นการเพิ่มความรู้สึกกดดันให้เด็กหนุ่มกลายๆเขาควรจะมีสิ่งยืนยันที่เป็นรูปประจักษ์เสียก่อนจะเอ่ยอะไรออกมา มิเช่นนั้นทั้งเจียงเฉิงและเจียงลู่จิวจะเสียหายเอาได้

"เชิญคุณชายไปพักผ่อนเถิด สักประเดี๋ยวจะถึงเวลาที่บ่าวจะยกสำรับมาให้แล้ว ส่วนเรื่องพู่กระดิ่งท่านอย่าได้คิดมากเลย" หลานซีเฉินเอ่ยต้ดบท เจียงลู่จิวมองบุรุษผู้มีใบหน้าคล้ายกับตนด้วยความไม่เข้าใจ ท่าทางของหลานซีเฉินที่ดูเหมือนอยากจะพูดอะไรบางอย่างแต่สุดท้ายก็ปล่อยผ่านไป ในสายตาประมุขหลานผู้นี้มองเขาเป็นแบบไหนหรือ

"ขอรับ คาราวะเจ๋ออู๋จวิน" เด็กหนุ่มถอนหายใจ และเดินหันหลังไห้อีกฝ่ายกลับเข้าไปในเรือนนอนทันที

 โดยไม่รอส่งหลานซีเฉิน เด็กหนุ่มรู้สึกเหมือนโดนเล่นกับความรู้สึก เกิดความส้บสนเต็มไปหมด ภายในหัวของเด็กหนุ่มตอนนี้ไม่ได้มีเรื่องของพู่กระดิ่งแม้แต่น้อยกลับกลายเป็นเรื่องของประมุขหลานเข้ามาแทน หากสิ่งที่เจาคิดเป็นความจริง เขาควรจะรู้สึกอย่างไร หากนั่นคือเรื่องจริงการกระทำระหว่างเขาและประมุขหลานที่ปฏิบัติตนไม่ต่างจากอาจารย์และลูกศิษย์ มันทำให้เด็กหนุ่มรู้สึกว่าอีกฝ่ายไม่ต้องการเขาและไม่ดีใจเลยส์กนิดที่มีเขา พาลคิดแบบนั้นน้ำตาก็ไหลออกมาเสีย

.

"ฮึก...อาเหนียง ลูาจิว..ฮึก..คิดถึงอาเหนียง" กลับเข้าไปในเรือนได้เด็กหนุ่มก็ตรงไปที่ตั่งนอนใบหน้าซบลงกับหมอนให้น้ำตาแห่งความส้บสนไหลลงอย่างเงียบๆดื้อๆ

ทางด้านหลานซีเฉินยืนมองใหล่ที่ห่อลงเล็กน้อยของเด็กหนุ่มเดินเข้าไปในเรือนจนลับสายตา เขารู้สึกว่าตนเองนั้นทำผิดพลาดอีกแล้ว พลาดที่เอ่ยวาจาเชิงตัดบทเด็กหนุ่มไปแบบนั้นหลานซีเฉินรู้ว่าอีกฝ่ายต้องรู้สึกแย่เป็นแน่ ทุกๆสิ่งที่เขาได้รับเขาช่างไม่คู่ควรเสียจริง เขามันช่างอ่อนแอและขี้ขลาดหลานซีเฉินเดินกลับมาถึงเรือนเหมันต์ ก็เจอหลานวั่งจีและเว่ยอู๋เซียนรออยู่แล้ว ซึ่งทั้งสองมาจะมาถามไถ่เรื่องที่ไหว้วานเขาให้เชิญประมุขเจียงมาร่วมงานสมรสของทั้งสองด้วย

"วั่งจี คุณชายเว่ย" หลานซีเฉินเอ่ยเรียกทั้งสอง

"ซยงจ่าง"

"คาราวะเจ๋ออู๋จวิน" เว่ยอู๋เซี่ยนคำนับอีกฝ่ายแล้วรีบเดินมาหาหลานซีเฉินด้วยความตื่นเต้น

 "เจียงเฉิงว่าอย่างไรบ้าง"

"อย่าพี่งรีบร้อนไปคุณชายเว่ย ประมุขเจียงบอกข้าว่าให้พวกท่านทั้งสองไปเอาคำตอบที่เหลียนฮวาอู้" หลานซีเฉินตอบอีกคนระคนเอ็นดูว่าที่น้องสะใภ้

"ไปเอาคำตอบที่เหลียนฮวาอู้ มะ...หมายความว่าเจียงเฉิงยอมให้ข้ากลับไปที่ท่าเรือแล้วอย่างนั้นหรือ" เว่ยเชี่ยนรู้สึกตื่นเต้นยิ่งกว่าเดิม ครั้งล่าสุดที่ไปเยือนท่าเรือคือก่อนเหตุการณ์ที่วัดกวนอิมและครั้งนั้นเป็นการไปเยือนที่ไม่ค่อยราบรื่นเท่าไหร่"หลานจ้าน เจ้าได้ยินไหมเยงเฉิงยอมให้ข้ากลับไปที่ท่าเรือแล้ว" ว่าพร้อมวิ่งกับไปเขย่าแขนคนรักของตนด้วยความดีใจ

หากเป็นศิษย์คนอื่นหากทำกริยาเช่นนี้คงไม่พ้นโดนหลานวั่งจีลงโทษเป็นแน่แต่สำหรับหลานซีเฉินเขารู้ดีว่าเว่ยอู๋เซี่ยนคือข้อยกเว้นของทุกสิ่ง ความรักคือการที่เห็นคนที่รักมีความสุข แต่เขากลับทำให้คนที่รักกลายเป็นทุกข์ช่างน่าระอาใจเสียจริง

"คุณชายเว่ย ข้าขอเสียมารยาทกล่าวบางอย่าง ข้าเชื่อว่าแท้จริงแล้วประมุขเจียงเป็นห่วงท่านและรอคอยให้ท่านกลับไปที่เหลียนฮวาอู้อยู่เสมอ เขาแค่ไม่รู้จะแสดงออกยังไงเท่านั้นเอง" หลานซีเฉินกล่าวตามที่ตนได้สังเกตุเห็น ทั้งเว่ยอู๋เซี่ยนและเจียงเฉิงมีความผูกพันฉันท์พี่น้องให้กันอยู่เสมอ แต่ทั้งสองกลับปากแข็งใส่กันมาตลอดล่วงเลยจนถึงคราวสะสางความในใจที่วัดกวนอิม ถึงได้ยอมพูดสิ่งที่เก็บงำไว้ข้างในใจออกมา

"เว่ยอิงรู้ เจ๋ออู๋จวิน แต่ข้าระอายใจเกินกว่าที่จะกลับไป คราวนี้เจียงเฉิงเอ่ยปากเองข้าก็อดที่จะยินดีไม่ได้" เว่ยอู๋เซี่ยนบอกพร้อมรอยยิ้มที่มีความสุข

 "หลานจ้านเราไปพรุ่งนี้เลยได้ไหม ไปค้างที่นสักสองสามวัน" หันไปเจื้อยแจ้วใส่คนรักอย่างมีความสุข หลานวั่งจีมองคนรักด้วยสายตาเอ็นดูและมีรอยยิ้มเล็กน้อยประดับบนใบหน้า

"ใช่แล้ว ข้าชวนลู่จิว กลับไปเยี่ยมเจียงเฉิงได้ด้วยหรือไม่" เว่ยอู๋เซี่ยนถามความเห็นจากคนรัก

"แล้วแต่ซยงจ่าง"หลานวั่งจีตอบ

"เอ๋..อ๋อ ใช่ๆๆ ตอนนี้เขามาฝึกที่สกุลหลานจะไปไหนมาไหนก็ต้องขออนุญาณท่านประมุขสินะ ได้หรือไม่เจ๋ออูจวิน" เว่ยอู๋เซี่ยนหันกลับไปถาม

"หากเป็นความต้องการของคุณชายเจียงข้าย่อมไม่ขัด" หลานซีเฉินตอบพร้อมกลับรอยยิ้มที่ประดับบนใบหน้าเช่นเคย แต่แววตานั้นกลับไปยิ้มดังเช่นริมฝีปาก

"เยี่ยม!! ข้าไปชวนเขาก่อนนะ" ว่าจบก็รีบวิ่งออกไปในทันทีแม้จะมืดค่ำแล้วก็ตาม

.

"ซยงจ่าง" หลานวั่งจีรับรู้ได้ถึงความรู้สึกที่เกิดขึ้นกับพี่ชายของตน แม้หลานซีเฉินจะยังคงมีใบหน้าที่ยิ้มแย้มตลอดการสนทนากับเว่ยอิง แต่สำหรับน้องชายที่เติบโตมาด้วยกันย่อมเห็นความแต่งต่าง และสิ่งที่กำลังกวนใจอีกฝ่ายคงไม่พ้นคนสกุลเจียง

"วั่งจี พี่ควรทำอย่างไรดี?" หลานซีเฉินในตอนนี้รู้สึกหนักอึ้งกับทุกสิ่ง มีหลายสิ่งหลายอย่างที่อยากกระทำ ที่อยากจะค้นหาคำตอบให้หัวใจของตน แต่คำว่าประมุขคอยเหนี่ยวรั้งเขาไว้ เป็นเหมือนกำแพงที่กักข้งตัวตนเขาเอาไว้ข้างใน

"ทำตามใจท่าน"

"มันไม่ง่ายเอาเสียเลยวั่งจี"

"ซยงจ่างเสียสละมามากพอแล้ว และตอนนีสกุลก๊นับว่าแข้มแข็งมากพอ สิ่งเดียวที่ท่านอยากทำ ลงมือทำเถิด หากท่านยังชอบพอเขา ท่านก็ทำตามหัวใจของตนเถิด วั่งจีจะคอยช่วยเหลือท่านทุกอย่างที่ทำได้" นับว่าเป็นประโยคที่ยาวที่สุดที่หลานวั่งจีเคยพูด 

"ท่านรักเจียงหวั่นอิ๋น การกระทำของซยงจ่างหลังจากกลับมาจากงานชุมนุมเซียนเป็นคำตอบได้อย่างดี"

"พี่พึ่งได้รู้ว่าเป็นเขามาตลอดวั่งจี" หลานซีเฉินพูดด้วยน้ำเสียงเศร้าสร้อย

"เป็นเขาทายาทตระกูลเจียงที่มาเรียนที่อื่นเซินปู้จี่อฉู่เมื่อสิบเจ็ดปีก่อน และเป็นเขาที่ฉีซานเมื่อสิบห้าปีก่อน"

"ท่านแน่ใจแล้วหรือ"

"จากแปดในสิบส่วน แต่พี่ไม่มีหลักฐานวั่งจี"หลานซีเฉินเคยแอบรักทายาทสกุลเจียง เจียงหวั่นอิ๋นเมื่อครั้งที่อีกฝ่ายมาร่ำเรียนที่กูซุหลาน เด็กหนุ่มที่ทำหน้าเคร่งเครียดตลอดเวลาคนนั้น เมื่อครั้งที่เผยรอยยิ้มออกมาโลกของหลานซีเฉินกลับดูสว่างสไวขึ้นทันตา แต่ด้วยฐานะของทั้งสองนั้นกลับกลายเป็นเส้นขีดเอาไว้ที่หลานซีเฉินไม่สามารถก้าวผ่านไปได้ ล่วงเลยมาจนถึงสองปีให้หลัง เขาได้มีความสัมพันธ์ลึกซึ้งกับคนผู้หนึ่งและนั่นเป็นความสัมพันธ์ที่หลานซีเฉินรู้สึกดีมากเสียหลานซีเฉินรู้สึกสับสนในตนเอง ก่อให้เกิดความผิดหวังในใจว่าตนนั้นช่างเป็นคนโลเลมีสองใจไม่สมควรได้รับความรัก หลานซีเฉินกักตนเพื่อทบทวนตนเองในถ้ำเหมันต์นานถึงสี่เดือน เมื่อออกมาเผชิญโลกความเป็นจริง เขากลับได้รับข่าวลือว่าเจียงเฉิงได้ออกท่องยุทธภพ หกถึงเจ็ดเดือนให้หลังอีกฝ่ายปรากฏตัวขึ้นอีกครั้งพร้อมบุตรชาย ประมุขหลานถามตนเองว่าเขามีสิทธิ์เสียใจหรือที่ได้ยินว่าเจียงเฉิงนั้นมีครอบครัวแล้ว ทั้งๆที่ตนนั้นกลายเป็นคนโลเลมีสองใจ เมื่อเป็นเช่นนั้นบุรุษรูปงามอันดับหนึ่งจึงปิดกั้นตนเองจากความรักมาตลอดสิบห้าปี จนกระทั่งเจียงลู่จิวได้ปรากฎตัวขึ้น ใบหน้าที่ละม้ายคล้ายคลึงกับหลานซีเฉินเจ็ดในสิบส่วน ทำให้เขาตระหนักถึงเรื่องบางอย่างที่เขาอาจจะพลาดไป แต่ถ้าจะให้ถามตรงๆก็คงจะเป็นไปมิได้ หลานซีเฉินยังกลั่วในคำตอบ กลัวว่าสิ่งที่ตนหวังนั้นจะไม่เป็นความจริง

"เจียงลู่จิวหน้าเหมือนชยงจ่าง" หลานวั่งจีบอกในสิ่งที่พอจะยืนยันได้

 "วั่งจีจะถามเว่ยอิง ว่าเจียงหวั่นอิ๋นเป็นเกอหรือไม่" หลานซีเฉินยิ้มขมขื่นให้น้องชาย

"ก็จริงที่ลู่จิวคล้ายกับพี่ แต่พี่ไม่อยากไปเค้นเอาคำตอบจากใคร ไม่อยากทำให้พวกเขาลำบากอีกแล้ว แม้จะเป็นเพียงความลำบากใจก็ตาม วั่งจีก็อย่าได้ไปกดดันคุณชายเว่ยเลย" หลานซีเฉินไม่อยากไปกดดันใครเพื่อเอาคำตอบ มิอยากให้เด็กหนุ่มซึ่งอาจจะเป็นบุตรชายของตนต้องลำบากใจที่ต้องคอยตอบข้อสงสัยของเขาจากที่เขาเห็นวันนี้มันชัดเจนแล้วว่าเจียงลู่จิวรู้สึกอึดอัดทุกครั้งที่ต้องพูดคุยกับเขา ไหล่ที่ห่อลงขณะเดินเข้าเรือนนอนไปนั้นมันทำให้หลานซีเฉินอยากเข้าไปปลอบโยนเสียเหลือเกิน แต่สถานะของตนตอนนี้กลับไม่มีสิทธิ์ที่จะทำมัน

"พี่สร้างความลำบากให้พวกเขามาเกินพอแล้ว" หลานซีเฉินยิ้มขมขื่นให้น้องชาย 

"พี่ควรลงมือทำอะไรสักอย่างด้วยตนเองเสียที เพื่อที่จะพิสูจน์ว่าพี่คู่ควรพอกับสิ่งที่พี่ได้รับ"หลานซีเฉินหลับตาลงหยดน้ำหนึ่งหยดไหลลงมาแต่คงไม่เพียงพอกับความเจ็บปวดภายใน หลานซีเฉินลืมตาขึ้นมาอีกครั้ง

 "พี่ทำตามหัวใจของตนเองได้ใช่ไหมวั่งจี"

หลานวั่งจีมองพี่ชายคนเดียวของตนด้วยความรู้สึกสงสารและเห็นใจ พี่ชายที่เสียสละมาตลอดเพื่อให้เขาได้ทำตามใจของตน พี่ชายที่ไม่สามารถเอ่ยวาจาออกมาได้ว่าชอบอะไรไม่ชอบอะไร พี่ชายของเขาควรที่จะมีความสุขเสียทีทางด้านเว่ยอู๋เชี่ยนก็วิ่งตรงปรี่เข้าไปที่เรือนนอนของเจียงลู่จิวเพื่อที่จะชวนเด็กหนุ่มกลับเหลียนฮวาอู้ด้วยกันในวันรุ่งขึ้น

 "ลู่จิว..ลู่จิว"เว่ยอิงเคาะประตูเรียกอีกฝ่ายยามนี้ก็ยังไม่ถคงยามไฮ่เด็กหนุ่มก็น่าจะยังไม่นอน

"ท่านลุงเว่ยหรือขอรับ" เสียงแหบแห้งจากในห้องเอ่ยถามออกมา

"ข้าเองเว่ยอิง"

เมื่อได้ยินเช่นนั้นเด็กหนุ่มก็เปิดประตูออกมา เว่ยอู๋เซี่ยนเมื่อเห็นใบหน้าและขอบตาของหลานชายคนเล็กของตนก็ตาโตด้วยความตกใจ

"ทำไมเจ้าถึงได้ขอบตาบวมแดงขนาดนี้"เว่ยเซี่ยนเอ่ยถามด้วยท่าทีร้อนรนและจูงมือเด็กหนุ่มเข้าไปในเรือนแล้วพานั่งลงที่ตั่งนอน

 "ใครรังแกเจ้าบอกมาข้าจะไปจัดการ"

"ไม่มีขอรับ ข้าแค่คิดถึงคิดถึงอาเตี๋ยขอรับ"เจียงลู่จิวตอบเสียงแผ่ว

"โธ่เอ๊ย ข้าล่ะตกอกตกใจ นึกว่าเกิดอะไรขึ้น ถ้าเจ้าคิดถึงเจียงเฉิงละก็กลับเหลียนฮวาอู้กับข้าไหม อย่างไรเสียช่วงสองสามวันนี้พววกเจ้าไม่มีเรียนกันเสียหน่อย"

"ลู่จิวไปได้หรือขอรับ"

"ได้สิ ข้าขอประมุขหลานแล้ว และเขาอนุญาตแล้วด้วย" เว่ยอู๋เซี่ยนตอบด้วยน้ำเสียงตื่นเต้นก่อนที่จะชะงักเมื่อเห็นสีหน้าไม่สู้ดีของหลานชาย

"เขาคงไม่สนใจหากข้าจะอยู่หรือไป"เด็กหนุ่มพึมพำเสียงเบากับตนเอง แต่นั่นก็ดังพอที่คนข้างๆจะได้ยิน

"ลู่จิว ข้าไม่รู้หรอกนะว่าเจ้าเจอสิ่งใดมา แต่เจ้าอย่าได้คิดไปแบบนั้น สิ่งที่เจ้าเห็นอาจจะมีอะไรมากกว่านั้นก็ได้" เว่ยอู๋เซี่ยนลูบผมเด็กหนุ่มอย่างปลอบประโลม

"สรุปว่าพรุ่งนี้เจ้าไปกับข้านะ" เว่ยอิงถามย้ำอีกครั้ง เด็กหนุ่มพยักหน้าตอบพร้อมส่งยิ้มให้อีกฝ่ายเพื่อเป็นคำขอบคุณ

"เจ้าเหมือนเขามากเลยนะรู้ตัวหรือไม่ โดยเฉพาะรอยยิ้มของเจ้า"

"เอาหละข้าไม่กวนเจ้าแล้ว อย่าลืมทานมื้อเย็นล่ะ อาหารกูซุหนะยิ่งไม่ร้อนยิ่งรสชาติจืดชืด เพราะฉะนั้นเจ้าควรรีบทานเสีย ข้าไปหละ" เว่ยอิงบ่นออกมาเมื่อเหลือบไปเห็นอาหารมื้อเย็นที่วางอยู่บนโต๊ะไร้การแตะต้องจากเจ้าของเว่ยอู๋เซี่ยนกลับออกไปแล้ว เด็กหนุ่มยังนั่งถอนหายใจอยู่ที่เดิม มือของเด็กหนุ่มหยิบบางอย่างขึ้นมา ของสิ่งนั้นคือ อิ้งเยว่(ชื่อขลุ่ย) ขลุ่ยเซียวขนาดเล็กของเขา(เหมือนของเวินฉิง ที่อาเหนียงซื้อให้เป็นของขวัญเมื่อตอนเขาอายุครบสิบสามปี ปีนั้นเขาเริ่มที่จะสนใจด้านดนตรีทั้งๆสกุลเจียงของเขาไม่สนใจทางด้านการดนตรีเลยเด็กหนุ่มเริ่มเป๋าเพลงทำนองคุ้นหูที่เขาเคยได้ยินเมื่ออาทิตย์ก่อน บทเพลงทำนองเศร้าสร้อยถูกขับออกมา พร้อมกับความรู้สึกที่อัดแน่น เมื่อเขาเป๋าเพลงจบลงถึงได้รับรู้ความทุกข์ใจของเขาได้ถูกปลดให้เบาบางลงแล้ว นี่คงเป็นเพลงชำระจิต แต่เด็กหนุ่มไม่เคยได้ยินเพลงชำระจิตแบบนี้มาก่อนเลย จนกระทั่งอาทิตย์ก่อนจากใครบางคนที่เป่าออกมาเว่ยอู๋เซี่ยนที่กำลังเดินกลับไปหาหลานวั่งที่เรือนเหมันต์ชะงักอีกคราเมื่อได้ยินเสียงขลุ่ยเซียวแว่วมาตามลม

 "แม้แต่เครื่องดนตรีที่ถนัดยังเป็นแบบเดียวกัน"ร่างในอาภรณ์สีดำแดงพึ่มพำกับตนเองเสียงแผ่วเบา เขาไม่รู้ว่าเรื่องราวระหว่างประมุขทั้งสองสกุลเกิดอะไรขึ้นในช่วงระหว่างที่เขาจากไปและเขาหวังว่าการกลับไปเหลียนฮวาอู้คราวนี้จะได้คำตอบหลายๆอย่างที่เขาสงสัย

100 %

...TBC....

เลือกตอน
1 Intro
2 บทที่ 1 แรกพบพาน
3 บทที 2 ทุกสิ่งล้วนน่าสงสัย
4 บทที่ 3 สิ่งที่เก็บซ่อนไว้ภายใน
5 บทที่ 4 เรื่องราวในอดีต 1
6 บทที่ 5 เรื่องราวในอดีต 2
7 บทที่ 6 เรื่องราวในอดีต 3
8 บทที่ 7 นานของเขา เจียงลู่จิว
9 บทที่ 8 ความสุขที่ควรได้รับ
10 บทที่ 9 หวนคืนเหลียนฮวาอู้
11 บทที่ 10 จดหมาจจากใครบางคน
12 บทที่ 11 ความรู้สึกภายในสู่ภายนอก
13 บทที่ 12 แว่วเสียงจากความจริง
14 บทที่ 13 ปลดปล่อยเรื่องราว
15 บทที่ 14 เพียงพร้องหน้า
16 บทที่ 15 ไม่เคยเกลียดชัง
17 บทที่ 16 งายสมรส
18 บทที่ 17 ค่ำคืนเฉลิมฉลอง
19 บทที่ 18 บุคคลชักใย
20 ตอนที่ 19 ลักพาตัว
21 ตอนที่ 20 อาเตี่ย
22 ตอนที่ 21 มิพลัดพราก (จบ)
เลือกตอน

อัพเดทถึงตอนที่ 22

1
Intro
2
บทที่ 1 แรกพบพาน
3
บทที 2 ทุกสิ่งล้วนน่าสงสัย
4
บทที่ 3 สิ่งที่เก็บซ่อนไว้ภายใน
5
บทที่ 4 เรื่องราวในอดีต 1
6
บทที่ 5 เรื่องราวในอดีต 2
7
บทที่ 6 เรื่องราวในอดีต 3
8
บทที่ 7 นานของเขา เจียงลู่จิว
9
บทที่ 8 ความสุขที่ควรได้รับ
10
บทที่ 9 หวนคืนเหลียนฮวาอู้
11
บทที่ 10 จดหมาจจากใครบางคน
12
บทที่ 11 ความรู้สึกภายในสู่ภายนอก
13
บทที่ 12 แว่วเสียงจากความจริง
14
บทที่ 13 ปลดปล่อยเรื่องราว
15
บทที่ 14 เพียงพร้องหน้า
16
บทที่ 15 ไม่เคยเกลียดชัง
17
บทที่ 16 งายสมรส
18
บทที่ 17 ค่ำคืนเฉลิมฉลอง
19
บทที่ 18 บุคคลชักใย
20
ตอนที่ 19 ลักพาตัว
21
ตอนที่ 20 อาเตี่ย
22
ตอนที่ 21 มิพลัดพราก (จบ)

กกาวน์โหลดทันที

ชอบผลงานนี้ไหม? ดาวน์โหลดแอพ บันทึกการอ่านของคุณจะไม่สูญหาย
กกาวน์โหลดทันที

โบนัส

ผู้ใช้ใหม่ที่ดาวน์โหลดแอพสามารถปลดล็อค 10 ตอนได้ฟรี

รับ
NovelToon
เปิดประตูต่างภพ
เพื่อวิธีการเล่นเพิ่มโปรดดาวน์โหลดMangatoon APP!