บทที่ 7 นามของเขา เจียงลู่จิว
เจียงเฉิงเหินกระบี่กลับเหลียนฮวาอู้ด้วยความยากลำบาก เพราะยั่งเจ็บช่องทางด้านหลังและปวดเนื้อปวดตัวเป็นอย่างมาก อย่างแรกที่เขาอยากทำในตอนนี้คืออาบน้ำชำระร่างกายเสียหน่อย
"ท่านประม...."ทันทีที่มาถึง ศิษย์กระกูลเจียงที่ฝ้าอยู่ด้านหน้าก็ออกมาตอนรับ
"ทะ...ทำไมท่านถึง....." อยากถามเป็นที่สุดทำ ไมท่านประมุขของเขาถึงได้มีสภาพอิดโรย อาภรณ์ถูกสวมอย่างลวกๆ ผมก็ไม่ได้ถูกรวบขึ้น อย่างนี้
"ไม่ต้องถามมาก เจ้าให้คนไปเตรียมน้ำให้ข้าอาบเดี๋ยวนี้" เจียงเฉิงพูดเสียงดุ เพื่อไม่ให้ศิษย์ซักไซร้ให้มากความ
"ขอรับ"
เจียงเฉิงกลับเข้ามาในเรื่อนนอน พอดีกับน้ำได้เตรียมเสร็จพอดี เจียงเฉิงถอดอาภรณ์ของตนเพื่อที่จะไปแช่น้ำอุ่นๆให้ถังเสี่ยหน่อยเพื่อผ่อนคลาย 'ฟุบ' เสียงบางอย่างหล่นกระทบพื้นเรียกความสนใจของใบหน้าสวยให้ก้มลงไปมอง
"นะ....นี่มัน"มือเรียวหยิบสิ่งนั้นขึ้นมาจากพื้น
"พู่หยกของหลานซีเฉินนี่" มือเรียวจับสิ่งนั้นด้วยมือที่สั่นระริก จะให้ใครเห็นสิ่งนี้ไม่ ได้ จะให้ใครรู้เรื่องที่เกิดขึ้นไม่ได้เด็ดขาดเจียงเฉิงนั่งแช่น้ำอุ่นอยู่ในถัง เขารู้สึกผ่อนคลายขึ้นมาบ้าง นึกย้อนถึงเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อคืน หัวใจของเขาก็บีบรัดเสียให้ได้ มันก็คงจะดีหากเรื่องระหว่างเขากับหลานซีเฉินเกิดจากความเต็มใจและสติส้มปชัญญะที่ครบถ้วนทั้งคู่ ถึงแม้ว่าเขาจะเต็มใจที่จะช่วยอีกคน แต่เจียงเฉิงไม่อาจรู้เลยว่าในใจของหลานซีเฉินคิดอย่างไร หากรู้ว่าเป็นเขา อาจจะรังเกียจจนไม่อยากมองหน้าก็เป็น ได้
"ฟู่~ขอให้เรื่องราวของเรามันจบแค่นี้ละกัน"มันควรจะจบและถูกลืมเลือนไป
แต่ทว่าหนึ่งเดือนหลังจากนั้นเจียงเฉิงกลับรู้สึกผิดปกติกับร่างกายของตน เขามักจะงีบหลับในช่วงกลางวันบ่อยขึ้น และสองสามวันมานี้เขารู้สึกว่ากินอาหารไม่ค่อยลง กิน ไปได้นิดเดียวก็รู้สึกคลื่นไส้จนต้องหยุดกินในคราแรกเจียงเฉิงคิดว่าเขาคงโหมทำงานหนักเกิน ไป ร่างกายเลยป่วยได้ง่าย แต่พอคิดดูดีๆงานประมุขช่วงนี้ก็เหมือนดั่งเช่นทุกวันไม่มีอะไรที่หนักเลย
.
"อุก..แหวะ..." ร่างของประมุขเจียงกำลังขย้อนสิ่งที่อยู่ภายในกระเพาะออกมาในยามเหม่า(๐๕.๐๐-๐๖.๕๙) แต่สิ่งที่ออกมากลับมีแต่น้ำใสๆ เขาเป็นนี้มาสี่วันแล้ว ร่างของเจียงเฉิงเดินโซซัดโซเซกลับมาที่ตั่งนอนในคราแรกนึกว่าตนทำงานหนักจนล้มป่วย แต่ตอนนี้เจียงเฉิงกลับคิดว่ามันไม่ใช่ มือเรียวที่สั่นระริกเลื่อนไปจับชีพจรของตนที่มืออีกข้าง วางมืออยู่บนนั้นสักพักก็ได้คำตอบกับที่สิ่งที่เกิดขึ้นกับร่างกายของตน
"ฮึก..มะ..ไม่จริงใช่ไหม" เจียงเฉิงยกมือขึ้นปิดหน้า น้ำตาพรั่งพรูออกมาอย่างไม่ขาดสาย
ท่านเทพเซียนเกลียดชังเขาหรือไร ถึงด้ทดสอบชีวิตเขามากมาย ในสถานะของสกุลเจียงที่พึ่งฟื้นฟูได้ไม่นาน ยั่งพูดได้ไม่เต็มปากว่ามีความมั่นคงแล้วจะไม่ถูกคนไม่หวังดีโจมตีได้ง่าย หากยุทธภพข้างนอกรู้เข้าว่าประมุขสกุลเจียงกำลังตั้งครรภ์คงไม่ดีเป็นแน่ เขาจะต้องปิดเรื่องนี้ไว้จะให้ใครล่วงรู้ไม่ได้เด็ดขาด
"ฮึก..อาเหนียง..พี่หญิง ข้าควรทำอย่างไรดี" มือเรียวลูบหน้าท้องของตนไปมาคิดไม่ตกว่าจะทำเช่นไรต่อไป
"หากข้าออกไปจากเหลียนฮวาอู้ ในตอนที่ท้องยังไม่โตนัก ก็คงจะไม่มีใครรู้และไปแอบคลอดเจ้าในที่กลๆ แล้วเราค่อยกลับเหลียนฮวาอู้กันเจ้าว่าจะดีหรึไม่" เอ่ยถามพร้อมลูบหน้าท้องของตน ไปด้วย
"ข้าว่าแผนนี้ก็เข้าท่านะ"
"ท่านประมุข ให้ข้าจัดหาสมุนไพรพวกนี้จริงๆหรือเจ้าคะ" หญิงร่างท้วมวัยกลางคนเอ่ยถามด้วยความไม่แน่ใจ
"อิ่ม ท่านป้าเพ่ยไปซื้อให้ข้าที และอย่าให้ใครล่วงรู้ได้หรอไม่"
"สมุนไพรพวกนี้คือยาบำรุงครรนะเจ้าคะ" นางเอ่ยขึ้นอีกรอบด้วยความไม่
"ถูกต้อง นั่นแหละสิ่งที่ข้าต้องการ" เจียงเฉิงยังคงยืนย้น นางมองประมุขน้อย
ด้วยความงงงวย ว่าต้องการยาบำรุงครรภ์ไปทำ ไม "
ท่านป้าเพ่ย ช่วยเก็บเรื่องยานี่เป็นความลับให้ข้าที่"
"ดะ..ได้เจ้าค่ะ" ถึงจะสงสัยก็ตอบรับในที่สุดเพราะเป็นความต้องการของมั่นใจประมุขสกุล
ร่างของประมุขน้อยเจียงเฉิงเริ่มอวบขึ้นมาอย่างเห็น ได้ชัดกำลังเร่งจัดการงานของประมุขอยู่ในเรือนนอน ตั้งแต่เจียงเฉิงรู้ว่าตนตั้งครรภ์เขาก็เปลี่ยนมาทำงานอยู่ในเรือนนอนเพราะรู้สึกว่าตนนั้นชอบงีบหลับในช่วงกลางวันทุกวัน ตอนนี้อายุครรภ์เกือบๆสี่เดือนแล้ว เจียงเฉิงต้องรีบจัดการงานที่สำคัญให้เสร็จสิ้น เพื่อที่จะไปแอบคลอดเจ้าก้อนแป้ง แล้วฝากฝั่งให้เจียงรุ่ยศิษย์คนสนิทที่ไว้ใจ ได้ดูแลงานประมุขแทนตนในช่วงที่
"ท่านประมุขเจ้าคะ"เสียงเอ่ยขออนุญาตที่ดังขึ้นมาเรียกความสนใจจากประมุขน้อยให้เงยหน้าขึ้นจากกองเอกสารมากมาย
"เข้ามาเถิดท่านป่าเพ่ย"
"เจ้าค่ะ"หญิงร่างท้วมวัยกลางคนเดินเข้ามาภายในเรือนพร้อมหม้ออาหารและหม้อยา
"เมื่อเช้าเห็นท่านประมุขบ่นอยากกินแกงรากบัวกระดูกหมูข้าเลยทำมาให้เจ้าค่ะ" นางพูดพร้อมรอยยิ้มเจียงเฉิงเมื่อได้ยินแบบนั้นก็ยิ้มออกมาพร้อมกล่าวขอบคุณ
"ขอบใจท่านป้ามาก ท่านเอาวางไว้บนโต๊ะเถิดเดี๋ยวข้าขอจัดการงานสักครู่"
"ไม่ได้นะเจ้าคะท่านประมุข ท่านต้องทานอาหารให้ตรงเวลา" หญิงวัยกลางคนกล่าวตำหนิออกมาเล็กน้อย
นางรู้ว่าตอนนี้ประมุขน้อยของนางเป็นอะไร คนอื่นๆในสำนักอาจจะคิดแค่ว่าประมุขของพวกเขาดูมีน้ำมีนวลอวบอ้วนขึ้นเท่านั้น
แต่สำหรับนางเพ่ยที่ได้ดูแลเจียงเฉิงอย่างใกล้ชิดและเคยอาบน้ำร้อนมาก่อน นางจึงได้รู้ด้วยตนเองว่าเกิดอะไรขึ้นตรงหน้า
แต่เมื่อท่านประมุขไม่อยากให้ใครล่วงรู้นางก็จะเงียบๆไว้ให้เหมือนว่านางก็ยังไม่รู้เช่นกัน แต่บางทีจะอดที่จะตำหนิประมุขของตนมิได้เวลาที่อีกฝ่ายนั้นทานอาหารไม่ตรงเวลาเจียงเฉิงหรี่ตามองนางครูนึงก่อนถอนหายใจ
ร่างในอาภรณ์สีม่วงลุกขึ้นยืนและเดินไปที่โต๊ะอาหารแล้วนั่งลง
ดูท่าทางแม่ครัวส่วนตัวของเขาจะระแคะระคายเรื่องนี้พอสมควร
แต่ถ้าเขาไม่พูด
นางไม่ถามก็ถือซะว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้นเมื่อเห็นประมุขน้อยเดินมาทานอาหารแล้วนางก็ยิ้มดีใจและล่าถอยออกไปให้อีกฝ่ายได้มีเวลาส่วนตัว เจียงเฉิงนั่งทานแกงรากบัวกระดูกหมู ด้วยความเอร์ดอร่อยหากถามว่าช่วงเขาตั้งครรภ์เขาชอบที่จะกินอะไรมากที่สุด คำตอบก็คงไม่พ้นแกงรากบัวนี่แน่นอน ยืนยันคำตอบจากแรงถีบน้อยๆที่ท้องของเขาตอนนี้
"เจ้าก้อนแป้ง เจ้าคงหิวสินะ อาเหนียงขอโทษที่ทำงานจนลืมเวลา"มือเรียวลูบหน้าท้องที่นนขึ้นมาเล็กน้อยของตน โชคดีที่ครรภ์นี้เป็นครรภ์แรก์ ท้องของเจียงเฉิงจึงไม่โตมากนักพอสวมอาภรณ์ปกปิดไปได้ เมื่อทานข้าวเสร็จเจียงเฉิงก็ยกยาสมุนไพรที่นางเพ่ยต้มมาให้ขึ้นดื่ม หลังจากนั้นก็กลับไปจัดการงานต่อให้เสร็จเพราะอีกสองสามวันเขาจ้องเดินทางแล้วไม่อยู่
เจียงเฉิงออกเดินทางไปยังเมืองเล็กๆที่อยู่ค่อนข้างไกลจากอวิ่นเมิ่งจะได้มิต้องเจอคนที่รู้จักว่าเขาเป็นใครกลัวว่าความจะแตกเอา ตอนนี้ร่างอวบของเจียงเฉิงยืนอยู่หน้าโรงหมอแห่งหนึ่งที่ดูท่าแล้วเขาคงจะใช้ที่แห่งนี้เป็นที่พักอาศัยและคลอดเจ้าก้อนแป้งได้อย่างปลอดภัยได้
"ท่านหมอ ข้าพักที่นี่จนกว่าจะคลอด ได้หรือ ไม่"ว่าพร้อมกลับวางเงินจำนวนนึงที่ค่อนข้างมากให้แก่อีกฝ่าย
"ได้เจ้าค่ะคุณชาย"นางตอบรับในทันที นานๆที่จะมีคนที่ดูท่าทางแล้วคงร่ำรวยมาใช้บริการที่โรงหมอของนาง
"เก็บเป็นความลับด้วยได้หรือไม่"
"แน่นอนเจ้าค่ะคุณชาย"
.
วันเวลาเปลี่ยนผันตอนนี้ครรภ์ของเจียงเฉิงย่างเข้าสู่เดือนที่เก้าแล้วประมุขน้อยตอนนี้ขยับตัวไปไหนก็ยากลำบากดีที่หมอนางนั้นดูแลเขาอย่างดีสมกับเงินที่จ่ายไป ในคืนนั้นเองเจียงเฉิงรู้สึกปวดท้องเป็นที่สุดดูท่าเจ้าก้อนแป้งต้องการออกมาสู่โลกภายนอกเต็มที่ เจียงเฉิงร้องด้วยความเจ็บปวดสิ่งสุดท้ายที่จำได้คือกลิ่นฉุนของยาก่อนที่สติของเขาจะดับไป เมื่อตื่นขึ้นมาอีกคราก็ได้เห็นเจ้าก้อนแป้งสีแดงนอนสงบนิ่งอยู่ในห่อผ้าข้างๆตัวเสียแล้ว
"คุณชายท่านตื่นแล้ว"หมอหญิงที่ทำคลอดให้เจียงเฉิงเดินเข้ามาภายในห้องเจียงเฉิงพยายามจะพยุงตัวลุกขึ้นนั่งพิงหั่วเตียง นางจึงรีบเดินมาพยุงเมื่อเจียงเฉิงนั่งได้เรียบร้อย นางจึงอุ้มเด็กทารกมาให้เจียงเฉิงที่รอรับอยู่แล้ว
"เป็นคุณชายนะเจ้าคะ ท่านจะตั้งชื่อเขาว่าอย่างไร?"เจียงเฉิงพินิจบุตรชายของตนที่ถูกห่ออยู่ในผ้าสีขาวอย่างรักใคร่ จู่ๆน้ำตาพลันไหลออกมา เคยคิดว่าตนไม่เหลือใครแล้วแต่บัดนี้ ไม่เป็นอย่างนั้นอีกต่อ ไปแล้ว
"ลู่จิว...เจียงสู่จิว"
"ลู่..ที่หมายถึง หยก"
"จิว..ที่หมายถึง โชคชะตา"
.
ปัจจุบัน
อวิ่นเซินปู้จี่อฉู่ , กูซุหลาน
"อาลู่เจ้าจำไม่ได้จริงๆหรือว่าทำหล่นไว้ที่ไหน"จินหลิงเอ่ยถามญาติผู้น้องขณะควานหาบางอย่างที่พุ่มไม้ แถวเรือนพักศิษย์สกุลเจียง
"จำไม่ได้จริงๆขอรับจินหลิงเกอ" เจียงลู่จิวที่กำลังก้มๆเงยๆอยู่ที่ไม้อีกพุ่มเอ่ยตอบ ขณะเดียวกันสองบุรุษในอาภรณ์สีขาวก็ก้มๆเงยๆอยู่ไม่ไกลเช่นกัน
"คราวล่าสุดที่เจ้าเห็นพู่กระดิ่งของเจ้าคือยามใด?" จินหลิงเอ่ยถามขึ้นอีกครั้ง
"เมื่อวานตอนเช้าข้าจำได้ว่าข้าสวมพู่กระดิ่งใส่กับสายคาดเอว แต่พอกลับมาถึงเรือนจะผัดเปลี่ยนอาภรณ์เพื่อชำระร่างกาย กระดิ่งกลับหายไปเสียแล้ว" เจียงลู่จิวคิดย้อนถึงเรื่องเมื่อวานก่อนตอบออกมา
"ทำอย่างไรดี จินหลิงเกอ อาเตี๋ยต้องลงโทษข้าเป็นแน่ที่ข้าทำของสำคัญหาย" เด็กหนุ่มโอดครวญออกมา
"เอาน่า ~ อาลู่ เดี๋ยวข้า กับหลานซือจุยและหลานจิ่งอี๋จะช่วยเจ้าหาจนเจอนั่นหละ" จินหลิงพูดปลอบใจญาติผู้น้อง เจียงลู่จิวหันไปมองศิษย์สกุลหลานที่ยืนอยู่อีกฝั่งสองสหายพยักหน้าเห็นด้วยกับจินหลิงเพื่อให้กำลังใจอีกฝ่าย
"ขอบคุณพวกท่านทั้งสองมาก" เจียงลู่จิวยิ้มขอบคุณสหายสกุลหลานทั้งสองถึงอาเหนียงจะห้ามสนิทชิดเชื้อกับคนสกุลหลาน แต่ด้วยความที่ตนติดญาติผู้พี่จินหลิงมาก ตอนนี้กลายเป็นว่าสนิทกับศิษย์สกุลหลานตามพี่ชายไปโดยปริยาย
"แต่ถึงจะหาไม่เจอ อย่างมากเจ้าก็โดนโทษกักบริเวณแค่นั้น"
"โธ่~ จินหลิงเกอ ข้าไม่อยากโดนลงโทษ" ว่าพร้อมกัมหน้าก้มตาหาพู่กระดิ่งต่อด้วยความกลัวว่าจะถูกอาเหนียงลงโทษกักบริวณแต่เดิมยังขออนุญาตออกข้างนอกยากเย็นเสียเหลือเกิน หากดนกักบริเวณก็คงลืมเรื่องออกไปเที่ยวเล่นข้างนอกไปเลย
"พวกเจ้ากำลังหาอะไรกันหรือ" เสียงใครบางคนดั่งขึ้นทำให้สหายทั้งสี่สะดุ้งเล็กน้อยแล้วหันกลับไปหาต้นเสียง
"ท่านประมุข"
"เจ๋ออู๋จวิน"
หลานซีเฉินหัวเราะเล็กน้อย กับท่าทางของเด็กหนุ่มทั้งสี่ ที่สะดุ้งตกใจยังกับทำความผิดมา
"สรุปว่าพวกเจ้ากำลังหาอะไรหรือ?" ถามขึ้นด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล
"เรียนเจ๋ออู๋จวิน เหล่าศิษย์พี่กำลังช่วยข้าน้อยเจียงลู่จิวหาพู่กระดิ่งขอรับ"เด็กหนุ่มอธิบายออกมา หลานซีเฉินพยักหน้าเข้าใจ
"แต่นี่ก็เริ่มมืดแล้ว พรุ่งนี้พวกเจ้าค่อยหาต่อก็ยังไม่สาย"หลานซีเฉินออกความเห็น เพราะฟ้าเริ่มมืดแล้วแสงไม่พอที่จะหาของเป็นแน่แท้
"แต่..แต่ว่า"เจียงลู่จิวอยากค้านออกมา เขาอยากหาให้เจอวันนี้ ถ้าเขาหาไม่เจอต้องนอนไม่หลับทั้งคืนเป็นแน่ หลานซีเฉินมองท่าทางของเด็กหนุ่มอยู่แล้ว จึงยิ้มออกมาด้วยความเอ็นดูก่อนจะพูดขึ้น
"ซือจุย ข้าเห็นว่าคุณชายเว่ยกำลังหาเจ้าอยู่ ส่วนจิ่งอี๋จวนจะได้เวลาเข้าพบท่านอาแล้ว พวกเจ้าไปเถิด" สองสหายสกุลหลานมองไปที่เจียงลู่จิวอย่างขอโทษ
"ขอรับ พวกข้าไปก่อนนะลู่จิวประเดี๋ยวพรุ่งนี้พวกข้าจะช่วยหา"
"ส่วนคุณชายจินท่านกลับเรือนเถิด เรือนของท่านอยู่อีกฟาก หากมืดกว่านี้จะเดินลำบากเอา"
จินหลิงมองสลับหลานซีเฉินกับญาติผู้น้องของตนก่อนจะถอนหายใจออกมาเสียงเบา
"ขอรับ เกอไปก่อนหนาอาลู่"
สามสหายเดินจากไปแล้ว ในตอนนี้เหลือเพียงประมุขหลานผู้สุขุมและคุณชายเจียงผู้มีท่าทางนอบน้อม ทั้งสองยืนมองกันและกัน เกิดความอึดอัดขึ้นมาครู่หนึ่ง
"เจ๋ออู๋...."
"คุณชาย..."
"เอ่อ..."จู่ๆทั้งสองกลับรู้สึกประหม่า แต่หลานซีเฉินยังคงเก็บอาการได้ดีกว่า
"เชิญคุณชายพูดเถิด"
"ข้าแค่อยากจะถามว่า ท่านกลับมาจากงานชุมนุมเซียนตั้งแต่เมื่อไหร่ขอรับ"เด็กหนุ่มหาเรื่องชวนคุยเพื่อคลายความอึดอัดนี้บุรุษรูปงามอันดับหนึ่งมองใบหน้าเด็กหนุ่มตรงหน้าที่มีส่วนคล้ายกันมากจากเจ็ดในสิบส่วน เกิดความรู้สึกส้บสนปะปนไปกับความรู้สึกบางอย่างที่อัดอั้นอยู่ด้านในซึ่งหลานซีเฉินยังไม่มีหลักฐานมายืนยันความรู้สึกนี้ของตนเอง จึงได้แต่ซ่อนความรู้สึกไว้ภายใต้ใบหน้าที่เจือไปด้วยร้อยยิ้มที่สิ่งให้เด็กหนุ่มตรงหน้า
"ข้าพึ่งกลับมาถึงวันนี้คุณชายเจียง...ว่าแต่คุณชายมั่นใจหรือว่าได้ทำพู่กระดิ่งตกแถวนี้"
"ไม่แน่ใจขอรับ"เจียงลู่จิวตอบเสียงอ่อย เขาจำไม่ได้ด้วยซ้ำว่ามามันหล่นไปตอนไหน
"ประมุขเจียงจะลงทษคุณชายหนักหรือ ท่านดูเป็นกังวลนัก" หลานซีเฉินถามด้วยความเป็นห่วงเพราะท่าทีของเด็กหนุ่มดูร้อนรนว่าจะหาของไม่เจอ
"ปะ..เปล่าขอรับ" เด็กหนุ่มระล่ำระลักปฏิเสธ กลัวอีกฝ่ายจะมองอาเหนียงในทางที่ไม่ดี
"โทษหนักสุดที่อาเตี๋ยลงโทษก็คือกักบริเวณหนึ่งอาทิตย์"หลานซีเฉินยิ้มเอ็นดูกับท่าทางของเด็กหนุ่มตรงหน้า ทั้งๆที่เขาแค่สอบถามอีกคนกลับรีบปฏิเสธและปกป้องผู้ให้กำเนิดทันที แสดงถึงการที่ถูกเลี้ยงดูมาเป็นอย่างดี
"เป็นเช่นก็ดีแล้ว คุณชายอย่าได้พึ่งไปกังวลล่วงหน้า ท่านยังคงอยู่ที่อวิ่นเชินปู้จื่อฉู่อีกนาน สักวันท่านคงหาเจอ" พูดให้กำลังใจอีกฝ่าย เด็กหนุ่มวัยร่าเริงเช่นนี้ไม่ควรมีเรื่องที่เป็นกังวลใจมากนักเจียงลู่จิวคิดตามกับคำพูดของชายสุขุมตรงหน้า ก็จริงอย่างที่เจ๋ออุจวินกล่าวมีเวลาอีกนานที่จะหาของ ไม่ควรจมอยู่กับที่มากเกินไป เด็กหนุ่มนึกชื่นชมหลานซีเฉินสมกับที่หลายๆคนชื่นชม เขาช่างมีวาจาที่นุ่มนวลในการพูดให้กำลังใจ ให้ผู้ฟังนั้นได้คิดตามในสิ่งที่เขาชี้แนะ ช่างน่านับถือเสียจริง
"เอ่อ...แล้วเจ๋ออู๋จวิน ท่านเคยทำของสำคัญหายหรือไม่ขอรับ" เจียงด้วยความใคร่รู้
"เคยสิ"
"สิ่งใดหรือขอรับ"ชายที่ดูสมบูรณ์แบบตรงหน้าเขาเคยทำสิ่งใดหายหรือ
"หยก" หลานซีเฉินจ้องลึกเข้าไปในดวงตาของเจียงลู่จิว เด็กหนุ่มเมื่อได้ยินคำตอบแววตาสีทองกลับสั่นไหวเล็กน้อย
"ทะ...ท่านหมายถึง..."เด็กหนุ่มพยายามเค้นหาเสียงตนเอง
"ข้าหมายถึงพู่หยกหนะคุณชายเจียง ทำหายเมื่อสิบห้าปีที่แล้ว"
100%
...TBC....
***ดาวน์โหลด NovelToon เพื่อเพลิดเพลินไปกับประสบการณ์การอ่านที่ดียิ่งขึ้น!***
อัพเดทถึงตอนที่ 22
Comments