บทที่ 5 เรื่องราวในอดีต 2

บทที่ 5 เรื่องราวในอดีต 2

จินหลินไถ . หลันหลิงจิน

*ยามซื่อ (0๙:๐๐- ๑๐:๕๙)

ยามเช้าของการชุมนุมเซียนที่จินหลินไถ ประมุขตระกูลต่างๆ ทยอยเข้ามาในโถง เจียงเฉิงเดินเข้ามาด้วยความง่วงงุนเล็กน้อย เมื่อคืนเขาไม่รู้เลยว่าเผลอหลับไปตอนไหน รู้แค่ว่านั่งคิดถึงอดีตของตนและหลานซีเฉินเมื่อครั้งยั่งเยาว์วัย รู้สึกตัวอีกทีก็ยามเฉิน (๑๗:๐๐- ๐๘:๕๙) เสียแล้ว

เจียงเฉิงเดินไปนั่งที่โต๊ะประจำที่ของตนเอง ซึ่งอยู่ตรงข้ามกับโต๊ะของหลานซีเฉิน ทั้งคู่ส่งยิ้มให้กันเล็กน้อยการประชุมเริ่มได้สักพัก ส่วนใหญ่ก็เป็นเรื่องที่เคยพูดคุยกันในการชุมนุมเสมอ ครั้งนี้ก็เหมือนกับครั้งก่อนๆ ที่ พูดคุยถึงการดูแลเขตแดนต่างๆ การออกล่าภูตผีปราบพรายที่เป็นอันตราย จนกระทั่งถึงหัวข้อสำคัญในครานี้

"ในตอนนี้แถบโม่หลิง ไม่มีตระกูลเซียนดูแล เพราะนับตั้งแต่ประมุขซูคนเดิมตายไป เหล่าลูกศิษย์ก็แยกย้ายกันไปคนละทิศทาง" ประมุขโอวหยางกล่าวขึ้น

"ข้าว่าเราควรจะช่วยแวะเวียนไปดูแล เหมือนแถบฉี่ซาน พวกท่านว่าอย่างไร"

ประมุขจาง จากตระกูลเล็กๆ สักสกุลเสนอขึ้น

"แต่ข้าไม่เห็นด้วย แถบม่หลิง แต่เดิมอยู่ในความดูแลของกูซูหลาน ก่อนผู้แซ่ซูผู้นั้นจะแยกตัวออกมาตั้งสำนักเซียนของตัวเอง ข้าว่าตอนนี้ควรให้กูชูหลานเป็นผู้ดูแลต่อไป" ประมุขเหยาแย้งออกมา แล้วเริ่มมีเสียงซุบซิบเห็นด้วยกับประมุขเหยาขึ้นมาเจียงเฉิงมองไปที่บุรุษผู้สวมอาภรณ์สีฟ้าครามและเป็นประมุขของสกุลที่ตกเป็นหัวข้อสนทนาอยู่ตอนนี้ แต่หลานซีเฉินอย่างไรก็คือหลานซีเฉิน ชายผู้นี้ไม่เคยปฏิเสธการช่วยเหลือผู้ใดเลย ใบหน้าหลานซีเฉินประดับไปด้วยรอยยิ้มดังเช่นเคย แต่เจียงเฉิงกลับค่อนขอดในใจ ประมุขจากตระกูลเล็กพวกนี้คงต้องการโยนภาระให้ตระกูลใหญ่โดยอ้างความเป็นสี่สกุลใหญ่อย่างเช่นเคย

"แต่ข้าไม่เห็นด้วย..." เจียงเฉิงแทรกขึ้นท่ามกลางเสียงซุบซิบพวกนั้น "ก็จริงอยู่ที่แถบโม่หลิงเคยอยู่ในความดูแลของกูซูหลาน แต่ก็แยกออกมาสิบกว่าปีแล้ว ข้าผู้แซ่เจียงเห็นด้วยกับประมุขจาง ที่ให้หลายๆ ช่วยกันดูแล"

"แต่ประมุขเจียง พวกข้าเป็นเพียงแค่สกุลเล็กๆ ดูแลเขตพื้นที่ของตนยังแทบจะไม่ไหว อีกทั้งยังต้องดูแลแถบฉีซานอีก หากเพิ่มแถบม่หลิงเข้ามาข้าว่ามันหนักเกินไปสำหรับตระกูลเล็กๆ" ประมุขเหยาเถียงออกมาอย่างไม่ยินยอม

"หึ ดูแลแถบฉีซานด้วยงั้นรึ พวกท่านกล่าวเกินไปแล้ว พวกท่านแทบจะไม่เยื้องย่างไปแถบนั้น มีเพียงตระกูลจิน หลาน และเจียงเท่านั้นที่แวะเวียนไป" เจียงเฉิงกล่าวด้วยน้ำเสียงแข็งกร้าวเล็กน้อย ด้วยความไม่พอใจ หลานซีเฉินที่มองอยู่ตลอดจึงอดที่จะเป็นห่วงไม่ได้ เมื่อเหล่าสกุลเล็กเริ่มมีท่าที่ไม่พอใจ

"ทุกๆ ท่านโปรดอยู่ในความสงบสักครู่" จินลี่หวงเข้าประณีประนอม 

"ประมุขหลาน ท่านมีความเห็นว่าอย่าไรบ้าง"

เจียงเฉิงและหลานซีเฉินสบตากันนิ่ง ร่างในอาภรณ์สีม่วงส่ายหน้าให้อีกฝ่ายปฏิเสธคำขอนั้นไป แต่บุรุษรูปงามตรงหน้าเพียงส่งยิ้มอบอุ่นให้เล็กน้อยเท่านั้น เท่านั้นเจียงเฉิงก็เข้าใจว่าอีกฝ่ายตัดสินใจว่าอย่างไร

"แต่เดิมโม่หลิงคือส่วนหนึ่งในความดูแลของกูซุหลาน ก็คงมิได้มีปัญหาอันใดหากจะรับกลับเข้ามาในความดูแล" หลานซีเฉินพูดด้วยน้ำเสียงใจดีเช่นเคย เมื่อได้ยินคำตอบเจียงเฉิงก็หน้าบึ้งตึงขึ้นมาในทันทีด้วยความไม่พอใจ เป็นอีกครั้งที่ความใจดีของหลานซีเฉินกลายเป็นเครื่องมือถูกเอารัดเอาเปรียบหลังจากการชุมนุมเสร็จสิ้นเจียงเฉิงก็เดินกลับมาที่เรือนทันทีด้วยอารมณ์ที่ขุ่นมัว จนเหล่าศิษย์ที่ติดตามมาด้วยเข้าหน้าไม่ติด กลัวประมุขเจียงโมโหร้ายหากทำอันใดไม่ถูกใจคงถูกลงโทษแน่ๆ เจียงเฉิงเก็บส้มภาระที่ติดตัวมาเพื่อที่จะเดินทางกลับเหลียนฮวาอู้ ตอนนี้เองที่เขาค้นพบว่าถุงหอมของเขาได้หายไป ประมุขของท่าเรือจึงมีอาการฮึดฮัดมากขึ้นกว่าเดิม

 'เจ้าทำของสำคัญหายไปได้อย่างไรเจียงเฉิง หากใครพบเข้าแล้วเปิดดูด้านในเล่า'

"พวกเจ้าจะนอนที่นี่อีกคืนหรือไร!" เสียงตวาดของเจียงเฉิงดังขึ้น ทำให้เหล่าศิษย์กระวีกระวาดเก็บของด้วยความเร่งรีบ

"เรียบร้อยแล้วขอรับท่านประมุข" เสียงสั่นๆ ของศิษย์สกุลเจียงดังขึ้น

"งั้นก็ไป จะรอให้บรรพบุรุษมาเชิญกลับหรือไง!" พูดพร้อมกับเดินนำออกไป

เหล่าศิษย์ลอบมองหน้ากัน มือยกขึ้นมาเช็ดเม็ดเหงื่อที่ผุดออกมาด้วยความกลั่วเล็กน้อย วันนี้ท่านประมุขของพวกเขาเป็นอะไร จะว่าไม่พอใจกับบทสรุปการประชุมในวันนี้ก็คงไม่เป็นขนาดนี้ มีเรื่องอันใดขุ่นเคืองอีกหรือ พาลให้คิดถึงคุณชายเจียงลู่จิวเสียเหลือเกิน ประมุขเจียงโมโหขนาดนี้มีเพียงคุณชายเท่านั้นที่ทำให้ใจเย็นลงได้

เจียงเฉิงตั้งใจว่าจะเดินไปดูที่ศาลาและให้ศิษย์สกุลเจียงช่วยกันหา ในใจภาวนาให้ถุงหอมตกอยู่แถวนั้นและยังไม่มีใครหยิบไป ดวงตารูปเมล็ดซึ่งเผยความกังวลออกมาอย่างปิดไม่มิด แต่เดินออกมายังไม่พ้นเขตฟื้นที่เรือนนัก เจียงเฉิงก็เห็นร่างในอาภรณ์สีฟ้าครามยืนอยู่ทางเดินตรงหน้า "ประมุขเจียง" หลานซีเฉินเอ่ยเรียก

"ประมุขหลาน ท่านมีสิ่งใดกับข้าหรือ" เจียงเฉิงเอ่ยถามเสียไม่ได้ ถึงแม้ตอนนี้ตนไม่มีความรู้สึกอยากคุยกับใครเลยก็ตาม

"ข้าทำให้ท่านไม่พอใจเสียแล้ว ขออภัยด้วย" หลานซีเฉินเอ่ยด้วยสีหน้ากังวลใจ ด้วยไม่อยากให้ประมุขเจียงผู้นี้ขุ่นเคืองตน

"ข้ามิเป็นไร ท่านอย่าได้เก็บไปใส่ใจเลย หากท่านไม่มีอะไรแล้ว ข้าขอตัว"

ทำท่าจะเดินเลี่ยงออกไป แต่ได้ยินเสียงของหลานซีเฉินเรียกไว้อีกครั้ง

"ประเดี๋ยวก่อน ประมุขเจียง ข้าคิดว่าท่านทำของตกไว้เมื่อคืน" ประโยคนั้นของหลานซีเฉินทำให้ร่างในอาภรณ์สีม่วงหันกลับมามองอย่างรวดเร็ว

"ทะ...ท่านว่าอย่างไรนะ!" เจียงเฉิงถามอีกคนด้วยน้ำเสียงตื่นตกใจ

"สิ่งนี้ใช่ของท่านหรือไม่" ว่าพลางหยิบถุงหอมออกมา แต่ยังไม่ทันยื่นให้ เจียงเฉิงกลับตวัดมือแย่งออกไปด้วยความรวดเร็ว หลานซีเฉินมองท่าทีร้อนรนของอีกฝ่ายด้วยความแปลกใจ

"ท่านมิได้เปิดดูด้านในใช่หรือไม่?" เจียงเฉิงระล่ำระลักถาม

"ท่านอย่าได้กังวลไป ข้ามิได้เปิดดู" หลานซีเฉินระบายยิ้มออกมาให้อีกฝ่ายสบายใจ

"ขอบใจประมุขหลานมาก ข้ากำลังกังวลว่าจะทำหายเสียแล้ว" ใบหน้าสวยถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอก หลานซีเฉินมองดูด้วยความเอ็นดู

"ถุงหอมนี้คงสำคัญกับท่านมาก" หลานซีเฉินออกความเห็น

"ถูกต้องแล้ว ถุงหอมนี้พี่หญิงให้ข้ามา" เจียงเฉิงตอบพลางกอดถุงหอมไว้แน่นกลัวว่าจะสูญหายอีก

"เข้าใจแล้ว...แต่ข้าจำได้ว่าครั้งอยู่กูซูหลาน ถุงหอมนี้ไม่ได้มีสมุนไพรจำพวกดอกบัวมิใช่หรือ" หลานซีเฉินถามด้วยความใคร่รู้

"เรื่องนั้น...ตลอดเวลาพี่หญิงเป็นคนผสมสมุนไพรให้ข้าเอง แต่พอหญิงจากไปก็ไม่มีใครรู้ส่วนผสมนั้นทำมาจากสมุนไพรชนิดใดบ้าง ข้าก็เลยผสมขึ้นมาใหม่"

"เป็นเช่นนั้นเอง...."

"ข้าพูดเรื่อยเปื่อยเกินไปแล้ว ประมุขหลานอย่าได้ถือสา"

"มิเป็นไร ข้าอยากรู้เรื่องราวเกี่ยวกับท่านบ้าง" หลานซีเฉินเอ่ยวาจาออกมาด้วยความเผลอตัว ทำให้เกิดความเงียบขึ้นชั่วขณะ

"..........."

"อะ..เอ่อ.." หลานซีเฉินพยายามเค้นหาเสียงของตนเอง เมื่อรู้ตัวว่าเผลอพูดสิ่งที่ตนคิดในใจออกไป

 "ข้าขอเสียมารยาทชี้แนะ" หลานซีเฉินพยายามเปลี่ยนหัวข้อสนทนาเจียงเฉิงลอบมองท่ทีของประมุขหลานพบว่าอีกคนเขินอายเล็กน้อยเมื่อรู้ตัวว่าเผลอพูดอะไรออกมา ใบหน้าสวยอมยิ้มระคนเอ็นดูอีกฝ่ายอยู่ในใจ

 "เชิญท่านกล่าวเถิด"

"ถุงหอมนี้เป็นสิ่งสำคัญ แต่จากที่ข้าได้ถือดู ถุงนี้ค่อนข้างหนักไปพอสมควรอาจจะทำให้หลุดหายได้ง่าย ข้าขอชี้แนะให้ท่านนำออกข้างในแยกออกมาไว้เถิด"

หลานซีเฉินกล่าวไปตามความจริง เจียงเฉิงส่งยิ้มกลับไปเล็กน้อยก่อนเอ่ยออกมา

"ขอบใจเจ๋ออู๋จวินที่ชี้แนะ ไว้ข้าจะลองทำตามคำแนะนำดู"

"ข้าต้องไปแล้ว คาราวะประมุขหลาน" เจียงเฉิงบอกลาเพื่อกลับเหลียนฮวาอู้

"คารวะประมุขเจียง เดินทางปลอดภัย" หลานซีเฉินประดับยิ้มบนใบหน้าเช่นเคยหลานซีเฉินยืนมองร่างในอาภรณ์สีม่วงจนลับสายตาไปใบหน้าที่ประดับรอยยิ้มพลันเคร่งเครียดลงทันตา หลายๆ สิ่งหลายๆ อย่างของเจียงเฉิงช่างดูคุ้นเคยนัก แต่จะเป็นไปได้อย่างไร เจียงเฉิงรักศักดิ์ศรีการเป็นประมุขของตนเป็นที่สุด อย่างไรหลานซีเฉินก็มองไม่เห็นทางเป็นไปได้ ว่าสิ่งใดเป็นเหตุผลที่เพียงพอให้ประมุขเจียงผู้นั้นยอมทิ้งศักดิ์ศรีเพื่อช่วยเหลือเขาขนาดนี้ 

'แต่จะเป็นการเห็นแก่ตัวหรือไม่ หากข้าอยากให้ท่านคือคนนั้นเมื่อสิบห้าปีก่อน เป็นท่านได้หรือไม่เจียงหวั่นอิ๋น'

เจียงเฉิงเดินออกมาจากบริวณนั้นได้สักพักใหญ่แล้ว ใบหน้าสวยที่คราแรกบึ้งตึงจนศิษย์เข้าหน้าไม่ติดบัดนี้แต่งแต้มไปด้วยรอยยิ้มน้อยๆ เหล่าศิษย์เองก็มองด้วยความสงสัย เพราะปกติแล้วหากประมุขของพวกเขาโมโหละก็ไม่มีทางที่จะหายเป็นปกติได้โดยเร็วหากไม่มีคุณชายเจียงลู่จิวช่วยให้สงบลง แต่นั่นก็ดีแล้วหากท่านประมุขโมโหกลับเหลียนฮวาอู้ เหล่าศิษย์น้องคงต้องโดนฝึกฝนอย่างเข้มงวดโดยประมุขเจียงแน่

เจียงเฉิงกำถุงหอมภายในมือแน่น น้ำหนักของสิ่งที่เขาถืออยู่เป็นสิ่งยืนยันได้อย่างดีว่าของสำคัญอีกสิ่งหนึ่งที่เก็บอยู่ด้านในยังไม่ถูกหลานซีเฉินพบ เพราะหากบุรุษรูปงามเจอสิ่งที่อยู่ด้านในแล้วคงไม่ปล่อยให้เขากลับออกมาง่ายๆ เป็นแน่แท้มือเรียวที่สวมแส้จื่อเตี๋ยวค่อยๆ เปิดถุงหอมเพื่อสำรวจสิ่งที่อยู่ด้านใน รอยยิ้มปรากฏออกมาอีกครั้งเมื่อเห็นว่าของสิ่งนั้นยังอยู่ดี สิ่งสำคัญที่ได้มาเมื่อสิบห้ปีก่อนที่เขาเผลอติดมาด้วยโดยไม่รู้ตัว 'ฟูหยกของหลานซีเฉิน'

สิบห้าปีก่อน

เหลียนฮวาอู้ , อวิ่นเมิ่งเจียง

สองเดือนแล้วนับตั้งแต่ปรมจารย์อี่หลิงจากไป ข่าวเรื่องราวการตายของเว่ยอู๋เซี่ยนแผ่ออกไปอย่างรวดเร็วทั่วทั้งยุทธภพ ผู้คนต่างพากันเฉลิมฉลอง แซ่ซ้องสรรเสิญผู้สังหารปรมจารย์อี่หลิง แต่กับเจียงเฉิงเขากลับไม่ยินดีเลยสักนิดกับเรื่องที่เขากระทำทั้งๆ ที่วาจาบอกว่าเกลียด แต่ในใจกลับรู้สึกเศร้าหมอง เจ็บปวดจนบางคราก็อยากที่จะนอนหลับ

"เฮ้อ~..." เจียงเฉิงนั่งมองผ้าผูกผมสีแดงคล้ำปักลายดอกบัวตูมสีทองไว้ที่ปลายผ้าอย่างเหม่อลอย

ช่วงบ่ายวันนี้เจียงเฉิงไม่มีงานประมุขที่ต้องดูแล เขาจึงเลือกที่จะเก็บตัวอยู่ในห้อง บ่อยครั้งที่หยิบของดูต่างหน้าของทุกคนขึ้นมานั่งมองอย่างเงียบๆ ไม่มีน้ำตา มีเพียงแววตาที่แห้งเหือดปวดร้าว ไปทั้งความรู้สึก

"ท่านประมุข" เสียงเคาะหน้าประตูเรือนทำให้เจียงเฉิงหลุดจากภวังค์

"มีอะไร"

"ข้าเอาของว่างและชามาให้เจ้าค่ะ" เสียงหญิงวัยกลางกล่าวขึ้นที่หน้าประตู

"ท่านป้าเฟยหรือ เข้ามาเถิด" เจียงเฉิงเอ่ยอนุญาต หญิงร่างท้วมวัยกลางคนเดินเข้ามาภายในห้องพร้อมขนมและชาดอกบัวฝีมือของนาง

"ท่านเจียงรุ่ย บอกว่าท่านประมุขทานมื้อกลางวัน ไปนิดเดียวข้าเลยทำของว่ามาให้เจ้าค่ะ"

"ขอบใจท่านป้ามาก" เจียงเฉิงกล่าวขอบคุณกับแม่ครัวประจำสกุลของตน

"ถุงหอมของท่านประมุขกลิ่นเริ่มจางแล้ว ให้ข้าผสมให้ใหม่ไหมเจ้าคะ" นางเอ่ยถามเมื่อได้กลิ่นถุงหอมที่ท่านประมุขมักจะพกไปทุกที่จางลงขึ้นข้างเยอะ

"ท่านป้าเพ่ยสามารถทำกลิ่นแบบนี้ ได้หรือ ไม?" ใบหน้าสวยเอ่ยถามอย่างมีความหวัง พร้อมยื่นถุงหอมให้ ท่านป้าเพยมีสีหน้าลำบากใจ

 "เห็นที่คงมิได้ท่านประมุขกลิ่นฉี่จางมากแทบแยกไม่ออกว่าทำมาจากะไรบ้าง ข้าเสียใจด้วยเจ้าค่ะ"

"งั้นหรือ ถ้าอย่างนั้นท่านป้เพ่ยเอาถุงหอมนี้ ไปผสมกลิ่นให้ข้าใหม่เถิด" เจียงเฉิงเอ่ยออกมาอย่างปลงตก

"เจ้าค่ะ ข้าจะเอากลับมาให้ท่านประมุขตอนมื้อเย็นวันนี้นะเจ้าคะ" นางหยิบถุงหอมที่วางอยู่บนต๊ะขึ้นมา เจียงเฉิงพยักหน้ารับ นางจึงเดินออกจากห้องไป

วันถัดมา

"ช่วงสองสามข้างหน้า มีงานใดสำคัญหรือ ไม?" เจียงเฉิงเอ่ยถามเจียงรุ่ยมือขวาคนสนิทของตน ขณะนั่งจัดการเอกสารการค้าต่างๆ ด้วยกัน

"ไม่มีขอรับท่านประมุข"

"ข้าจะออกจากเหลียนฮวาอู้สักวันสองวัน ฝากเจ้าดูแลงานบางส่วนแทนข้าด้วย"

"ขอรับ"

"ท่านเปลี่ยนถุงหอมใหม่หรือ?" เจียงรุ่ยเอ่ยถาม เพราะปกติที่เขาได้กลิ่นไม่ใช่แบบนี้

"เปล่าหรอก แค่เปลี่ยนกลิ่นสมุนไพร ท่านป่าเยเป็นคนเปลี่ยนหนะ" เจียงเฉิงตอบ เจียงรุ่ยพยัหน้าเข้าใจ และหันกลับไปจัดการงานของตนเองต่อ

เจียงเฉิงกำลังเลือกอาภรณ์อยู่ในเรือนนอน เขาอยากแต่งกายธรรมดาที่สุดให้เหมือนกับชาวบ้นที่สุด เจียงเฉิงม่อยากให้ใครจำได้ว่าเป็นประมุขของสกุล มือเรียวหยิบอาภรณ์สีเขียวเข้มที่ทำจากผ้าฝ้ายขึ้นมาผลัดเปลี่ยน ผมที่เคยรวบตึงเพื่อสวนกว้านก็คลายออกมัดแค่ครึ่งศีรษะและใช้เพียงแค่ผ้าผูกผมเท่านั้น ก่อนออกจากห้องก็ไม่ลืมที่จะหยิบผ้าคลุมใบหน้าออกมาด้วย เจียงเฉิงเดินทางออกจากเหลียนฮวาอู้มุ่งหน้าสู่ ฉีซาน

ร่างที่แต่งกายปกปิดมิดชิดตั้งแต่ศีรษะที่สวมหมวกปีกว้าง มีผ้าคลุมปิดบังใบหน้า กระทั่งชุดที่สวมก็ไม่เหมือนปกติที่คยสวมใส่ กำลังเดินอยู่ภายในหมู่บ้านเล็กๆแถบฉีซาน ถึงแม่มีคนจากตระกูลเซียนมาเจอเขาตอนนี้ก็คงจำเขาไม่ได้เป็นแน่เป้าหมายที่เจียงเฉิงมาที่ฉีซาน ก็คงไม่พ้นมาตามหาเว่ยอู๋เซียน ถึงแม้ใครต่อใครจะบอกว่าปรมาจารย์อี๋หลิงได้ตายไปแล้ว เจียงเฉิงไม่เชื่อคำพูดเหล่านั้นสักเท่าไหร่ถึงเขาจะเห็นกับตาว่าเว่ยอู๋เซี่ยนตกลงไปที่ปากหวนั่น แต่ทว่าข้างล่างปากเหวกลับไม่มีแม่แต่กระดูก นั่นจึงสร้างความสงสัยให้เจียงเฉิงเป็นอย่างมาก และเขาต้องหาคำตอบจึงได้กลับมาที่ๆ เป็นจุดจบของปรมจารย์อี่หลิง

"ฝนจะมาตกอะไรตอนนี้" เจียงเฉิงบ่นขึ้นเมื่อจู่ๆ ท้องฟ้าก็มืดครึ้มขึ้นมา อีกไม่นานฝนคงตกเป็นแน่แท้ ร่างของเจียงเฉิงจึงเดินเข้าไปในโรงเตี๊ยมข้างหน้าเพื่อใช้เป็นที่หลบฝน และเขาก็พบว่าตนนั้นคิดผิดที่เข้ามาหลบฝนที่โรงเตี๊ยมแห่งนี้หลานซีเฉินกำลังนั่งดื่มน้ำชาอยู่ในนั้น ถ้าให้เดาเจียงเฉิงคิดว่าอีกฝ่ายคงมาดูแลตรวจตราตามปกติเนื่องจากหลังสกุลเวินล่มไป ตระกูลเซียนใหญ่ๆ ก็แวะเวียนเข้ามาดูแลแถบนี้เรื่อยๆ เจียงเฉิงเดินเลี่ยงไปนั่งค่อนข้างไกลจากโต๊ะของหลานซีเฉินแต่ก๊พอเห็นโต๊ะของอีกฝ่ายได้ถึงแม้จะมอง ไม่ถนัดนัก 

'เอ๊ะ ทำไมข้าต้องมานั่งมองเขาด้วยเนี่ย'

หลานซีเฉินนั่งอยู่ในโรงเตี๊ยมนี่พักใหญ่แล้ว วันนี้ประมุขสกุลหลานมาช่วยดูแลแถบฉีซานตามปกติ แต่ทว่าฝนเริ่มตั้งเคล้า เขาเลยเดินเข้ามานั่งดื่มชาหลบฝนอยู่ภายในโรงเตี๊ยมแห่งนี้รอให้ฝนหยุดตกแล้วจึงขี่กระบี่กลับกูซูหลาน แต่ดูท่าวันนี้ฝนคงไม่หยุดง่ายๆ เสียกระมั่ง เขาคงต้องนอนค้างที่โรงเตี๊ยมแห่งนี้เสียแล้ว

"คุณชาย ข้านั่งด้วยได้หรือไม่เจ้าคะ" เสียงที่เต็มไปด้วยจริตจกร้านของหญิงสาวผู้หนึ่งพูดขึ้นพร้อมนั่งลงครงข้าวหลานซีเฉินโดยไม่รอคำอนุญาต

"แม่นางมีธุระอันใดหรือ" หลานซีเฉินถามกลับไป เผื่อว่านางมีเรื่องร้อนใจแล้วรู้ว่าเขาเป็นเซียนจึงอยากให้ช่วยเหลือ

"เอ่อ..แม่นาง..." หลานซีเฉินพยายามหาทางที่จะปฏิเสธ แต่ช่างยากเย็นเสีย

"ไม่มีอันใด เจ้าค่ะ ข้าแค่อยากสนทนากับคุณชาย" ว่าพร้อมถือวิสาสะรินชาให้แก่หลานซีเฉิน

"ดื่มชาสักหน่อยสิเจ้าคะ คุณชายดูท่าจะไม่ใช่คนที่นี่ มาทำอะไรแถวนี้หรือเจ้าคะ?" กล่าวด้วยน้ำเสียงออดอ้อนเสียเต็มประดา ถ้าเป็นชายทั่วไปคงหลงเสน่ห์นางเป็นแน่ แต่หลานซีเฉินอยากให้นางลุกออกไปจากตรงนี้เสียเหลือเกิน

"ข้าเป็นคนจากตระกูลเซียน แวะเวียนมาดูแลแถวนี้หนะแม่นาง" แม้จะไม่อยากตอบสักเพียงใดแต่ด้วยกฎของสกุลจึงต้องตอบออกไป

"งั้นหรือเจ้าคะ ดีเสียจริงที่ได้คุณชายมาช่วยดูแล" นางยิ้มหวานโปรยเสน่ห์

"ข้าขอตัวแม่นาง" หลานซีเฉินพยายามที่จะลุกออกไปเมื่อกลิ่นหอมอ่อนๆ บางอย่างที่เขาได้กลิ่นตั้งแต่ที่แม่นางคนนี้นั่งลงเริ่มมีกลิ่นฉุนแรงขึ้นเรื่อยๆ แต่พอยืนขึ้นหลานซีเฉินกลับรู้สึกว่าร่างของเขาโอนเอนเหมือนจะล้ม ภายในโรงเตี๊ยมก็หมุนเสียจนน่ากลัว หญิงสาวตรงหน้าเดินมาพยุงเขาไว้ หลานซีเฉินอยากหนี ไปจากตรงนี้แต่กลับไม่มีแรงเสียดื้อๆ

"ปล่อยมือออกจากตัวเขาเถิดแม่นาง" นั่นคือเสียงสุดท้ายที่หลานซีเฉินได้ยินก่อนที่สติเขาจะดับวูบไปเหลือเกินออกมา

100%

เลือกตอน
1 Intro
2 บทที่ 1 แรกพบพาน
3 บทที 2 ทุกสิ่งล้วนน่าสงสัย
4 บทที่ 3 สิ่งที่เก็บซ่อนไว้ภายใน
5 บทที่ 4 เรื่องราวในอดีต 1
6 บทที่ 5 เรื่องราวในอดีต 2
7 บทที่ 6 เรื่องราวในอดีต 3
8 บทที่ 7 นานของเขา เจียงลู่จิว
9 บทที่ 8 ความสุขที่ควรได้รับ
10 บทที่ 9 หวนคืนเหลียนฮวาอู้
11 บทที่ 10 จดหมาจจากใครบางคน
12 บทที่ 11 ความรู้สึกภายในสู่ภายนอก
13 บทที่ 12 แว่วเสียงจากความจริง
14 บทที่ 13 ปลดปล่อยเรื่องราว
15 บทที่ 14 เพียงพร้องหน้า
16 บทที่ 15 ไม่เคยเกลียดชัง
17 บทที่ 16 งายสมรส
18 บทที่ 17 ค่ำคืนเฉลิมฉลอง
19 บทที่ 18 บุคคลชักใย
20 ตอนที่ 19 ลักพาตัว
21 ตอนที่ 20 อาเตี่ย
22 ตอนที่ 21 มิพลัดพราก (จบ)
เลือกตอน

อัพเดทถึงตอนที่ 22

1
Intro
2
บทที่ 1 แรกพบพาน
3
บทที 2 ทุกสิ่งล้วนน่าสงสัย
4
บทที่ 3 สิ่งที่เก็บซ่อนไว้ภายใน
5
บทที่ 4 เรื่องราวในอดีต 1
6
บทที่ 5 เรื่องราวในอดีต 2
7
บทที่ 6 เรื่องราวในอดีต 3
8
บทที่ 7 นานของเขา เจียงลู่จิว
9
บทที่ 8 ความสุขที่ควรได้รับ
10
บทที่ 9 หวนคืนเหลียนฮวาอู้
11
บทที่ 10 จดหมาจจากใครบางคน
12
บทที่ 11 ความรู้สึกภายในสู่ภายนอก
13
บทที่ 12 แว่วเสียงจากความจริง
14
บทที่ 13 ปลดปล่อยเรื่องราว
15
บทที่ 14 เพียงพร้องหน้า
16
บทที่ 15 ไม่เคยเกลียดชัง
17
บทที่ 16 งายสมรส
18
บทที่ 17 ค่ำคืนเฉลิมฉลอง
19
บทที่ 18 บุคคลชักใย
20
ตอนที่ 19 ลักพาตัว
21
ตอนที่ 20 อาเตี่ย
22
ตอนที่ 21 มิพลัดพราก (จบ)

กกาวน์โหลดทันที

ชอบผลงานนี้ไหม? ดาวน์โหลดแอพ บันทึกการอ่านของคุณจะไม่สูญหาย
กกาวน์โหลดทันที

โบนัส

ผู้ใช้ใหม่ที่ดาวน์โหลดแอพสามารถปลดล็อค 10 ตอนได้ฟรี

รับ
NovelToon
เปิดประตูต่างภพ
เพื่อวิธีการเล่นเพิ่มโปรดดาวน์โหลดMangatoon APP!