บทที่ 4 เรื่องราวในอดีต 1

บทที่ 4 เรื่องราวในอดีต 1

"ข้าชอบที่ท่านยิ้ม...."

คำพูดของหลานซีเฉินทำให้เจียงเฉิงตกใจไม่น้อย ร่างในอาภรณ์สีม่วงบัดนี้ใบหน้าขาวกลับขึ้นรอยสีเลือดฝาดตรงแก้มอย่างเห็นได้ชัด แถมหัวใจเจ้ากรรมยังเต้นเสียแรงจนกว่าอีกฝ่ายที่นั่งอยู่ตรงข้ามจะได้ยิน วันนี้หัวใจเขาทำงานหนักไปเสียแล้ว

"เอ่อ... ข้าหมายถึงท่านเหมาะกับรอยยิ้มมิใช่ทำหน้าเคร่งขรีมเสียมากกว่า" ว่าพลางเผลอยกมือขึ้นเกาใบหน้าด้วยความสื่มตัว 

"ขออภัยด้วยล่วงเกินประมุขเจียงด้วยวาจาเสียแล้ว"

"มะ...มิเป็นไร" เจียงเฉิงว่าพลางลุกขึ้นยืน 

"นี่ก็เลยยามฮแล้ว ข้าว่าถึงเวลาที่ต้องพักผ่อนเสียที พรุ่งนี้จักต้องร่วมงานชุมนุมแต่เช้า" 

เขาอยากพาตัวเองออกสถานการณ์ตรงหน้าเขาเต็มที หลานซีเฉินคนนี้เหมือนคนที่เขาไม่รู้จัก วันนี้พวกเขาทั้งสองคุยกันเรื่องส่วนตัวมากเกินไปแล้ว ไม่เป็นการดีอย่างแน่นอนหากสนทนากันต่อร่างในอาภรณีสีม่วงลุกขึ้นยืนแล้วคำนับอีกฝ่ายเพื่อเป็นการบอกลา หลานซีเฉินลุกพรวดขึ้นยื่นมือทั้งสองข้างออกมารองมือของอีกฝ่ายไว้ทันที เจียงเฉิงรู้สึกเหมือนถูกกระแสฟวิ่งเข้าสู่ร่างกายรีบชักมือกลับเข้าหาตัวทันทีเช่นกัน หลานซีเฉินรู้สึกแปลกใจกับเหตุการณ์ตรงหน้าเป็นอย่างมากแปลกใจกับสิ่งที่ตนเองกระทำออกไปและแปลกใจกับท่าทีของอีกฝ่าย 

"ขออภัยเจ๋ออู๋จวิน ข้ามิชินแบบนี้" ว่าพลางหลบตาของบุรุษรูปงามในอาภรณ์สีฟ้าคราม

"ข้าเองจักต้องขอโทษประมุขเจียงด้วย ล่วงเกินท่านหลายคราแล้ววันนี้"

หลานซีเฉินคำนับ เขารู้สึกประหลาดกับการกระทำของตนเองเป็นอย่างมาก เหมือนเขาควบคุมตนเองไม่ได้เลยส์นิดเมื่ออยู่ต่อหน้าเจียงเฉิงในคราวนี้

"มิเป็นไร เจ๋ออู๋จวิน....ข้าขอตัว"

"ฝันดีเจียงหวั่นอิ๋น" อีกแล้ว หลานซีเฉินในวันนี้ทำเรื่องให้เขาใจเต้นแรงครั้งแล้วครั้งเล่า เกิดอะไรขึ้นกลับร่างสูงตรงหน้าเขา เจียงเฉิงรำพึงกับตัวเอง

"เช่นกันเจ๋ออู๋จวิน"

เจียงเฉิงกลับได้สักพักแล้วแต่หลานซีเฉินยังคงนั่งอยู่เดิมพร้อมใคร่ครวญการกระทำของตนเองในวันนี้ว่าเหตุใดเขาจึงปฏิบัติแปลกไปต่อประมุขเจียง หลายๆคืนก่อนที่เขาจะเดินทางมาหลานหลิงจิน จู่ๆ หลานซีเฉินกลับรู้สึกก้งวลว่าหากเขาเจอประมุขเจียงเขาจะปฏิบัติเช่นไร ในคราแรกร่างสูงคิดว่าอาจเป็นเพราะเรื่องของเว่ยอู๋เซี่ยนที่ตนจะคุยกับเจียงเฉิง แต่พอได้เผชิญหน้ากับอีกคนเขาก็ได้คำตอบแล้วว่าไม่เกี่ยวกับผู้ใดเลย มันเริ่มตั้งแต่เมื่อไหร่กันที่เขามองอีกคนต่างไปเดิมเมื่อก่อนเขาแอบชื่นชมประมุขน้อยอยู่ในใจ เรื่องราวที่สามารถฟื้นฟูตระกูลเจียงเพียงคนเดียวให้กลับมารุ่งเรื่องเหมือนก่อนที่จะถูกตระกูลเวินทำลายอย่างไม่เหลือชิ้นดี ด้วยต้องรับภาระหน้าที่ทุกอย่างตั้งแต่ยังอายุน้อยเลยทำให้ประมุขผู้นี้กลายเป็นคนเย่อหยิ่ง ทะนงตน และไม่สานสัมพันธ์กับตระกูลใด หลานซีเฉินเข้าใจในข้อนี้ดีว่าสิ่งใดที่ทำให้เจียงเฉิงเป็นแบบนั้น ตอนเขาฟื้นฟูตระกูลหลานเขามีคนรอบข้างมากมาย แต่กลับเจียงเฉิงหลั่งจากเจียงเหยี่ยนหลี่และเว่ยอู๋เซี่ยนจากไปอีกฝ่ายก็ไม่เหลือใครหลานซีเฉินคิดว่าสิ่งนั้นเพียงการชื่นชมในความเข้มแข็งของอีกคน แต่เขาพึ่งได้รับรู้ว่าภายในใจนั้นช่างเปราะบางเสียเหลือ ในวันนั้นที่วัดกวนอิมคนที่ป่าวประกาศว่าเกลียดปรมจารย์อี๋หลิงเป็นที่สุดกลับกลายเป็นคนที่ปกป้องพี่ชายบุญธรรมของตัวเองสุดชีวิต วาจาที่ต่อว่าระบายความอัดอั้นต้นใจแก่เว่ยอู่เซี่ยนในนั้นทั้งน้ำตา มันทำให้เขารำพึ่งถามกับตัวเองว่า ครั้งล่าสุดที่เห็นรอยยิ้มของประมุขน้อยผู้นี้คือเมื่อใดกัน ก็คงตั้งแต่อีกฝ่ายร่ำเรียนอยู่อวิ่นเซินปู้จื่อฉู่และในวันนี้กับสิ่งที่เกิดขึ้นหลานซีเฉินยังคงต้องหาคำตอบต่อไป แต่สิ่งหนึ่งที่เขาให้คำตอบกับตัวเองได้แล้ว หลานซีเฉินอยากให้ประมุขเจียงผู้นั้นมีแต่รอยยิ้ม แค่อีกฝ่ายยิ้มก็พลันทำให้ทุกสี่งรอบตัวนั้นสดใสขึ้นมา เขาอยากให้ใบหน้าสวยนั้นกลับมายิ้มแย้มเหมือนครั้งที่ยังเยาว์วัย

"เป็นประมุขสกุลกลับทำผิดกฎเสียแล้ว" หลานซีเฉินกล่าวโทษตัวเองเมื่อรู้สึกตัวว่าได้เลยยามไช่ที่ต้องเข้านอนตามกฎของสกุลมาพอสมควร ร่างในอาภรณ์สีฟ้าครามลุกขึ้นยืนเพื่อกลับไปที่เรือน แต่ระหว่างที่ก้าวขาออกเดินกลับรู้สึกเหมือนเตะบางอย่างเข้าหลานซีเฉินก้มเก็บสิ่งนั้นขึ้นมาแล้วพบว่าเป็นถุงเครื่องหอม

 'น่าจะเป็นของที่ประมุขเจียงทำตกไว้ พรุ่งนี้ค่อยเอาไปคืนประมุขเจียง....แต่ทำไมกลิ่นดอกบัวนี่ช่างคุ้นเคยนัก เหมือนเคยได้กลิ่นอันหอมหวานนี่จากไหนสักแห่ง' หลานซีเฉินครุ่นคิดในใจ

อย่างหนักกับกลิ่นที่แสนคุ้นเคยแต่เขาเองกลับจำไม่ได้ว่าเคยไม่สัมผัสจากที่ใด

.

.

ร่างของเจียงเฉิงล้มตัวนอนบนตั่งสักพักใหญ่แล้วแต่กลับข่มตาหลับไม่ได้ภายในหัวครุ่นคิดถึงแต่เรื่องราวในวันนี้ แล้วพาลทำให้ย้อนคิดถึงเรื่องราวในอดีต ครั้งสุดท้ายที่เขาสนทนากับหลานซีเฉินมากมายขนาดนี้ก็เมื่อครั้งที่ไปเรียนที่อวิ่นเซินปู้จื่อฉู่ ในยามที่พวกเขายังเป็นแค่คุณชาย

คุณชายเจียง และคุณชายใหญ่สกุลหลาน...

สิบเจ็ดปีก่อน

อวิ่นเซินปู้จี่อยู่,กูชูหลาน

"เจ้าจะไม่ไปกับข้ากับเนี่ยซยงจริงๆ หรือเจียงเฉิง?" เว่ยอู๋เซี่ยนกำลังคะยั้นคะยอเจียงเฉิงไปที่น้ำตกหลังเขากับตนและเนี่ยหวายซัง เจียงเฉิงมองพี่ชายบุญธรรมของตนอย่างเหนื่อยหน่ายใจ

"เจ้าไปเถอะ ข้าไม่อยากโดนลงโทษเหมือนคราวที่แล้วหรอกนะ" เจียงเฉิงพูดถึงเหตุการณ์ที่พวกเขาทั้งสามคนถูกลงโทษเพราะแอบดื่มสุราในอวิ่นเซินปู้จื่อฉู่ แถมเจ้าเว่ยอู่เซี่ยนยังใช้เล่ห์กลให้หลานวั่งจีดื่มสุราจนถูกลงโทษเหมือนกันอีก

"แล้วอีกอย่างนะ..." เจียงเฉิงพูดเสียงเบา 

"ข้าไม่อยากถอดชุดเล่นน้ำเจ้าก็รู้"

"เจ้าก็อย่าถอดเสื้อสิจะไปยากอะไร"เจียงเฉิงถลึงตาใส่พี่ชาย เว่ยอู๋เซียนส่ายมือด้วยความหน่ายใจ 

"เอาหละๆ ไม่ไปก็ไม่ไป วันนี้อุตส่าห์ท่านอาจารย์หลานไม่อยู่แทนที่จะออกไปเที่ยวเล่น เจ้าอยากจะอุดอู้อยู่ในห้องก็ตามใจ"

"เรื่องของข้า....อย่ากลับมาค่ำาละกันวันนี้พี่หญิงทำแกงรากบัวเป็นมื้อค่ำ ถ้าเจ้ามาช้าข้ากินหมดแน่" เจียงเฉิงพูดอย่างไม่ใส่ใจกับคำพูดของอีกคน

"ข้าไม่สน ถึงอย่างไรศิษย์พี่หญิงก็เหลือไว้ให้ข้าอย่างแน่นอน"

"หึ หลงตัวเอง" เจียงเฉิงเบ้ปากใส่อีกฝ่าย

"ก็ข้ามีดีให้หลง....ข้า ไปหละ" ว่าพลางโบกมือลาน้องชายออกไปเที่ยวเล่นข้างนอก

เจียงเฉิงเดินมาถึงหอมภีร์สักพักแล้ว ที่แรกเขาว่าจะมาหาคัมภีร์ที่เกี่ยวกับพวกภูตผีอ่านเพิ่มเติมเสียหน่อย แต่พอเห็นคุณชายใหญ่สกุลหลาน หลานซีเฉินนั่งอ่านตำราอยู่ด้านในก็ไม่กล้าเข้าไปกลัวจะรบกวนสมาธิอีกฝ่าย แต่ถ้าจะให้เดินกลับเลยก็กลัวจะเสียเที่ยว

"คุณชายเจียงเข้ามาเถิด มิต้องเกรงใจ"เจียงเฉิงอดแปลกใจไม่ได้เหตุใดอีกฝ่ายถึงได้รู้ว่าเป็นเขา

"สมกับเป็นหยกคู่สกุลหลาน ท่านรู้ได้อย่างไร" เจียงเฉิงเอ่ยถาม ขณะเดียวกันก็เดินเข้าไปภายในหอคัมภีร์

"กลิ่นประจำกายท่านหนะ" หลานซีเฉินตอบ

"หืม....อ้อ...สงสัยกลิ่นจากถุงหอม พี่หญิงเป็นคนทำให้ข้า" เจียงเฉิงเอ่ยพลางส่งยิ้มให้อีกฝ่ายเล็กน้อย

"ช่างเป็นกลิ่นที่เป็นเอกลักษณ์นัก" หลานซีเฉินระบายยิ้มให้เจียงเฉิง

 "ขออภัยหากข้าถามจะว่ากลิ่นนั้นทำมาจากสมุน พรชนิดใด ได้หรือ ไม่" เอ่ยถามอีกฝ่ายอย่างเป็นมิตร

"ขออภัยด้วย คุณชายใหญ่ข้าก็มิทราบเช่นกัน พี่หญิงไม่ยอมบอกข้าว่ามันทำมาจากอะไรบ้าง" เจียงเฉิงหัวเราะเล็กน้อยให้กับความคิดของพี่สาว เขาเคยเอ่ยถามเช่นเดียวกันว่าถุงหอมนี้เจียงเหยี่ยนหลี่ทำมาจากอะไรบ้าง แต่พี่สาวเขากลับแค่ยิ้มให้แล้วบอกเขาว่าเป็นความลับ

"อย่างนั้นหรือ แต่แม่นางเจียงช่างเฉลียวฉลาดในด้านนี้นัก ข้าเองก็จำได้ว่าของคุณชายเว่ยก็เป็นอีกแบบนิ่ง" หลานซีเฉินกล่าวชื่นชมอีกฝ่ายด้วยใจจริง

"เป็นเช่นนั้นคุณชายใหญ่"

"ว่าแต่คุณชายเจียงมาที่หอคัมภีร์ มีตำราเล่มใดที่ใคร่สนใจเป็นพิเศษหรือไม่?"

"ข้าว่าจะมาหาตำราภูตผีเพิ่มเติมหนะคุณชายใหญ่"

"ให้ข้าแนะนำได้หรือ ไม่คุณชาย" หลานซีเฉินเสนอ

"มิเป็นไรหรอก ข้าเกรงใจ" เจียงเฉิงบอกปฏิเสธเพราะเกรงใจอีกฝ่ายที่กำลังอ่านตำราอยู่

"คุณชายเจียงอย่าได้เกรงใจเลย" ว่าพลางลุกขึ้นเดินไปที่ชั้นหนังสือ เจียงเฉิงเห็นว่าปฏิเสธไม่ได้ผลจริงเดินตามอีกฝ่ายไป

.

เมื่อเว่ยอู๋เซียนออกไปแล้วเจียงเฉิงก็เดินออกไปจากเรือนเช่นเดียวกัน ความจริงวันนี้เขาอยากจะไปหอมภีร์เสียหน่อย แต่ไม่อยากให้เจ้าเว่ยอู่เซี่ยนรู้หรอกนะเดี๋ยวเจ้านั่นจะล้อเขาไม่หยุดว่าเป็นคนที่ช่างขยันเสียจริง

ผ่านไปครู่นึงเจียงเฉิงได้ตำราที่หลานซีเฉินแนะนำมาสามสี่เล่ม 

"ขอบคุณคุณชายใหญ่ที่แนะนำ" เจียงเฉิงกล่าวขอบคุณ

"ข้าเต็มใจ" หลานซีเฉินเอ่ยพร้อมระบายยิ้มให้เจียงเฉิงเมื่อได้หนังสือครบทั้งคู่ต่างแยกย้าไปที่โต๊ะหนังสือของตนเพื่ออ่านตำรา บางครั้งหลานซีเฉินก็เปิดบทสนทนากับเจียงเฉิง บางครั้งเจียงก็ถามในสิ่งที่ตนสงสัยในตำรากับหลานซีเฉิน บางทีหลานซีเฉินก็เล่าประสบการณ์เกี่ยวกับการล่าภูตผีที่ในเขตของกูซูหลาน แลกเปลี่ยนประสบกรณ์การล่าภูตผีที่อวิ่นเมิ่งเจียงจากเฉียงเฉิง จนเวลาล่วงเลยไปพอสมควรทั้งคู่จึงแยกย้ายันกลับเรือน

"ขอบคุณ คุณชายเจียงมากที่อยู่สนทนากับข้าในหลายเรื่องวันนี้" หลานซีเฉินกล่าวขอบคุณอีกฝ่าย ตอนนนี้พวกเขทั้งสองยืนอยู่หน้าหอคัมภีร์

"ข้าก็ขอบคุณ คุณชายใหญ่เช่นกัน"

ทั้งคู่ส่งยิ้มให้กันอีกคราก่อนจะเดินกลับเรือนของตนเอง ในวันนี้เองที่เจียงเฉิงรู้ตัวว่าเขานั้นไม่สามารถละตายตาจากใบหน้าที่ประดับไปด้วยรอยยิ้มของหลานซีเฉินได้เลย หรือนี่จะเป็นความรู้สึกที่ชอบพอใครสักคนอย่างที่เขาว่ากันหลั่งจากเหตุการณ์ในหอคมภีร์วันนั้น เจียงเฉิงและหลานซีเฉินก็สนิทกันขึ้นมาเล็กน้อย จากเดิมที่เคยแค่ทักทายแล้วผ่าน ไป บัดนี้เวลาพบเจอกันโดยบังเอิญทั้งคู่จะหยุดคุยกันครู่หนึ่งก่อนจะแยกย้ายกันไปทำธุระของตน กลายเป็นตัวเจียงเฉิงมีความสุขทุกครั้งที่ได้พูดคุยกับหลานซีเฉิน แม้เป็นแค่ช่วงเวลาสั้นๆ แต่ช่วงเวลาสั้นๆ นั้นกลับทำให้เขาเป็นตัวของตัวเองมากที่สุด

"วันนี้คุณชายเจียงจะไปที่หอคัมภีร์หรือ ไม่" หลานซีเฉินเอ่ยถามด้วยใบหน้าที่เปื้อนรอยยิ้มดังเดิม ขณะที่พบเจียงเฉิงและเว่ยอู่เซี่ยนระหว่างทางเดินแล้วกล่าวทักทายกันตามธรรมเนียม

"คงมิได้ไปหรอกคุณชายใหญ่ วันนี้มีการบ้านมากมายที่ข้าต้องจัดการ" เจียงเฉิงเอ่ยตอบด้วยความเสียดาย พร้อมลอบมองใบหน้าหล่อเหลาของหลานซีเฉินด้วยความเขินอาย

"ช่างเสียดายยิ่งนัก ข้าว่าจะคัดตำราเพิ่มเติมเกี่ยวกับภูตลายน้ำ จักให้คุณชายเจียงที่กนัดเรื่องนี้แนะนำเสียหน่อย" หลานซีเฉินกล่าวออกมาด้วยความเสียดาย

"วันนี้ข้าต้องขออภัยคุณชายใหญ่จริงๆ แต่ถ้าเป็นวันหลังข้าไปช่วยเหลือท่านได้" เจียงเฉิงกล่าวขอโทษอีกฝ่าย เขาก็อยากไปหอคัมภีร์กับหลานซีเฉินแต่วันนี้ช่างไม่เป็นใจ ท่านอาจารย์หลานสั่งการบ้านมาเสียมากมายแถมยังต้องส่งภายในวันพรุ่งนี้อีกช่างน่าเสียดายจริงๆ เขาเองก็อยากใช้เวลาอยู่กับอีกฝ่ายมากกว่านี้

"ถ้างั้นรบกวนท่านแล้ว วันหลังข้าจะเอ่ยชวนท่านอีกครา"แต่สุดท้ายเจียงเฉิงก็ไม่ได้ไปช่วยเหลือหลานซีเฉินดั่งที่สัญญาไว้ เนื่องจากพวกเขานั้นใกล้ที่จะจบการศึกษาจากกูซูหลานแล้ว จึงต้องอ่านตำรามากมายและฝึกซ้อมเพลงกระบี่เพื่อทำการทดสอบสิ่งที่ได้ร่ำเรียนไปไม่มีเวลาไปเที่ยวซนที่ใด จนเว่ยอู่เซี่ยนบ่นให้เขาฟังวันละหลายคราจนถึงวันที่ต้องกลับเหลียนฮวาเจียงเฉิงยังไม่ ได้พบหลานซีเฉินอีกเลย ได้ยินจากเนี่ยหวายซังว่าหลานซีเฉินเองก็ต้องฝึกหนักเช่นกันเนื่องจากหลานซีเฉินต้องขึ้นรับตำแหน่งประมุขของสกุลหลานในปีหน้า

"เจ้าไม่ไปลาเขาหน่อยหรือ?" เสียงเว่ยอู่เซี่ยนเอ่ยถาม

"เรื่องของข้าน่า แล้วเจ้าละทำไมไม่ไปลาคุณชายรองหลาน" เจียงเฉิงย้อน

"นั่นก็เรื่องของข้าเช่นกัน"

เว่ยอู่เซี่ยนรู้ว่าเจียงเฉิงนั้นมีใจให้คุณชายใหญ่สกุลหลาน หลายครั้งหลายคราที่ทั้งคู่หยุดคุยกันตามทางเดิน เป็นการพูดคุยมิใช่การทักทายตามปกติ และหลายครั้งที่เว่ยอู๋เซี่ยนอยู่ในเหตุการณ์ด้วย จนเขาจับสั่งเกตได้ว่าทุกทั้งที่เจียงเฉิงได้สนทนากับหลานซีเฉิน น้องชายบุญธรรมของเขาจะมีใบหน้าที่สดใสขึ้นมาเล็กน้อย แม้เพียงเล็กน้อยไม่ก็รอดพ้นสายตาคนที่อยู่ด้วยกันตั้งแต่เล็กอย่างเว่ยอู่เซี่ยนไปได้

"นี่ เจียงเฉิง เจ้าจะไปทั้งแบบนี้จริงๆ หรือ" เว่ยอู่เซี่ยนยังคงซักถาม อย่างน้อยก็ให้ทั้งคู่ได้บอกลากันก่อนจะกลับเหลียนฮวาอู้ก็ยั่งดี

"ไม่หรอก" เจียงเฉิงตอบเสียงแผ่วเบา

"เจ้าไม่เป็นไรใช่ไหม?" เอ่ยถามย้ำอีกครั้ง

"ถ้าบอกว่าไม่เลยก็คงเหมือนการโกหก แต่นั่นแหละมันเพียงความรู้สึกในวัยหนุ่มสาวเท่านั้น เดี๋ยวข้าก็ทำใจ ได้ ประเดี๋ยวสักพักข้าก็ลืม" เจียงเฉิงตอบพี่ชายบุญธรรมด้วยน้ำเสียงเศร้าสร้อย

"เฮ้อ~เจียงเฉิงน้า เจียงเฉิง" เว่ยอู๋เซี่ยนตบลงบนไหล่ของเจียงเฉิงดวยความเห็นใจ เจียงเฉิงหันไปยิ้มให้อีกฝ่ายเล็กน้อยเจียงเฉิงคิดว่าบางทีการเก็บความรู้สึกเอาไว้กับตัวเองคงเจ็บน้อยกว่าการบอกออกไปแล้วผลที่ได้มา ไม่เป็นดั่งใจหวั่ง ก็จริงที่หลานซีเฉินพูดคุยกับเขามากกว่าทั่วไปแต่บุรุษรูปงามผู้นั้นอธยาศัยดีมาแต่หนแต่ไร ถ้าอีกฝ่ายจะเอ็นดูเขาก็คงไม่แปลก แต่หลานซีเฉินมองเขาเป็นเพียงแค่น้องชายคนนึงเท่นั้น เจียงเฉิงรู้สถานะของตนเองดีเป็นดังที่เจียงเฉิงว่าสักพักเดี่ยวคงลืม มิใช่ลืมเพราะความห่างไกล แต่ลืมเพราะเรื่องราวต่างๆ ที่ถ้าโถมเข้ามาจนไม่มีเวลาที่คิดเรื่องรักๆ ใคร่ๆ กลับเหลียนฮวาอู้ได้ไม่กี่เดือนเข้ากับเว่ยอู่เซี่ยนก็ต้อง ไปเรียนที่ฉีซานของพวกตระกูลเงิน ไม่นานเขาต้องมาสูญเสียอาเตี๋ย อาเหนียงจากการบุกโจมตีของตระกูลเวิน ระเห็จระเหินหนีตายกันสามคน ในตอนนั้นหลายๆ สกุลตกอยู่ในสถานการณ์เป็นรอง เจียงเฉิงต้องรวบรวมศิษย์สกุลบางส่วนที่ยังหลงเหลืออยู่เพื่อสร้างสกุลขึ้นมาใหม่เจียงเฉิงได้พบกับหลานซีเฉินอีกครั้งในคราร่วมศึกชิงตะวัน การกลับมาพบกันครานี้ทั้งคู่ไม่ได้พูดคุยกันมากไปกว่าการวางแผนบุกโจมตีสกุลเวินที่ปู่เย่เทียนในสถานะของทั้งเจียงเฉิงและหลานซีเฉินที่ตอนนี้ต้องแบกรับภาระในฐานะผู้นำของตระกูลไว้มากมายจนไม่มีเวลาแม้จะนึกคิดถึงเรื่องของตนเองหลังจากดวงตะวันของสกุลเวินดับลง ไปแล้ว เจียงเฉิงยังมีภาระหน้าที่มากมายที่ต้องสะสาง ทั้งการฟื้นฟูเหลียนฮวาอู้ ทั้งการเปิดรับศิษย์รุ่นเยาว์เพื่อมาฝืกเป็นเซียนในตอนนี้ถึงแม้ข้างกายจะมีเจียงเหยี่ยนหลี่และเว่ยเซี่ยนที่ตอนนี้กลายเป็นปรมจารย์อี่หลิงเข้าทางสายมารเรียบร้อยแล้ว คอยช่วยเหลือ แต่นั้นก็ยังหนักหนาเกิน ไปสำหรับเด็กหนุ่มวัยสิบเจ็ดปีที่ต้องแบกรับและมันก็ได้ระเบิดขึ้นเมื่อปรมจารย์อี่หลิงถูกตระกูลอื่นๆ จับตามอง และคอยตั้งข้อสงสัยเกี่ยวกับตราพยัคทมิฟที่มีในครอบครองของเว่ยอู๋เซี่ยนตลอดเวลา ดูก็รู้ว่าคนเหล่านั้นต้องการครอบครองไว้เอง แต่เจียงเฉิงกลับทำอะไรไม่ ได้ไปมากกว่าการทนฟังคนเหล่านั้นคอยต่อว่าเว่ยอู๋เซี่ยนโดยที่เขา ไม่สามารถทัดทาน ได้ แค่จะขยับวาจาเสนออะไรตัวของเจียงเฉิงเองยังโดนคนเหล่านั้นกล่าวหาว่าเขานั้นด้อยประสบการณ์จนกระทั่งเหตุการณ์เลวร้ายขึ้นเมื่อเขาต้องสูญเสียเจียงเหยี่ยนหลี่ไป โดยที่ทุกอย่างชี้ตัวไปที่เว่ยอู๋เซี่ยน ในที่สุดเขาก็กลายเป็นคนที่สั่งหารพี่ชายบุญธรรมของตัวเอง

เจียงเฉิงไม่หลือใครแล้ว ครอบครัวเขาได้จากไปหมดแล้ว สิ่งเดียวที่เจียงเฉิงยังคงหลงเหลืออยู่ คือลูกชายของพี่หญิงและจินจือเซวียน "จินหลิง" เจียงเฉิงในตอนนี้ต้องแบกรับทุกสิ่งทุกอย่างในสกุลเพียงผู้เดียว เจียงเฉิงในตอนนี้มิใช่คนเดียวกับเจียงเฉิงที่ยังคงร่ำเรียนที่กูซูหลานอีกต่อไปแล้ว

100%

...TBC....

โดเนทค่าขนนได้ที่ true wallet 062 520 7040

เลือกตอน
1 Intro
2 บทที่ 1 แรกพบพาน
3 บทที 2 ทุกสิ่งล้วนน่าสงสัย
4 บทที่ 3 สิ่งที่เก็บซ่อนไว้ภายใน
5 บทที่ 4 เรื่องราวในอดีต 1
6 บทที่ 5 เรื่องราวในอดีต 2
7 บทที่ 6 เรื่องราวในอดีต 3
8 บทที่ 7 นานของเขา เจียงลู่จิว
9 บทที่ 8 ความสุขที่ควรได้รับ
10 บทที่ 9 หวนคืนเหลียนฮวาอู้
11 บทที่ 10 จดหมาจจากใครบางคน
12 บทที่ 11 ความรู้สึกภายในสู่ภายนอก
13 บทที่ 12 แว่วเสียงจากความจริง
14 บทที่ 13 ปลดปล่อยเรื่องราว
15 บทที่ 14 เพียงพร้องหน้า
16 บทที่ 15 ไม่เคยเกลียดชัง
17 บทที่ 16 งายสมรส
18 บทที่ 17 ค่ำคืนเฉลิมฉลอง
19 บทที่ 18 บุคคลชักใย
20 ตอนที่ 19 ลักพาตัว
21 ตอนที่ 20 อาเตี่ย
22 ตอนที่ 21 มิพลัดพราก (จบ)
เลือกตอน

อัพเดทถึงตอนที่ 22

1
Intro
2
บทที่ 1 แรกพบพาน
3
บทที 2 ทุกสิ่งล้วนน่าสงสัย
4
บทที่ 3 สิ่งที่เก็บซ่อนไว้ภายใน
5
บทที่ 4 เรื่องราวในอดีต 1
6
บทที่ 5 เรื่องราวในอดีต 2
7
บทที่ 6 เรื่องราวในอดีต 3
8
บทที่ 7 นานของเขา เจียงลู่จิว
9
บทที่ 8 ความสุขที่ควรได้รับ
10
บทที่ 9 หวนคืนเหลียนฮวาอู้
11
บทที่ 10 จดหมาจจากใครบางคน
12
บทที่ 11 ความรู้สึกภายในสู่ภายนอก
13
บทที่ 12 แว่วเสียงจากความจริง
14
บทที่ 13 ปลดปล่อยเรื่องราว
15
บทที่ 14 เพียงพร้องหน้า
16
บทที่ 15 ไม่เคยเกลียดชัง
17
บทที่ 16 งายสมรส
18
บทที่ 17 ค่ำคืนเฉลิมฉลอง
19
บทที่ 18 บุคคลชักใย
20
ตอนที่ 19 ลักพาตัว
21
ตอนที่ 20 อาเตี่ย
22
ตอนที่ 21 มิพลัดพราก (จบ)

กกาวน์โหลดทันที

ชอบผลงานนี้ไหม? ดาวน์โหลดแอพ บันทึกการอ่านของคุณจะไม่สูญหาย
กกาวน์โหลดทันที

โบนัส

ผู้ใช้ใหม่ที่ดาวน์โหลดแอพสามารถปลดล็อค 10 ตอนได้ฟรี

รับ
NovelToon
เปิดประตูต่างภพ
เพื่อวิธีการเล่นเพิ่มโปรดดาวน์โหลดMangatoon APP!