บทที่ 3 สิ่งที่เก็บซ่อนไว้ภายใน
จินหลินไถ, หลันหลิงจิน
งานชุมนุมเซียนในครั้งนี้จัดขึ้นที่จินหลินไถ ถึงแม้ว่าเรื่องราวของจินกวงเหยานั้นจะทำให้ความเชื่อมั่นของตระกูลจินถูกลดทอนลงไป แต่ก็ต้องยอมรับว่าตระกูลจินนั้นจัดการงานชุมนุมเซียนได้อย่างดี งานในครั้งนี้จึงได้จัดขึ้นที่จินหลินไถอีกครั้งเพื่อ
เรียกความเชื่อมั่นของตระกูลจินกลับมาตามธรรมเนียมแล้วประมุขของตระกูลจินในตอนนี้ควรจะเป็น จินหรูหลั่น แต่ผู้
อาวุโสของตระกูลยังไม่เห็นด้วยที่จะให้เด็กหนุ่มขึ้นเป็นประมุขในตอนนี้ อย่างน้อยๆ ก็ควรผ่านการเหล่าเรียนจากตระกูลเก่าแก่อย่างตระกูลหลานเสียก่อน เป็นเช่นนั้นตำแหน่งประมุขในตอนนี้จึงเป็นรักษาการไปก่อน และคนผู้นั้นคือ จินลี่หวง หนึ่งในผู้
อาวุโสของสกุลเจียงเฉิงและศิษย์สกุลเดินทางมาถึงจินหลินไถในช่วงบ่าย การชุมนุมในครั้งนี้ก็เหมือนกับที่ผ่านๆ มา คือสี่สกุลใหญ่ หลาน จิน เจียง เนี่ย มาคอยรับฟังและถกปัญหา
เรื่องเขตการดูแลพื้นที่ต่างๆ ช่วยตระกูลเล็กๆ ที่อาจจะดูแลไม่ทั่วถึง การชุมนุมจะเริ่ม
ขึ้นในวันพรุ่งนี้เช้า หลายๆ ตระกูลจึงเดินทางมาล่วงหน้าหนึ่งวันเพื่อไม่ให้เหนื่อยกับ
การเดินทางมากนัก
"ประมุขเจียง" จินลี่หวงเอ่ยทักทายพร้อมคำนับ
"ประมุขจิน" เจียงเฉิงทักทายอีกฝ่าย
"เชิญประมุขเจียงไปพักผ่อนก่อนเถิด ตอนเย็นเราจะมีงานเลี้ยงต้อนรับเหล่าประมุขเล็กๆ น้อยๆ เชิญท่านเข้าร่วมด้วย"
"ยินดียิ่ง" เจียงเฉิงตอบกลับ และกำลังจะเดินตามลูกศิษย์สกุลจินไปยังที่พักแต่ได้ยินเสียงหนึ่งเอ่ยขึ้นเสียก่อน
"ประมุขหลาน" เป็นเสียงของจินสี่หวงนั่นเอง เจียงเฉิงชะงักไปนิดแต่ต้องหันกลับไปเพื่อทักทายอีกฝ่าย กลั่วจะถูกว่าได้ว่าเสียมารยาท
"ประมุขหลาน" เจียงหวั่นอิ๋นคำนับ
"ประมุขจิน ประมุขเจียง" หลานซีเฉินคำนับตอบ เมื่อทักทายตามมารยาทเสร็จแล้วเจียงเฉิงทำท่าจะเดินออกไปอีกที
"เดี๋ยวก่อนประมุขเจียง" เสียงหลานซีเฉินดังขึ้น ทำให้เจียงเฉิงอดที่จะแปลกใจไม่ได้ที่อีกฝ่ายรั้งเขาไว้ หลานซีเฉินไม่เคยสนทนากับเขามากกว่าการทักทาย หรือพูดคุยกันในที่ประชุมแต่ตอนนี้อีกฝ่ายกำลังชวนเขาสนทนาหรือ เจียงเฉิงหันกลับไปมองอีกคนด้วยแววตาสั่นระริกเล็กน้อย เพียงวูบเดียวเท่านั้นก็กลับมาเย่อหยิ่งดั่งเช่นปกติ แต่ไม่อาจรอดพ้นสายตาหลานซีเฉินไปได้
หลานซีเฉินเดินเข้ามาหาอีกฝ่าย ร่างบางผงะถอยหลังไปนิด หลานซีเฉินจึงหยุดแล้วเอ่ยถาม
"ไม่พบกันนานตั้งแต่ที่วัดกวนอิมท่านสบายดีหรือไม่"
"ข้าสบายดี แล้วประมุขหลานเล่าสบายดีหรือไม่" เจียงหวั่นอิ๋นถามอีกคนกลับไปพร้อมกับมองคนที่เขากำลังสนทนาด้วยหลานซีเฉินยิ้มให้ดังเช่นทุกที่ที่เคยทำแต่สายตานั้นกลับวูบไหวในทีแต่เพียงเล็กน้อยเท่านั้นก็กลับมาเป็นปกติ
"ก็หวังว่าจะเป็นเช่นนั้น" หลานซีเฉินพึมพำตอบกลับ
"ข้าไม่รบกวนท่านแล้ว เชิญประมุขเจียงไปพักผ่อนเถิด" เจียงหวั่นอิ๋นมองใบหน้าหลานซีเฉินด้วยความไม่เข้าใจในคำตอบนั้นอย่างปิดไม่มิด แต่ถ้าจะให้ซักถามอีกคนไปก็ยังไม่สนิทขนาดนั้น อีกทั้งไม่ใช่นิสัยของตนที่จะไปซักไซ้ใครให้มากความ
"งั้นข้าขอตัว" เอ่ยเท่านั้นแล้วเดินออกไป หลานซีเฉินมองตามแผ่นหลังบางนั้นด้วยความรู้สึกแปลกไปจากเดิม แต่อธิบายไม่ถูกว่าสิ่งนั้นคืออะไร ร่างสูงสง่าของประมุขหลานลอบถอนหายใจเล็กน้อยกับความว้าวุ่นในอก ก่อนจะหันกลับไปสนทนาจินลี่หวงต่อ
.
.
เจียงเฉิงเดินตรงดิ่งไปเรือนที่พัก เมื่อไปถึงก็ตรงเข้าไปที่ห้องนอนโดยเร็ว ร่างบางของเจียงเฉิงทรุดนั่งลงบนตั่งนอน ยกมือขึ้นมากอบกุมหน้าอกหวังว่าสิ่งที่เต้นระรัวอยู่ภายในนั้นจะกลับเป็นปกติเสียที เขาเคยคิดมาตลอดว่าตนนั้นทำเป็นไม่สนใจหลานซีเฉินได้แล้ว แต่เพียงแค่หลานซีเฉินเป็นผู้เปิดบทสนทนากับเขา ใจไม่รักดีนี่กลับเต้นแรงแทบจะไม่เป็นตัวเองไปเสียหมด
"ท่านกำลังจะทำอะไรกันแน่ หลานซีเฉิน" เจียงเฉิงพึ่มพำกับตัวเองด้วยความไม่เข้าใจ กังวลว่าอีกฝ่ายจะนึกแคลงใจในตัวเจียงลู่จิว แต่อีกฝ่ายก็คงทำได้แค่สงสัยในเมื่อเรื่องสิบห้าปีก่อนนั้นมีเพียงเขาเท่านั้นที่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น
.
.
*ยามโหย่ว (๑๗:๐๐ - ๑๘:๕๙)
เจียงเฉิงเดินเข้าไปในห้องโถงสกุลจินสำหรับจัดงานเลี้ยง เขาเห็นประมุขจากหลายๆ สกุลเล็กใหญ่อยู่ที่นี่เกือบหมดแล้ว เขามองหลานซีเฉินอยู่โต๊ะด้านในของงานเลี้ยงกำลังสนทนากับประมุขโอวหยาง จากสกุลโอวหยาง ชายผู้นั้นเปล่งประกายท่ามกลางผู้คนเสมอ เจียงเฉิงเดินตามศิษย์สกุลจินไปที่โต๊ะของเขาซึ่งอยู่ตรงข้ามกับหลานซีเฉิน เจียงเฉิงรู้ตัวว่าหลานซีเฉินเหลือบมองเขาเล็กน้อยก่อนจะกลับไปสนใจผู้สนทนาต่อ
"ประมุขเนี่ย" เจียงเฉิงเอ่ยทักอีกฝ่ายเสียงเรียบ เนี่ยหวายซังยังตีบทแตกทำตัวใสซื่อ หนึ่งถาม สามไม่รู้ดังเช่นเคย คนอื่นๆ ที่ไม่ได้อยู่ในวัดกวนอิมวันนั้นจะเชื่อภาพลักษณ์ที่ชายคนนี้แสดงออกมาให้เห็นก็คงไม่แปลก เพราะตัวเขาเองก็เมื่อก่อนก็เชื่อแบบนั้นหมดใจ
งานเลี้ยงดำเนินไปจนถึงเวลาอันสมควรที่จะกลับไปพักผ่อน เพื่อเริ่มการประชุมในพรุ่งนี้เช้า เจียงเฉิงที่กำลังจะเดินออกจากโถงงานเลี้ยง เหลือบเห็นเนี่ยหวายซังเดินเข้าไปหาหลานซีเฉินเสียก่อน ตัวเขาในคราแรกไม่สนใจมากนัก แต่เมื่อเห็นปฏิกิริยาที่หลานซีเฉินมีต่อเนี่ยหวายซังก็อดที่จะแอบมองไม่ได้
"พี่รอง" เนี่ยหวายซังเอ่ยรั้งหลานซีเฉินที่กำลังเดินออกจากงานเลี้ยงไป
"หวายซัง" หลานซีเฉินหันกลับมาประจันหน้าอีกฝ่าย แต่ใบหน้าที่เคยเปื้อนยิ้มนั้นบัดนี้มีแต่ความผิดหวังเสียใจทั้งกับตัวเองและคนที่อยู่ตรงหน้า
"ท่านยังโกรธข้าเรื่องพี่สามอยู่หรือ?" เนี่ยหวายซังเอ่ยถาม
"ข้าแค่ต้องการแก้แค้นให้พี่ใหญ่ ขะ..ข้าขอโทษ"
"แก้แค้นให้พี่ใหญ่ โดยหลอกให้คนที่เจ้าเรียกว่าพี่รอง หันกระบี่ไปฆ่าเขานะหรือ" หลานซีเฉินถามอีกฝ่ายกลับไปด้วยความเจ็บปวด
"ข้าไม่โกรธเจ้าหรอกหวายซังเป็นข้าเองที่เชื่อคนง่ายเกินไป แต่หากเจ้ารู้สึกผิดหรือต้องการจะขอโทษข้าจริง ต่อไปนี้เราจะคุยกันแค่เรื่องการนุมชุมระหว่างสกุลเท่านั้น ทำให้ข้าได้หรือไม่"
"พะ..พี่รอง.."
"ขอตัว" หลานซีเฉินไม่อยากรับรู้ว่าเนี่ยหวายซังจะพูดอะไรอีก ที่ผ่านมาเขาเชื่อคำพูดของชายคนนี้มาตลอดจนได้รับรู้ว่าตนนั้นเป็นหมากในกระดานตัวนึงของเรื่องราวเลวร้ายเหล่านั้น
.
.
หลานซีเฉินเดินออกมาจากโถงงานเลี้ยง ในคราแรกเขาจะกลับไปที่เรือน แต่ขาเจ้ากรรมกลับเดินไปเรื่อยๆ จนไปหยุดที่ศาลาริมน้ำในสวน ที่เขาชอบมานั่งพักผ่อนบ่อยๆ เมื่อครั้งที่เยี่ยมเยือนจินกวงเหยาเมื่อก่อน หลานซีเฉินเหม่อมองเงาของดวงจันทร์ที่สะท้อนบนผิวน้ำ เขาหยิบเสี่ยปิง ขลุ่ยเซียวของเขาออกมาเป๋า หวังว่าทำนองเพลงนั้นจะปัดเป่าความรู้สึกในใจให้หายไป
ทางด้านเจียงเฉิงในตอนแรกที่เห็นหลานซีเฉินเดินออกมา ก็ไม่อยากสนใจอีกฝ่ายมากนัก แต่ความเศร้าหมองที่แผ่ออกมาทำให้เขาอดที่จะเป็นห่วงอีกฝ่ายไม่ได้ จึงได้เดินตามหลานซีเฉินมาเงี่ยบๆ ดูท่าอีกฝ่ายคงจะจมอยู่กับตัวเองมากเกินไป หากเป็นปกติมีคนเดินตามขนาดนี้หลานซีเฉินคงรู้ตัวแล้ว แต่นี่ไม่เลย "ฟู่ว~" เจียงเฉิงถอนหายใจ เขาอยากจะเข้าไปถามอีกฝ่ายถึงสาเหตุที่ทำให้บุรุษรูปงามอันดับหนึ่งของยุทธภพนั้นเศร้าหมองได้ขนาดนี้ แต่ในฐานะตอนนี้พวกเขาไม่ได้สนิทชิดเชื้อกันสักเท่าไหร่ต่างฝ่ายต่างรู้จักกันในฐานะประมุขเท่านั้น เจียงเฉิงกำลังจะเดินกลับออกไป
"ใครหนะ?" หลานซีเฉินเอ่ยถามเมื่อเห็นเงาตะคุ่มของคนผู้หนึ่ง
"ข้าเอง เจียงหวั่นอิ๋น" เจียงเฉิงห้นกลับมาเผชิญหน้าที่อีก นึกค่อนขอดตัวเองในใจว่าน่าจะเดินออกไปเร็วกว่านี้
"ประมุขเจียงนี่เอง ท่านมาเดินเล่นหรือ" หลานซีเฉินระบายยิ้มให้อีกฝ่ายเหมือนเคย แต่ทว่าดวงตาสีทองคู่นั้นกลับไม่มีรอยยิ้มเสียเลย เจียงเฉิงรับรู้ได้ เพราะเจียงลู่จิวนั้นก็คล้ายกับหลานซีเฉิน หากเจ้าเด็กนั่นมีความสุขจะยิ้มทั้งริมฝีปากและดวงตา
"ข้าว่าจะกลับแล้ว" เจียงเฉิงหาทางเลี่ยง
"หากประมุขเจียงยังไม่ง่วง อยู่สนทนากับข้าได้หรือไม่"สุดท้ายเจียงเฉิงก็ไม่สามารถปฏิเสธคำขอของหลานซีเฉินได้ ร่างของประมุขเจียงเดินเข้าไปในศาลาที่หลานซีเฉินนั่งอยู่ก่อนแล้ว เมื่อนั่งลงฝั่งตรงข้ามเรียบร้อยเกิดความเงียบขึ้นหนึ่งอึดใจ นี่เป็นครั้งแรกในรอบหลายปีที่พวกเขานั่งด้วยกันตามลำพัง ทางด้านเจียงเฉิงเองก็ไม่รู้ว่าจะเริ่มบทสนทนาอย่างไร ได้แต่ก้มมองแส้จื่อเตี้ยนในมือตัวเองนิ่ง
ทางด้านหลานซีเฉินเอง ทั้งๆ ที่ตนเองเป็นฝ่ายรั้งอีกคนไว้ แต่ตอนนี้กลับไม่รู้ว่าจะเริ่มบทสนทนาอย่างไร "เอ่อ.." หลานซีเฉินเอ่ยออกมาในที่สุด ในหัวพยายามคิดเรื่องที่จะชวนอีกอีกฝ่ายสนทนา
"ข้ามีเรื่องจะแจ้งให้ประมุขเจียงทราบเล็กน้อย เกี่ยวกับคุณชายเว่ย" หลานซีเฉินเปิดบทสนทนาในที่สุด
"เขาเป็นคนของสกุลหลานแล้วนี่" เจียงเฉิงเอ่ยมากมาด้วยท่าทีไม่พอใจเล็กน้อย หลานซีเฉินยิ้มให้กับท่าทีของอีกฝ่าย เขาพึ่งได้สังเกตเจียงเฉิงอย่างจริงจังท่าทางดื้อรั้นนั้นมีความน่ารักซ่อนอยู่ หลานซีเฉินนิ่งไปนิดกับความคิดของตนเอง
"ประมุขเจียงอย่าพูดแบบนั้นเลย ในใจของคุณชายเว่ยยังเป็นคนสกุลเจียงอยู่เสมอ" หลานซีเฉินเอ่ยแก้ให้น้องสะใภ้เล็กน้อย
"ว่าแต่...เจ๋ออู๋จวินมีเรื่องอันใดรึ?"
"ทางสกุลหลานจะจัดธียกน้ำชา (แต่งงาน) ให้แก่วั่งจีกับคุณชายเว่ย เลยอยากจะเชิญท่านไปร่วมพิธีจะสะดวกหรือไม่" หลานซีเฉินเอ่ยถาม เจียงเฉิงหน้างอเล็กน้อยด้วยความไม่รู้ตัว หลานซีเฉินลอบมองท่าทีของอีกฝ่าย ถึงกับสะอึกเมื่อในหัวเผลอคิดอีกแล้วว่าอีกฝ่ายดูน่ารักในที
"หึ ทำไมเขาไม่มาเชิญเองเล่า หากอยากให้ข้าไป"
"ประมุขเจียงอย่าได้พึ่งเข้าใจผิดไป ข้าแค่อาสามาเชิญท่าน แต่เดียวทั้งสองจะไปเชิญท่านด้วยตัวเองอีกคราที่เหลียนฮวาอู้" หลานซีเฉินเอ่ยออกมาอย่างใจเย็น
"อย่างนั้นข้าจะให้คำตอบ เมื่อพวกเขาไปที่เหลียนฮวาอู้" เจียงเฉิงตอบด้วยน้ำเสียงติดสะบัดเล็กน้อย ก่อนจะนึกขึ้นได้ว่าตนเผลอทำริยาไม่เหมาะสมกับอีกฝ่ายกระนั้นถ้าจะให้ขอโทษก็ไม่ใช่นิสัยของเขาหรอกนะ
"หากหมดเรื่องแล้ว ข้าขอตัว"
"เดี๋ยวก่อน" หลานซีเฉินเอ่ยรั้งอีกคนไว้ครั้งที่สอง ภายในใจของเจียงเฉิงตอนนี้เต้นระรัวราวจะหลุดออกมาแต่ต้องสงงนท่าทีเอาไว้เมื่ออยู่ต่อหน้าอีกฝ่าย
"ท่านทำได้อย่างไรหรือ" หลายซีเฉินเอ่ยถาม สายตายังคงจ้องมองไปที่เงาของดวงจันทร์ที่สะท้อนบนผืนน้ำ
"เจ๋ออู๋จวินหมายถึงอะไร" เจียงเฉิงถาม ใจที่ต้นแรงในตอนแรกกลับเหมือนจะหยุดเต้นให้ได้เสียตอนนี้ กลัวว่าคำถามของหลานซีเฉินนั้นจะหมายถึงเจียงลู่จิว
"เรื่องคุณชายเว่ย ทั้งเมื่อสิบหกปีก่อน และที่วัดกวนอิม ท่านก้าวผ่านความรู้สึกผิดในใจได้อย่างไร?" เจียงเฉิงถอนหายใจ หวนนึกกลับไปเมื่อสิบหกปีก่อนในตอนนั้นที่ปูเย่เทียน ตอนที่เว่ยอู๋เซี่ยนสะบัดมือตกลงไปต่อหน้าต่อตาด้วยฝีมือของเขา ทั้งๆ ที่การกระทำของเว่ยเซี่ยนทำให้เขาเกลียดอีกฝ่ายมากมาย แต่ก็ต้องยอมรับว่าตนยั่งรักพี่ชายบุญธรรมคนนี้เสมอมา การตายของเว่ยอู๋เซี่ยนในวันนั้น ถึงแม้ว่าทั่วทั้งยุทธภพจะกล่าวชื่นชมเขา แต่ภายในใจของเจียงเฉิงยังรู้สึกผิดมาตลอด
"ข้าขอเสียมารยาทถามได้หรือไม่"
"เชิญประมุขเจียงเอ่ยมาเถิด"
"ท่านกำลังรู้สึกผิดอันใดอยู่ในใจ" เจียงเฉิงกล่าวถามออกไปในที่สุด หลานซีเฉินละสายตาจากฝืนน้ำเบื้องหน้า แววตาสั่นระริกจ้องเข้าไปในดวงตาของของเจียงเฉิง ทั้งสองสบตากันนิ่งครู่ใหญ่จนสุดท้ายก็เป็นเจียงเฉิงที่หลบสายตานั้นไปก่อนพร้อมกับใบหน้าที่เปื้อนริ้วสีเลือดฝาด
"ทั้งเรื่องพี่ใหญ่ และเรื่องอาเหยา" หลานซีเฉินพูดออกมาในที่สุด
"เรื่องที่วัดกวนอิมก็ผ่านมานานหลายเดือนแล้ว ข้าคิดว่าข้าสามารถดำเนินชีวิตต่อไปเป็นปกติแล้วแต่เมื่อกลับมาที่จินหลินไถ มองไปที่ลานบันไดนั่นภาพใหญ่ในนั้นกลับย้อนเข้ามาเป็นเพราะข้าที่สอนเพลงนั้นให้แก่อาเหยา ข้าเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้พี่ใหญ่จากไป" น้ำตาของหลานซีเฉินหยดลงมาบนฝ่ามือที่ชื้นเหงื่อของตัวเอง เข้าสูดลมหายใจเข้าอีกครั้งก่อนเอ่ยต่อ
"วันนี้ในงานเลี้ยง ได้เจอกับหวายซัง มันเหมือนกับตอกย้ำ ว่าข้านั้นเชื่อคนง่ายแค่ไหน ว่าข้าโง่งมเพียงใดที่ถูกหลอกใช้ซ้ำแล้วซ้ำเล่า ถูกอาเหยาใช้เป็นเครื่องมือฆ่าพี่
ใหญ่ ถูกหวายซังหลอกให้เป็นคนลงมือฆ่าเอาเหยา" หลานซีเฉินพรั่งพรูความรู้สึกในใจ
ออกมาเสียดยาว เจียงเฉิงมองอีกฝ่ายด้วยความเห็นอกเห็นใจ
ชายสง่างามที่เขาเห็นในครานี้หล่กว้างนั้นกับห่อลงด้วยความรู้สึกที่หนักอึ้ง
หลานซีเฉินต้องแสร้งว่าตนเองไม่เป็นไรต่อหน้าผู้คน เป็นที่พึ่งพิงของผู้คนมาตลอด แต่
ไม่มีใครรู้ว่าแท้จริงแล้วชายคนนี้ช่างอ่อนไหวเพียงใด
"หลานซีเฉิน" เจียงเฉิงเอ่ยเรียกชื่อจริงของอีกฝ่าย หลานซีเฉินเงยหน้าขึ้น
สบตากับเจียงเฉิง "ข้าเสียมารยาทต่อประมุขเจียงแล้ว ขออภัย"
"ท่านรู้สึกผิดกับสิ่งที่เกิดขึ้นได้..." เจียงเฉิงสูดลมหายใจเข้าเฮือกใหญ่เพื่อเรียกความมั่นใจให้ตนเองและสบตากับหลานซีเฉินตรงๆ
"สิ่งที่ผ่านมาแล้วกลับไปแก้ไขอะไรไม่ได้ ทุกๆ คนล้วนทำผิดพลาด ถึงเราจะเป็นเซียน มีวิทยายุทธ แต่เนื้อแท้เราทุกคนก็เป็นเพียงมนุษย์คนหนึ่ง ไม่มีใครสมบูรณ์แบบ ท่านรู้สึกผิดกับสิ่งที่เกิดขึ้นได้ แต่ท่านไม่ควรจมอยู่กับความรู้สึกผิดนั้น และอย่าได้โทษตัวเองอีกเลย แล้วสักวันหนึ่งท่านจะอยู่กับมันได้โดยไม่เจ็บปวดอีก"
"ก็อย่างที่เจ้าข้าเว่ยอู๋เซี่ยนบอก คิดซะว่ามันเป็นเรื่องของชาติที่แล้ว หากยั่งรู้สึกผิดกับอดีต ก็ทำปัจจุบันให้ดีซะ" เจียงเฉิงบอกกับอีกคนที่ยังสบตาเขานิ่ง "ข้าคงชี้แนะท่านได้เท่านี้" ยิ้มให้หลานซีเฉินเพียงเล็กน้อย
"ขอบใจประมุขเจียงที่ช่วยชี้แนะ ปัจจุบันของท่าน คงจะหมายถึงคุยชายเจียงสินะ" หลานซีเฉินกล่าวขอบคุณคำพูดของเจียงเฉิงช่วยให้เขาคิดได้เยอะทีเดียว เจียงเฉิงชะงักกับคำถามของหลานซีเฉินและหลบตาอีกครา
"อืม...ต้องเลี้ยงทั้งเขาและจินหลิงคนเดียวหนะ เลยไม่ค่อยมีเวลาคิดเรื่องอื่น"เจียงเฉียงบอกอีกฝ่ายแผ่วเบา
"ท่านเลี้ยงคุณชายเจียงได้ดีมาก" หลานซีเฉินระบายยิ้มน้อยๆ "ตอนนี้เขากลายเป็นศิษย์คนโปรดของท่านอาไปเสียแล้ว" เจียงเฉิงคิดตามสิ่งที่หลานซีเฉินบอกเจียงลู่จิวเป็นเด็กที่เรียบร้อยถึงแม้จะแอบซน ไปบ้างแต่เทียบไม่ได้กับจินหลิงและศิษย์สกุลเจียงคนอื่นๆ อีกทั้งยังขยันฝึกวิทยายุทธ ขยันอ่านคั่มภีร์โดยไม่ต้องมีใครมาบังคับ ดูท่านิสัยของเด็กคนนั้นคงจะถูกใจท่านปู่เล็กไม่น้อย คิดไปดังนั้นก็เผลอยิ้มออกมา
"ข้าชอบที่ท่านยิ้ม.."
100%
...TBC....
โดเนทค่าขนนได้ที่ true wallet 062 520 7040
***ดาวน์โหลด NovelToon เพื่อเพลิดเพลินไปกับประสบการณ์การอ่านที่ดียิ่งขึ้น!***
อัพเดทถึงตอนที่ 22
Comments