...บทที 2 ทุกสิ่งล้วนน่าสงสัย...
เสียงเหล่าลูกศิษย์รุ่นเยาว์ของทุกระกูลกำลังเปล่งเสียงท่องกฎตระกูลหลานกว่าสามพ้นห้าร้อยข้อออกมาจากในห้อง เจียงลู่จิวเตรียมตัวมาแล้วว่าตนจะต้องอยู่ในกฎระเบียบมากมายเหล่านี้จากคำบอกเล่าของศิษย์พี่ของเขาที่เคยมาเรียนที่กูซู แต่พอมาเจอของจริงนั้นเขาก็ได้รับรู้ว่าสิ่งที่ได้ยินมาเทียบไม่ได้เลยกับความจริงตรงหน้าตระกูลหลานสมกับที่สืบเชื้อสายมาจากบรรพชิตเสียจริง
"วันนี้พอแค่นี้ก่อน" เสียงท่านอาจารย์หลานฉี่เหรินดังขึ้น
"พวกเจ้าทุกคนต้องปฏิบัติตามกฎของสกุลหลานอย่างเคร่งครัด ตลอดระยะเวลาที่อยู่ที่นี่ เข้าใจหรือไม่"
"ขอรับ! / เจ้าค่ะ!" เหล่าศิษย์ขานรับ
"พวกเจ้าแยกย้ายได้ พรุ่งนี้ก่อนยามซื่อ* (๑๙:๐๐ ๑๐:๕๙ น.) ให้มารวมตัวกันที่ลานฝึกกระบี่" ว่าจบอาจารย์หลานฉี่เหรินลุกขึ้นยืน เหล่าศิษย์ทุกคนจึงรีบลุกขึ้นทำความเคารพก่อนที่ท่านอาจารย์จะเดินออกจากห้องไป
ระหว่างเดินออกจากห้องหลานฉี่หรินแอบมองเจียงลู่จิวเล็กน้อยและเก็บความฉงนไว้ในใจ ทางด้านหลานซีเฉินและหลานวั่งจียังไม่ได้เดินตามท่านอาออกไป "ซยงจ่าง?" หลานรั่งจีเรียกพี่ชายด้วยความสงสัยหลานซีเฉินหันไปยิ้มน้อยๆ ให้น้องชาย เขารู้ว่าหลานวั่งจีสงสัยอะไร เขาเองก็สงสัยไม่ต่างกัน แต่ทุกสิ่งทุกอย่างที่ปรากฏอยู่ตรงนี้ล้วนไม่สมเหตุสมผลกันอย่างยิ่ง
"ไม่มีอะไรหรอก เจ้าไปพักเถิดวังจี" หลานวั่งจีคำนับพี่ชายก่อนเดินออกไป
"เจ๋ออู๋จวิน" หลานซีเฉินหันไปตามเสียงเรียกก็พบกับ หลานซือจุยและหลานจิ่งอี๋ที่เดินเข้ามาหา "พวกเจ้ามีอะไรรึ?" หลานซีเฉินถามด้วยรอยยิ้มที่ประดับบนใบหน้าอย่างเช่นเคย
"ข้ากับซือจุยขออนุญาตพาคุณชายจินลงเขาไปที่หมู่บ้านข้างล่างได้หรือไม่ขอรับ" หลานจิ่งอี๋ เด็กหนุ่มที่หลายๆ คนพูดเป็นเสียงเดียวกันว่าเขาช่างไม่เหมือนคนสกุลหลานเอ่ยถามขึ้น
"ตอนนี้ยังไม่มีอะไรเร่งด่วนที่ต้องทำ พวกเจ้าพักผ่อนกันตามสบายเถิด หากจะออกไปข้างนอกก็รีบกลับก่อนประตูจะปิดละกัน" หลานซีเฉินเอ่ยอย่างใจดีตามแบบฉบับของตน
"ขอรับ" ทั้งสองรับปาก
ตอนนี้กลายเป็นว่าหลานซีเฉินเป็นผู้อาวุโสคนเดียวที่ยังอยู่ในห้อง เขาคิดว่าเด็กๆ พวกนี้คงอึดอัดเล็กน้อยและไม่กล้าพูดคุยกันมากนัก เห็นดั่งนั้นควรเดินออกไปให้เหล่าศิษย์รุ่นเยาว์พักผ่อนกันได้ตามสบาย ระหว่างเดินออกไป ที่โถงทางเดินเขาต้องเดินผ่านศิษย์จากสกุลเจียงที่อยู่ด้านนอกสุด ก็อดที่จะหยุดมองเจียงลู่จิวไม่ได้
"ขออภัยคุณชายเจียง ข้ามีเรื่องจะถามได้หรือไม่" หลานซีเฉินเอ่ยขึ้นเมื่อหยุดอยู่หน้าเจียงลู่จิว
"ได้ขอรับ เจ๋ออู๋จวิน" เจียงลู่จิวเอ่ยด้วยความนอบน้อมพร้อมกับคำนับอีกฝ่ายตอนนี้เองเจียงลู่จิวได้เห็นใบหน้าหลานซีเฉินแบบใกล้ๆ เป็นครั้งแรก ซึ่งนั่นทำให้เด็กหนุ่มจ้องลึกเข้าไปในดวงตาสีทองคู่นั้นอย่างนิ่งงัน
"คุณชายเจียง"
"คุณชาย.......คุณชายเจียง" เจียงลู่จิวสะดุ้งเล็กน้อยเหมือนตื่นจากภวังค์กระนั้นก็พยายามปรับสีหน้าให้เป็นปกติ
"ขออภัยขอรับ เมื่อครู่เจ่ออู๋จวินถามข้าว่าอย่างไรหรือขอรับ"
"ปีนี้คุณชายเจียงอายุเท่าไหร่แล้วหรือ?"
"สิบสี่ย่างสิบห้าขอรับ"
"งั้นหรือ~เอาหละ ข้าไม่กวนพวกท่านแล้ว เชิญพักผ่อนกันตามสบายเถิด หากขาดเหลืออะไรสามารถแจ้งศิษย์สกุลหลานได้เสมอ ข้าขอตัวก่อน" หลานซีเฉินสิ่งยิ้มให้ศิษย์สกุลเจียงก่อนเดินจากไป เจียงลู่จิวมองตามแผ่นหลังอันสง่านั้นอย่างครุ่นคิดในใจ
"อาลู่ เมื่อครู่เจ๋ออู๋จวิน คุยอะไรกับเจ้าหรือ" จินหลิงที่มองเหตุการณ์อยู่ไกลพอสมควรเดินเข้ามาถาม พร้อมๆ กับสองสหายสกุลหลานที่เดินเข้ามาหา
"ไม่มีอะไรขอรับ เจ๋ออู๋จวินแค่มาทักทายทั่วไป" เจียงลู่จิวเลี่ยงที่จะตอบคำถามจินหลิง ฝากตัวเป็นศิษย์วันแรกเขาก็ทำผิดกฎซะแล้ว เจียงลู่จิวนึกขอโทษในใจเพราะไม่อยากให้พี่ชายซักไซร้ไปมากกว่านี้ เรื่องนี้เขาจะต้องหาคำตอบด้วยตนเอง
"อ้อ อาลู่เจ้าจะลงไปเที่ยวหมู่บ้านกับเกอไหม" จินหลิงเอ่ยชวนญาติผู้น้องเจียงลู่จิวมองไปที่ศิษย์สกุลหลานสองคนข้างหลังของญาติผู้พี่แล้วนึกถึงคำขอของอาเหนียงขึ้นมาว่าไม่อยากให้ตนเกี่ยวของกับคนสกุลหลานมากนัก
เจียงลู่จิวส่งยิ้มน้อยๆ ให้พี่ชายตามแบบฉบับของตนแล้วเอ่ยขึ้น
"ไม่ดีกว่าจินหลิงเกอ ข้าว่าจะไปอ่านหนังสือเตรียมตัวสำหรับพรุ่งนี้ดีกว่า" ปฏิเสธอย่างนุ่มนวล
"เจ้าจะขยันเกินไปแล้วอาลู่ ถึงเจ้าจะไม่อ่านหนังสือ ความรู้ของเจ้าอีกทั้งวิชากระบี่ก็ไม่เป็นสองรองใครอยู่แล้ว" จินหลิงเอ่ยอยากให้ญาติผู้น้องไปด้วย
"หากคุณชายเจียงไม่อยากไปก็ไม่ต้องไปบังคับหรอก จินหลิง" หลานซือจุยเข้ามาแก้ไขสถานการณ์
"แต่..."
"วันหลังเราค่อยชวนคุณชายเจียงไปด้วยยังได้น่าจินหลิง" หลานจิ่งอี๋เอ่ยทับไม่อยากให้จินหลังบังคับอีกฝ่าย
"ก็ได้ๆ งั้นเดี๋ยวข้าซื้อของมาฝากนะ เรือนเจ้าอยู่ฝั่งตะวันตกใช่หรือไม่เดี๋ยวตอนเย็นข้าไปหา" จินหลิงยอมในที่สุด เจียงลู่จิวพยักหน้าตอบรับ
"หากคุณชายเจียงต้องการหาหนังสือเพิ่มเติม สามารถไปที่หอคัมภีร์ได้นะขอรับ อยู่ทางเดียวกับทางที่เดินไปเรือนฝั่งตะวันตก" หลานซือจุยเอ่ยกับอีกฝ่ายอย่างเป็นมิตร
"ขอบคุณคุณชายหลานที่ชี้แนะ" เจียงลู่จิวยิ้มให้อีกฝ่าย ใครๆ ก็บอกว่าเขานั้นมีรอยยิ้มการค้า เพราะอย่างนั้นเจียงลู่จิวมักจะใช้ยิ้มของตนให้เป็นประโยชน์เสมอเมื่อต้องการบางสิ่งหรือประณีประนอมบางอย่าง แม้แต่อาเหนียงที่ใครก็ว่าโหดยังแพ้รอยยิ้มออดอ้อนของเขาอย่างราบคาบ
"รอยยิ้มนั่น...."
"จิ่งอี๋" หลานซือจุยปรามเพราะรู้ว่าคนปากไวอย่างหลานจิ่งอี๋ต้องการพูดอะไร
"พวกเราไปกันเถอะ ขอตัวขอรับคุณชายเจียง" ทั้งสี่คำนับให้กัน จินหลิงหน้างอเล็กด้วยความขัดใจ เขาหนะไม่อยากจะยอมรับความจริงหรอกนะว่าญาติผู้น้องเขาเหมือนใคร!
ในคราแรกเจียงลู่จิวว่าจะเดินกลับเรือน แต่พอนี้กถึงคำพูดของหลานซือจุยก็นึกสนใจขึ้นมา จึงได้ลองเดินไปที่หอคัมภีร์เผื่อว่าที่นั่นจะมีหนังสือที่น่าสนใจนอกเหนือจากหนังสือที่เขาเคยอ่านเมื่อตอนที่อยู่ที่เหลียนฮวาอู้ เมื่อเดินเข้าไปภายในหอคัมภีร์เจียงลู่จิวก็อดที่จะตกใจไม่ได้กับห้องหนังสือที่เต็มไปด้วยคัมภีร์ต่างๆ มากมาย เด็กหนุ่มยิ้มอย่างถูกใจ ก่อนจะเดินเข้าไปสำรวจอย่างตื่นเต้น
"เจ้าเป็นใครหนะ" เจียงลู่จิวตกใจเล็กน้อย ตอนแรกเขานี้กว่าไม่มีใครอยู่ภายในห้องแห่งนี้ แต่จู่ๆ ก็มีเสียงใครบางคนดังขึ้นมา เด็กหนุ่มค่อยๆ หันกลับไปมองตามทิศทางของเสียงก่อนจะเจอชายหนุ่มวัยประมาณยี่สิบนิดๆ นั่งอยู่มุมห้องกับกองกระดาษที่มีลายมือที่ค่อนค่างตวัดแต่ก็ดูออกว่าที่คัดอยู่นั้นคือกฎสกุลหลาน
"เอ่อ...ข้าน้อยเจียงลู่จิวจากอวิ่นเมิ่งเจียงขอรับ" เด็กหนุ่มคำนับอีกฝ่ายเพราะดูท่าแล้วอีกคนคงอายุมากกว่า เมื่อสังเกตดีๆ ชายหนุ่มตรงหน้าเขาไม่น่าจะใช่คนสกุลหลานเพราะอีกฝ่ายแต่งกายด้วยชุดสีดำแดง ผ้าผูกผมสีแดง แต่ทำไมมานั่งคัดกฎสกุลหละ ไปทำอะไรผิดมาหรือเจียงลู่จิวคิดในใจ แต่ท่าทางของชายคนนี้ช่างเหมือนกับใครสักคน
"เจียงลู่จิว เอ๋~เจ้าเป็นศิษย์จากสกุลเจียงหรือ" อีกฝ่ายเอ่ยด้วยท่าทีตื่นเต้นพร้อมเข้ามาหาเด็กหนุ่ม
"ขอรับ เอ่อ ท่านคือปรมาจารย์อี๋หลิง?" เอ่ยถามอีกฝ่ายด้วยความไม่แน่ใจ
"ถูกต้องๆ" เว่ยอู๋เซี่ยนตอบด้วยน้ำเสียงร่าเริง "เจ้ามาก็ดีแล้ว อยู่คุยเป็นเพื่อนข้าได้ไหม ข้าเบื่อที่จะมานั่งคัดกฎสามร้อยจบจะแย่แล้ว"
"ท่านทำผิดอันใดมาหรือขอรับถึงได้ถูกลงโทษ" เจียงลู่จิวเอ่ยถามด้วยความ
"แหะๆ" เว่ยอู๋เซี่ยนสิ่งยิ้มแหยๆ กลับมาให้
"คือข้าโดนท่านอาจารย์หลานจับได้ตอนที่กลับเข้ามาในสำนักพร้อมเทียนจื่อเซียวหนะ"
"อย่างนั้นหรือขอรับ งั้นข้าอยู่เป็นเพื่อนผู้อาวุโสเว่ยระหว่างที่ท่านอยู่ที่นี่นะขอรับ" เจียงลู่จิวเอ่ยอย่างใจดี เว่ยอู๋เซี่ยนพยักหน้าด้วยความดีใจ นานๆ ที่จะเจอศิษย์สกุลเจียงสักทีเขาหนะมีเรื่องมากมายในเหลียนฮวาอู้ที่อยากรู้ในช่วงที่เขาจากมาทางด้านเจียงลู่จิวก็เดินสำรวจเพื่อหาหนังสือที่ตนสนใจสักพักก็กลับมาพร้อมกับหนังสือสามสี่เล่มแล้วนั่งลงตรงข้ามกับเว่ยเซี่ยนที่กำลังคัดกฎด้วยท่าทีเหนื่อยหน่าย เขาอยากพูดคุยกับท่านลุงใหญ่เว่ยอู่เซี่ยนบ้างเพราะไม่เคยได้เจอเลยสักครั้ง
อีกทั้งเขารู้ว่าอาเหนียงเป็นห่วงท่านลุงเสมอมาแต่ก็นั่นแหละ อาเหนียงปากแข็งเป็นที่หนึ่งผ่านไปสักพักเจียงลู่จิวที่อ่านหนังสืออยู่นั้นพึ่งสังเกตเหตุเห็นปานแดงรูปดอกโบตั๋นเล็กๆ บนข้อมือของเว่ยอู๋เซี่ยนจนอดที่จะเอ่ยถามไม่ได้
"ท่านเป็นเกอ" เว่ยอู๋เซี่ยนเงยหน้าขึ้นมาเมื่อได้ยินเด็กหนุ่มตรงหน้าเอ่ยขึ้น
"ก็ไม่เชิงหรอก ที่จริงต้องบอกว่าร่างของเจ้าโมเสวียนอวี่นี่ต่างหาก" เว่ยอู๋เซี่ยนบอกอย่างไม่ยีระ
"ท่านกังวลหรือไม่" เจียงลู่จิวเอ่ยถามด้วยความใคร่รู้สงสัย
"ไม่มีอะไรต้องกังวล ข้าปรมาจารย์อี๋หลิงไม่มีใครกล้าทำอะไรข้าหรอก" เว่ยเซี่ยนกล่าวด้วยความมั่นใจ เด็กหนุ่มคิดตามก็จริงอย่างที่เว่ยเชี่ยนพูด ใครจะกล้าต่อกลอนกับปรมาจารย์อี๋หลิงอีกทั้งข้างกายยังมีหานกวงจวินที่คนทั้งยุทธภพต่างก็รู้ว่าพวกเขาเป็นอะไรกันอีกด้วย ถ้าสักวันหนึ่งความลับของอาเหนียงถูกเปิดเผยเจียงลู่จิวมั่นใจว่าฝืมือระดับ ซานตัวเฉิงโฉ่ว ย่อมเป็นที่ยอมรับและเกรงกลัวไม่น้อย พอคิดดังนั้นก็คลายความกังวลไปได้เล็กน้อย
"ฮ้า~ เสร็จซักที" เสียงของเว่ยอู๋เซี่ยนทำให้เด็กหนุ่มกลับมาสนใจที่ปัจจุบัน
"ว่าแต่ ข้าก็เคยไปเหลียนฮวาอู้ครั้งนึงนะ ทำไม่เห็นเจ้าอยู่ในกลุ่มลูกศิษย์ละ?"เว่ยอู๋เซี่ยนเอ่ยถามขึ้น
"ถ้ามีแขกจากข้างนอกมา อาเตี๋ยจะไม่อนุญาตให้ข้าออกมาจากเขตเรือนประมุขขอรับ" เด็กหนุ่มตอบ ยิ่งเพิ่มความสงสัยให้กับเว่ยอู๋เซี่ยน
"อาเตี่ยรี อาเตี๋ยเจ้าคือใคร?"
"อาเตี่ยของข้าคือประมุขเจียงขอรับ" และในตอนนี้เว่ยอู่เซี่ยกำลังตกตะลึงกับสิ่งที่ตนพึ่งรู้
"จะ..เจ้าหมายถึงประมุขเจียง เจียงเฉิงนะหรือ?" เจียงลู่จิว อมยิ้มน้อยๆกับท่าทีของอีกฝ่ายก่อนจะเอ่ยตอบ
"ใช่ขอรับ ท่านลุงเว่ย"
"นะ...นี่เจียงเฉิงมีลูกโตขนาดนี้แล้วรึ แล้วทำไมหลานจ้านไม่เคยเล่าเรื่องนี้ให้ข้าฟัง" เว่ยอู๋เซี่ยนตัดพ้อออกมาเล็กน้อย ก่อนจะตั้งสติและมองหน้าหลานชายอย่างวิเคราะห์
'โครงหน้ากับจมูกเหมือนอาเฉิง แต่ส่วนประกอบอื่นบนใบหน้าไม่เหมือนอาเฉิงเลยแฮะ'
"เด็กน้อย แล้วอาเหนียงของเจ้าเล่าเป็นแม่นางจากตระกูลใด?" คำถามของเว่ยอู๋เซี่ยนทำให้เจียงลู่จิวชะงักไปเล็กน้อย
"ข้าไม่มีอาเหนียงขอรับ..."
"เว่ยอิง" ก่อนที่เว่ยอู๋เซี่ยนจะซักถามไปมากกว่านี้ ก็มีผู้มาใหม่เอ่ยเรียกขึ้นเจียงลู่จิวลุกขึ้นคำนับอีกฝ่าย หลานวั่งจีพยักหน้าเล็กน้อย
"หลานจ้าน เจ้ามาก็ดีแล้ว ทำไมเจ้ไม่บอกข้าว่าอาเฉิงมีลูกแล้ว" ว่าพร้อมหน้างอใส่อีกฝ่ายเล็กน้อย
"ไม่ควรพูดเรื่องของคนอื่น" หลานวั่งจีตอบกลับแบบประหยัดคำพูดเช่นเคย
"เจ้าเสร็จหรือยัง"
"อืมเสร็จแล้ว กลับเรือนกันเถอะ ข้าคิดถึงเทียนจื่อเซียวจะแย่" ว่าพร้อมลุกขึ้นยืน
"ข้าไปก่อนนะลู่จิว เดี๋ยววันหลังข้าไปเล่นด้วย"
"ขอรับ" เด็กหนุ่มงงงั้นเล็กน้อย ท่านลุงเว่ยพึ่งถูกลงโทษเรื่องสุรามิใช่หรือทำไมยังกลับเรือนไปดื่มสุราอีกใช่ว่าอวิ่นเซินปู้จื่อฉู่ห้ามดื่มสุรามิใช่หรอกหรอตามกฎที่เจียงลู่จิวท่องเมื่อเช้า เด็กหนุ่มมองผู้อาวุโสสองคนสลับกันไปมา หลานวั่งจีมองเขาเล็กน้อยด้วยสีหน้าเรียบนิ่งเช่นเคยก่อนเดินนำออกไป ตามด้วยเว่ยอู๋เซี่ยนที่โบกมือให้เขาจนลับสายตาย เจียงลู่จิวส่ายหน้าเล็กน้อยก่อนจะเก็บหนังสือเข้าชั้นดังเดิมแล้วจึงเดินกลับเรือน
*ยามฉวี่ (๑๙:๐๐ - ๒๐:๕๙)
เรือนเหมันต์
หลานวั่งจียืนนิ่งอยู่หน้าเรือนหมันต์เมื่อได้ยินเสียงขลุ่ยเซียวทำนองเศร้าสร้อยแว่วออกมาจากด้านใน นานแล้วที่เขาไม่ได้ยินอีกฝ่ายเล่นเพลงทำนองที่แสนเศร้าเช่นนี้ "ซยงจ่าง" เคาะประตูพร้อมเอ่ยเรียกอีกฝ่าย เสียงดนตรีหยุดลงพร้อมกับเสียงเอ่ยอนุญาตจากด้านใน
"เข้ามาสิ วั่งจี"
"เรื่องงานประชุมเซียน" หลานวั่งจีเอ่ยขึ้นเมื่อนั่งลงฝั่งตรงข้ามหลานซีเฉิน
"งานจะมีอาทิตย์หน้าที่หลันหลิงนี่ เจ้ากังวลสิ่งใดหรือวั่งจี"
"ซยงจ่างยังรู้สึกผิด" เอ่ยออกมาเพียงเท่านั้นหลานซีเฉินก็รับรู้ได้ว่าน้องชายกังวลเรื่องอะไร ตั้งแต่เหตุการณ์ที่วัดกวนอิมหลานซีเฉินยังลงโทษตัวเองอยู่เสมอว่าตนนั้นเป็นผู้ลงมือฆ่าพี่น้องร่วมสาบานทั้งสองคน ใหญ่ตายเพราะเพลงที่เขาสอนจินกวงเหยา จิกวงเหยาตายก็ยังเป็นเพราะเขาเชื่อคนง่ายเกินไป และเรื่องความทรงจำอันลางเลื่อนของเขาเมื่อสิบห้าปีก่อนที่เขาหาคำตอบยังไม่ได้ หลานซีเฉินส่งยิ้มขมขื่นให้หลานวั่งจี
"มีหลายเรื่องที่พี่รู้สึกผิดในใจ วั่งจี"
"ท่านไม่ต้องไป" หลานวั่งหมายถึงประมุขหลานไม่ต้องไปที่หลันหลิงจินเพื่ตอกย้ำความรู้สึกของตนเอง
"ไม่ได้หรอกวั่งจี พี่เป็นประมุขมีหน้าที่ที่ต้องทำ จะเอาความกังวลส่วนตัวมาข้องเกี่ยวได้อย่างไร" หลานวั่งมองหลานซีเฉินด้วยสีหน้าสงบนิ่งเหมือนเคย แต่หลานซีเฉินรู้ดีว่าอีกฝ่ายเป็นห่วงเขาเพียงใด
"แล้วเรื่องพิธีแต่งงานของเจ้ากับคุณชายเว่ยเล่า ไปถึงไหนแล้ว" หลานซีเฉินเปลี่ยนเรื่อง หลังจากเหตุการณ์ที่วัดกวนอิมทั้งสองก็เปิดเผยความรู้สึกต่อกันและได้มาคุกเข่าต่อหน้าท่านอาเพื่อขออนุญาตเป็นคู่บำเพ็ญเพียร ท่านอานั้นแม้จะไม่ค่อยปลื้มเว่ยอู๋เซี่ยนนัก แต่ก็อยากให้ทำพิธีแต่งงานให้เหมาะสมเกียรติ
"เว่ยอิงไม่อยากจัดพิธีมากมาย กำลังปรึกษากับผู้อาวุโส" หลานซีเฉินพยักหน้าเข้าใจ
"หากมีเรื่องอะไรให้พี่ช่วย เจ้าบอกด้ไม่ต้องเกรงใจ" หลานซีเฉินตอบน้องชายด้วยรอยยิ้มอบอุ่น
"เว่ยอิงอยากให้เจียงหวั่นอิ๋นมาด้วย" หลานวั่งจีพูดขึ้น
"ในงานชุมนุมเซียนครั้งนี้พี่จะลองเอ่ยถามประมุขเจียงดู แต่ถึงอย่างไรเจ้ากับคุณชายเว่ยควรเชิญประมุขเจียงด้วยตัวเองอีกครา" หลานวั่งจีพยักหน้ารับเข้าใจในสิ่งหลานซีเฉินบอก
100%
***ดาวน์โหลด NovelToon เพื่อเพลิดเพลินไปกับประสบการณ์การอ่านที่ดียิ่งขึ้น!***
อัพเดทถึงตอนที่ 22
Comments