...บทที่ 1 แรกพบพาน...
ท่าเรือสัตตบงกชในยามบ่ายนี้เหล่าศิษย์ตระกูลเจียงกำลังฝึกวิทยายุทธกันอย่างขยันข้นแข็งกว่าทุกวัน ด้วยว่าวันนี้ประมุขเจียง เจียงหวั่นอิ๋น ลงมาควบคุมการฝึกด้วยตนเองไม่เหมือนทุกวันที่เป็นหน้าที่ของท่านอาจารย์ เจียงรุ่ย ศิษย์เอกคนสนิทของท่านประมุข ทำให้บรรยากาศการฝึกของวันนี้เต็มไปด้วยความตึงเครียดที่แผ่ออกมาจาก ซานต๋วเฉิงโฉ่ว
"พวกเจ้ามีแรงกันแค่นี้หรือไร? แข็งแรงกว่านี้!" เสียงตวาดที่ดังออกมาจากบัลลังค์ดอกบัวทำให้ชาวบ้านที่มามุงดูต่างคิดไปในทางเดียวกันว่า ประมุขเจียง เจียงหวั่นอิ๋นนั้นช่างเหมือนกับ อวี๋ฮูหยินสมัยยังมีชีวิตอยู่มิมีผิดเพี้ยน
"เอาหละ วันนี้พอแค่นี้ก่อน" เสียงประมุขเจียงดั่งขึ้นเมื่อเห็นว่าตะวันคล้อยลงต่ำแล้ว และวันนี้เหล่าลูกศิษย์ทำได้ดีพอสมควร
"พวกเจ้าคนไหนที่ต้องเดินทางไปอวิ๋นเซินปู้จี่อฉู่ในวันพรุ่งนี้ก็กลับไปเตรียมข้าวของให้เรียบร้อยซะ เอาหละ แยกย้ายกันได้"
พูดจบก็เดินกลับเข้าไปยังเขตเรือนประมุข เหล่าลูกศิษย์และชาวบ้านที่มาดูการฝึกก็แยกย้ายกันไปเช่นกัน
*ยามไฮ่ (๒๑:๐๐ - ๒๒:๕๙ น.)
ร่างบางกว่าบุรุษทั่วไปของเจียงหวั่นอิ๋นกำลังนั่งทำบัญชีของพ่อค้าต่างแดนที่มาส่งสินค้าอยู่บนพื้นหน้าต๊ะหนังสือตัวเล็กที่เจ้าตัวมักมานั่งทำเอกสารหรืออ่านหนังสือก่อนเข้านอนเสมอ ก่อนที่จะได้ยินเสียงเคาะที่หน้าประตูดังขึ้น
"เข้ามา" เจียงหวั่นอิ๋นเอ่ยเสียงเรียบโดยไม่ซักถามผู้ที่อยู่หน้าประตูให้มากความนัก เวลานี้เหล่าศิษย์จะไม่เข้ามายุ่มย่ามในเขตเรือนประมุขอย่างแน่นอนหากไม่มีเรื่องสำคัญ และแน่นอนอยู่แล้วเจียงหวั่นอิ๋นรู้ดีว่าใครที่มาหาเขาในเวลานี้เสียงประตูเปิดออกพร้อมร่างเด็กหนุ่มวัยย่างสิบห้า เดินเข้ามาภายในห้องนอนของประมุขอย่างคุ้นเคย
"อาเหนียง" เสียงของ เจียงลู่จิว ที่กำลังเดินมาที่โต๊ะอ่านหนังสือของประมุขเอ่ยขึ้น เจียงหวั่นอิ๋น ตวัดสายตาขึ้นมองบุตรชายแสดงความไม่พอใจเล็กน้อย
เจียงลู่จิว เป็นบุตรชายคนเดียวของประมุขเจียง เจียงหวั่นอิ๋น ไม่มีผู้ใดรู้ว่ามารดาของเด็กหนุ่มเป็นใคร ส่วนใหญ่รู้เพียงว่าช่วงระยะเวลาหนึ่งเมื่อราวๆ สิบห้าปีก่อนประมุขเจียงได้ออกท่องยุทธภพและฝากฝั่งงานประมุขให้ศิษย์เอกเจียงรุ่ยช่วยดูแล ผู้คนตีความไปต่างๆ นานาว่าประมุขเจียงรู้สึกผิดในใจว่าตนเป็นคนฆ่าพี่ชายบุญธรรมของตัวเอง เว่ยอู๋เซี่ยน จึงได้ออกท่องยุทธภพเพื่อทบทวนตนเอง แต่ราวๆ หกเดือนให้หลัง ประมุขเจียงกลับมาพร้อมกับทารกวัยหนึ่งเดือนเศษและประกาศว่า เจียงลู่จิวคือบุตรชายของตนและเป็นว่าที่ประมุขคนถัดไป โดยไร้เงาผู้เป็นมารดาของเด็กชาย
"ข้าบอกเจ้ากี่ครั้งแล้วว่าให้เรียกข้าว่าอาเตี๋ย" เจียงเฉิงเอ็ดบุตรชายแต่ทว่าไม่จริงจังนัก
"ว่าแต่ เจ้ามีอันใดกับข้ารี นี่ยามไฮแล้วทำไมเจ้ายังไม่นอน พรุ่งนี้เจ้าจะต้องเดินทางไปอวิ๋นเซินปู้จี่อฉู่แต่เช้า เจ้าจักเดินทางเหนื่อยเอาหรอก" ประมุขเจียงว่าพร้อมกับปิดบัญชีที่ทำค้างไว้แล้วหันมาสนใจบุตรชายที่นั่งอยู่ตรงหน้า
"เรื่องนั้นแหละขอรับ อาเหนียงพรุ่งนี้ข้าจะต้องไปร่ำเรียนที่กูซูแล้ว อีกหลายเดือนกว่าจะกลับมา วันนี้ข้าขอนอนกับอาเหนียงนะขอรับ" เจียงลู่จิว ร่ายยาวออกมาให้มารดาของตนใจอ่อน ใช่ แท้จริงแล้ว เจียงหวั่นอิ๋นคือมารดาของเจียงลู่จิว เด็กหนุ่มรู้เรื่องนี้เมื่อราวๆ สามปีก่อนด้วยความบังเอิญเห็นปานแดงรูปดอกเหลียนฮวาที่กำลังเบ่งบานบนไหล่ข้างขวาของเจียงหวั่นอิ๋น และด้วยความที่เขาเป็นเด็กที่ชอบอ่านหนังสือเป็นอย่างมาก จึงได้รู้ความลับของเจียงหวั่นอิ๋นว่าที่จริงแล้วเป็นบุรุษที่สามารถตั้งครรภ์ได้หรือที่เรียกว่า เกอ นั่นเอง เจียงหวั่นอิ๋นเองยอมรับกับลูกชายโดยง่ายว่าตนเป็นมารดาผู้ให้กำเนิด แต่ไม่ได้บอกว่าบิดาของเจียงลู่จิวเป็นใคร
"เอาอย่างนั้นก็ได้ เจ้าไปเตรียมผ้ามาปูข้างเตียงของข้าซะ ข้าขอเก็บเอกสารพวกนี้ก่อน ประเดี๋ยวข้าตามเข้าไป" เจียงหวั่นอิ๋นบอกกับบุตรชายพร้อมกับลูบศีรษะเด็กหนุ่มด้วยความเอ็นดู ทางด้านเยงลู่จิวก็ฉีกยิ้มตาหยีจนดวงตากลมสีทองนั้นหายไปก่อนจะรีบให้เตรียมฟูกนอนก่อนที่อีกคนจะเปลี่ยนใจ
"อาเหนียง"
"หืม" เจียงหวั่นอิ๋นขานรับบุตรชายที่นอนอยู่ด้านล่างของตั๋งเตียง
"ข้าจะได้พบอาเตี๋ยของข้าหรือไม่ขอรับ" เจียงลู่จิวเอ่ยถามขึ้น เจียงหวั่นอวิ๋น
เมื่อได้ยินคำถามนั้นของบุตรชายก็ชะงักไปนิด สายตาจดจ้องไปที่เพดานราวกับว่ากำลังมองหาสิ่งผิดปกติบนนั้น
"อาเหนียง" เสียงของเจียงลู่จิวทำให้เขาหลุดจากภวังค์
"สักวันเจ้าคงได้เจอ" เจียงหวั่นอิ๋นตอบบุตรชายเสียงแผ่วเบา
"ข้าขอถามถึงอาเตี๋ยอีกสักข้อได้หรือไม่ขอรับ" เจียงลู่จิวลุกขึ้นมานั่งและมองหน้ามารดาด้วยสีหน้าจริงจัง
"หึ ร้อยวันพันปีเจ้าไม่ยักกะถามถึงเขา เอาสิเจ้าอยากรู้อะไรละ ถ้าข้าตอบได้ข้าจะตอบ"
"เขาเป็นคนแบบไหนหรือขอรับ"
"..." เจียงหวั่นอิ๋นนิ่งไปสักพักเหมือนกำลังระลึกถึงเรื่องราวที่ผ่านมา
"อาเตี๋ยของเจ้าเป็นคนดี สุขุม เป็นบุรุษรูปงามคนหนึ่ง... "
"หากว่าอาเตี๋ยเป็นคนดีจริง ทำไมพวกท่านถึงไม่ได้อยู่ด้วยกัน อีกทั้งยั่งทิ้งให้อาเหนียงเลี้ยงดูข้าคนเดียวละขอรับ" เจียงลู่จิวเอ่ยขัดเจียงหวั่นอิ๋นขึ้นด้วยน้ำเสียงไม่พอใจ
"อาลู่..เรื่องบางเรื่องมันมีอะไรมากกว่านั้น เจ้ารู้ไว้แค่ว่าอาเตี่ยเจ้ามิผิดอะไรผิดที่ข้าคนเดียวเจ้าเข้าใจหรือไม่...เอาละๆ นี่ก็ดีกมากแล้วพรุ่งนี้เจ้าต้องออกเดินทางแต่เช้านอนซะ" เจียงหวั่นอิ๋นเอ่ยตัดบทแล้วพลิกตัวไปอีกด้าน เจียงลู่จิวทำหน้างอเล็กน้อย รับรู้ได้ทันทีว่าอีกฝ่ายคงไม่อยากให้เขาซักถามไปมากกว่านี้เจียงลู่จิวล้มตัวลงนอนครุ่นคิดกับสิ่งที่รับรู้เกี่ยวกับบิดาของเขา บุรุษรูปงามงั้นหรือ ใครๆ ก็บอกว่าเจียงลู่จิวนั้นรูปงาม อีกทั้งหน้าตาไม่ค่อยเหมือนกับเจียงหวั่นอิ๋นสักเท่าไหร่ถึงแม้อีกฝ่ายคือบุรุษรูปงามอันดับห้าของยุทธภพแต่ใบหน้านั้นจะติดดุ ในขณะที่ใบหน้าของเจียงลู่จิวนั้นเหมือนมีรอยยิ้มประดับใบหน้าตลอดเวลา
'หรือว่าข้าจะหน้าเหมือนอาเตี๋ยนา' เจียงลู่จิวนึกคิดอยู่ในใจก่อนจะผลอยหลับไป
*ยามจื่อ (๒๓:๐๐ - ๐๐:๕๙ น.)
เจียงหวั่นอิ๋นนอนไม่หลับรู้สึกกังวลกับสิ่งที่บุตรชายเอ่ยถามในวันนี้ เจียงลู่จิวในวัยสิบห้าถึงเวลาสมควรไปร่ำเรียนวิทยายุทธกับตระกูลหลาน ที่อวิ๋นเซินปู้จื่อตามธรรมเนียม ในใจเจียงหวั่นอิ๋นไม่อยากให้บุตรชายไปที่นั่น แต่ตนไม่สามารถหาเรื่องหลีกเสี่ยงไม่ให้บุตรชายไปได้ กลัวว่าเด็กฉลาดอย่างเจียงลู่จิวจะนึกสงส้ย และซักถามจนเขาเผลอหลุดออกไปว่าใครคือบิดาของเจียงลู่จิว
"เฮ้อ~" เจียงหวั่นอิ๋นทอดถอนหายใจพร้อมกับลุกขึ้นนั่ง มองลงไปยังข้างล่างของเตียง บุตรชายของเขากำลังหลับตาพริ้ม นิจพิเคราะห์ใบหน้าของบุตรชายแล้วอยากจะถอนหายใจอีกสักครายิ่งโตยิ่งเหมือนบิดาไม่มีผิด กลัวอีกฝ่ายจะรู้ความลับเข้าคนที่รู้ว่าเขาเป็น เกอ ก็ได้จากไปหมดแล้ว ก็มีแต่เว่ยอู๋เชี่ยนในร่างโม่เสวียนอวี่ที่รู้เรื่องนี้และเขามั่นใจว่าอีกฝ่ายไม่บอกใครแน่นอน
"แค่หกเดือนเอง เขาคงไม่รู้หรอก" เจียงหวั่นอิ๋นกระซิบกับตัวเองก่อนล้มตัวลงนอนอีกครา
*ยามเฉิน (๐๗: ๐๐ - ๐๘ :๕๙)
เจียงหวั่นอิ๋นออกมาส่งเหล่าศิษย์ที่ต้องไปร่ำเรียนที่อวิ่นเซินปู้อฉู่ที่หน้าประตู
ป้อมบงกช "ที่อวิ่นเซินปู้จี่อฉู่นั้นมีกฎมากมายพวกเจ้าทุกคนจะต้องอยู่ในกฎระเบียบ
ตั้งใจศึกษาเล่าเรียนตามที่ท่านอาจารย์สอนเข้าใจไหม และที่นั่นไม่เหมือนเหลียนฮวา
พวกเจ้าจะวิ่งซนเอะอะมะเทิ่งเหมือนที่นี่ไม่ได้เข้าใจหรือไม่!" เสียงอันเข้มงวดของ
ประมุขเจียงเอ่ยขึ้น
"ขอรับ!" เหล่าศิษย์ขานรับด้วยน้ำเสียงหนักแน่น
"ลู่จิว เจ้ามาหาข้า" ประมุขเจียงเอ่ยเรียกบุตรชายเข้าไปหา
"ขอรับอาเตี่ย" กล่าวพร้อมเดินเข้าไปหาอีกฝ้าย เมื่ออยู่ต่อหน้าคนอื่นเจียงลู่จิวจะเรียกเจียงหวั่นอิ๋นว่า อาเตี๋ย ด้วยรู้ว่าอีกฝ่ายต้องเก็บเรื่องนี้เป็นความลับเพื่อความปลอดภัยของสกุลเจียง จะให้ยุทธภพภายนอกรู้ไม่ได้ว่าประมุขผู้ปกครองสกุลเจียงเป็น เกอ หากมีผู้ประสงค์ร้ายรู้เข้าจะเป็นอันตรายต่อทุกคนในสกุลเป็นอย่างยิ่ง
"เจ้าอยู่ที่นต้องตั้งใจเรียน ห้ามก่อปัญหาและห้ามเถลไถลตามพี่ชายเจ้าเป็นอันขาดเข้าใจหรือไม่" เจียงหวั่นอิ๋นกล่าวถึง จินหรูหลั่น ที่จะไปเรียนในปีนี้ด้วย หึ ดูก็รู้ว่าเจ้าลูกกระต่ายนั่นแค่อยากไปเล่นซนกับสหายรัก หลานซือจุย กับหลานจิ่งอี๋มากกว่าไปร่ำเรียน
"ขอรับอาเตี่ย ลูกจะตั้งใจเรียน"
"มีอีกอย่างที่ข้าอยากจะขอกับเจ้าได้หรือไม่" เจียงลู่จิวมองใบหน้าของอาเหนียงที่ตึงเครียดขึ้นมาด้วยสีหน้างงงวย แต่ก็มิวายพยักหน้าตอบรับ
"ไปอยู่ที่นู้น ถ้าไม่จำเป็นเจ้าอย่าได้ไปวุ่นวายกับศิษย์ตระกูลหลานมากนัก เจ้ารับปากข้าได้หรือไม่" ทุกคนรู้ดีว่าประมุขเจียงนั้นไม่อยากเกี่ยวข้องกับคนสกุลหลานมากนักแต่ไม่รู้เพราะสาเหตุอะไร
"ขอรับ" ถึงจะมีความสงสัยในใจแต่ก็ตอบรับออกมาเพื่อให้อาเหนียงสบายใจเจียงหวั่นอวิ๋นลูบหัวบุตรชายด้วยรอยยิ้มก่อนที่เจียงลู่จิวจะกลับไปรวมกลุ่มกับเหล่าศิษย์สี่ถึงห้าคนที่จะต้องไปอวิ่นเซินปู้จี่อฉู่
"เอาหละ พวกเจ้าออกเดินทางกันได้แล้ว" สิ้นเสียงประมุขเจียงเหล่าศิษย์ก็ทำความเคารพแล้วหันหลั่งเดินออกไปที่ท่าเรื่อเพื่อออกเดินทาง เจียงหวั่นอิ๋นมองบุตรชายเดินออกไปจนสุดสายตา ได้แต่ภาวนาในใจว่าให้ความลับเป็นความลับตลอดไป
'ท่านอย่าได้ใคร่สงสัยในตัวเจียงลู่จิวเลยหนา หลานซีเฉิน'
เซินปู้จื่อฉู่ , กูซูหลาน
*ยามเซิน (๑๕:๐๐ - ๑๖:๕๙)
เจียงลู่จิวและศิษย์คนอื่นๆ ของสกุลเจียงใช้เวลาสองวันหนึ่งคืนในการเดินทางมายังกูซุหลาน โดยหยุดพักที่ตำบลไฉ่อีหนึ่งคืน ช่วงสายของอีกวันจึงได้ออกเดินทางต่อจนกระทั่งเดินทางถึงกูซูหลานในยามเซิน
"ข้าเจียงลู่จิวและเหล่าศิษย์รุ่นเยาว์ของสกุลเจียงขอรับ" เจียงลู่จิวกล่าวกับกับ
เวรยามที่เฝ้าอยู่ประตูของตระกูลหลานแห่งกูซูพร้อมกับยื่นป้ายหยกผ่านทาง
"คณะเดินทางจากตระกูลเจียงคงเดินทางมาเหนื่อย พวกท่านตามศิษย์ตระกูล
หลานคนนั้นไปเถิด เขาจะนำพวกท่านไปยังเรือนพำนักขอรับ" ศิษย์ตระกูลหลานผู้หนึ่งกล่าวขึ้นพร้อมกับผายมือไปยังศิษย์ที่นำทางไปที่พัก
"ลำบากพวกท่านแล้ว" เจียงลู่จิวเอ่ยขึ้นพร้อมรอยยิ้ม ทำให้เหล่าศิษย์ตระกูลหลานมองใบหน้าของเจียงลู่จิวด้วยความสงส้ยว่าช่างคุ้นตายิ่งหนักเหมือนเคยเห็นที่ไหนมาก่อน แต่ก็ต้องหยุดความสงสัยไว้แล้วพาเหล่าศิษย์สกุลเจียงไปยังเรือนพำนัก
"ถึงแล้วขอรับคุณชายเจียง"
"ขอบใจท่านมากที่นำทางมา" เจียงลู่จิวเอ่ยขึ้น
"วันนี้พวกท่านสามารถพักผ่อนได้ตามสบาย เราจะมีพิธีฝากตัวเป็นศิษย์ในวันพรุ่งนี้ขอรับ" เอ่ยพร้อมเดินจากไปด้วยความสงสัยว่าคุณชายเจียงผู้นั้นช่างเหมือนใครสักคนที่ตนคุ้นเคย
หลังจากศิษย์สกุลหลานผู้นั้นเดินออกไปเจียงลู่จิวกับเหล่าศิษย์พี่ก็แยกย้ายกันพักผ่อนหลังจากเดินทางกันมาเหน็ดเหนื่อย ในตอนเย็นเจียงลู่จิวนั่งตรงที่ม้าหินอ่อนหน้าเรือนด้วยสีหน้าเป็นกังวล นี่เป็นครั้งแรกที่เขาได้ออกนอกเขตการปกครองของสกุลเจียงเลยก็ว่าได้ ถึงแม้จะเคยออกล่าภูตผีบ้าง แต่ไม่เคยออกนอกเขตเลย นี่เป็นครั้งแรกที่เขาจะได้เจอกับศิษย์รุ่นเยาว์จากสกุลต่างๆ ที่นอกเหนือจาก จินหลิง ลูกชายของท่านป้าเหยี่ยนหลี่ที่แวะเวียนมาเที่ยวเล่นที่เหลียนฮวาอู้เป็นประจำ เจียงลู่จิวนั้นกลัวว่าตนจะทำขายหน้าในฐานะศิษย์และทายาทของสกุลเจียงเสียเหลือเกิน
วันรุ่งขึ้น
*ยามซื่อ (0๙:๐๐ - ๑๐:๕๔)
เหล่าศิษย์จากสกุลต่าง เริ่มทยอยเข้ามาห้องเรียน เจียงลู่จิวมองคนนั้นคนนี้ด้วยความสนอกใจและตัวเขาเองก็ถูกคนเหล่านั้นมองด้วยความสนใจเช่นเดียวกัน
"อาลู่"
"จินหลิงเกอ" เจียงลู่จิวเอ่ยทักผู้มาใหม่ด้วยความดีใจ หลายเดือนแล้วที่ตนไม่ได้พบพี่ชายคนนี้ เนื่องจากอีกฝ่ายคงยุ่งๆ กับการจัดการหลายๆ อย่างในสกุลจินแห่งหลันหลิง หลั่งจากการตายของ จินกวงเหยา ตัวเขานั้นพอรู้เรื่องนี้อยู่บ้างแต่ไม่รู้รายละเอียดมากนัก
"น่าแปลกใจที่ท่านน้าปล่อยเจ้าออกมาข้างนอกได้" จินหลิงเอ่ยด้วยน้ำเสียงที่ดูตื่นเต้นในที่ เพราะท่านน้าของเขานั้นเข้มงวดกับน้องชายคนนี้มากถึงขั้นไม่ยอมปล่อยให้ออกมาจากเขตเหลียนฮวาอู้เลยสักครั้งแต่ยังไม่ได้คุยกันมากนักก็ต้องแยกย้ายกลับไปนั่งที่โต๊ะประจำตัว เนื่องจากประมุขหลาน หลานซีเฉิน ท่านอาจารย์ หลานฉี่เหริน และ หานกวงจวิน หลานวั่งจีเดินเข้ามาภายในห้อง ทั้งสามเดินไปที่ด้านหน้าของห้องและหันหน้ามาที่เหล่าศิษย์รุ่นเยาว์ของสกุลต่างๆ
"เอาหละ เริ่มพิธีฝากตัวเป็นศิษย์สกุลหลานได้" ท่านอาจารย์หลานฉี่เหรินพูดขึ้นก่อนจะนั่งลงที่โต๊ะประจำโดยมีหลานซีเฉิน และหลานวั่งจี หยกคู่สกุลหลานยืนขนาบข้างเหมือนเช่นเคย
เจียงลู่จิวและศิษย์สกุลเจียงคนอื่นๆ ยืนขึ้นและเดินออกไปตรงกลางทางเดินเพื่อทำพิธีฝากตัวและมอบของบรรณาการเล็กๆ น้อยๆ จากเหลียนฮวาอู้
"ข้าน้อย เจียงลู่จิวบุตรชายของเจียงหวั่นอิ๋นประมุขแห่งอวิ่นเมิ่งเจียง และเหล่าลูกศิษย์รุ่นเยาว์จากสกุลเจียงรู้สึกเป็นเกียตรอย่างยิ่งที่ได้มาศึกษาเหล่าเรียนที่กูซูหลานแห่งนี้ และเพื่อฝากตัวเข้าเป็นศิษย์ ประมุขเจียงได้มีของขวัญเล็กน้อยมามอบให้ท่านอาจารย์ กล่องนี้ภายในเป็นชาดอกบัว ชาขึ้นชื่อของอวิ่นเมิ่ง ขอให้ท่านอาจารย์รับไว้ด้วยขอรับ" เจียงลู่จิวกล่าวด้วยน้ำเสียงนอบน้อมแต่ทว่าหนักแน่น พร้อมทั้งเจียงหรงศิษย์ของสกุลได้ถือกล่องไม้สลักลายดอกบัวเก้ากสีบเดินออกมาข้างหน้ายื่นให้หลานซือจุยที่รอรับอยู่แล้ว
ท่านอาจารหลานฉี่เหรินมองเจียงลู่จิวด้วยความพออกพอใจ ดูท่าทางทายาทสกุลเจียงคนนี้เอางานเอางาน ฉลาดหลักแหลม แถมยั่งมีท่านอบน้อมไม่เหมือนเจ้าแซ่เว่ยคนนั้น
"เอาหละ ข้ารับพวกเจ้าเป็นศิษย์แล้วเงยหน้าขึ้นได้" สิ้นเสียง เจียงลู่จิวเงยหน้าขึ้นสบตากับท่านอาจารย์พร้อมกับส่งรอยยิ้มไปให้เล็กน้อยพลันได้พินิจใบหน้าของเจียงลู่จิวเป็นครั้งแรก ทำให้หลานฉี่เหริน หลานวั่งจีและหลานซีเฉิน จ้องมองใบหน้านั้นด้วยความงงงวยปนสงสัยแต่ก็ยังรักษาท่าทีเอาไว้
"อะแฮ่ม...สกุลต่อไป" ท่านอาจารย์หลานฉี่เหรินกระเอมหนึ่งครั้งเพื่อเรียกสติของตนเองให้กลับคืนมา
เจียงลู่จิวกลับไปนั่งที่ แต่รู้สึกได้ถึงสายตาใครบางคนจ้องมา เมื่อมองกลับไป
ก็เจอประมุขหลานกำลังมองมาที่เขา ถึงจะอดแปลกใจไม่ได้ที่ถูกจ้องมองแต่ก็ส่งยิ้มให้อีกฝ่ายตามมารยาท หลานซีเฉินยิ้มน้อยๆ ตอบกลับ แต่ภายในหัวของประมุขหลานกลับคิดมิตก
'เหมือนมากจริงๆ จากเจ็ดในสิบส่วน'
...TBC....
***ดาวน์โหลด NovelToon เพื่อเพลิดเพลินไปกับประสบการณ์การอ่านที่ดียิ่งขึ้น!***
อัพเดทถึงตอนที่ 22
Comments