หลังจากที่เสียเวลาไปเกือบสิบห้านาทีกับการปลุกปลอบและขู่เข็นหญิงสาวปากตะไกรให้ยอมเดินหน้าต่อไปได้เป็นผลสำเร็จ เราก็เริ่มจัดขบวนกันขึ้นใหม่อีกครั้ง และก็เช่นเคย ด้วยเพราะมันเป็นเวรกรรมของคนที่ใช้ปืนเป็นนั่นแหละที่ทำให้ผมก็ยังต้องทำหน้าที่เป็นหัวขบวนอย่างไม่มีทางเลี่ยง ตามติดมาด้วยลินดาน้อยย้อยสวาทที่กว่าจะเกลี้ยกล่อมให้เธอยอมกลับมาเดินในตำแหน่งเดิมได้ก็เล่นซะเหงื่อตกไปอีกหลายติ๋ง แม้ว่าเธอทำดูจะพอทำใจได้บ้างแล้ว แต่ท่าทีที่พร้อมจะหลอนได้ตลอดเวลาของเธอก็เป็นอะไรที่ไม่น่าวางใจเอาเสียเลย...บ่องตง
ตามด้วยมีนาและลุงมานะ สองพ่อลูกจากหนังสือเรียนเด็กประถมที่ดูจะยังคงรักษาอันดับผู้มีสติสัมปชัญญะครบถ้วนที่สุดในกลุ่มไว้อย่างเหนียวแน่น ปิดท้ายขบวนด้วยนายแรมโบ้ราเมศกับปืนบาเร็ตต้ากระบอกจิ๋วในมืออันใหญ่โตของเขา "เอาล่ะนะทุกคน ต่อจากนี้ผมอยากให้พวกคุณเดินตามหลังผมมาช้าๆ ระวังอย่าไปโดนตัวพวกศพพวกนั้นจะเป็นการดีที่สุด เราไว้ใจอะไรไม่ได้หรอก โอเคนะทุกคน" ผมประกาศให้ได้ยินโดยทั่วกัน "โอ้ย!...ยังกับฉันอยากจะไปแตะโดนพวกนั้นจะตายไปล่ะย่ะ!" ลินดาประชดพร้อมกับทำท่าแสยงขนเข้าใส่ แต่นั่นกลับทำให้ผมใจชื้นขึ้นมาหน่อยที่อย่างน้อยเธอก็กลับมาเป็นตัวของตัวเองได้บ้างแล้วและคงจะไม่ทำอะไรที่จะเป็นการ ส.ค.ซ. ส่งความซวยมาให้พวกเราหรอกนะ "ก็ดีแล้ว" ผมพูดแค่นั้นแล้วส่งยิ้มที่แม้แต่ตัวผมเองก็รู้สึกได้ว่าปลอมโคตรๆ ให้เธอก่อนจะหมุนตัวกลับแล้วเริ่มออกเดินนำหน้าพาทุกคนตรงเข้าหากองทัพศพไร้หัวสุดสยองไปอย่างช้าๆ
ทันทีที่ผมเดินผ่านศพแรก กลิ่นคาวของเลือดที่คละคลุ้งอยู่รอบๆ ตัวศพก็เสียดแทงแทบจะทะลุทะลวงดั้งจมูกขึ้นไปสู่สมองจนอ้วกแทบพุ่ง แต่มันก็เป็นการยากในการที่จะเบือนหน้าหนี เพราะไม่ว่าจะหันไปทางไหนก็มีทางพ้นไปจากกลิ่นชวนพะอืดพะอมที่น่าสะอิดสะเอียยนี้ได้เลย ในระยะใกล้ชิดสนิทแนบอย่างนี้มันที่ให้ผมเห็นรอยฉีกขาดของเอ็นกล้ามเนื้อคอใต้ลูกกระเดือกติดกระดูกไหปลาร้าได้อย่างแจ่มชัดถนัดตา มันเหมือนกับว่าพวกเขาถูกจับหัวกระชากจนหลุดออกจากตัวด้วยพละกำลังมหาศาลยังไงยังงั้น ในทุกๆ ร่างที่เล็ดลอดผ่าน เป็นรอยแผลฉีกขาดนี่ยังดูสดใหม่เหมือนหัวเพิ่งจะกุดไปไม่นานมานี้ แม้แต่รอยเลือดแห้งที่เปรอะเปื้อนเสื้อผ้าก็ยังคงมีสีแดงของเลือดอยู่แทบจะไม่ได้เปลี่ยนสีไปเลย
สิ่งที่ผมไม่เข้าใจว่ามันเกิดขึ้นได้ยังไงก็คือ ทำไมศพพวกนี้ถึงยังทรงตัวยืนแข็งทื่ออยู่ได้อย่างผิดธรรมชาติอย่างนี้โดยที่ไม่ล้มกันนะ แต่ก็นั่นแหละ... อะไรๆ ที่เกิดขึ้นอยู่นี้มันถูกธรรมชาติซะที่ไหนล่ะ แต่ที่แน่ๆ มันก็ทำให้การระมัดระวังที่จะไม่ทำให้ส่วนใดส่วนหนึ่งของร่างกายไปสัมผัสกับร่างแข็งทื่อพวกนั้นมันกลายเป็นอะไรที่สร้างความลำบากให้กับผมอยู่ไม่น้อย เพราะช่องว่างระหว่างร่างต่อร่างนั้นมีระยะห่างแค่เพียงราวๆ ไม่เกินสองฟุตเท่านั้น...แต่บางช่วงก็ห่างกันไม่ถึงฟุตก็มี นั่นจึงทำให้ผมต้องใช้ความพยายามเป็นอย่างสูงในการเลือกช่องทางเดินเพื่อแทรกตัวผ่านไปตามช่องว่างนั้นไปอย่างเชื่องช้าไม่ทันใจโจ๋วัยกลางคนเอาเสียเลย ช่างเป็นสถานการณ์ที่น่าอึดอัดเป็นที่สุด และคนที่ดูจะมีปัญหากับช่องว่างเล็กๆ แบบนี้มากที่สุดก็เห็นทีจะไม่พ้นคุณราเมศผู้มีร่างกายสูงใหญ่กำยำบึกบึนเป็นแรมโบ้ของเรานั่นเอง เห็นไหมล่ะว่าการมีรูปร่างกำยำล่ำบึ๊กกล้ามเป็นมัดๆ ก็ใช่ว่าจะดีเสมอไปหรอก...ผมคิดตามเหตุตามผลนะ ไม่ได้อิจฉาริษยาอะไรเขาเลย...จริงจริ๊งงงง! สาบาน!
ในขณะที่ผมกำลังแขม่วพุงพร้อมกับกลั้นชมหายใจเป็นพัก เดินแทรกร่างผ่านดงศพสยองมาได้อย่างราบรื่นเกือบจะครึ่งทาง ผมก็ได้ยินเสียงลินดาร้องลั่นเสียงตื่นดังมาจากทางด้านหลังแต่เยื้องออกไปทางด้านขวามือ "นาย!...อยู่ไหน ฉันหาทางไปต่อไม่ได้!" จริงด้วย...ผมลืมไปเลยว่ายังมีคนอื่นๆ เดินตามหลังมาด้วยนี่นา มัวแต่ตั้งอกตั้งใจแขม่วพุงก็เพลินไปหน่อยจนลืมไปเลย ผมหยุดเดินแล้วกลั้นใจค่อยๆ หมุนตัวกลับหลังอย่างเชื่องช้าและทุลักทุเลเพื่อที่จะได้เขย่งปลายเท้าทำคอยาวยืดมองหาคนทั้งสี่ สิ่งแรกที่ผมเห็นก็คือส่วนหัวและช่วงไหล่อย่างหนาตราช้างของนายแรมโบ้ราเมศที่โผล่ขึ้นเหนือดงร่างคอกุดของกองทัพศพที่รายล้อมอยู่ เขากำลังเคลื่อนที่อย่างเชื่องช้างุ่มง่ามเหมือนตัวสล็อตผู้งงงวยกับชีวิต หันไปซ้ายทีขวาทีเพราะต้องเบี่ยงตัวแทรกผ่านช่องแคบอย่างยากลำบาก เช่นเดียวกับลุงมานะที่มีแต่ลูกตากับครึ่งบนของหัวสีดอกเลาโผล่ขึ้นมาให้เห็นพร้อมกับเคลื่อนไหวในลักษณะเดียวกัน แต่ผมยังมองไม่เห็นหัวของลินดาและมีนาเลย ดูเหมือนว่าส่วนสูงของสองสาวและช่องว่างที่มีระยะห่างระหว่างร่างศพที่ไม่เท่ากันนั้นจะทำให้พวกเธอมีปัญหากับการเดินเป็นเส้นตรงจนพากันหลงทิศกันไปเสียแล้ว!
"ลินดา! มีนา! อยู่ตรงไหน...ผมมองไม่เห็นพวกคุณ!" ผมตะโกนถาม "ฉันอยู่ตรงนี้!" เสียงลินดาตอบกลับมาจากทางด้านซ้ายของผม ผมรีบหันไปตามทิศทางของเสียงทันที แล้วผมก็เห็นหนึ่งในสี่ของหัวเธอและสองแขนที่ยกโผล่ขึ้นมาพร้อมกับโบกมือไปมาหย็อยๆ "เกิดอะไรขึ้นน่ะ!" ลุงมานะตะโกนถาม "ลินดาน่ะสิ!...เธอเดินออกนอกทางไปทางขวาของลุงน่ะ เห็นเธอมั้ย!" ผมตะโกนถามกลับไป ผมเห็นหัวสีดอกเลาของชายวัยเฉียดแซยิดหมุนไปตามทิศทางที่ผมบอก "ไม่...ตอนนี้ผมหันตัวไปมองไม่ได้!" เขาตอบกลับมา "แล้วมีนาล่ะ มีนา! อยู่ตรงไหนลูก!" เหมือนว่าเขาเพิ่งจะนึกถึงลูกสาวที่เดินอยู่ข้างหน้าขึ้นมาได้ จึงตะโกนร้องเรียกหาด้วยความตื่นตระหนก "หนูอยู่ทางนี้ค่ะพ่อ!" เสียงของสาวน้อยตอบกลับมาจากมาจากอีกด้านของตู้ไม้สีขาว!
"อะไรกัน! ทำไมถึงไปอยู่ตรงนั้นได้ล่ะ!" ผมร้องถามอย่างตกใจพร้อมกับหันทั้งตัวไปตามเสียงของเธอ แล้วก็เห็นแขนเล็กๆ ของเธอชูขึ้นและโบกมือ "มะ...ไม่รู้สิคะ หนูก็เดินเลาะมาอย่างที่คุณบอกนั่นแหละค่ะ" สาวน้อยตะโกนตอบด้วยน้ำเสียงที่บอกว่าเธอเริ่มตื่นตระหนกกับความผิดพลาดของตัวเองเข้าแล้ว "เดินกลับมาทางเดิมได้มั้ยลูก!" ลุงมานะร้องถามอย่างวิตกกังวล "ไม่รู้สิคะ หนูจำไม่ได้ว่าเดินผ่านตรงไหนมาบ้าง!" เสียงของเธอละล่ำละลักและเหมือนกำลังจะร้องไห้ออกมา "โอเค...ไม่เป็นไร ใจเย็นๆ นะ" ผมพูดปลอบ "ยืนอยู่ตรงนั้นแหละ แล้วยกมือขึ้นสูงๆ ให้ผมเห็นด้วย ผมกำลังจะไปรับ" ผมตะโกนบอก "นี่! นายลืมอะไรไปรึเปล่ายะ! ฉันติดแหง็กอยู่ตรงนี้ ช่วยจำฉันได้หน่อยเถอะ!" ลินดาประท้วงเสียงลั่นพร้อมกับโบกมืออย่างบ้าคลั่งจนน่ากลัวว่าจะเผลอเอาแขน มือ หรือไม่ก็แตงโมมโหระทึกของเธอไปจิ้มโดนศพที่อยู่ใกล้ๆ เข้าให้ คงได้บรรลัยกันทั้งวงแน่ๆ "ใจเย็นก่อนนะหนูลิน ลุงกำลังไปหา" ชายผมสีดอกเลาตะโกนแทรกขึ้น "ฝากลินดาด้วยนะครับลุง ไม่ต้องห่วง...ผมจะไปรับมีนาให้เอง" ผมตะโกนบอกเขาก่อนจะเบี่ยงตัวไปทางขวาผ่านช่องแคบระหว่างร่างไร้หัวของผู้ชายรูปร่างท้วมกับร่างของผู้หญิงผอมเก้งก้างในชุดเสื้อสายเดี่ยวเสียวหลุดเอวลอยหน้าอกราบเรียบเป็นแผ่นกระดานรองซักผ้า ตรงไปยังมือน้อยๆ ที่ชูหราโบกไปมาห่างออกไปราวสามสิบฟุต
ชนะที่แทรกตัวเข้าไปนั้น ผมก็อดไม่ได้ที่จะหันไปมองหาคนอื่น เห็นครึ่งบนของหัวสีดอกเลาค่อยๆ หมุนซ้ายหมุนขวาเข้าไปหามือที่กำลังโบกหย็อยๆ อยู่อย่างช้าๆ เยื้องไปทางขวามือด้านหลังของเขา ห่างออกไปราวเกือบสิบช่วงตัว หัวและไหล่ของนายแรมโบ้ราเมศยังคงหมุนไปมาเกือบจะอยู่กับที่ แทบจะ ไม่ได้ขยับไปไหน จนผมรู้สึกเหมือนกำลังมองดูภาพสโลวโมชั่นของคิงคองเต้นบัลเล่ย์ น่าอึดอัดขัดใจแทนดีพิลึก สภาพของเขาในตอนนี้ผมคงหวังจะไปร้องขอความช่วยเหลือจากเขาไม่ได้แน่นอน เพราะลำพังตัวเขาเองก็ดูจะไม่รู้จะช่วยตัวเองยังไงที่จะไม่ให้ร่างกายใหญ่โตบานเบอะหนาเตอะเทอะทะของเขาเผลอไปถูกตัวศพที่รายล้อมอยู่ได้เลย "ช้าๆ นะคุณราเมง อย่าไปแตะโดนอะไรเข้าล่ะ" ผมตะโกนเตือนเขา "พยายามอยู่! อีกอย่างนะ...ผมชื่อราเมศโว๊ย จะต้องให้แก้อีกสักกี่ครั้งฟะ!" เขาตะโกนตอบกลับมา "เออ โทษที ยังไงก็ระวังหน่อยก็แล้..." ผมตะโกนตอบแต่ไม่ทันจบประโยค
แวบหนึ่งที่ผมเหลือบตามองไปที่มือที่โบกอยู่ของมีนาพร้อมกับพูดไปด้วยนั้น ผมก็ต้องรีบดึงสายตากลับมาจ้องกลับไปที่คุณราเมศอย่างด่วนจี๋ ตายโหงล่ะสิ! พ่อล่ำแรมโบ้ของเราก็ทำเรื่องเข้าจนได้สิน่า ไม่รู้จะโทษช่องว่างนั้นที่มันแคบเกินไปหรือร่างกายล่ำบึ๊กของผู้ชายหน้าหนวดคนนั้นที่หนาและใหญ่โตเกินไปดี แต่ที่แน่ๆ ผมเห็นคาตาก็คือ หัวไหล่อันแสนจะเทอะทะเกินไปสำหรับสถานการณ์แบบนี้ของเขาเบียดและชนเข้ากับร่างไร้หัวร่างหนึ่งที่อยู่ขวามือจนโงนเงนและล้มตะแคงไปกระแทกร่างที่อยู่ข้างๆ พริบตานั้นความบรรลัยที่ผมเพิ่งจะเกรงว่ามันจะเกิดอยู่แหม็บๆ เมื่อครู่ก็พลันบังเกิดขึ้นมาจริงๆ จากร่างหนึ่งล้มไปชนอีกร่างหนึ่งให้ล้มตามกันไปเป็นโดมิโน่ กระจายตัวออกไปเป็นวงกว้างอย่างนวดเร็วและน่าตื่นตะลึง เสียงวัตถุเปียกๆ ล้มทับกันที่ดังไปทั่วห้องนั้น มันช่างเชิญชวนให้ขนหัวลุกชันได้ดีแท้ 'แผละๆๆๆๆ'
เพียงระยะเวลาไม่ถึงหนึ่งนาทีเท่านั้น ห้องประชุมอันกว้างใหญ่และโอ่โถงก็ปรากฏแก่สายตาของผม มันดูกว้างขวางมากกว่าที่ผมคิดไว้เยอะเลยทีเดียว เมื่อร่างศพมนุษย์ไร้หัวพากันล้มระเนระนาดราบลงกับพื้นจนครบทุกร่างแล้ว เสี้ยววินาทีต่อมาก็ได้ยินเสียงของลุงมานะร้อง "เฮ้ย!" ดังลั่นห้อง ผมหันไปมารอบตัวก็เห็นว่าบัดนี้ลินดาและมีนาก็ได้ปรากฏตัวออกมาพร้อมกับเสียงกรี๊ดวี้ดว้ายด้วยความตกใจของสาวๆ เช่นเดียวกับคุณราเมศและลุงมานะที่มีแค่ส่วนหัวหมุนไปหมุนมาเมื่ออึดใจก่อนหน้าก็กลับมามีร่างกายสมบูรณ์ด้วยเช่นกัน ผมหันขวับมองไปที่ใบหน้าหนวดเฟิ้มของนายล่ำราเมศก็เห็นว่าเขากำลังเหรอหราและตื่นตะลึงกับผลงานของตัวเองอย่างหนัก "คุณทำบ้าอะไรลงไปเนี่ย!" ผมรู้สึกเหมือนเปล่งเสียงพูดออกมาเหมือนคนละเมอที่ไม่มีสติ "ผะ...ผมไม่ได้ตั้งใจ!" เขาตอบตะกุกตะกักกลับมาและมองหน้าผมเลิกลั่ก จากนั้นพวกเราทุกคนก็ยืนนิ่งงันกันไปเพราะใบ้แดก...
แต่แล้วไม่กี่อึดใจต่อมาคุณราเมศก็หัวเราะขึ้นเบาๆ เป็นการทำลายความเงียบ ก่อนที่จะเพิ่มวอลลุ่มขึ้นดังขึ้นเรื่อยๆ คล้ายกับคนไข้หลังคาแดงที่คุณหมอลืมฉีดยาระงับประสาท พร้อมกับมองไปรอบตัวของเขา "ฮ่าๆๆ ไหนคุณบอกอย่าแตะต้องศพไง แต่ดูนั่นเซ่...มันล้มระเนระนาดกันหมดเลย แล้วไหนล่ะ...มีอะไรเกิดขึ้นเหรอ ฮ่าๆ" เขาพูดด้วยน้ำเสียงลิงโลดอย่างผู้มีชัย
แต่แล้วเสียงหัวเราะของเขาก็พลันชะงักขาดหายไปอย่างปุบปับ เมื่ออยู่ๆ ก็เกิดเสียง"แอ๊ดดดดดด!" ยาวนานดังก้องกังวานสะท้อนกับผนังไปมา ช่างเป็นเสียงครางครวญรัญจวนจิตอะไรอย่างนั้น และเมื่อผมหันไปทางต้นเสียงก็พบกับที่บานประตูทั้งสี่ด้านของตู้ยักษ์ที่ปิดสนิทอยู่กลางห้องเมื่อครู่ กำลังถูกมือที่มองไม่เห็นดึงให้เปิดอ้าออกอย่างช้าๆ จากนั้น...อะไรบางอย่างที่มีรูปร่างกลมๆ ก็เริ่มร่วงหล่นลงมาจากด้านบนสุดไล่ลงมาด้านล่าง เมื่อเขม้นตามองดีๆ ผมก็ต้องใจหายวาบพร้อมกับขนต้นคอลุกเกรียว มันคือหัวมนุษย์นับร้อยๆ หัวกำลังทะยอยร่วงพรูลงมากระเด้งกระดอนไปทั่วทุกทิศทางบนร่างของศพที่นอนกองทับถมกันจนแทบจะไม่มีที่ว่างให้สอดเท้าลงแตะพื้นได้เลย
ตามมาติดๆ ด้วยความสะพรึงยิ่งกว่าหนังสยองทุกเรื่องในโลกมารวมกันเสียอีก อยู่ๆ ร่างไร้หัวที่ล้มระเนระนาดเหล่านั้นก็เริ่มมีการเคลื่อนไหวแบบกระตุกฉักๆ ฉึกๆ งึกๆ งักๆ ขึ้นมาได้! พวกมันทะยอยทรงตัวลุกขึ้นยืนทีละตัวๆ ก่อนจะเดินกระย่องกระแย่งแข็งทื่อเข้าไปก้มเก็บเอาหัวที่อยู่ใกล้ตัวที่สุดขึ้นไปวางไว้บนลำคอที่กุดเหลือแต่ตอโดยไม่เลือกว่าจะใช่หัวของตัวเองหรือเปล่า แล้วสิ่งที่ไม่น่าจะเป็นไปได้ก็เกิดซ้ำซ้อนขึ้นมาอีกคำรบ เมื่อหัวลุ่นๆ โดดๆ ที่ถูกหิ้วขึ้นไปวางแหมะลงบนตอคอด้วนๆ ของร่าง รอยต่อรอบลำคอที่ซีดขาวของศพนั้นก็หลอมรวมเข้าเชื่อมประสานเข้ากันจนกลายเป็นเนื้อเดียวกันอย่างไม่น่าเชื่อ!
แต่ถึงแม้ว่าศพเหล่านั้นจะกลับมามีหัวโดยสมบูรณ์แล้วก็ตาม แต่ความสยดสยองจากความพิกลพิการกลับยิ่งทวีคูณยิ่งขึ้นไปอีก เป็นเพราะหัวกับร่างที่ไม่แมทช์กัน อีกทั้งยังจะอยู่ผิดที่ผิดทางอย่างที่ไม่น่าจะเรียกว่าศพมนุษย์ได้อีกต่อไปอย่างสิ้นเชิงนั่นเอง บางตัวมีหัวเป็นผู้ชายจีนสูงวัยที่มีเครายาวเป็นเคราแพะแต่ดันไปต่อเข้ากับร่างสุดสะบึมอึ๋มอวบแสนเซ็กซี่ทำให้กลายเป็นผีดิบที่ดูไม่จืดพิลึกกึกกือไปเลย หลายตัวที่หัวไม่ได้หันมาข้างหน้า แต่กลับบิดไปด้านซ้ายหรือขวาที่หนักยิ่งกว่าคือหันก้นไปข้างหลัง แต่ส่วนใหญ่หัวกับตัวอยู่ในสภาพศพมนุษย์ที่แท้ทรู ทว่าดวงตาของพวกมันขาวโพลนไม่มีนัยน์ตาดำทำให้ดีกรีความสยองพุ่งปรี๊ดทะลุฟ้าไปเลย ร่างสยองที่ต่อติดกับหัวเสร็จแล้วก็เริ่มขยับเขยื้อนตัวเดินอีกครั้งด้วยท่าทางที่ผิดแผกไปจากมนุษย์ปกติ ก็แหง๋ล่ะ...พวกมันหมดสิ้นความเป็นมนุษย์ไปตั้งแต่เมื่อไหร่แล้วก็ไม่รู้ มันถึงได้เดินแบบขาแข็งทื่อไม่มีการงอเข่าตรงเข้ามาทางที่พวกเรายืนตะลึงจังงังอยู่กับที่
"มีนา! วิ่งมาหาผม...เร็วเข้า!" ผมรวบรวมสติกลับคืนมาได้ในที่สุด และตะโกนลั่นสุดคอหอยพร้อมกับวิ่งไปทางที่มีนายืนตะลึงพรึงเพริดอยู่ พร้อมกันนั้นผมก็ได้ยินเสียงของลินดาหวีดร้องดังสนั่น ตามด้วยเสียงลุงมานะ "วิ่ง หนูลิน วิ่งไปที่บันไดเร็วเข้า!" อีกแค่เพียงไม่ถึงสิบห้าฟุตผมก็จะไปถึงตัวมีนาที่ยังคงยืนนิ่งตะลึงงันอยู่กับที่ไม่ยอมขยับตัวไปไหนเสียที ทันใดนั้นเอง ร่างของผู้ชายเปลือยท่อนบนที่มีหัวของผู้หญิงหน้าตาคล้ายยายปริกขายกล้วยแขกหน้าปากซอยก็โผเข้าใส่มีนาแล้วพาเธอล้มกลิ้งลงบนพื้นที่เต็มไปด้วยรอยคราบเลือดแดงฉาน "ว้าย!" มีนากรีดร้องออกมาสุดเสียง ร่างของเธอนอนอยู่ใต้ไอ้ศพเดินได้ที่ตอนนี้มันลุกขึ้นคร่อมร่างเธอเอาไว้ สองมือของมันจับหัวเธอไว้ทำท่าเหมือนพยายามดึงให้หลุดจากบ่าพลางแยกเขี้ยวใส่เธออย่างมุ่งร้ายหมายชีวิต ขณะเดียวกัน เธอก็ดิ้นรนสุดชีวิตเพื่อผลักไสมันออกจากตัวพร้อมกับกรีดร้องอย่างบ้าคลั่ง "มีนา!" ผมแหกปากลั่นอีกครั้งพร้อมถีบตัวส่งร่างของตัวเองไปปะทะกับร่างศพสยองนั่นจนมันกระเด็นออกไป " มาเร็วเข้า!" ผมลุกขึ้นคว้าแขนมีนาแล้วดึงตัวเธอให้ลุกขึ้นตาม จากนั้นก็พาสาวน้อยโกยอ้าวกลับไปทางช่องบันได แต่ก็ไม่ได้ง่ายขนาดนั้นเพราะร่างที่ต่อหัวเสร็จแล้วหลายสิบตัวกำลังเดินตรงเข้ามาขวางทางเราอยู่ อย่างที่กระสุนปืนทั้งหมดที่มีเหลืออยู่ไม่สามารถกำจัดพวกมันให้พ้นทางไปได้อย่างแน่นอน
สองหูของผมได้ยังแต่เสียงกรี้ดๆ ของพวกผู้หญิง สอดแทรกมาด้วยเสียงตะโกนของคุณราเมศและลุงมานะฟังดูสับสนอลหม่านไปหมด "มาทางนี้!" ผมลากมีนาหลบฉากจากการพุ่งเข้าจู่โจมของศพสยองสองสามตัวมาได้อย่างหวุดหวิด ก่อนที่จะยกเท้าขึ้นถีบสุดแรงไปที่ยอดอกของศพหญิงร่างท้วมที่ดันเอาหัวของผู้ชายหน้าเซี่ยมแก้มตอบและหัวเกรียนมาต่อ แถมยังต่อผิดทางทำให้หน้าหันไปข้างหลังเสียอีก "ขึ้นไปเร็วเข้า!" ผมทั้งฉุดทั้งลากแขนมีนามาจนถึงเชิงบันไดจนได้ กำลังจะส่งร่างกระปกกระเปลี้ยของเธอขึ้นเหยียบบันไดขั้นแรก แล้วสิ่งที่ไม่คาดคิดก็บังเกิดโดยที่ไม่มีใครจะตั้งตัวทัน ลินดาที่หลับหูหลับตาวิ่งหน้าตื่นพร้อมกับกรีดร้องมาตลอดทางอย่างคนเสียสติ ก็พรวดพราดมาให้ทางด้านข้างแล้วชนผมเข้าเต็มรัก นั่นทำให้ผมเสียหลักล้มลงไปกลิ้งเป็นลูกขนุนอยู่บนพื้น จากนั้นก็ผลักร่างบอบบางของมีนาอย่างแรงจนเซถลาเข้าไปหาฝูงซากศพคืนชีพที่ตามหลังมาเป็นพรวน
ลินดาวิ่งแหกปากกรี้ดๆ ขึ้นบันไดไปโดยไม่ได้สนใจผลจากการกระทำของเธอเลยสักนิด ทิ้งให้เด็กสาวกรีดร้องสุดเสียงด้วยความตกใจและหวาดกลัวสุดขีดเมื่อถูกพวกศพคืนชีพคว้าตัวเอาไว้แล้วดึงเข้าไปกลางวงล้อมของพวกมัน "ไม่!" ผมตะโกนสุดเสียงเมื่อพลิกตัวกลับมาเห็นสิ่งที่เกิดขึ้น มีนาพยายามดิ้นรนอย่างสุดฤทธิ์สุดเดชเพื่อจะหลุดออกจากเงื้อมือผีดิบนรก แต่มันเป็นความพยายามที่ไร้ผลอย่างสิ้นเชิงเพราะนอกจากจะดิ้นไม่หลุดแล้ว ยิ่งเป็นการกระตุ้นให้พวกมันยิ่งกรูเข้ากุ้มรุมเธอเพื่อจัดการให้ดวงชีวิตของเธอดับดิ้นสิ้นไปเร็วขึ้นด้วย...ตาของผมต้องเบิกกว้างอย่างตื่นตระหนก เมื่อเห็นมือซีดเซียวคู่หนึ่งขยุ้มจับหัวของเธอเอาไว้จากทางด้านหลังแล้วกระชาก! ผมไม่อาจที่จะจินตนาการได้เลยว่าแรงกระชากนั้นมันต้องมหาศาลขนาดไหนถึงสามารถกระชากเพียงครั้งเดียว...แล้วหัวของสาวน้อยผู้อ่อนหวานก็พลันขาดกระจุยออกจากร่างจนเลือดพุ่งเป็นน้ำพุขึ้นสู่อากาศ! "ไม่!" ผมได้ยินเสียงลุงมานะแหกปากร้องลั่นสุดเสียง
ราวๆ สองสามอึดใจกว่าที่ผมจะได้สติกลับคืนมาและพบว่าตัวเองกำลังจะถลาเข้าไปช่วยสาวน้อยมีนาจากการถูกรุมทึ้ง แต่กลับถูกแขนล่ำบึ้กของคุณราเมศคว้าตัวฉุดรั้งเอาไว้เสียก่อน "อย่า!...เราช่วยอะไรไม่ได้แล้ว! เธอตายแล้ว!" เขาตะโกนใส่หน้าผม "เราต้องรีบไปเดี๋ยวนี้...เร็วเข้า ไปเซ่!" คุณประโยชน์ของความกำยำล่ำบึ้กจะปรากฎก็ตอนนี้แหละ นายแรมโบ้ราเมศรวบเอวของผมเอาไว้ด้วยแขนข้างหนึ่ง ส่วนอีกข้างรวบตัวลุงมานะที่ก็พยายามจะเข้าไปช่วยลูกสาวของเขาให้ได้ด้วยเช่นกัน จากนั้นก็ออกแรงลากเราทั้งคู่ปีนขึ้นบันไดท่ามกลางเสียงร้องโหยหวนปิ่มว่าจะขาดใจชองชายผู้เป็นพ่อ "ไม่! มีนา! ปล่อยผม!"
***ดาวน์โหลด NovelToon เพื่อเพลิดเพลินไปกับประสบการณ์การอ่านที่ดียิ่งขึ้น!***
อัพเดทถึงตอนที่ 26
Comments