บันทึก

ผมตัดสินใจที่จะเริ่มสำรวจห้องด้วยการเริ่มจากด้านหลังก่อน จึงเดินกระย่องกระแย่งข้ามข้าวของที่เละเทะบนพื้นตรงไปหาประตูทด้านหลังห้องแล้วเปิดมันออกเพื่อพบกับความ...ไม่มี! ไม่มีอะไรเลยจริงๆ ที่หลังประตูนั่น นอกจากความมืดที่น่าขนลุกในความเวิ้งว้าง ราวกับเป็นปากทางเข้าสู่หลุมดำที่ไร้ทางออก ที่ขอบพื้นตรงปลายเท้าของผมมันสิ้นสุดลงเพียงแค่นั้น เหมือนกับว่าตึกนี้กำลังลอยคว้างอยู่กลางอวกาศที่ไร้ทิวทัศน์ของหมู่ดวงดาวอย่างนั้นแหละ นั่นทำให้ผมใจหายวาบด้วยความกลัวว่าอาจจะถูกดูดให้หลุดออกไปลอยเคว้งคว้างอยู่ที่ข้างนอกนั่น จึงรีบถอยออกห่างพร้อมดึงประตูกระแทกวงกบโครมใหญ่

หลังจากที่ยืนแพนิคมองประตูหลังที่ปิดสนิทอย่างพยายามตั้งสติอยู่เป็นครู่ ในที่สุดผมก็ลดระดับอะดรีนาลีนลงได้เสียที ก่อนจะถอนใจเฮือกแล้วหันกลับมาให้ความสนใจกับประตูห้องน้ำแทน และพบว่าประตูพีวีซีนั่นถูกทุบทำลายจนมันหักพับที่กึ่งกลางบานคล้ายกับถูกถีบด้วยแรงมหาศาล ครึ่งบนของมันหล่นลงไปกองอยู่บนพื้นกระเบื้องห้องน้ำโดยที่ครึ่งล่างยังห้อยร่องแร่งติดอยู่กับบานพับอย่างหมิ่นเหม่ และทันทีที่ผมเผลอเอื้อมมือไปแตะแค่จึ๊งเดียวเท่านั้น เจ้าบานประตูใจเสาะก็รีบเร่งร่วงหล่นลงไปกองทับกับครึ่งบนของมันอย่างเร่งรีบราวกับพลัดพรากจากกันมานานแสนนานเต็มที ผมถึงกับต้องเผลอกลั้นใจหลับตาปี๋พร้อมกับทำคอย่นโดยไม่ตั้งใจเมื่อมันทำให้เกิดเสียงโครมครามดังลั่นห้องขึ้น ด้วยเกรงว่าอาจจะดังไปถึงหูของอะไรก็ไม่รู้ที่ขู่ไล่ผมในความมืดของบันไดนั่น ผมนิ่งอยู่ชั่วอึดใจเพื่อฟังเสียงที่อาจจะเกิดขึ้นจากการเคลื่อนไหวข้างนอกห้อง แต่มันก็เงียบสนิทจนเกือบจะเกิดเซเดทโฟเบียเป็นรอบที่สามอยู่รอมร่อ ผมจึงรีบดึงความสนใจตัวเองออกจากการจดจ่อกับความเงียบนั่นแล้วเริ่มกวาดตามองสำรวจ

ภายในห้องน้ำนี่ก็เละตุ้มเป๊ะอย่างไม่ต้องสงสัย อ่างล้างหน้าและฝาโถชักโครกถูกกระชากออกมาจากที่ที่มันควรจะอยู่ลงไปแตกกระจายอยู่บนพื้นกระเบื้องสีขาวที่เจิ่งนองไปด้วยน้ำ ดูเหมือนว่าจะเกิดการดิ้นรนต่อสู้กันขึ้นในนี้เสียด้วยสิ แต่ถึงอย่างนั้นก็ไม่มีร่องรอยของคราบเลือดหรืออะไรก็ตามที่จะเป็นเครื่องบ่งชี้ว่าเกิดการบาดเจ็บจนเลือดตกยางออกให้เห็นเลยแม้แต่นิดเดียว ผมขยับเข้าไปหากระจกกรอบพีวีซีทรงสี่เหลี่ยมผืนผ้าที่ยังอุตส่าห์จะมีสติ๊กเกอร์ลายคิดตี้ติดอยู่อีกให้พรึ่บ มันอยู่ทางขวาเหนือจุดที่เคยมีอ่างล้างหน้าติดตั้งอยู่

ไม่ใช่ว่าจะไปส่องสำรวจความหล่อของตัวเองในกระจกตอนนี้หรอกนะ หน้าสิ่วหน้าขวานอย่างนี้ใครจะไปมีกะจิตกะใจกันล่ะ และถึงแม้ผมจะอยากทำอย่างนั้นจนใจจะขาดก็เถอะ แต่งปมก็คงไม่อาจที่จะทำได้หรอก เพราะว่ากระจกนั่นมันแตกละเอียดไม่มีชิ้นดีไปแล้วน่ะสิ แต่มันเป็นเพราะว่าผมสังเกตเห็นวัตถุบางอย่างถูกเหน็บเอาไว้ที่ด้านหลังกรอบกระจกกับผนังห้องนั่นต่างหากล่ะ เมื่อผมดึงออกมาดูก็เห็นว่ามันเป็นสมุดบันทึกปกหนังสีน้ำตาลอ่อนเล่มเล็กๆ เล่มหนึ่ง และแน่นอนที่สุด...สติ๊กเกอร์รูปแมวคิตตี้ตัวบักเอ้บแปะหราอยู่กลางปก...ดูยังไงก็ไม่เข้ากันเลยสักนิด ผมคิดขณะเดินกระย่องกระแย่งกลับออกมาและตรงไปหย่อนก้นนั่งที่ปลายเตียง

เมื่อเปิดสมุดบันทึกเล่มนี้ดูก็พบว่าเป็นเจ้าของไดอารี่เล่มนี้เป็นสุภาพสตรีชื่อลินดา มันถูกเขียนด้วยลายมือที่ค่อนข้างจะเล็กมากแต่ก็ดูเป็นระเบียบพอสมควร ผมต้องดึงมาใกล้ๆ ตาเพื่อที่จะเขม้นมองจนตาแทบจะเหล่ พร้อมกับพยายามเมินความคิดที่คอยแต่จะคัดค้านและย้ำเตือนเรื่องสมบัติผู้ดีกับมารยาทอันดีงามซึ่งเอาแต่พร่ำบอกว่าเราไม่ควรจะไปรุกล้ำความเป็นส่วนตัวของคนอื่นนะวิ! แต่ก็นะ...ใครจะไปสนล่ะ นี่มันอาจจะมีเบาะแสอะไรที่ทำให้ผมรู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้นที่นี่และจะต้องทำอย่างไรต่อไปบ้างก็ได้ เพราะฉะนั้น... หุบปากไปเลย! ผมตวาดใส่สมบัติผู้ดีของตัวเอง ก่อนที่จะเริ่มเปิดอ่านแบบผ่านๆ ตา ในช่วงแรกๆ มันก็เป็นเพียงแค่การบ่นระบายความในใจเรื่องอะไรต่างๆ นานาของคุณเธอก็ไม่รู้ โดยมากจะเกี่ยวกับคนอื่นๆ ที่ดันมาขวางหูขวางตาและทำอะไรไม่ถูกอกถูกใจของเข้าเธอนั่นแหละ ดูทรงยัยติ่งคิตตี้คนนี้แล้ว ผมก็อดคิดไม่ได้ว่าเธอน่าจะเป็นตัวตึงประจำตึกนี้เลยด้วยซ้ำ จนกระทั่งมาถึงสามสี่หน้าสุดท้ายนั่นแหละที่มันทำให้ผมต้องเพ่งตาอ่านแต่ละคำช้าๆ และตั้งใจ

บันทึกวันพฤหัสบดีที่ 11 พฤษภาคม 2022 เวลา 18.55 น. ฉันตกใจแทบตายที่อยู่ๆ ยายป้าข้างห้องก็เกิดสติแตกร้องโวยวาย วิ่งไปทุบประตูห้องนั้นทีห้องนี้ที แถมเอาแต่พูดว่า 'มันมาแล้ว มันมาแล้ว หนีออกไป' เป็นบ้าอะไรของป้าเนี่ย อยู่ดีไม่ว่าดีดั๊นนนน...เกิดจะมาสติแตกขึ้นมาไม่ได้เกรงใจผู้ใหญ่บ้านกำนันเมืองเอาเสียเลยอย่างนั้น ทำไมลูกหลานถึงได้ปล่อยให้ยายแก่สติไม่ดีนี่มากวนประสาทชาวบ้านชาวช่องอย่างนี้นะ แน่นอนว่าฉันไม่มีทางที่ฉันยอมปล่อยผ่านไปง่ายๆ หรอก คุณราเมศรับปากแล้วว่าจะจัดการให้ ฉันหวังว่ายัยป้านั่นจะถูกปราบให้ลดความบ้าคลั่งลงได้บ้างนะ

บันทึกวันศุกร์ที่ 12 พฤษภาคม 2022 เวลา 18.45 น. วันนี้มันเป็นบ้าอะไรไปแล้ว เมื่อตอนหลังเที่ยงมาได้ประมาณครึ่งชั่วโมง อยู่ดีๆ ก็รู้สึกว่าตัวตึกมันโยกเยกขึ้นมาเหมือนเกิดแผ่นดินไหว แต่นั่นมันก็เป็นแค่แป๊บเดียวก็หยุดไป แล้วฉันได้ยินเสียงเอะอะมะเทิ่งดังขึ้นมาจากชั้นล่าง ทีแรกฉันคิดว่าไม่อยากจะเชื่อเลยว่าคนที่นี่จะไร้ซึ่งสมบัติผู้ดีกันได้ขนาดนี้ มันก็แค่แผ่นดินสะดุ้งนิดหน่อยเองนะ คงไม่มีอะไรเสียหายมากมายขนาดนั้นหรอก แล้วทำไมจะต้องเอะอะโวยวายเหมือนโลกจะแตกอย่างนั้นด้วย ฉันกำลังจะออกไปดูว่ามันเกิดอะไรขึ้น ก็พอดีกับที่คุณราเมศวิ่งหน้าตื่นเข้ามาบอกฉันว่าให้อยู่แต่ในห้องและล็อกให้แน่นหนา อย่าเปิดประตูออกไปข้างนอกเด็ดขาด แล้วเขาก็วิ่งกลับออกไปโดยที่ไม่บอกเหตุผลอะไรเลยสักคำ และเขาก็ไม่รู้ตัวเลยว่าได้ทำพวงกุญแจหล่นลงบนพื้นหน้าห้องของฉัน ฉันคิดว่ามันน่าจะเป็นพวงกุญแจสำรองสำหรับทุกห้องในตึกนี้ ก็ทำไมจะไม่ได้ล่ะ...ในเมื่อเขาเป็นผู้ดูแลที่นี่นี่นะ

ฉันเก็บมันแล้ววิ่งตามไปเรียกเขา แต่ไม่ทันเสียแล้ว ฉันลองชะโงกหน้าออกไปดูที่ราวบันได ก็ทันเห็นว่าเขาวิ่งลงบันไดไปด้วยท่าทางเร่งรีบแปลกๆ แล้วตอนนั้นเองที่เสียงที่น่ากลัวนั่นดังขึ้นมาพร้อมกับเสียงกรีดร้องดังระงมไปหมด และก็มีเพื่อนข้างห้องต่างพากันวิ่งกรูกันตามลงไปข้างล่าง เหมือนกับว่าพวกเขาได้ยินเสียงของสี่สาวแบล็คพิงค์มาเปิดคอนเสิร์ตอย่างนั้นแหละ แต่ฉันกลัวเกินกว่าที่จะทำอย่างนั้นจึงรีบกลับมาที่ห้องปิดประตูแล้วล็อกมัน กว่าที่จะตั้งสติแล้วมาเริ่มเขียนบันทึกนี้ได้ก็ใช้เวลาตั้งนาน ฉันหวังว่าคุณราเมศจะกลับมาเคาะประตูเรียกก่อนจะค่ำนะ

บันทึกวันเสาร์ที่ 13 พฤษภาคม 2022 เวลา 19.13 น. เมื่อคืนวานนี้ฉันอดรนทนกระวนกระวายอยู่กับความสงสัยใคร่รู้ไม่ได้อีกต่อไปแล้ว และอีกอย่างฉันก็หิวจนแสบท้องไปหมดแล้วด้วย ฉันมันโง่เองที่ไม่ยอมออกไปซื้อของกินมาตุนไว้เหมือนอย่างที่เคยทำ ทั้งๆ ที่เลยวันช็อปประจำสัปดาห์มาตั้งสองวันแล้ว ถึงแม้ว่าฉันจะกลัวมากแค่ไหนก็เถอะ แต่ฉันก็ตัดสินใจออกจากห้องลงไปหาคุณราเมศตอนสองทุ่มสิบห้านาทีจนได้ แล้วฉันก็พบว่าข้างนอกนั้นมันมืดมาก ไม่รู้ว่าไฟฟ้าดับไปตอนไหน แต่มันจะเป็นไปได้อย่างไรล่ะ ก็ไฟในห้องของฉันก็ยังสว่างโร่อยู่เลย ฉันต้องกลับเข้ามาเอาไฟฉายที่ยืมมาจากคุณราเมศตั้งแต่ตอนที่เกิดไฟฟ้าดับทั่วเมืองเมื่อเดือนที่แล้วเพื่อที่จะส่องทางลงบันไดไปหาเขาที่ห้องพัก ยอมเสียเวลานิดหน่อยดีกว่าเดินไปตกบันไดให้เจ็บตัวนะฉันว่า ถึงแม้ว่าจะลงไปเพียงแค่ชั้นล่างเพียงชั้นเดียวก็ตาม แต่ทางลงมันก็มืดมากเลยล่ะ

สภาพของระเบียงทางเดินเละเทะมากจนฉันคิดไม่ออกว่าอะไรที่จะเป็นสาเหตุให้มันเป็นไปได้อย่างนี้ ห้องของคุณราเมศเป็นเพียงห้องเดียวที่ยังคงมีแสงไฟเปิดอยู่เช่นเดียวกับประตูห้องที่เปิดอ้าอยู่ คุณราเมศไม่ได้อยู่ในห้องที่พังยับของเขา คนอื่นๆ ก็เหมือนกัน พวกเขาหายไปไหนกันหมดก็ไม่รู้ และฉันรู้สึกโชคดีมากจริงๆ ที่ไอ้หมาบ้าตัวนั้นมันไม่ได้อยู่ในห้องตอนที่ฉันเข้าไป และโชคดีกำลังสองที่ฉันเจอกล่องบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปและน้ำดื่มอีกหลายขวด ฉันจำเป็นต้องถือวิสาสะหยิบเอาติดมือมาโดยพละการ แต่ก็ตั้งใจว่าจะบอกกับเขาและซื้อมาคืนทีหลังเมื่อเราเจอกัน หวังว่าเขาคงไม่ขัดข้องอะไรหรอกนะ

ตอนที่ฉันเดินกลับขึ้นมาถึงหน้าห้อง ฉันคิดว่าหูของฉันคงไม่ได้ฝาดไปอย่างแน่นอน เสียงอึกทึกโครมครามนั่นดังสะท้อนขึ้นมาจากชั้นล่างอีกแล้ว และคราวนี้เหมือนกับว่ามันกำลังเคลื่อนที่ขึ้นบันไดมาเรื่อยๆ ฉันรู้สึกโชคดีเป็นที่สุดที่ไม่ได้เป็นพวกอยากรู้อยากเห็นจนยอมเดินกลับลงไปดู แต่รีบกลับเข้ามาในห้องและล็อคประตูอย่างเร็ว แค่นี้มันก็ทำให้ฉันกลัวลนลานหัวใจแทบจะหยุดเต้นอยู่แล้ว แต่มันยังมีเสียงขู่ที่เหมือนเสียงหมามาดังอยู่ที่หน้าประตูห้องด้วย ไม่รู้ว่าเสียงขู่นั่นมันจะเป็นของไอ้หมาบ้าตัวนั้นรึเปล่า แต่ไม่ว่าจะใช่หรือไม่ ฉันก็ไม่สบายใจอยู่ดี ทำไมโลกนี้จะต้องมีสิ่งมีชีวิตที่เรียกว่าหมาด้วยนะ เสียงขู่นั่นมันทำให้ฉันกลัวจนทำอะไรไม่ถูก

ฉันคิดว่าคงจะดีกว่าถ้าจะมีประตูอีกบานกั้นอะไรก็ไม่รู้ที่ขึ้นมาทำเสียงน่ากลัวอยู่ข้างนอกนั่น และฉันก็มีแต่ประตูห้องน้ำเท่านั้นที่พอจะพึ่งพามันได้ ตั้งแต่เมื่อคืนจนมาถึงตอนนี้ ฉันก็ไม่ได้ออกจากห้อ.......

บันทึกจบลงที่ตรงนี้ ดูเหมือนว่าเธอจะถูกขัดจังหวะจากอะไรบางอย่างแบบกะทันหัน จึงทำให้เขียนประโยคที่ตั้งใจไว้ไม่จบ แต่มันก็เพียงพอที่จะทำให้ผมรู้สึกสับสนงุนงงและขนลุกไปพร้อมๆ กัน เกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่ ที่มันถึงกับทำให้เธอหวาดกลัวจนยอมเข้ามาขังตัวเองอยู่ในห้องน้ำอย่างนี้ ...แล้วไอ้คุณราเมศนี่มันเป็นใครกันเหรอ บางทีผมอาจจะต้องลงไปหาคำตอบที่ห้องของเขางั้นเหรอ! ไม่เอานะ! เธอเขียนไว้ว่ามีอะไรก็ไม่รู้ที่ทำเสียงโครมครามอยู่ข้างล่างนั่นนี่นา แถมเมื่อตะกี้นี้ผมเองก็ยังได้ยินเสียงขู่แปลกๆ นั่นเหมือน กันกับที่เธอบอกไว้ด้วย มีความเป็นไปได้ว่ามันจะต้องเป็นอะไรที่เธอหมายถึงแน่ๆ

แต่ถ้าจะให้ผมจมจ่อมและยอมขังตัวเองอยู่ในห้องนี้เหมือนที่เจ้าของไดอารี่เคยทำก็คงเป็นไปไม่ได้อีกเช่นกัน ผมไม่อยากถูกอะไรก็ไม่รู้นั่นบุกเข้ามาขัดจังหวะด้วยเหมือนกับที่เธอเจอหรอกนะ เอาไงดีวะทีนี้... ผมเริ่มกระวนกระวายใจและผุดลุกขึ้นแล้วเริ่มเดินกลับไปกลับมาพยายามคิดหาทางออกจากสถานการณ์ที่บีบคั้นอย่างนี้ คิดไปคิดมา...คิดมาคิดไป คิดสิคิดสิคาปูชิโน๊ เดี๋ยวนะ!... หญิงลีมาไงฟะเนี่ย! แต่คุณคิดเหรอว่าผมจะคิดออกน่ะ มาจนถึงตอนนี้แล้ว...ขนาดชื่อตัวเองผมก็ยังคิดไม่ออกเลยว่าผมเคยชื่ออะไร แล้วผมจะไปมีปัญญาคิดอะไรอย่างอื่นออกได้ล่ะ! สมองของผมหมุนติ้วๆ เหมือนวงล้อชิงโชคติดมอเตอร์จนตาจะลายตายไปเลยเสียให้ได้

อาวุธ!...ใช่แล้ว! ผมจำเป็นต้องมีอาวุธมาติดกายเพื่อความอุ่นใจสินะ คิดได้ดังนั้นผมจึงปิดสมุดบันทึกแล้วเอาซุกเหน็บไว้กับขอบกางเกงด้านหลัง จากนั้นก็เริ่มค้นหาอะไรก็ได้ที่มีหน้าตาที่ดูเหมือนว่าน่าจะเป็นอาวุธได้บ้าง ผมคุ้ยเขี่ยตามใต้กองเศษเฟอร์นิเจอร์ที่แตกหักอยู่หลายนาที แต่ความหวังก็ดูเลือนรางและริบหรี่เสียเหลือเกิน ในห้องที่มีเจ้าของเป็นผู้หญิงอย่างนี้...จะมีผู้หญิงสักกี่คนกันที่จะมีอาวุธติดห้องไว้น่ะ ถ้าผมเป็นผู้หญิงคนนั้นแล้วมีอะไรบางอย่างบุกเข้ามาจะทำร้าย ผมจะใช้อะไรเป็นอาวุธเพื่อต่อสู้เอาตัวรอดได้บ้างนะ มาสคาร่าเหรอ! เอาไปปัดขนตาให้งอนชี้ฟ้าจนตามันบอดไปเลยไง หรือรองเท้าส้นสูงดีล่ะ! ใช่เลย!...เอาส้นรองเท้านั่นแหละตีมันเข้าไปให้หัวแบะตายไปซะ!...จะบ้าเรอะ!

แต่ว่าไม่เชื่อก็ต้องเชื่อ เมื่อผมเปิดดูลิ้นชักของโต๊ะหัวเตียงที่ถูกเหวี่ยงมานอนแอ้งแม้งอยู่ที่มุมข้างตู้เย็น ก็พบเข้ากับบอดี้การ์ดส่วนตัวของสุภาพสตรีเข้าให้ เบเร็ตต้ายี่สิบเอ็ดเอ จุดสองสองบ็อบแคทพร้อมกระสุนเต็มแม็กซ์เจ็ดนัด โอ...ขอบพระใจคุณผู้หญิงเป็นอย่างสู๊งงงงงงง! เธอเป็นนางฟ้าจากสวรรค์จริงๆ น้องติ่งคิตตี้คนสวยของผม... ถึงแม้มันจะดูเล็กเกินไปสำหรับมือใหญ่ๆ ของผู้ชายสายแดดดี้ที่เตี้ยและตันอย่างผมก็เถอะ แต่นี่มันคือความอุ่นใจแรกและอุ่นใจเดียวที่หาได้จากที่ที่น่ากลัวนี่เชียวนะ มีปืนให้ใช้มันก็ดีจนไม่รู้จะดียังไงแล้ว ในนาทีนั้นเองที่ผมตัดสินใจที่จะลงไปเผชิญหน้ากับความมืดและเจ้าของเสียงขู่ที่น่าขนลุกที่ข้างล่างนั่นด้วยความขี้ขลาดและหวาดกลัวจนขี้พร้อมจะขึ้นสมองอยู่ทุกวินาที... แต่ก่อนอื่น คงต้องขอลองค้นดูตามใต้สิ่งของที่ระเกะระกะพวกนี้ดูเสียหน่อยจะเป็นไรไป ถ้าเจออะไรอย่างอื่นที่น่าจะพอมีประโยชน์ได้บ้างมันก็คุ้มค่ากับเวลาที่ต้องเสียไปนี่นะ แต่...เอ่อ ถ้าไม่เจออะไรอีกเลยมันก็...เอาน่ะ มันต้องมีอะไรสักอย่างที่รอให้ผมค้นจนเจอบ้างสิ

หลังจากพยายามหาข้ออ้างมาประวิงเวลาตัวเองด้วยการทำเป็นค้นและคุ้ยหาสิ่งของอื่น ๆ ที่ไม่รู้ว่าจะมีประโยชน์กับผมหรือเปล่าและรอให้ผมค้นเจออยู่ตรงไหนก็ไม่รู้นั้นเอง 'ไหนว่าตัดสินใจได้แล้วไงฟะ...ทำไมถึงไม่ยอมจะออกจากห้องนี้เสียทีล่ะเนี่ย' เสียงของความกล้าหาญท้วงถามขึ้น 'ไปแน่ๆ แต่ขอเวลาหาไอเท็มเพิ่มหน่อยจะเป็นไรไปฟะ' ความขี้ขลาดตะแบงเถียง จนผมรู้สึกแสบสีข้างขึ้นมาหน่อยๆ 'ไอเท็มบ้าบออะไรของแก ยอมรับมาเถอะว่าแกมันป๊อดจนไม่กล้าจะออกไปข้างนอกนั่นน่ะ...ทำเป็นมาหานู่นหานี่ อะด่อ... ไอ้ป๊อดเอ๊ย!' เจอความกล้าปรามาสเข้าให้แบบนี้ผมก็ถึงกับหน้าชาไปเหมือนกันนะ 'ไม่ใช่ซะหน่อยเฟ้ย! เรากำลังค้นหาพวงกุญแจต่างหากล่ะ จำได้ไหม...ในบันทึกเขียนบอกว่าเธอเก็บพวงกุญแจของนายคุณราเม็งอะไรนั่นได้นี่นะ อาจจะเจอกุญแจที่จะพาเราออกไปจากตึกบ้านี่โดยไม่ต้องลงไปในความมืดข้างล่างนั่นเลยก็ได้นะ ว่ามั้ย...ไอ้โง่!' ความขี้ขลาดของคนเรามักจะเก่งในเรื่องหาเหตุผลดีๆ มาแถจนได้นั่นแหละ และมันก็มักจะทำสำเร็จอยู่เสมอเสียด้วยสิ แถมมันก็ฟังดูมีน้ำหนักมากพอที่จะทำให้ความกล้าหาญยอมสงบปากสงบคำลงได้อีกต่างหาก...อย่างน้อยก็ตอนนี้แหละน่า

ว่าแต่...เธอเอามันไปเก็บไว้ตรงไหนนะ ถ้าผมเป็นผู้หญิงคนนั้น...พอวิ่งเข้ามาในห้องได้แล้ว ผมก็น่าจะโยนมันไปที่...ผมหยิบผ้าปูที่นอนที่ถูกถลกออกจากฟูกแล้วไปกองอยู่ข้างเตียงขึ้นมาสะบัด แกร๊ก!... มีบางอย่างตกลงบนพื้นห้อง "นั่นไงเจอแล้ว!" ผมเผลอร้องออกมาอย่างลิงโลด พวงกุญแจพวงโตนั้นช่างมีลูกดกมากมายอะไรอย่างนั้น...น่าจะเกินตรึ่งร้อยดอกเลยนะเนี่ย ว่าแต่...ตึกนี้มีห้องพักมากมายขนาดนี้เลยเชียวเหรอ ก็ไหนว่ามีแค่สองชั้นไง ผมเก็บมันมาเหน็บห้อยไว้ที่หูร้อยเข็มขัดด้านหน้ากางเกงยีนอย่างงงๆ ก่อนจะกลับไปคุ้ยหาอะไรอย่างอื่นต่อไปอีกพักใหญ่ 'นี่คุณผู้ชาย...ยังจะหาเรื่องทำอ้อยอิ่งได้อีกเนอะ หากุญแจเจอแล้วก็ไปซะทีสิ' เมื่อถูกความกล้าหาญแซะขึ้นมาอีกครั้ง นั่นเองทำให้ผมหมดหนทางที่จะหาข้ออ้างมารั้งตัวเองให้อยู่นานๆ ในห้องนี้ต่อไปเสียแล้ว

นาฬิกาข้อมือบอกเวลาเจ็ดโมงสิบห้านาทีแล้ว เอาล่ะ...เราน่าจะพร้อมที่จะออกไปเผชิญกับอะไรก็ไม่รู้ข้างนอกนั่นแล้วล่ะ ก่อนที่จะถูกตัวเองแซะตัวเองเข้าอีก... ผมคิดอย่างฝืนใจคิด ทีนี้มาดูกันซิว่าว่าตอนนี้ผมมีอะไรอยู่ในมือบ้าง สมุดบันทึกหนึ่งเล่มที่ไม่รู้ว่าผมจะเก็บมันมาไว้กับตัวทำไม ไฟฉายกระบอกโตเกือบเท่าท่อไอเสียรถสิบล้อที่ไฟแรงส์เฟร่อร์หนึ่งกระบอก พวงกุญแจพวงมหึมาที่น่าจะใช้เปิดห้องได้ทุกห้องในโลกนี้เลยทีเดียวหนึ่งพวง แล้วก็ปืนพกสำหรับสุภาพสตรีอีกหนึ่งกระบอกพร้อมกระสุนเต็มพิกัด 'พร้อมแล้วนะ...ไอ้คนลืมชื่อตัวเอง! ถ้าแกอยากจะออกไปจากที่บ้าๆ นี่ล่ะก็นะ แกจะต้องลงไปข้างล่างนั่น เดี๋ยวนี้เลย...กล้าๆ หน่อยสิวะพวก' ผมปลุกใจตัวเองก่อนจะเดินลากขาไปหาประตู ระหว่างนั้นก็พยายามเงี่ยหูฟังเสียงความเงียบที่ดังมาจากอีกฝั่งไปด้วย พร้อมกับบังคับขาไม่ให้สั่นด้วยความยากเย็นแสนเข็ญอะไรอย่างนั้น "ต้องทำในสิ่งที่ไม่อยากอีกแล้วสิ" ผมคิดออกมาดังๆ พลางทอดถอนใจเฮือกใหญ่ กระชับบาเร็ตต้ากระบอกน้อยไว้ในมือขวา และในที่สุดผมก็บังคับมือซ้ายที่ถือไฟฉายอยู่ให้เอื้อมไปคีบลูกบิดประตูแล้วเปิดออกไปสู่ความมืดข้างนอกห้องได้สำเร็จเสียที

กกาวน์โหลดทันที

ชอบผลงานนี้ไหม? ดาวน์โหลดแอพ บันทึกการอ่านของคุณจะไม่สูญหาย
กกาวน์โหลดทันที

โบนัส

ผู้ใช้ใหม่ที่ดาวน์โหลดแอพสามารถปลดล็อค 10 ตอนได้ฟรี

รับ
NovelToon
เปิดประตูต่างภพ
เพื่อวิธีการเล่นเพิ่มโปรดดาวน์โหลดMangatoon APP!