เหยื่อล่อ

เมื่อเครื่องแฟ็กซ์ทำงานพิมพ์ของมันเสร็จ ผมก็เขียนรายงานเกือบจะเสร็จแล้วเช่นกัน อยู่ๆ เสียงจากวิทยุสื่อสารก็ดังขึ้นทำให้ผมสะดุ้งเล็กน้อย แต่ก็รีบคว้าขึ้นมาถือไว้ทันทีด้วยมือข้างที่ว่าง ในขณะที่อีกข้างก็ยังเขียนยิกๆ ต่อไป "ยินดีด้วยนะคุณชาตรี คุณทำงานได้ยอดเยี่ยม และผมก็รู้สึกประทับใจในผลงานของคุณมากเลย แต่ก็นั่นแหละ งานคืนนี้ยังไม่จบ" น้ำเสียงของเขาฟังแล้วคล้ายกับกำลังเยาะเย้ยถากถางอยู่หรือเปล่า...อันนี้ผมไม่แน่ใจ แต่ที่แน่ๆ เขาช่างติดต่อกลับมาได้จังหวะพอดี เพราะผมนึกอยากจะถามข้อข้องใจที่มีอยู่พอดีเลย

"คุณเป็นใครกันแน่...แล้วรู้จักชื่อผมได้ยังไง" ผมกดปุ่มพูดแล้วกรอกเสียงขัดจังหวะเขาโดยที่พยายามอย่างหนักหน่วงที่จะไม่ระเบิดอารมณ์ใส่เขาอีก "หือม์...ฟัวจากน้ำเสียวแล้ว ดูเหมือนว่าคุณจะจัดการกับความกลัวของคุณเองได้ดีแล้วนี่" เขาพูด ผมรู้สึกถึงคว่มประหลาดใจในน้ำเสียงของเขาได้ "ก็ไม่ขนาดนั้นหรอก" ผมออกตัวก่อนจะทวงคำตอบของคำถาทที่ยังไม่ได้รับจากเขา "นี่คุณยังไม่ได้ตอบคำถามผมเลยนะ" ชายคนนั้นนิ่งไปชั่วครู่ราวกับกำลังคิดหาคำพูดที่เหมาะสม "เอาเป็นว่า" เขาพูด "ผมก็เป็นเพียงแค่โอเปอเรเตอร์เท่านั้นแหละ เผื่อคุณจะจำได้นะคุณชาตรี...ผมคือคนที่คุยกับคุณตอนที่คุณโทรมาสมัครงานไงล่ะ" เขาเฉลยพาผมมาถึงบางอ้อทันที มิน่าล่ะ นึกแล้วเชียวว่าผมคุ้นๆ กับเสียงนี้มาก่อน

"แต่...ผมจำได้ว่าคุณไม่เคยถามชื่อผม และผมก็ไม่เคยบอกชื่อผมให้คุณหรือใครที่นี่ได้รู้เลยสักคน แล้ว...คุณรู้จักชื่อผมได้ไงวะ เอ้อ...ครับ" ผมถาม จงใจใช้เสียงกระด้างใส่เขานิดหน่อย ชายคนนั้นหัวเราะหึๆ "เรื่องนั้นเอาไว้ก่อนดีมั้ย ตอนนี้ก็สองทุ่มตรงแล้วนะ ผมคิดว่าคุณควรจะเริ่มอ่านรายละเอียดภารกิจต่อไปได้แล้วล่ะ อ้อ...พยายามตั้งสติให้ดีด้วยล่ะ โชคดีนะ...คุณชาตรี" ว่าแล้วเขาก็ตัดการติดต่อไป "วอมาพูดแค่เนี้ยะนะ...เพื่อ!?" ผมพูดกับวิทยุสื่อสารที่กลายเป็นใบ้ไปแล้วด้วยความรู้สึกอึดอัดขัดใจที่ไม่ได้รับคำตอบที่ต้องการ อีกอย่างผมก็รู้สึกว่าเขาพยายามที่จะหลบเลี่ยงที่จะตอบคำถามของผมยังไงก็ไม่รู้ ผมถอนใจและมองบนอย่างเซ็งๆ ก่อนจะมองนาฬิกาข้อมือ...แม่งเอ้ย เหลือเวลาเตรียมตัวไม่ถึงสิบนาที ผมวางวิทยุสื่อสารลงแล้วก้มหน้าก้มตารีบปั่นรายงานจนเสร็จภายในหนึ่งนาที จากนั้นก็คว้าเอาแผ่นกระดาษบรีฟงานมานั่งอ่านอย่างรวดเร็ว

ภารกิจที่สาม เวลา20.13น. ที่สุดขอวโถงทางเดิน ทางด้านซ้ายออฟฟิศของคุณ เราเชื่อว่าคุณเห็นประตูที่ถูกคล้องโซ่ล็อคกุญแจนั้นแล้วใช่ไหม ทางเรามีความยินดีที่จะบอกว่า คุณจำเป็นต้องผ่านประตูนั้นเพื่อเข้าสู่ภารกิจต่อไป ดังนั้นในภารกิจนี้ คุณจำเป็นจะต้องออกไปเอาลูกกุญแจมาไขเพื่อเปิดมันออก ซึ่งลูกกุญแจที่ว่านี้ถูกเก็บอยู่ในห้องหมายเลข6 ของพนักงานทำความสะอาด บนตึกนอนที่ส่วนด้านหลังของตึกใหญ่นี้ งานนี้คุณจำเป็นจะต้องเดินอ้อมจากด้านหน้าตึกไป ฟังดูเป็นงานที่แสนจะง่ายดายเหลือเกินใช่ไหม แต่คุณต้องอย่าลืมว่าคุณจะต้องผ่านลิฟต์และป้อมยามที่คุณเพิ่งจะถูกพวกนั้นไล่ฟัดมาเมื่อภารกิจก่อนๆ เสียล่ะ ในคราวนี้ถ้าหากว่าพวกมันเจอคุณเข้า...มันจะต้องไล่ฟัดคุณต่อ และคุณก็มีสิทธิ์กลายเป็นชิ้นๆ ได้ง่ายๆ อย่างไม่ต้องสงสัย

แต่ไม่ต้องห่วงไปหรอกนะ เราได้เตรียมเหยื่อล่อเอาไว้ให้คุณมข้เรียบร้อนแล้ว มันอยู่ในกล่องโฟมสามกล่องตรงมุมห้อง คุณเห็นมันแล้วใช่มั๊ย...เยี่ยมมาก นั่นแหละคือทางรอดของคุณ จงบรรจงเลือกหยิบมันมาใช้ซะ มันจะช่วยดึงความสนใจของพวกนั้นไปจากคุณได้ชั่วครู่ ซึ่งนั่นก็น่าจะเพียงพอที่จะซื้อเวลาให้คุณได้มีโอกาสเล็ดลอดไปยังที่หมายได้แล้ว...ถ้าคุณเร็วมากพอนะ เพราะฉะนั้นโปรดจำเอาไว้เลยว่า ความเร็วไม่ได้เป็นของปิศาจเท่านั้น แต่มันควรจะเป็นของคุณด้วย จะอย่างไรก็ดี เราขอแนะนำให้คุณเอาเหยื่อล่อใส่เป้ไปทั้งหมดห้าชิ้น เลือกให้ดีว่าเหยื่อชิ้นไหนควรใช้กับจุดใด ชิ้นแรกใช้ที่ประตูลิฟท์ตอนที่คุณออกไป ชิ้นที่สองที่ป้อมยามซึ่งในตอนนี้ไม่ว่าจะเป็นยามหนุ่มหรือยามแก่คุณก็จำเป็นต้องใช้มันแล้วล่ะ ชิ้นที่สามบริเวณหน้าห้องพนักงานทำความสะอาดในกรณีที่คุณเผลอทำให้ความผิดพลาดเกิดขึ้นล่ะนะ ชิ้นที่สี่สำหรับป้อมยามเมื่อคุณจะต้องกลับเข้ามาในตึก และชิ้นสุดท้ายที่หน้าลิฟต์อีกครั้ง เพื่อเปิดเส้นทางให้คุณมีวิ่งให้สุดกำลังกลับเข้ามาที่ห้องนี้อย่างปลอดภัย

สิ่งสำคัญอีกอย่างก็ คือเมื่อคุณไปถึงห้องพักพนักงานแล้ว คุณควรจะต้องใช้ความระมัดระวังอย่างยิ่งยวดสักหน่อยที่จะไม่ทำให้เกิดร่องรอยความสกปรกเป็นอันขาดเพราะพนักงานทำความสะอาดของเราค่อนข้างจะเข้มงวดและเอาจริงเอาจังกับงานของพวกเขามาก และดูจะมากเกินไปเสียด้วยสิ ถ้าหากพวกเขาจับได้ว่าคุณเป็นต้นเหตุของความสกปรกแล้วล่ะก็ ทางเราไม่รับประกันหรอกนะว่ามือและเท้าของคุณจะยังอยู่ครบเมื่อกลับมาถึงออฟฟิศหรือเปล่า อ้อ...คุณควรจะกลับมาอยู่ในออฟฟิศนี้แบบอวัยวะอยู่ครบทุกชิ้นก่อนเวลา 21.00น. และพักผ่อนหย่อนใจตามสบายจนกว่าเวลาของภารกิจต่อไปจะมาถึง...เราขอให้คุณโชคดี

ผมกลืนน้ำลายหนืดเหนียวลงคออย่างยากเย็น รู้สึกช่องท้องเบาโหวงร่างกายโคลงเคลงคล้ายจะเป็นลมเมื่ออ่านจบ "เชี่ย...แม่งมันจะโหดไปไหนวะเนี่ยะ!" ผมโอดครวญกับอากาศธาตุ อยากนึกจะแหกปากกรีดร้องให้กัองฟ้า ให้สาสมกับความบีบคั้นและกดดันที่ได้รับจากงานบ้าๆ นี่ แต่ผมก็กลัวเกินกว่าจะทำอะไรอย่างที่คิดได้ ไม่อยากคิดเลยว่าถ้าพวกปิศาจข้างนอกนั่นได้ยังเสียงกรีดร้องของผมแล้ว พวกมันอาจจะคลั่งจนบุกเข้ามาฉีกผมเป็นชิ้นๆ ในพริบตาเลยก็เป็นได้ ดังนั้นสิ่งที่ผมพอจะทำได้ในตอนนี้ก็คือ ภาวนาขอให้วิบากกรรมที่เจออยู่นี้เป็นแค่ความฝันเท่านั้นทีเถิด...เจ้าประคู๊ณณณณ และถ้านี่มันเป็นความฝัน ผมก็อยากจะตื่นจากฝันร้ายนี่เต็มแก่แล้ว

แต่ทว่า...ความเจ็บแปลบที่หัวไหล่ซ้ายมันก็เป็นสิ่งยืนยันว่านี่ไม่ใช่ความฝันอย่างแน่นอน ผมหันไปมองกล่องโฟมขนาดใหญ่สามใบที่วางซ้อนกันอยู่อย่างท้อแท้ เมื่อนึกถึงว่าจะต้องออกไปวิ่งซี่โครงบานเพื่อหนีตายอีกแล้ว ผมก็อยากจะร้องไห้ให้แต๋วแตกไปซะรู้แล้วรู้แรด ทว่าความรักตัวกลัวตายมันก็ยังมีกำลังเหนือกว่า ไม่ว่าจะยังไง...ผมต้องทำมันต่อไปและต้องมีชีวิตรอดกลับออกไปให้ได้ สู้ต่อไปนะ...ชาตรี! ตอนนี้ผมมีเวลาเหลืออยู่อีกไม่ถึงสิบนาทีสำหรับการเตรียมตัวให้พร้อม ผมจึงฝืนใจลุกเดินไปหยิบเป้สีดำใบใหญ่มารูดซิปเปิดแล้วคล้องไหล่ไว้ไว้ ก่อนจะเปิดฝากล่องโฟมใบบนสุดออก ทันใดนั้น กลิ่นคาวคละคลุ้งรุนแรงชวนให้สำรอกของเก่าก็พวยพุ่งขึ้นมาปะทะใบหน้าอย่างจังแบบไม่ให้ได้ทันตั้งตัวกันเลยทีเดียว ความรู้สึกพะอืดพะอมถาโถมเข้าโจมตีผมในทันทีที่เห็นสิ่งที่อยู่ในกล่องซึ่งพวกนั้นเรียกว่า 'เหยื่อ!'

มันคืออวัยวะภายในที่ผมไม่แน่ใจว่าจะเป็นของสัตว์ใหญ่ชนิดไหนกันแน่ พร้อมกันนั้นก็พยายามปัดความคิดที่ว่าชิ้นส่วนพวกนี้เป็นของมนุษย์ทิ้งไปจากความนึกคิด แต่มันก็ยากเย็นเหลือแสนที่จะคิดให้เป็นอย่างอื่นได้ในสภาวะการณ์ที่ผมกำลังเผชิญอยู่นี้ ชิ้นส่วนอวัยวะภายในต่างๆ อัดแน่นอยู่ในกล่องโฟมนั้น ทั้งปอด ตับ ตับอ่อน ม้าม หัวใจ ไต ลำไส้ทั้งยวงที่แน่นอนว่าต้องรวมไส้ติ่งติดมาด้วย ผมผงะถอยหลังปล่อยเป้หลุดลงไปกองกับพื้นแล้วหันไปโก่งคอปล่อยทุกสิ่งทุกอย่างที่กินเข้าไปเมื่อตอนเย็นออกมากองบนพื้นอย่างกลั้นไม่อยู่ ยืนขาสั่นระริกอยู่ในท่านั้นเพื่อเรียกสติกลับคืนมา ห่ากินตายเถอะ! นี่พวกนั้นเอาเครื่องในอะไรมาเป็นเหยื่อล่อวะเนี่ย ทำไมถึงได้โหดสลัดขนาดนี้...ผมคิดพลางเอาหลังมือปาดน้ำลายที่ย้อยเป็นสายจากปากตัวเอง แล้วก็ฉุกคิดขึ้นได้ว่าไม่มีเวลาจะมาอิดเอื้อนใดๆ ถ้าไม่อยากจะลงเอยในกล่องโฟมแบบเป็นชิ้นๆเหมือนชิ้นส่วนพวกนี้ล่ะก็ ผมต้องกัดฟัดทำให้ได้เดี๋ยวนี้ ยังไงๆ มันก็เป็นแค่ชิ้นส่วนสัตว์ล่ะน่า เท่าที่เห็นนี่ก็น่าจะเป็นเครื่องในวัวหรือควาย หรือที่ร้ายสุดอาจจะเป็นเครื่องในช้างก็เลยก็ได้...ผมคิดปลอบใจตัวเอง แต่อีกความคิดมันก็คอยแต่จะผุดขึ้นมาแย้งอย่างจริงจังว่านี่ไม่ใช่อวัยวะสัตว์แน่ๆ

ผมแข็งใจหันไปกลัยยกกล่องบนลงมาวางกับพื้น ก่อนจะหันกลับไปยกฝากล่องที่สองขึ้นพลางพึมพำพูดปลุกปลอบตัวเองไปด้วย "เอาน่าชาตรี...อย่าคิดมากดิว้าาาา มันเป็นเครื่องในสัตว์ ไม่ใช่เครื่องในมนุษย์ซะหนอะ..." คำพูดของผมกระเด็นกลับลงไปในลำคอ พร้อมกับขนหัวที่ลุกตั้งเด่เมื่อเห็นสิ่งที่อยู่ภายใน ท่อนแขน ท่อนขา มือและเท้าสีขี้เถ้าซีดเซียวไร้สีสันของมนุษย์ชัดๆ อัดกันแน่นอยู่ในนั้น ถึงแม้ว่าสีมันจะซีดแต่มันก็ยังดูสดใหม่ทุกชิ้นเหมือนเพิ่ง...เอ่อ...ถูกชำแหละมาใหม่ๆหมาดๆงั้นแหละ "เหวออออออ!" ผมร้องลั่นด้วยความตกใจสุดขีด พร้อมกับถอยกรูดออกห่าง ก่อนจะสะดุดเท้าตัวเองล้มก้นจ้ำเบ้าลงบนกองผัดกระเพราไข่ดาวที่ผมสำรอกทิ้งเอาไว้เมื่อครู่ซะเต็มตูด

เวลาที่เหลือเพียงน้อยนิดถูกเจียดไปใช้ในการดึงสติตัวเองให้กลับคืนมาอีกครั้งตั้งเกือบห้านาที กว่าที่ผมจะข่มความตื่นผวาและกดมันลงได้ "ใจเย็นๆ ชาตรี แกต้องไปทำต่อให้จบ ไม่อย่างนั้นแกอาจจะได้ลงไปอยู่ในกล่องนั่นซะอีกคนก็ได้นะ" ผมพยายามบอกตัวเองอย่างนั้น แล้วความรู้สึกเปียกแฉะที่ซึมผ่านกางเกงมาถึงก้น ก็มีส่วนช่วยเบนความสนใจไปให้กับความรู้สึกหยะแหยงอ้วกตัวเองได้นิดหน่อย เหลือบมองนาฬิกาข้อมือแล้วก็ต้องใจหายวาบอีกครั้ง เหลือเวลาอีกแค่สามนาทีเท่านั้น "ไม่มีเวลาแล้ว!" ผมดีดตัวลุกขึ้น แกล้งทำเป็นเมินความเปียกแฉะที่น่ารังเกียจที่ก้น ก่อนจะตรงไปหากล่อวสยแงขวัญนั่นอีกครั้ง

ผมเอื้อมมือที่สั่นเทาไปหากล่องนั่น พร้อมกับหลับตาป๊๋และกลั้นใจยกมันลงมาวางข้างกล่องแรก แล้วจัดการเปิดกล่องสุดท้ายทันที "โอยยยย!" ผมร้องโอดครวญให้กับสิ่งที่อยู่ในนั้น มันคือส่วนลำตัวมนุษย์ที่มองปุ๊ยก็รู้ปั๊บว่าเป็นของผู้ชายที่ถูกแหวกท้องควักเครื่องในออกจนเหลือแต่โพลงกลวง และก็เอ่อ...ปิ๊กกาจูทั้งพวงของเขาถูกแยกส่วนออกมาวางคอพับหลับนกไม่ยอมตื่นและกกไข่ทั้งสองฟองนั่นก็นับเป็นการยืนยันเพศสภาพเจ้าของร่างได้อย่างหนักแน่น อยู่บนก้อนไขมันสีขาวมีรอยหยักคดเคี้ยวทั่วทั้งก้อนกับลูกนัยน์ตาที่ไร้แววขนาดเท่าลูกปิงปองหนึ่งคู่จ้องมองมาที่ผมตลอดเวลาวางอยู่บนแผงอกขาวซีด แต่ไม่รู้ทำไม?!... หัวนมถึงได้ด๊ำดำอย่างนั้นก็ไม่รู้! แต่ชิ้นส่วนต่างๆ ทั้งหมดทั้งมวลนี้กลับไม่มีส่วนหัวรวมอยู่ด้วย ก็เลยไม่ได้รู้กันว่านี่เป็นศพใคร แต่ก็นะ...ผมจะอยากรู้ไปทำไมวะ! แค่นี้ก็เขย่าขวัญจนแทบจะขี้แตกตายอยู่รอมร่ออยู่แล้ว

"ไม่มีเวลาจะให้พิรี้พิไรอีกต่อไปแล้ว ถ้าแกยังอยากมีมีชีวิตต่อไปก็ต้องลงมือเดี๋ยวนี้เลย...ชาตรี" ผมปลุกปั่นเร่งเร้าตัวเองอีกครั้ง แล้วตัดสินใจก้าวข้ามความกลัวของตัวเอง เริ่มด้วยการหลับตาปี๋กลั้นใจอีกครั้ง เอื้อมมือที่สั่นเหมือนคนเป็นโรคพาร์กินสันไปสัมผ้สกับก้อนสีน้ำตาลม่วงนิ่มๆ ลื่นๆ ขนาดใหญ่ที่ให้ความรู้สึกพิลึกพิลั่นบรรยายไม่ถูก ก่อนจะยกมันขึ้นมาใส่ลงไปในเป้ จากนั้นก็เป็นลูกนัยน์ตาลื่นๆ คู่นั้น ตามด้วยอวัยวะรูปร่างคล้ายเมล็ดถั่วขนาดใหญ่เท่ากำปั้นหนึ่งก้อน มือที่มีนิ้วหงิกงอกับเท้าเป็นเล็บขบที่ทั้งแข็งกระด้างและเย็นชืดอย่างละข้างซึ่งมันทำให้ผมขนลุกในทุกๆ ตรงอยู่ตลอดเวลา ไม่ เว้นแม้กระทั่งตรงง่ามก้นที่เปียกแฉะ ถ้าคุณเคยสัมผัสกับเครื่องในของมนุษย์มาก่อนเหมือนผมในตอนนี้ล่ะก็ คุณคงเข้าใจว่ามันบรรยายความรู้สึกไม่ถูกเลยจริงๆ ผมขอสาบานต่อหน้าฟ้าดินและตู้ยาสามัญประจำห้องนี้เลยว่า ถ้าหลุดไปจากที่ได้ล่ะก็...ผมจะเลิกกินตับหวานกับต้มเครื่องในไปตลอดชีวิตเลย! นับถือใจของบรรดาคุณหมอศัลย์เลย...พับผ่า!

กกาวน์โหลดทันที

ชอบผลงานนี้ไหม? ดาวน์โหลดแอพ บันทึกการอ่านของคุณจะไม่สูญหาย
กกาวน์โหลดทันที

โบนัส

ผู้ใช้ใหม่ที่ดาวน์โหลดแอพสามารถปลดล็อค 10 ตอนได้ฟรี

รับ
NovelToon
เปิดประตูต่างภพ
เพื่อวิธีการเล่นเพิ่มโปรดดาวน์โหลดMangatoon APP!