หลังจากที่จื่อวีดูไลฟ์การแสดงบนเวทีในงานรับรางวัล the 8th Edaily Culture Awards ของเหล่าเมมเบอร์ที่เหลือจนจบ เธอก็ผล็อยหลับไปเพราะฤทธิ์ของยาแก้ไข้สองเม็ดที่เมเนเจอร์ออนนี่ให้กินก่อนที่จะถูกเธอเกลี้ยกล่อมให้กลับบ้าน
แต่ไม่รู้ว่าผ่านไปนานเท่าไหร่ จู่ๆ ก็รู้สึกเย็นวูบวาบตามร่างกาย เหมือนกับว่ามีคนกำลังเช็ดตัวให้อยู่
ทันทีที่จื่อวียกเปลือกตาที่หนักอึ้งขึ้นมา แล้วเห็นว่าคนตรงหน้าคือซานะ...เธอก็รู้ได้ทันทีเลยว่านี่คือความฝัน เพราะซานะออนนี่คงไม่มาหาเธอตอนนี้จริงๆ หรอก
นี่ก็ไม่ใช่ครั้งแรกที่อยู่ในความฝัน แต่รู้สึกเหมือนเหตุการณ์นั้นเกิดขึ้นจริงๆ
จื่อวีเคยฝันว่าซานะออนนี่มานอนกอดเธออยู่หลายครั้ง และความรู้สึกอบอุ่นนั้นก็เหมือนจริงมาก เหมือนมากจนไม่อยากจะตื่นเลย
พอมองใบหน้าที่เต็มไปด้วยความกังวลของซานะที่อยู่ตรงหน้า ก็อดคิดไม่ได้เลยว่า แม้แต่ในความฝัน สีหน้าของเธอก็ยังดูสมจริง ปากของเธอที่เผยอออกมาเล็กน้อยก็น่าสัมผัสมากเลยจริงๆ
ถึงก่อนหน้านี้ซานะจะเคยหอมแก้มฉันอยู่หลายครั้ง แต่ก็ไม่เคยได้จูบกันเลย
สถานะของพวกเธอในตอนนี้ มีแค่พวกเธอสองคนที่รู้
และเท่าที่จื่อวีรู้ ซานะเคยแกล้งเมมเบอร์สองคนอย่างจีฮโยกับจองยอนจนริมฝีปากโดนกันไปแล้ว ไม่รู้ว่านอกจากสองคนนี้ ยังมีเมมเบอร์คนไหนที่ได้รับจูบอันมีค่าของซานะอีกรึเปล่า
เพราะคิดว่ายังไงนี่ก็คงเป็นแค่ความฝัน...จื่อวีเลยอยากทำตามใจตัวเองสักครั้ง...
พอคิดได้แบบนี้ ร่างสูงที่ตัสร้อนเพราะพิษไข้ก็รวบแรงทั้งหมดที่มีเพื่อชันตัวลุกขึ้นมา จากนั้นก็ค่อยๆ เคลื่อนตัวเข้าไปหาซานะและยกมือทั้งสองข้างขึ้นมารวบท้ายทอยของเธอ
ทันทีที่ริมฝีปากสัมผัสถึงความนุ่มนิ่ม จื่อวีก็ค่อยๆ หลับตาลงและดันร่างเล็กตรงหน้าให้นอนราบไปกับเตียง
พอเห็นว่าซานะนอนอยู่บนเตียงแล้ว เธอก็เคลื่อนมือข้างหนึ่งขึ้นมาจับคางเล็กให้แน่นพอประมาณและสอดลิ้นเข้าไปช้าไ
จูบของทั้งคู่ยังดำเนินต่อไปอย่างไม่มีทีท่าว่าจะสิ้นสุดลงไปง่ายๆ
หลังจากเวลาผ่านไปได้สักระยะหนึ่ง จื่อวึก็ลืมตาขึ้นมาและผละริมฝีปากออกมาด้วยความสับสน เธอไม่เข้าใจเลยว่านี่คือความฝันหรือความจริงกันแน่ เพราะสัมผัสที่นุ่มนิ่มจากริมฝีปากของคนตรงหน้ามันสมจริงมาก
พอก้มมองร่างเล็กที่ฉันคร่อมอยู่ ถึงได้เห็นว่าใบหน้าของเธอเปลี่ยนเป็นสีแดงอมชมพูอย่างเห็นได้ชัด
ร่างเล็กบอบบางของหญิงสาวที่ชอบมาตลอดกับผมยาวที่ถูกย้อมเป็นสีเทาสยายอยู่บนเตียง...จื่อวีไม่นึกเลยว่าเธอจะได้เห็นภาพแบบนี้
ถ้านี่เป็นแค่ความฝัน ก็คงเป็นฝันที่ดีที่สุดของเธอเลย
ในตอนที่จื่อวีแอบยิ้มกรุ้มกริ่มอย่างดีใจก็ถูกซานะยกมือขึ้นมาคล้องคอละดึงเข้าไปจูบอีกครั้ง
จูบในครั้งนี้ ถึงจื่วีจะอยู่ข้างบน แต่เธอกลับรู้สึกว่าถูกรุกอยู่ฝ่ายเดียวและคิดว่ามันสมจริงมาก
มันเหมือนจริงมากจนเด็กสาวชาวไต้หวันรู้สึกร้อนรุ่มไปทั้งตัว
อย่างกับว่า...กำลังมีอารมณ์...
ร่างเล็กที่อยู่เบื้องล่างกระหน่ำมอบจูบให้เธออย่างไม่หยุดหย่อน ทำให้จื่อวีอยากทำมากกว่าแค่จูบ
แต่เธอก็ตระหนักได้ว่าถ้านี่ไม่ใช่ความฝัน ความสัมพันธ์ของทั้งคู่จะเปลี่ยนไปอีกขั้น...
พอคิดได้แบบนี้ จื่อวีก็ใช้มือเกลี่ยผมยาวที่อยู่บนใบหน้าของซานะ ทำให้อีกฝ่ายลืมตาขึ้นมามองหน้า
มองตากันได้ไม่ถึงหนึ่งวินาที จื่อวีก็เป็นฝ่ายหลับตาก่อน
อันตราย...แววตาของผู้หญิงคนนี้เหมือนกับว่าพร้อมจะกลืนกินเธอไปทั้งตัวเลย
ถ้ามองตาของเธอต่อไป จื่อวึอาจคุมตัวเองไม่อยู่แล้วก็ได้
ไม่นานหลังจากนั้น มือเล็กทั้งสองที่โอบคอร่างสูงอยู่ก็เคลื่อนมาสัมผัสที่ใบหน้าของสวย
พอริมฝีปากเราผละออกจากกัน เจ้าของร่างเล็กก็เอ่ยถามด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความกังวล
"เป็นอะไรไป จื่อ"
"เราหยุดแค่นี้ดีมั้ยคะ"
"ทำไมล่ะ"
"ถ้าไม่หยุดตอนนี้...มันจะหยุดไม่ได้แล้วนะคะ"
"ฉันก็ไม่ได้บอกให้เธอหยุดนี่"
และนี่ก็คือประโยคสุดท้ายของซานะที่จื่อวีได้ยิน เพราะจื่อวีก็ภาพตัดไปทันที...
จื่อวีหลับไปโดยที่ยังไม่แน่ใจว่าทั้งหมดนี่คือเรื่องจริง ไม่ใช่แค่ความฝัน
ซานะกลับมาจากงานก็รีบเข้ามาหาจื่อวีที่ห้องและช่วยเช็ดตัวให้จนกระทั่งเกิดเรื่องไม่คาดคิดเมื่อไม่กี่นาทีก่อน
ในวินาทีที่จื่อวีหลับไปกลางคัน ซานะที่กำลังเคลิบเคลิ้มหันหน้าไปมองก็พบว่ามีเหงื่อผุดจากหน้าผากของเธอหลายเม็ด พอเอามือไปแตะที่ลำคอถึงได้รู้ว่าไข้ของเธอกลับมาสูงขึ้นกว่าเดิมอีก
เธอลืมไปสนิทเลยว่าจื่อวีมีไข้ ไม่นึกเลยว่าแค่จูบกันจะทำให้ไข้ขึ้นแบบนี้
พอจื่อวีเป็นแบบนี้ก็ทำให้ซานะนึกถึงซีรีส์เรื่องดังที่พระเอกเป็นมนุษย์ต่างดาวจูบกับนางเอกที่เป็นมนุษย์ชาวโลกแล้วไม่สบายจนไข้ขึ้น
ถึงจะขำแต่ก็เอ็นดู ความรู้สึกหลายอย่างปะปนกันไปหมด
ที่จริงซานะก็แอบเซ็งที่ต้องมาอารมณ์ค้างแบบนี้ แต่เธอจะให้ทำไงได้...
สาวชาวญี่ปุ่นลูบหัวคนอายุน้อยกว่าเบาๆ จากนั้นก็ออกแรงผลักร่างสูงออกอย่างเบามือและจัดท่าให้เธอนอนในท่าที่สบาย
ในตอนแรกก็เอ็นดูจริงๆ แต่พอเธอเห็นจื่อวีหลับแบบนี้แล้วเกิดรู้สึกอยากแกล้งขึ้นมา
ดังนั้นเธอจึงเอาคืนที่จื่อวีทำให้อารมณ์ค้าง...
ซานะเกลี่ยผมที่อยู่ตรงลำคอข้างซ้ายของจื่อวีให้ไปอยู่ด้านหลัง จากนั้นก็โน้มตัวลงไปและดูดที่ลำคอของเธอเพื่อทิ้งรอยจางๆ เอาไว้สองสามจุด
"งือ บัตเตอร์ อย่าสิ..."
เหมือนว่าจื่อวีคิดว่าบัตเตอร์กำลังกวนเธอตอนนอน
เพราะตระหนักได้ จื่อวีพึมพำเธอบอกว่านี่เป็นแค่ฝัน จะทำอะไรก็ได้
จื่อวีตื่นขึ้นมาแล้วคงคิดว่าเรื่องนี้เป็นแค่ฝัน...
แต่ซานะไม่เป็นกังวล เพราะถ้าจื่อวีลืมหรือคิดว่าเป็นแค่ความฝัน เธอก็จะรื้อฟื้นความจำให้เอง!!
ซึ่งตอนนี้เป็นเวลาเที่ยงคืนกว่าแล้ว แต่จื่อวีก็ยังนอนก่ายซานะเหมือนเห็นฉันเป็นหมอนข้าง...นอนนิ่งๆ ให้กอดสักสามสี่ชั่วโมงแล้วค่อยกลับก็ได้มั้ง
พอคิดได้แบบนี้ ซานะก็ยกมือขึ้นมาสัมผัสหน้าผากของจื่อวีเพื่อวัดไข้อีกครั้ง พอเห็นว่าไข้ลดแล้วเธิถึงได้หยิบมือถือมาตั้งนาฬิกาปลุกไว้ตอนตีสี่ครึ่งและงีบหลับไปทั้งอย่างนั้น
เหมือนว่าซานะเหนื่อยมาก ก็เลยหลับสนิทเลย แต่โชคดีที่มีสติพอจะได้ยินเสียงนาฬิกาปลุกที่ตัวเองตั้งเอาไว้
ในตอนที่ซานะกลับสนิทไปแล้ว จื่อวีกลับลืมตาตื่นขึ้นและรู้สึกได้ว่ามีใครบางคนนอนอยู่ในอ้อมแขน
เธอเพ่งมองดูก็พบว่าคนคนนั้นก็คือซานะ...
จื่อวีสับสน เธอไม่เข้าใจว่ายังไม่ตื่นจากฝันเหรอ หรือว่านี่คือเรื่องจริง
เธอมองร่างเล็กในอ้อมกอดสักพัก ถึงได้ใช้มืออีกข้างที่ว่างอยู่คว้ามือถือมาเพื่อดูเวลา แต่ด้วยความรู้สึกเพลีย ก็เลยหลับพร้อมกับมือถือที่อยู่ในมือ...
ผ่านไปสองชั่วโมงเศษ ซานะตื่นขึ้นมาก็พบว่าตนนอนตะแคงอยู่บนแขนของจื่อวีที่นอนกอดเธออีกที ไม่รู้ตัวเลยจริงๆ ว่าพวกเธอนอนกอดกันแบบนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่
ตั้งแต่ที่จื่อวีเอามินจุงกลับไปไว้ที่บ้านในไต้หวัน ในห้องนอนของจื่อวีก็มีคู่อริใหม่ของเธอเข้าแทนที่ นั่นก็คือหมอนข้าง...
แต่ในตอนนี้ ซานะต้องจำใจยอมให้หมอนข้างมาทำหน้าที่นอนนิ่งๆ ให้จื่อวีกอดแทนเธอต่อ เพราะถ้าเธอไม่กลับไปตอนนี้ ก็อาจจะเข้าห้องของเธอได้ลำบาก
ซานะคิดพลางยกแขนขาของจื่อวีที่ก่ายตัวออกเบาๆ จากนั้นก็ชันตัวขึ้นมาจุมพิตหน้าผากของเธอหนึ่งที หลังจากที่เอาหมอนข้างมาวางแทนที่ เธอก็ห่มผ้าให้จื่อวีอย่างดีและย่องออกจากห้องของจื่อวีไปโดยไม่ลืมที่จะล็อกประตูไว้อีกชั้น
ในตอนที่จะหันตัวออกจากห้องของเหล่ามักเน่ จู่ๆ ฉันก็รู้สึกอยากทำเซอร์ไพรส์จื่อวีก็เลยเข้าครัวไปทำข้าวต้มทิ้งเอาไว้ให้หนึ่งหม้อ หลังจากนั้นก็ออกจากห้องของพวกเธอไป
พอกลับถึงห้อง ซานะก็ซุกตัวอยู่ในผ้าห่มและนอนคลุมโปง ทั้งที่ง่วงจนตาเบลอ สมองกลับคิดแต่เรื่องที่ได้จูบกับจื่อวีเมื่อคืนซ้ำไปซ้ำมาจนนอนต่อไม่ลง
ถ้าจื่อวีไม่ไข้ขึ้นจนสลบไปก่อน...เราจะทำเรื่องแบบนั้นกันไปแล้วหรือเปล่านะ...แค่คิดก็เขินจะแย่อยู่แล้ว
เธอก็ไม่รู้เหมือนกันว่าหลังจากวันนี้ไป จื่อวีจะกล้าทำแบบนี้กับเธออีกหรือเปล่า ตั้งแต่ที่แอบคบกันในวันนั้น กว่าจะได้จูบกัน เธอก็อดทนรอมาตั้งห้าปี...
สรุปแล้ว หลังจากที่กลับมาจากห้องจื่อวี ซานะก็นอนขดตัวอยู่ในผ้าห่มและคิดแต่เรื่องนี้จนข่มตาหลับไม่ได้
อีกด้าน จื่อวีที่นอนเต็มอิ่มตื่นขึ้นมาพร้อมความรู้สึกปวดไปหมดทั้งตัวและเวียนหัวเหมือนกับยังไม่ตื่นจากฝัน
พอหันไปมองข้างๆ ก็ไม่เจอกับซานะ เธอเลยมั่นใจได้ในทันทีว่าทุกอย่างเป็นเพียงแค่ความฝัน
ถ้าเป็นแค่ฝันจริงๆ เธอก็โล่งใจ เพราะเธอคิดว่าตัวเองยีงไม่พร้อมที่จะทำเรื่องแบบนั้นกับซานะ...อย่างน้อยก็อยากให้ตัวเองโตกว่านี้หน่อย
จื่อวีในตอนนี้ อย่าว่าแต่เรื่องแบบนั้นเลย แค่โดนหอมแก้มก็สะดุ้งโหยงแล้ว
ฝันเมื่อคืนดีมาก มากเสียจนอยากจดบันทึกเอาไว้ แต่ถ้ามีใครมาเห็นเข้าคงแย่แน่
ปกติแล้ว ถ้าเธอฝันถึงใคร เธอจะทักไปเล่าความฝันให้คนคนนั้นฟังตั้งแต่วินาทีที่ตื่นขึ้นมา
แต่ถ้าเธอเล่าฝันเมื่อคืนให้ซานะฟังก็กลัวว่าแฟนสาวจะมองเธอแปลกไป
หลังจากที่คิดอยู่นาน เธอก็เลือกที่จะเก็บเรื่องนี้เอาไว้คนเดียว
จื่อวีชันตัวลุกขึ้นมาอย่างยากลำบากและเตรียมตัวจะไปอาบน้ำ แต่เห็นว่าแชยองทักแชทมาในกลุ่ม ก็เลยปลดล็อกหน้าจอมือถือที่อยู่ในมือและตอบแชทของเธอในทันที
แชยองบอกกล่าวในแชทกลุ่มว่ามีคนทำข้าวต้มไว้ ให้มากินด้วย จากนั้นก็คุยสัพเพเหระกอันนิดหน่อย
เมื่อคืนจื่อวีนอนหลับฝันดี แถมตื่นเช้ามาก็มีข้าวต้มให้กินเป็นมื้อเช้าอีก
จื่อวีคิดพลางวางมือถือเอาไว้บนเตียง ชันตัวลุกขึ้นและเดินตรงไปที่ห้องน้ำเพื่อจะอาบน้ำ
แต่แล้วเธอต้องตกใจเพราะพอส่องกระจกก็เห็นรอยแดงจางๆ ที่คอข้างซ้าย
แน่นอนว่ามันคือรอยแดงที่ซานะแกล้งทำไว้เพื่อเอาคืน แต่จื่อวีที่ไม่รู้เรื่องก็เชื่ออย่างไม่เต็มใจว่าน่าจะถูกยุงกัด
หลังจากที่คิดได้แบบนี้ จื่อก็ถอดเสื้อผ้าและเข้าไปอาบน้ำในห้องน้ำ พออาบน้ำและเปลี่ยนมาใส่เสื้ออีกตัวแล้ว หยิบมือถือมาทักหาซานะ
เธอถามซานะไปตามตรงว่าได้มาเช็ดตัวให้ที่ห้องรึเปล่า ซานะก็ไม่ปฏิเสธและบอกเธอด้วยว่าทุกอย่างที่เกิดขึ้นเป็นความจริง
จื่อวีเห็นข้อความสุดท้ายของซานะ เธอก็รู้สึกหน้าร้อนและสติดับวูบไป
...----------------...
* เรื่องนี้แต่งขึ้นจากจินตนาการของผู้เขียน มีส่วนเชื่อมโยงกับเหตุการณ์จริงของศิลปินเพียงเล็กน้อย โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน
***ดาวน์โหลด NovelToon เพื่อเพลิดเพลินไปกับประสบการณ์การอ่านที่ดียิ่งขึ้น!***
อัพเดทถึงตอนที่ 9
Comments