ย้อนกลับไปเมื่อวันที่ 7 พฤศจิกายน ปี 2012
อีกสองวันข้างหน้าเป็นวันเกิดของฮิราอิ โมโมะ เพื่อนรักร่วมชะตากรรมของซานะ
พวกเธอสองคนตัวติดกันแทบจะตลอดเวลา หาโอกาสปลีกตัวออกไปรับของขวัญสำหรับโมโมะไม่ได้ ทำให้ซานะตัดสินใจว่าเช้าวันนั้นจะหลอกโมโมะว่าตื่นสาย เพื่อที่ได้มีเวลาไปหาซื้อของขวัญที่ร้านขายของในละแวกนั้น
หลังจากที่มั่นใจว่าโมโมะออกไปแล้ว ซานะก็ต่อรถเมล์หน้าหอพักต่างชาติและเดินทางไปย่านขายของแถวนั้น
ร้านที่ซานะตั้งใจจะไปเป็นร้านที่อยู่ในซอยลึก และเพราะซานะยังไม่ค่อยมั่นใจในทักษะการใช้ภาษาเกาหลี ถึงจะฟังรู้เรื่องแต่สุดท้ายก็ใช้ภาษาอังกฤษในการสื่อสารอยู่ดี กว่าจะเดินหาร้านเจอก็ใช้เวลาเกือบครึ่งชั่วโมง
แต่ซานะได้ทำการหาข้อมูลไว้ล่วงหน้าแล้ว พอไปถึงก็เปิดรูปให้เจ้าของร้านดู ทำให้ได้ของมาอย่างรวดเร็ว
ของขวัญที่ซานะเตรียมไว้ให้โมโมะก็คือสร้อยข้อมือลายแรคคูนที่เธอเห็นโมโมะบ่นว่าอยากได้มาสักพักแล้ว
เธอจ่ายเงินและเก็บของขวัญใส่กระเป๋าไว้อย่างดี แต่ทันทีที่ก้าวขาออกจากร้าน ฝนก็ดันตกในวันที่เธอไม่ได้พกร่ม ทำให้เธอตัดสินใจวิ่งไปยังสถานีรถไฟฟ้าที่อยู่ใกล้ๆ เพราะกลัวว่าขึ้นรถเมล์แล้วรถจะติดจนทำให้เสียเวลาฝึกซ้อม
ซานะกับโมโมะไม่ค่อยไปบริษัทด้วยรถไฟฟ้าสักเท่าไหร่ เพราะอยากประหยัดเงินไว้ใช้จ่ายค่าอาหารมากกว่า ถ้าไม่จำเป็นพวกเธอก็จะไม่ใช้บริการของรถไฟฟ้าหรือรถแท็กซี่เลย
ซึ่งวันเดียวกันนี้ก็เป็นวันที่โจวจื่อวีเดินทางไปบริษัทเจวายพีเพื่อทำการออดิชั่นรอบสุดท้ายพอดิบพอดี ทำให้ซานะขึ้นรถไฟฟ้ามาก็เจอจื่อวีที่กำลังนั่งเล่นมือถืออยู่
รถไฟฟ้ามีคนไม่มาก แต่ที่นั่งก็เต็มทุกที่ ทำให้ซานะจำเป็นต้องยืนทั้งที่เพิ่งวิ่งเต็มสปีดมาตลอดห้านาที
ทันทีที่ประตูรถไฟฟ้าปิด โมโมะก็โทรมาถามไถ่ว่าเมื่อไหร่จะไปถึง ซานะสูดหายใจเข้าปอดแล้วตอบกลับเพื่อนรักเป็นภาษาญี่ปุ่นว่าใกล้จะถึงแล้ว หลังจากที่สางสายและเงยหน้าขึ้นมา เธอถึงได้เห็นใบหน้าสวยของเด็กสาวชาวไต้หวันที่ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่กับหน้าจอมือถือ
คิ้วเข้ม จมูกโด่งเป็นสัน กรอบหน้าเรียวเล็ก เวลายิ้มก็มีลักยิ้มผุดที่แก้ม ถึงจะดูเป็นคนคูลๆ แต่ตอนยิ้มก็ดูอ่อนโยนและเป็นมิตรจนทำให้คนอื่นพาลใจสั่น แม้แต่ซานะที่เป็นผู้หญิงด้วยกันเห็นแล้วยังชอบจนละสายตาจากคนตรงหน้าไม่ได้ราวกับมีอย่างอย่างดึงดูด
ซานะไม่คิดว่าตนจะมีโอกาสได้เจอผู้หญิงที่ทั้งสวยและน่ารักแบบนี้อีกเป็นครั้งที่สอง ก็เลยถือวิสาสะยกมือถือขึ้นมาเล็กน้อยและกดถ่ายภาพสาวสวยตรงหน้า แต่มือถือของเธอไม่ได้ปิดเสียงชัตเตอร์ ทำให้เสียงแชะดังขึ้นท่ามกลางรถไฟฟ้าที่เงียบสงัด
ผู้โดยสารหลายคนเงยหน้ามองชิบะตัวน้อยที่กำลังลนลาน รวมถึงสาวชาวไต้หวันที่ถูกเธอแอบถ่าย
โชคดีที่เธอมีไหวพริบและทักษะในการแก้ปัญหาเฉพาะหน้าเป็นอย่างดี เธอบิดองศาข้อมือขึ้นเล็กน้อยให้เหมือนกับว่ากำลังเซลฟี่และทำทีตกใจกับสายตาผู้คนที่จับจ้องจนก้มหัวขอโทษอย่างเงอะงะได้อย่างทันท่วงที
คนอื่นอาจไม่คิดอะไรเพราะเห็นเป็นเด็กสาวท่าทางไร้เดียงสา เว้นแต่จื่อวีที่รู้สึกได้ว่าพี่สาวคนสวยคนนี้แอบมองเธอมาสักพักแล้ว
ในตอนนั้นรถไฟฟ้าจอดที่สถานทีถัดไปพอดี คนที่นั่งข้างจื่อวีและคนอื่นๆ บริเวณนั้นก็ลุกออกไป แต่ซานะที่ยังขาสั่นเพราะใช้พลังในการวิ่งจนหมดก็แย่งที่นั่นไม่ทันจนเหลือที่นั่งอยู่เพียงที่เดียว ทำให้เธอจำเป็นต้องเดินไปด้านหน้าที่นั่งที่ว่างข้างจื่อวีอย่างไม่มีทางเลือก
"Do you mind if I sit here?"
ซานะเพิ่งได้รู้ประโยคนี้มาจากเพจสอนภาษาอังกฤษในเฟซบุ๊ก เธอไม่ได้คิดถือโอกาสลองใช้กับชาวต่างชาติ จุดประสงค์ที่ถามจื่อวีก็แค่เพราะอยากหาเรื่องพูดคุยกับเด็กสาวหน้าตาสะสวยคนนี้ก็เท่านั้น
ที่จริงเธอสามารถนั่งได้เลยโดยไม่ต้องถามไถ่คนที่อยู่ข้างๆ เพราะนี่เป็นรถสาธารณะ ถ้าไม่ได้ต้องการให้เขาลุกให้นั่ง ก็ไม่จำเป็นต้องพูดคุยกับคนแปลกหน้าเพื่อขอที่ ซึ่งนี่เป็นเหตุผลที่ทำให้จื่อวีรู้สึกไม่ค่อยสนิทใจกับเธอ
แต่เนื้อแท้แล้วจื่อวีไม่ใช่คนคิดมาก ถึงจะรู้สึกไม่ค่อยดีที่ถูกแอบถ่ายแต่เธอก็ยิ้มอ่อนให้อีกฝ่ายตามมารยามและก้มหัวให้เล็กน้อย
จื่อวีรู้สึกสับสนว่าควรตอบกลับไปว่า yes หรือ no เพราะอีกฝ่ายถามด้วยคำว่า Do you mind if I... ที่หมายความว่าคุณจะรังเกียจมั้ยถ้าฉัน...
ตามหลักความเป็นจริง ถ้าไม่รังเกียจก็ต้องตอบว่า no แต่เธอกลัวตัวเองจะจำผิดเลยเลี่ยงไม่คุยกับอีกฝ่ายและใช้ภาษากายในการสื่อสารแทน
ซานะแอบเสียดายที่อดได้ยินเสียงของสาวสวยตรงหนี่ แต่เธอก็อมยิ้มและนั่งลงข้างๆ สาวชาวไต้หวันผิวสีน้ำผึ้ง
ด้วยความที่ตัวของซานะสูงกว่าเล็กน้อย ทำให้เธอมองเห็นหน้าจอมือถือของจื่อวีด้วยหางตาอย่างไม่ทันระวัง
จื่อวีกำลังแชตกับใครสักคนด้วยภาษาจีนตัวเต็ม ซานะอ่านออกแค่บางตัวเพราะเคยเรียนคันจิมาบ้าง แต่ความหมายก็ไม่ได้ตรงกันเลยสักนิด ทำให้เธออ่านไม่รู้เรื่อง
คนที่จื่อวีแชตด้วยในตตอนนี้คือพี่ชายแท้ๆ ที่เดินทางมาโซลพร้อมกับแม่เพื่อรอลุ้นให้เธอผ่านการออดิชั่น
ที่จริงวันนี้สอฃแม่ลูกจะตามเธอมาถึงบริษัทเพราะอยากให้กำลังใจ แต่แม่ของเธอเป็นคนดังในไต้หวัน จื่อวีกลัวว่าจะเป็นข่าวใหญ่โตทั้งที่ยังไม่ได้ผ่านการออดิชั่นรอบสุดท้ายและอาจทำให้แม่เสียหน้าถ้าออดิชั่นไม่ผ่าน กว่าจะเกลี้ยกล่อมจนทั้งสองยอมปล่อยให้เธอออกมาคนเดียวก็ไม่ง่ายเลย
พี่ชายตัวแสบเอาแต่ส่งข้อความเสียงมาในวันที่เธอลืมหยิบหูฟังมาเสียด้วย เธอย้ำแล้วย้ำอีกว่าให้พิมพ์เป็นข้อความมา แต่เขาก็ลืมตัวส่งข้อความเสียงมาด้วยความเคยชินจนเธอเริ่มเหนื่อยที่จะเตือน
ซานะแอบมองหน้าจอของสาวสวยที่อยู่ทางขวามือและเผลอหลับไปโดยไม่รู้ตัว เธอไม่รู้ด้วยซ้ำว่าตัวเองคอพับคออ่อนจนหัวเอนไปพิงไหล่กว้างของสาวชาวไต้หวันที่นั่งอยู่ข้างๆ ตอนที่ลืมตาตื่นขึ้นมาก็พบว่าจื่อวีที่อยู่ทางขวามือของเธอในตอนแรกยืนรอประตูรถเปิดเพื่อลงสถานีเดียวกันกับเธอ
ชิบะโอซาก้าลุกพรวดจากที่นั่ง ทันทีที่ประตูเปิด เธอก็เดินตามอยู่ห่างๆ เพราะอยากรู้ว่าสาวสวยคนนั้นจะไปที่ไหน
มีความเป็นไปได้ว่าเธอคนนั้นจะลงที่เดียวกันกับเธอเพราะวันนี้เป็นวันออดิชั่นเด็กใหม่รอบสุดท้ายด้วยพอดี พอคิดแบบนั้นซานะก็แอบคาดหวังเอาไว้ว่าตนจะได้เจอกับคนแปลกหน้าคนนั้นอีกครั้งที่บริษัท
แต่ผ่านไปวันแล้ววันเล่า ซานะก็ไม่เจอสาวสวยคนนั้นอีกจนคิดท้อใจว่าโชคชะตาลิขิตไว้ให้พวกเธอได้เจอกันได้แค่ครั้งเดียว
ซึ่งเธอไม่คิดไม่ฝันเลยว่าในเย็นวันที่ 10 พฤศจิกายนจะได้เจอกับจื่อวีอีกครั้งที่หน้าหอพักเด็กฝึกชาวต่างชาติ
ในตอนนั้นจื่อวีกำลังขนของอยู่กับผู้หญิงแต่งตัวภูมิฐานที่น่าจะเป็นแม่ของเธอ โดยที่มียูจองยอน รูมเมทรุ่นพี่คอยช่วยยกกระเป๋าอีกแรง
ถ้าไม่ใช่เพราะเธอมีนัดไปร้องคาราโอเกะกับโมโมะ ก็อาจเข้าไปช่วยเหลือพวกเธอแล้ว
ในตอนที่ซานะวิ่งขึ้นรถเมล์ไปกับโมโมะ จื่อวีได้ยินเสียงของซานะที่ร้องบอกให้รอเธอด้วย เธอก็จำได้และหันขวับไปมองในทันที
พวกเธอสองคนต่างคิดว่าอีกฝ่ายจำตนไม่ได้ ทั้งที่จริงแล้วต่างฝ่ายต่างเฝ้ารอวันที่จะได้เจอหน้ากันอีกครั้งมาโดยตลอด
ตลอดหลายวันที่ผ่านมา ซานะกับจื่อวีมาที่สถานีรถไฟฟ้าโดยหวังจะเจออีกฝ่าย แต่กลับคลาดกันทุกครั้ง
แค่คิดว่าจากนี้ไปเธออาจได้เจอพี่สาวคนสวยคนนี้บ่อยขึ้น จื่อวีก็อมยิ้มอย่างเก็บอาการดีใจเอาไว้ไม่อยู่แล้ว
...----------------...
* เรื่องนี้แต่งขึ้นจากจินตนาการของผู้เขียน มีส่วนเชื่อมโยงกับเหตุการณ์จริงของศิลปินเพียงเล็กน้อย โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน
***ดาวน์โหลด NovelToon เพื่อเพลิดเพลินไปกับประสบการณ์การอ่านที่ดียิ่งขึ้น!***
อัพเดทถึงตอนที่ 9
Comments