ผ่าคดีระเบิดแแค้น 1.3

วันที่ 3

ในเช้าที่สดใสมีเสียงนกร้องมาจากกระจกเสียงวุ่นวายจากรถที่สัญจรไปมา เสียงก่อสร้าง ผมลืมตาขึ้นมาและมองเพดานคิดอยู่นาน (**อีกวันแล้วสินะ**) ผมมองไปที่นาฬิกาเพื่อดูเวลายังเช้าอยู่เลยผมได้หลับตาลงอีกครั้ง แต่หลับตาได้ไม่นานก็ได้มีเสียงเคาะประตูดังขึ้นพร้อมเสียงเรียกของโซซิ ผมได้ลืมตาและลุกขึ้นขานตอบโซซิก่อนที่จะเดินไปเปิดประตู ผมได้ถามโซซิว่ามีอะไรวันนี้ไม่ได้ไปโรงเรียนหรอยังเช้าอยู่เลยมีอะไรหรอ โซซิได้รีบพูดบอกผมว่านักสืบโปเรียกให้ไปรวมที่ตึกเช่าห้องพักแห่งหนึ่งบริเวณใกล้โรงเรียน ดูเหมือนว่านักสืบโปจะใช้ผู้ช่วยโซซิมาแจ้งผม ผมได้เตรียมตัวและรีบวิ่งไปกับโซซิ ระหว่างทางโซซิได้บอกผมเกี่ยวกับที่ๆจะไปพร้อมกับรายละเอียดคดีนิดหน่อย ก่อนที่เสียงปืนจะดังขึ้นผมได้วิ่งไปและเห็นนักสืบโปกับผู้ช่วยกำลังปะทะกับใครสักคน ก่อนที่ผู้ช่วยโซซิจะยืนกระเป๋าใบหนึ่งและบอกว่านักสืบโปฝากมาให้ ก่อนที่โซซิจะวิ่งไปและพูดว่าผมต้องโรงเรียนแล้ว ผมรับกระเป๋ามาและเปิดดูข้างในพร้อมกับกระดาษใบหนึ่งผมหยิบมาอ่าน (**ของต้อนรับจากนักสืบโป ใช้เท่าที่จำเป็น**) ผมได้ล้วงเข้าไปในกระเป๋าและเอาขึ้นมามันคือปืนผมมองไปที่นักสืบโปที่กำลังปะทะหรือนี่คือที่ๆผมต้องใช้มันตอนนี้กันนะ ผมได้หยิบปืนพร้อมกระสุนและวิ่งไปหานักสืบโปที่แอบกระสุนอยู่ตรงข้างรถยนต์ เมื่อไปถึงนักสืบโปก็ได้ทักทายและพูดต้อนรับและบอกผมนี่คือคดีแรกของนายกลับฉัน ผมได้ถามกับนักสืบโปเกี่ยวกับคนที่เหลือว่าพวกเขาไปไหนแต่นักสืบโปก็ไม่ตอบและบอกให้สนใจสิ่งที่เกิดอยู่ข้างหน้าผมก่อนที่จะถามหาคนอื่น เมื่อพูดจบนักสืบโปก็ได้ลุกไปยิงสามนัดและหลบลงมาบอกให้ผมช่วยยิง พร้อมกับสอนยิงไปด้วย เราปะทะอยู่นานก่อนที่ตำรวจจะมาถึงและคลี่คลายสถานการณ์ได้ ผมได้เดินไปดูใกล้ๆที่เกิดเหตุกับนักสืบโปเรื่อยๆเห็นคนบาดเจ็บ คนตายจากลูกหลง กระจกที่แตกกระจายไปทั่วพื้น ก่อนที่นักสืบโปจะหันมาหาผมและเล่าเกี่ยวกับคดี โดยทุกคนได้แยกกันไปรวบรวมข้อมูลที่เกี่ยวกับคดีและให้มาพบกันที่ร้านกาแฟหน้าสถานนีรถไฟ ผมได้ฟังรายละเอียดคดีที่ทำ คดีนี้เกี่ยวกับการขายของผิดกฎหมายประเภทอาวุธ เราได้สืบมาหลายครั้งแล้วแต่ไม่เคยจับต้นตอได้สักครั้ง ทุกครั้งที่นักสืบเทย์ได้เบาะแสที่อยู่พวกมันก็จะไหวตัวทันทุกครั้ง ฉันคิดว่าในกลุ่มพวกเราต้องมีใครเป็นสายให้พวกมันแน่ ผมได้ฟังการสันนิษฐานของนักสืบโปอยู่นาน โดยคนที่เขาสงสัยคือนักสืบเทย์เพราะเขามักรับโทรศัพท์และทำหน้าแปลกๆตลอดเหมือนประมาณว่าทำท่าตกใจและมองมาที่นักสืบโปตลอดทำให้เหมือนประมาณว่าสั่งให้นักสืบเทย์มาเก็บนักสืบโป ผมได้ฟังไปพร้อมกับคิดไป ทำให้ผมได้คิดและเริ่มเชื่อเรื่อยพอเดินใกล้ถึงร้านนักสืบโปก็ได้บอกให้ผมอย่าบอกเรื่องนี้กับนักสืบเทย์และเสนอให้ผมมาช่วยเขาสืบเรื่องนี้ด้วย  ผมจึงได้ตอบไปว่าขอดูท่าทีนักสืบเทย์ไปก่อนและเราก็ได้เดินไปต่อจนถึงร้านกาแฟที่นั้นไว้

พวกเราที่มาถึงก็ได้เดินเข้าร้านและสั่งกาแฟก่อนที่จะเดินไปที่โต๊ะที่นักสืบโยมิอยู่ พวกเราก็ได้ทักทายและเริ่มแลกข้อมูลกันเลยก่อนที่นักสืบเทย์และนักสืบเดระจะมาเหมือนทั้งคู่จะคุยอะไรกันด้วยระหว่างทางก่อนที่จะถึงร้านทั้งคู่ได้นั่งและเริ่มแชร์ข้อมูล ระหว่างแชร์ข้อมูลนักสืบโปก็มองตานักสืบเทย์และนักสืบเดระ ก่อนที่พวกเขาจะสบตากันและก็เงียบไปสักครู่และพูดต่อและเสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้นพวกเราหันไปที่นักสืบเทย์ ในตอนนั้นเองที่ทำให้ผมเชื่อว่าสิ่งที่นักสืบโปนั้นอาจพูดถูก นักสืบเทย์ได้ลุกขึ้นไปรับโทรศัพท์เหมือนคุยกับใครสักคน ผมได้มองไปและพยายามดูท่าทีแบบไม่ให้นักสืบเทย์โดนสงสัย หลังนักสืบเทย์คุยโทรศัพท์เสร็จก็ได้มองมาที่นักสืบโปด้วยสายตาจ้องเขม็ง นักสืบเทย์ได้นั่งที่เสร็จนักสืบโปก็ได้บอกงานต่อไปให้แยกกันไปพักผ่อนและสืบอีกทีพน.ทุกคนได้ลุกขึ้นและเดินออกจากร้านด้วยความตึงเครียด ผมได้นั่งกินกาแฟและคิดสิ่งที่นักสืบโปพูด มองออกไปผ่านกระจกร้านเพื่อดูท่าทีของแต่ละคน ผมได้กินกาแฟและเดินออกมาจากร้านมองหานักสืบโปเพื่อไปตอบตกลงที่จะร่วมมือระหว่างที่เดินไปหาก็เห็นนักสืบโปกำลังคุยโทรศัพท์นักสืบโปได้มองมาที่ผมและวางสายเดินมาหาผม ผมได้เดินมาถึงและตอบตกลงที่จะร่วมมือ

นักสืบโปก็ไม่รอช้าและเดินไปคุยไปกับผม ก่อนจะยืนกระดาษแผ่นหนึ่งให้ผมและบอกให้ผมไปสืบเรื่องของนักสืบเดระโดยในกระดาษคือเส้นทางที่นักสืบเดระจะผ่านก่อนกลับหอพักชิยะ นักสืบโปต้องการให้ผมไปสืบเรื่องนี้ให้เขาส่วนเขาจะไปสืบเรื่องของนักสืบเทย์ต่อเอง ผมได้ตอบตกลงและได้แยกย้ายกับนักสืบโป ผมได้เดินมาถึงจุดแรกคือหน้าธนาคารและหาที่แอบเพื่อหานักสืบเดระ ผมได้มองนาฬิกานี่คือ 13.06 น. ผมได้มองกลับขึ้นมาเห็นนักสืบเดระฝั่งตรงข้ามมองซ้ายและขวาก่อนเดินเข้าธนาคารก่อนจะออกมาพร้อมเงินสด ผมได้เดินตามไปต่อจนถึงที่ทำการไปรษณีย์นักสืบเดระได้เดินเข้าไปเหมือนจะยืนซองจดหมายอะไรสักอย่างแบบส่งด่วนก่อนที่จะออกจากไปรษณีย์และเดินไปต่อสำนักงานนักสืบชิยะ ผมได้เดินตามเข้าไปจนถึงหน้าห้องทำงานของนักสืบกลุ่มเราโดยในนั้นมีนักสืบเทย์ด้วยผมพยายามแอบฟังแต่ไม่ได้ยินเลยสักนิด ก่อนที่ผมจะเดินออกมาและไปห้องทำงานของชิยะเพื่อขอดูประวัติเดระกับเทย์ แต่ดูเหมือนชิยะจะไม่อยู่ในห้องผมจึงเดินเข้าไปที่ชั้นประวัตินักสืบของชิยะเพื่อหาแฟ้มประวัติของเทย์และเดระ ก่อนที่จะมีเสียงเท้าจากหน้าประตูห้องเดินเข้ามาทางนี้เรื่อยๆจนเสียงเปิดประตูดังขึ้นผมได้รีบย้ายตัวเองจากหน้าตู้แฟ้มมายังหนังสือพิมพ์ที่แปะไว้ใกล้โต๊ะ ชิยะได้เดินเข้ามาและพูดกับผมว่ากำลังจะโทรเรียกผมเลย ผมจึงถามไปว่าท่านชิยะมีอะไรให้ผมช่วยหรอครับ... ผมถามด้วยความตกใจและเหงื่อออกจากนั้นชิยะก็ได้ยืนซองนึงมาให้ผมและบอกให้ผมว่า (**ไปเปิดบัญชีเถอะรับแต่เงินสดแบบนี้เขาก็ลำบากในการจ่าย**) ผมได้รับซองมาและตอบไปประมาณว่าไว้ใจเงินสดมากกว่า ชิยะก็ได้ถามต่อว่ามาทำอะไรในห้องเขา เมื่อชิยะได้ถามคำถามนั้นขึ้นมาทำให้ผมนั้นเริ่มเหงื่อออกมากขึ้น ผมได้พยายามตอบไปว่าจะมาหาท่านชิยะเพื่อรับค่าจ้างในเดือนนี้ครับ ชิยะได้มองมาที่ผมและยิ้มก่อนจะหัวเราะและพูดว่า (**นายโกหกไม่เก่งเลยนะเซย์กิ**) จากนั้นเขาก็หัวเราะต่อและถามผมต่อว่าต้องการให้ช่วยอะไรละ ผมก็ได้ตกใจมากที่เขาจับได้ผมก็ได้บอกความจริงไปว่าต้องการให้ช่วยเรื่องคดีโดยได้ขอแฟ้มประวัติส่วนตัวของนักสืบเทย์และเดระ ชิยะได้ตกใจและมองมาด้วยความจริงจังก่อนจะถามว่าเอาไปทำอะไร ผมได้ตอบไปและเล่าทุกอย่างให้ชิยะฟัง ก่อนที่ชิยะเริ่มจะสนใจและเห็นด้วยเราทั้งคู่คุยกันอยู่นานสัก 2 ชั่วโมง ชิยะก็พยายามคำนวณหาความเป็นไปได้และความจริงของเรื่องที่เล่าก่อนที่เขาจะตัดสินใจโดยการหันหลังไปเปิดตู้และหยิบสองแฟ้มมาและยืนให้ผมพร้อมพูดกับผมว่ารีบเอามาคืนด้วยละไม่ได้ให้ใครยืมไปง่ายๆ ผมได้รับมาและยิ้มด้วยความดีใจพร้อมขอบคุณท่านชิยะอยู่นานก่อนจะขอตัวออกจากห้องและตรงดิ่งกลับหอพักของผม ระหว่างทางผมก็ได้ไปเจอนักสืบเกนตะกับนักสืบเทย์กำลังคุยกันอยู่พร้อมยืนเอกสารอะไรสักอย่างให้กับเทย์พร้อมซองจดหมายจากนั้นทั้งคู่ได้มองตากันและมองซ้ายขวาไปมาเหมือนไม่อยากให้ใครเห็นตอนนี้ ผมที่กำลังแอบอยู่หลังเสาตึกสำนักงานนักสืบก็ได้หันมองซ้ายขวาว่ามีใครแถวนี้อีกไหมในตอนนั้นเหงื่อผมออกใจเต้นแรงมากผมได้หันกลับไปมอง นักสืบเทย์กับนักสืบเกนตะก็ได้เดินมาทางสำนักงานเรื่อยๆพร้อมมองตรงมาทางผมและเดินมาใกล้ทางผมเรื่อยๆ ผมได้มองรอบๆเพื่อหาทางหนีแต่ไม่พ้นทั้งคู่อาจยิงผมก็ได้ถ้าวิ่งออกไปเลยและทั้งคู่จะรู้ว่าผมรู้ความจริงเกี่ยวกับพวกเขาแล้ว ใจผมเต้นแรงเรื่อยๆเหงื่อออกมากขึ้นทั้งคู่ใกล้เข้ามาแล้ว ผมได้หยิบปืนในกระเป๋ามาพร้อมใส่กระสุนจริงมือผมเริ่มสั่นเรื่อยๆ ในตอนนั้นผมคิดแค่ว่าถ้าไม่ยิงจะโดนยิงเองผมได้เตรียมใจและก้าวออกไปได้ไม่ถึงก้าวก็มีคนเอามือมาปิดปากผมพร้อมกับแย่งปืนไปง่ายๆและพร้อมพูดว่า (**เงียบๆไอ้หนูพวกนั้นกำลังใกล้เราแล้ว**) ทันใดนั้นเสียงโทรศัพท์ของนักสืบเกนตะก็ดังขึ้น นักสืบเทย์กับเกนตะได้หยุดเดินและหันหน้าหากัน จังหวะนั้นชายปริศนาก็ได้พาผมไปจากตรงนั้นแบบเงียบๆ ก่อนที่ผมจะหันไปดูหน้าเขาเต็มๆนั้นก็คือนักสืบโปนั้นเองที่มาช่วยผมไว้และพูดกับผมว่า (**จำที่ฉันบอกเรื่องปืนไม่ได้หรอว่าใช้เท่าที่จำเป็นเท่านั้น**) คำๆนั้นทำให้ผมได้สติคืนมาและรับปืนคืนจากนักสืบโปและรายงานเขาเกี่ยวกับเป้าหมายที่ไปสืบมา ก่อนที่เราจะคุยกันอยู่นานเพื่อแลกข้อมูลที่แยกกันไปสืบระหว่างที่แลกเปลี่ยนผมก็ได้มองไปที่หน้าเขา ตอนนั้นสิ่งที่ผมเห็นบนใบหน้าเขาคือความสิ้นหวังเหมือนกับเขาผ่านอะไรมามากกว่าที่ผมรู้ ผมเหม่อลอยอยู่นานก่อนที่นักสืบโปจะเรียกผมผมได้สะดุดและกลับมาฟังที่เขาถามเราได้คุยกันจนนักสืบเกนตะและเทย์ได้ไปจากตรงนั้น พวกเราได้เดินออกมานักสืบโปก็ได้หันมาคุยกับผมและวางแผนต่อไปโดยพน.ผมก็ยังคงต้องตามดูนักสืบเดระต่อไป เมื่อเราได้คุยกันเสร็จผมได้เดินทางกลับหอพักพร้อมกับสิ่งที่สงสัยว่าเกิดอะไรขึ้นกับเขาด้วยสัญชาตญาณของผมมันบอกว่าเรื่องนี้มันมีอะไรไม่เข้าที่ต้องมีอะไรที่ผิดไป ผมได้เดินไปคิดไปจนถึงบ้านแต่ก็ยังไม่เข้าใจผมได้กลับมาถึงตอน 21.34 น.การที่ผมไม่เข้าใจเรื่องที่คิดทำให้ผมเหนื่อยและนอนหลับไป....

^^^W.G.K^^^

เลือกตอน

กกาวน์โหลดทันที

ชอบผลงานนี้ไหม? ดาวน์โหลดแอพ บันทึกการอ่านของคุณจะไม่สูญหาย
กกาวน์โหลดทันที

โบนัส

ผู้ใช้ใหม่ที่ดาวน์โหลดแอพสามารถปลดล็อค 10 ตอนได้ฟรี

รับ
NovelToon
เปิดประตูต่างภพ
เพื่อวิธีการเล่นเพิ่มโปรดดาวน์โหลดMangatoon APP!