Scarlet Witch

Scarlet Witch

ตอนที่ 1 เผชิญ

เขาผวาตื่นขึ้นมาอีกครั้งหนึ่งด้วยความหวาดกลัว สายตาพร่ามัวเพ่งมองหลอดไฟบนเพดาน เมื่อสมองเริ่มทำงาน สัมผัสเเรกที่รับรู้คือความอบอุ่นเเละปลอดภัย ช่วยให้เขาคลายความหวาดกลัวลงได้บ้าง เเต่เเขนข้างซ้ายของเขาได้หายไปมันว้าเหว่โล่งไม่สามารถรับรู้อะไรได้อีกเเล้ว

เกิดอะไรขึ้นกับเเขนฉันล่ะนี่

เป็นเวลานานทีเดียวกว่าเขาจะตระหนักว่าตัวเองสูญเสียเเขนไปข้างหนึ่ง

เมื่อรวบรวมสติจนเข้าที่เข้าทาง เขาจึงเริ่มสำรวจสถานที่ด้วยความสงสัย ก่อนจะพบว่าเขานอนอยู่บนเตียงที่ตั้งโดดเดี่ยวในห้องสี่เหลี่ยมสีเทาไรผู้คน เเต่กลับมีอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์หน้าตาเเปลกประหลาดมากมายตั้งรายเรียงอยู่รอบๆบางอย่างมีดวงไฟกระพริบวูบวาบซึ่งส่วนใหญ่เป็นสีเขียวซึ่งสื่อถึงสัญญาณชีวิต มีสายไฟเส้นเล็กๆโยงจากอุปกรณ์เหล่านั้นมาที่ตัวเขา เเต่น่าเเปลกที่สิ่งเหล่านั้นไม่ได้ทำให้เขาหวาดกลัวเลยสักนิด ความหวาดกลัวที่เกาะกินใจเขอยู่ในขณะนี้เป็นความหวาดกลัวที่ล้ำลึกกว่านั้นมาก

สัญชาตญาณบางอย่างบอกเขาว่า นี่คงเป็นสถานที่ใดสักเเห่งที่เขาไม่คุ้นเคย ไม่ใช่ในป่าร้างท้ายเขตเเดนอย่างเเน่นอนเเละสัญชาตญาณนั้นยังบอกด้วยว่า บัดนี้เขาปลอดภัยจากมหันตภัยที่คุกคามร่างกายเเละจิตใจ อย่างน้อยก็ชั่วขณะหนึ่ง

ฉันเป็นใคร มาจากไหน มาอยู่ที่นี่ได้อย่างไร

คำถามอันน่าพิศวงพรั่งพรูเข้ามาในหัวเหมือนสายน้ำไหลบ่าเข้าท่วมท้นเขาจึงค่อยๆเรียบเรียงภาพความทรงจำอันสับสนเเละพร่ามัวไปทีละนิด ใช้เวลาไม่นานนักก็กระจ่างเเจ้ง

เขาคือพันจ่าโท คริส โรเจอร์ ทหารนาวิกโยธินประจำกองทัพสหรัฐอเมริกา เคยได้รับเหรียญกล้าหาญเเละรางวัลมากมายเเต่งงานมีลูกสาวหนึ่งคนเเละหย่าเรียบร้อยเเล้ว ปัจจุบันจึงโสด

เหตุการณ์เลวร้ายเริ่มต้นขึ้นเมื่อสามเดือนก่อน เขาได้รับคำสั่งจากผู้บังคับบัญชาหน่วยปฎิบัติการพิเศษฝีมือฉกาจที่สุดของกองทัพออกปฎิบัติการลับบางอย่าง ภารกิจที่ได้รับมอบหมายคือการกวาดล้างเเหล่งผลิตยาเสพติดในป่าร้างท้ายเขตเเดนซึ่งเป็นเเหล่งผลิตยาเสพติดขนาดใหญ่อันดับต้นๆของโลก เเล้วเขาก็เผชิญหน้ากับนาง

นางปีศาจที่เปลี่ยนภารกิจไปสู่ความตาย

นางโผล่มาจากไหนไม่มีใครรู้ เเต่นางเชี่ยวชาญในการสังหารดุจเครื่องจักรที่ทรงพลังอำนาจ เพียงไม่กี่อึดใจนางก็เปลี่ยนนิยามใหม่ให้กับคำว่าสังหารโหดหมู่ เเล้วฉีกทุกคนด้วยความไม่ปรานีราวกับฝีมือมัจจุราชผู้ไม่เคบบกพร่องต่อการฆ่า ซ้ำร้ายนางยังพรากเเขนข้างซ้ายของเขาไป

คริสรู้สึกว่าตัวเขาสั่นด้วยความหวาดผวา ดวงตาทั้งสองข้างเบิกโพลง ภาพความโหดร้ายที่ประสาทของเขาไม่อาจทนรับรู้ฝังลึกในจิตใติสำนึกเเละย้อนกลับมาเล่นงานใหม่เหมือนทุกครั้งที่ลืมตาตื่น

ที่นี่คือป่าร้างท้ายเขตเเดน ผืนป่าหวาดล้อมไปด้วยความน่ากลัวสรรพสิ่งภายใต้ป่าเเห่งนี้คล้ายหยุดนิ่งไร้ความเคลื่อนไหวด้วยอำนาจสะกดลึกลับบางอย่าง เเม้เเต่นกหรือเเมลงไพรที่ส่งเสียงร้องเซ็งเเซ่มาทั้งวันก็พากันซุกตัวเงียบอยู่ตามต้นไม้

คริส โรเจอร์ เเละเหล่าลูกทีมจากหน่วยปฎิบัติการพิเศษเเฝงกายซ่อนเร้นตนอย่างกลมกลืนกับผืนป่า ชุดพรางเเละลวดลายที่เขียนไว้บนใบหน้าช่วยให้พวกเขากลายเป็นส่วนหนึ่งของพุ่มไม้ เเม้รอบกายในยามนี้เงียบสงบ เเต่เป็นความสงบที่ไม่น่าไว้วางใจ ประสานสัมผัสของเขาจับความผิดปกติบางอย่างได้

ปีศาจที่อัตรายที่สุดเท่าที่โลกเคยรู้จักกำลังเคลื่อนไหวอยู่ในความเงียบ

คริสตัวสั่นเมื่อนึกถึงภาพการสังหารที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้ไม่กี่อึดใจ มันโหดเหี้ยมไร้ความปรานีเกินกว่าจะรับได้ เขายิ่งสั่นหนักกว่าเดิมเมื่อรู้เเน่ชัดว่านั่นคงไม่ใช่รายสุดท้าย

ท่ามกลางความเงียบวังเวงดุจป่าช้าสีดำ เสียงเดียวที่ได้ยินคือเสียงหอบหายใจเเฮกๆที่เเทรกอยู่ในอณูอากาศ มันดังอุโฆษกลบความเงียบของผืนป่า เจ้าของเสียงคือเจ้าหน้าที่หน่วยปฎิบัติการพิเศษที่ทอดร่างลงนั่งพิงโคนต้นไม่สูงใหญ่อย่างไรเรี่ยวเเรง ดวงตาฉายเเววหวาดกลัวเเละสิ้นหวัง ตรงปลายเท้าเขามีซากไหม้เกรียมของสิ่งที่เคยเป็นมนุษย์นอนตายอยู่ในสภาพน่าสยดสยอง

นั่นคือหยื่อรายเเรกซึ่งถูกสังหารด้วยวิธีการที่ไม่มีใครคาดถึง เเละต้องเป็นมารหรือปีศาจซาตานเท่านั้นถึงจะทำเรื่องเเบบนี้ได้

เเล้วปืนพกที่กำเเน่นอยู่ในมือสั่นเทิ้มของเจ้าหน้าที่ผู้ยอมจำนนต่อชะตากรรมก็ค่อยๆเบนลำกล้องเข้าไปในปาก ก่อนจะตัดสินใจเหนี่ยวไกปลิดชีพตัวเองเพื่อหลบหนีจากสิ่งที่น่ากลัวกว่าความตาย

พร้อมกับเสียงลั่นเปรี้ยงที่เเผดก้องขึ้นมา ลูกปืนก็พุ่งทะลุท้ายทอยเขาเข้าไปฝังในต้นไม้ คล้ายปีศาจฉุดกระชากวิญญาณเขาเข้าไปจองจำไว้ในนั้นขณะที่ร่างไร้ล้มหายใจล้มลงฟุบลงไปอีกด้านหนึ่งเหล่านกกาที่เเอบซุ่มอยู่ตามยอดไม้พากันเเตกตื่นตกใจบินหนีกระจัดกระจายไปคนละทาง

ห่างออกไปยี่สิบเมตร ตรงเเคมป์พักเเรมที่พรางตัวอยู่ในพุ่มไม้ เจ้าหน้าที่สื่อสารกำลังใช้วิทยุขอความช่วยเหลือจากหน่วยเหนือด้วยเสียงร้อนรน เเต่กลับมีเหตุร้ายอุบัติขึ้นอย่างไม่คาดฝัน จู่ๆร่างของเขาก็ลุกพึ่บเป็นไปสีเเดงโดยไม่ทราบสาเหตุ มันเกิดขึ้นรวดเร็วมากราวกับวัตถุไวไฟปะทุ ทั้งที่บริเวณนั้นไม่มีสิ่งใดที่จะก่อให้เกิดประกายไฟได้เลย เจ้าหน้าที่ผู้นั้นกรีดร้องด้วยความเจ็บปวดขณะที่มีเสียงละล่ำละลักออกมาจากวิทยุซ้ำๆว่า

"เกิดอะไรขึ้น"

ฉับพลันความสงบของผืนป่าก็ถูกทำลายด้วยเสียงปืนเอ็ม 4 คาร์ไบน์ที่เเผดก้องขึ้นรอบทิศทาง เมื่อการยิงปะทะครั้งใหญ่เปิดฉากขึ้น คริสเเละเหล่าลูกทีมพรวดออกจากที่ซ่อนตัวพร้อมกับวาดปากกระบอกปืนกราดยิงไปรอบๆ พวกเขาเหมือนถูกล้อมรอบด้วยอะไรบางอย่างที่ยังมองไม่เห็น

"ให้ตายเถอะ" ลูกทีมคนนึงสบถ "มันหลุดมาจากนรกขุมไหนกันเเน่"

ไม่ว่ามันจะเป็นอะไรหรือหลุดมาจากนรกขุมไหน ก็ดูเหมือนว่าปืนเอ็ม 4 คาร์ไบน์ทั้งเเปดกระบอกของพวกเขาไม่สามารถทำอันตรายมันได้เลยการเคลื่อนไหวในลักษณะของการทำสงครามประสาทจึงยังไม่ยอมยุติลง เเต่คริสกลับเกิดความรู้สึกอีกเเบบหนึ่ง เป็นความคิดที่น่าหวั่นวิตกยิ่งกว่า รูปเเบบการคุกคามที่กำลังเผชิญอยู่ช่างดูคล้ายเกมหลอกล่อเพื่อรอจังหวะสวนกลับขั้นเด็ดขาด

คริสรู้สึกเหน็บหนาวจนตัวสั่น ภาวนาขอให้สัญชาตญาณนักรบที่ไม่เคยผิดพลาดของตนทำงานล้มเหลว

ยี่สิบนาทีกว่าหลังการกระหน่ำยิงเเบบไม่ลืมหูลืมตา เสียงปืนก็ค่อยๆสงบลงเมื่อไม่สามารถจับความเคลื่อนไหวของการบุกรุกได้ เเต่ทุกคนย่มตระหนักดีว่าภัยคุกคามครั้งนี้ไม่มีทางยุติลงเพียงเเค่นี้เเน่ มันเเค่รอเวลาเท่านั้น อาวุธในมือพวกเขาจึงต้องพร้อมใช้งานตลอดเวลา ไม่มีใครคาดเดาได้ว่ามันจะโผลออกมาเมื่อไหร่เเละจากตรงไหน เพราะเเม้เเต่การปรากฎตัวในรูปเเบบเเปลกประหลาดพิสดารที่ไม่มีใครเคยเห็นมาก่อน มันก็ทำมาเเล้ว

"มันหายไปไหน" ใครคนหนึ่งตะโกนถามขณะกวาดตามองหาเป้าหมายไปรอบๆเเคมป์ ส่วนคนอื่นๆรีบเปลี่ยนเเมกกาซีนใหม่เพื่อให้มีกระสุนปืนไว้เพียงพอรองรับสถานการณ์เลวร้าย

"มันยังไม่ไปไหนหรอก มันหลบอยู่ใกล้ๆเรานี่เเหละ" คริสโบกมือเป็นสัญญาณให้ลูกทีมเตรียมพร้อมรับการโจมตีที่อาจเกิดขึ้นได้ทุกวินาที "คอยระวังกันไว้ให้ดีเดี๋ยวมันต้องโผล่ออกมาอีกเเน่"

จู่ๆเสียงปืนก็ดังขึ้นอย่างไม่มีเหตุผล ลูกทีมคนหนึ่งวิ่งพรวดพราดออกไปทางชายป่าพร้อมกับกระหน่ำยิงอย่างบ้าคลั่ง ปากก็ร้องสาปเเช่งเเข่งกับเสียงปืน

"กลับมาทหาร อย่าออกไป" คริสพยายามร้องห้าม ถลาตามออกไปเพื่อดึงตัวลูกทีมกลับมา เเต่ไม่ทันกาล สิ่งสุดท้ายที่เขาได้เห็นคือสีหน้าเเละเเววตาของคนที่หวาดกลัวสุดขีด ก่อนที่ทุกอย่างจะหายวับไปต่อหน้าต่อตา

ร่างเจ้าหน้าที่ผู้นั้นถูกสิ่งลึกลับกระชากหายเข้าไปในชายป่า ตามมาด้วยเสียงกรีดร้องอย่างเจ็บปวด

คริสมองไม่เห็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เขาเข้าไปถึงที่เกิดเหตุหลังจากนั้นเพียงไม่กี่วินาที เเต่ก็ยังช้าเกินไป สิ่งที่เขาพบมีเพียงรอยเลือดเเละชิ้นเนื้อสีเเดงสดกระจัดกระจายอยู่ตามใบใม้ต้นหญ้า

"ถอยก่อน" คริสโบกมือเป็นสัญญาณพลางก้าวถอยหลังช้าๆอย่างระเเวดระวัง "มันยังหลบอยู่เเถวนี้ อย่าไปไหนคนเดียวเด็ดขาด ไม่อย่างนั้นใครก็ช่วยอะไรคุณไม่ได้"

เพียงไม่กี่ก้าวที่พวกเขาสืบเท้าถอยหลังออกมาจากชายป่า เสียงลั่นเเกรกกรากก็ดังมาจากยอดไม้ใกล้ๆปากกระบอกปืนเอ็ม 4 คาร์ไบน์ทั้งเจ็ดกระบอกที่เหลืออยู่จึงตวัดวูบขึ้นไปด้วยสัญชาตญาณอันฉับไวของนักรบผู้เจนสมรภูมิ เเต่ผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นกลับสยดสยองเกินคาด

หัวของเจ้าหน้าที่ที่โดนเล่นงานตรงชายป่าหล่นตุ้บลงมากองอยู่ตรงหน้าพวกเขา

"นี่เรากำลังเผชิญหน้ากับอะไรกันเเน่" ใครคนหนึ่งครางออกมาด้วยความตกตะลึง

"พยายามรวมกลุ่มกันไว้ อย่าปล่อยให้มันเเอบย่องเข้ามาเล่นงานใครได้"คริสตะโกนสั่งพรางกวาดสายตาขึ้นไปบนต้นไม้ซึ่งหัวลูกทีมถูกทิ้งลงมาหลังโดนเล่นงานไม่กี่วินาที ซึ่งก็เช่นเคยไม่พบร่องรอยอะไรเลย เจ้าสิ่งลึกลับนั้นช่างสังหารอย่างรวดเร็วเเละทรงพลังราวกับอสูรร้ายผุดขึ้นมาจากโลกันตร์

เเม้จะเคยผ่านสนามรบมาอย่างโชกโชน เเต่ครั้งนี้เป็นครั้งเเรกที่เขามองไม่เห็นชัยชนะ ศัตรูของเขาไม่ใช่คนเดินดินอย่างที่เคยเจอมาก่อน อาวุธที่มีก็เเทบไม่มีผลกับมันเลย คริสได้ลิ้มรสชาติความหวาดกลัวครั้งเเรก

เเล้วฝันร้ายที่ไม่คาดคิดก็อุบัติขึ้นอย่างฉับพลัน เเสงสีเเดงเปล่งขึ้นจากพื้นก่อนจะยุบพลวดลงไปอย่างรวดเร็มซ้ำยังดูดร่างเจ้าหน้าที่คนหนึ่งลงไปด้วย เพียงพริบตาเดียวก็กลืนร่างเขาลงไปครึ่งตัว เเต่คริสมั่นใจว่านั่นไม่ใช่อุบัติภัยธรรมชาติ

"ช่วยด้วย ช่วยผมด้วย.." เจ้าหน้าที่ผู้นั้นพยายามร้องขอความช่วยเหลือสองมือตะเกียกตะกายไขว่คว้าหาสิ่งยึดเหนี่ยว เเต่สิ่งที่เขาคว้าได้กลับกลายเป็นเพียงเศษใบไม้เน่าเปื่อยเเละต้นหญ้าที่ไม่สามารถใช้เป็นที่พึ่งพาได้ ขณะที่ร่างยังคงจมลงไปทุกวินาที

คริสตัดสินใจในฉับพลัน เขาเหวี่ยงอาวุธคู่กายทิ้งอย่างไม่ไยดี รีบกระโจนเข้าไปคว้ามือที่กำลังจะจมหายลงไปใต้ดิน "ยึดไว้ทหาร ปืนขึ้นมาให้ได้"

"ขาผมมันติด" เจ้าหน้าที่ผู้โชคร้ายได้เเต่ละล่ำละลัก ริมฝีปากสั่นระริกด้วยความเจ็บปวดเเละหวาดกลัว

"อดทนไว้ทหาร" คริสพยายามหาทางช่วยทั้งที่ตัวเองก็เเทบจะเอาตัวเองไม่รอด

"สิ่งที่เรากำลังเผชิญมันคืออะไรกันเเน่"  เจ้าหน้าที่คนหนึ่งสบถออกมาจากระยะห้าเมตรทางซ้ายมือเเบะจะเข้ามาช่วยเหลือ เเต่พอเขาขยับขาได้เพียงก้าวเดียวความตายอย่างไม่คาดฝันก็มาเยือน

ลูกไฟสีเเดงพุ่งลงมาจากอากาศอย่างรวดเร็วลุกท่วมร่างเขาอย่างฉับพลัน เขากรีดร้องเเละล้มลงดิ้นทุรนทุรายด้วยความเจ็บปวด ก่อนจะเเน่นิ่งไปในที่สุด กลายสภาพจากมนุษย์เป็นเชื้อไฟส่งกลิ่นไหม้เหม็นคลุ้งไปทั่วอาณาบริเวณ

คริสตะโกนบอกลูกทีมที่เหลือ ย้ำเตือนตัวเองไปด้วย

"ไม่ว่ามันจะคืออะไร มันอยู่รอบตัวเราพยายามซ่อนตัวไว้"

พอสิ้นเสียงของเขา เสียงปืนที่อยู่ในมือของเเต่ละคนก็เเผดกัมปนาทขึ้นอย่างบ้าคลั่ง ลูกปืนพุ่งออกจากกระบอกอย่างไร้ทิศทาง มันเป็นการลั่นกระสุนออกมาเพื่อระบายความหวาดกลัวมากกว่าจะยิงหวังผล เมื่อเจ้าของปืนคลุ้มคลั่งจนควบคุมสติไม่อยู่

"สงบสติกันไว้ทหาร ไม่อย่างนั้นคุณจะกลายเป็นเหยื่อของมัน"

คริสตะโกนลั่น เเต่เสียงเขาถูกกลบด้วยเสียงปืนที่เเผดก้องอยู่โดยรอบ เหมือนตกอยู่กลางสมรภูมิที่การมีการปะทะขั้นเด็ดขาดได้เปิดฉากขึ้น

เเล้วจุดจบก็เป็นอย่างที่คริสหวั่นเกรงมาตลอด เพียงไม่กี่อึดใจต่อมาเสียงปืนก็ถูกเเทนที่ด้วยเสียงร้องโหยหวนดังระงมเหล่าทหารพากันวิ่งพล่านไปทั่วเเคมป์ มีเปลวไฟสีเเดงท่วมร่าง บางคนกระเสือกกระสนเข้าไปชนข้าวของในเต็นท์ล้มระเนระนาด ก่อนจะล้มลงชักดิ้นทุรนทุราย เเล้วเสียงเเห่งความเจ็บปวดก็ค่อยๆเเผ่วจางลงไป เหลือไว้เพียงความเงียบสงัดดุจป่าช้า

คริสไม่รู้ว่ามันเกิดขึ้นได้อย่างไร ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าอะไรเป็นต้นเหตุ เเต่ผลลัพธ์ของมันคือการตายที่น่าสยดสยองซึ่งสิ่งที่ทำเเบบนี้ได้ไม่ควรจะมีตัวตนอยู่บนโลกใบนี้

"ผมไม่ไหวเเล้วจ่า" ลูกทีมคนสุดท้ายเปล่งเสียงออกมาอย่างยากลำบากดวงตาส่อเเววท้อถอย เลือดสีเเดงไหลซึมออกจากซอกฟัน มือที่ยึดเหนี่ยวกันไว้เริ่มอ่อนเเรงลงทุกขณะ

"เข้มเเข็งไว้ทหาร" คริสกระตุ้น "เข้มเเข็งเอาไว้"

ด้วยความกวังที่จะปกป้องชีวิตลูกทีมไว้ให้ได้สักคนคริสเเกร็งเเขนดึงสุดกำลัง เเต่เรี่ยวเเรงของคนธรรมดาอย่างเราจะไปสู้เเรงดึงของสิ่งนั้นได้อย่างไร พอปลายนิ้วเลื่อนหลุดออกจากกันความหวังก็สูญสลาย ชีวิตสุดท้ายที่เขาพยายามจะปกป้องถูกดึงหายลงไปใต้ดิน

"ทหาร!" คริสตะโกนร้องอย่างบ้าคลั่งเมื่อไม่สามารถรักษาชีวิตใครไว้ได้สักคน ใบหน้าของลูกทีมคนสุดท้ายที่ตายต่อหน้าต่อตาจะตราตรึงอยู่ในความทรงจำเขาไปตลอดกาล

คริสรู้สึกเหมือนถูกพายุชัดกระหน่ำเข้าใส่จนกำเเพงความเเข็งเเกร่งพังทลาย เขาคร่ำครวญด้วยความโกรธเเค้น เสียใจ เเละหวาดกลัว ดวงตาเเดงก่ำของผู้เเพ้จับจ้องสิ่งที่ปรากฎอยู่เบื้องหน้า ความวิปริตผิดเพี้ยนของมันเป็นเครื่องยืนยันชัดเจนว่าสิ่งนี้ไม่ได้เกิดจากอุบัติภัยธรรมชาติ เเต่ถูกสร้างขึ้นโดนน้ำมือของปีศาจร้าย

ตรงหน้าเขาคือ เงาสีดำเเปลกประหลาดที่คล้ายร่างมนุษย์มันค่อยๆขยับเข้ามาหาตัวเขาอย่างช้าๆคริสรู้สึกหวาดกลัวพยายามจะลุกวิ่งหนีเเต่ขาของเขาอ่อนเเรงจนขยับไม่ได้ด้วยความหวาดกลัวเเละสิ้นหวัง ไม่นานนักลูกไฟสีเเดงก็พุ่งตรงมาที่เขา คริสยกเเขนข้างซ้ายขึ้นมาเป็นเกาะกำบังลูกไฟสีเเดง มันเเผดเผาเเขนเขาอย่างรวดเร็วอย่างเจ็บปวด

เมื่อความเจ็บปวดรวดร้าวเเล่นไปทั่วเเขนเเละเรี่ยวเเรงเริ่มเสื่อมถอยลงทุกขณะคริสก็ตระหนักถึงพิษร้ายเเรงที่จะกลืนกินชีวิตเขาจนสูญสิ้นภายในเวลาไม่นานนักเขาต้องทำอะไรสักอย่างเพื่อยื้อชีวิตเขาไว้

คริสลงมือทันที เขาล้วงมือไร้เรี่ยวเเรงอีกข้างเข้าไปในอกเสื้อ หยิบเข็มฉีดยาที่ซ่อนไว้ข้างในออกมา นึกดีใจที่มันไม่โดนไปเผาทำลาย เขาดึงปลอกพลาสติกหุ้มปลายเข็มออก น้ำยาสีส้มที่บรรจุอยู่ในหลอดเเก้วใสพุ่งตามออกมาเล็กน้อย เขาจ้องมองเเละภาวนาให้มันได้ผลก่อนจะกลั้นใจเเทงปลายเข็มเข้าไปที่อกซ้าย กรีดร้องออกมาด้วยความเจ็บปวด ปฎิกริยาที่ร่างกายปรับสภาพรับยาที่ฉีดเข้าไปส่งผลให้กล้ามเนื้อเกร็งกระตุกสี่ห้าครั้งเเล้วผ่อนคลาย

คริสโยนเข็มฉีดยาทิ้งไป หลับตาลงอย่างสิ้นเรี่ยวเเรง พลางใคร่ครวญถึงความหฤโหดที่นำมาซึ่งความสูญเสียครั้งใหญ่ของหน่อยปฎิบัติการพิเศษที่เชี่ยวชาญการประชิดตัว เเต่กลับถูกสังหารโหดหมู่ภายในเวลาไม่กี่อึดใจ

นี่ฉันเจอกับอะไรกันเเน่

คำตอบที่สะท้อนกลับมาในห้วงความคิดช่างเหลือเชื่อเเต่น่าพรั่นพรึง เมื่อตระหนักว่าเขาได้เผชิญหน้ากับตำนานมีชีวิตผู้สร้างเเละเนรมิตสรรพสิ่ง

ท่ามกลางเสียงสายน้ำไหลกระทบฝั่งที่ดังอยู่ไม่ไกลนัก เเละเสียงฝีเท้าที่ใกล้เข้ามาทุกขณะทำให้คริสตัดสินใจลืมตาขึ้นมองอีกครั้ง ที่นี้คริสได้รู้เเล้วว่าปีศาจที่เล่นงานเขาเเละทีมนั้นไม่ใช่อสูรร้ายหรือปีศาจเเต่เป็นหญิงสาวปริศนาที่มีพลังอำนาจวิเศษหรือเครื่องมืออะไรสักอย่างในการปล่อยลูกไฟพวกนั่น

นางค่อยๆยกมือมาที่คริสลูกไปสีเเดงค่อยๆออกมาจากฝ่ามือของนางจากสีเเดงอ่อนไปถึงเข้ม นางคิดจะสังหารคริสให้สิ้นเรื่องเเต่ทันใดนั้นสร้อยที่เเขวนอยู่บนคอคริสก็ล่วงลงมาวางกับพื้นนางมองดูสร้อยของคริสด้วยความสงสัยก่อนจะหายตัวไปละไว้ชีวิตของเขา

ก่อนที่สติของเขาจะดับลงด้วยฤทธิ์ยาที่ฉีดเข้าไป หรือไม่ก็ด้วยพิษร้ายที่เเฝงมากับลูกไฟสีเเดง คริสกล้าสาบานว่าเขาไม่ได้ยินเสียงใบพัดเฮลิคอปเตอร์หมุนตัดอากาศเเว่วเข้ามาในโสตประสาท

...โปรดติดตามตอนต่อไป...

...serpent king...

เลือกตอน

กกาวน์โหลดทันที

ชอบผลงานนี้ไหม? ดาวน์โหลดแอพ บันทึกการอ่านของคุณจะไม่สูญหาย
กกาวน์โหลดทันที

โบนัส

ผู้ใช้ใหม่ที่ดาวน์โหลดแอพสามารถปลดล็อค 10 ตอนได้ฟรี

รับ
NovelToon
เปิดประตูต่างภพ
เพื่อวิธีการเล่นเพิ่มโปรดดาวน์โหลดMangatoon APP!