Episode 01 : The Witch

...----------------...

...Episode 01...

...The Witch...

...----------------...

   " ทำไมฉันต้องไปด้วย "

   เด็กสาวตอบกลับคำถามอย่างเรียบเฉย ดวงตาสวยไม่ได้ละไปจากหน้าจอแท็บเล็ตราคาแพงในมือที่กำลังแสดงเส้นหลากสีไต่ขึ้นสู่จุดสูงสุด อีฮวาแทบจะไม่ได้สนใจเพื่อนรอบข้างกำลังพูดคุยสนุกสนานเลยสักนิด และเธอก็ไม่คิดที่จะร่วมวงสนทนานี้อยู่แล้ว

   ไม่ใช่ว่าเธอไม่ได้ฟังหัวข้อสนทนาของเพื่อนร่วมแผนก แต่อีฮวาไม่เข้าใจว่าอะไรคือความสนุกในการวิจารณ์รูปลักษณ์คนอื่นกันแน่ พวกเพื่อนร่วมชั้นมักจะไปเฟ้นหาคนหน้าตาดีในโรงเรียนมาพูดคุยกันอย่างสนุกปากได้ทุกวันโดยไม่รู้จักเบื่อ

   หากผู้ชายคนไหนหน้าตาดีเลิศเลอก็จะชื่นชมด้วยความเพ้อฝัน แต่ถ้าหากผู้หญิงคนไหนสวยเกินหน้าเกินตา พวกหล่อนก็พร้อมใจกันตั้งคำถามว่าเธอคนนั้นทำศัลยกรรมมาหรือเปล่า

   อีฮวาเองก็เป็นหนึ่งในเหยื่อกลุ่มเม้าท์ในตอนเข้าเรียนมาใหม่ ๆ แต่ตอนนี้คนที่เคยแซะเธอกลับตีสนิทราวกับว่าไม่เคยพูดลับหลังกันมาก่อน หลังจากที่ได้รู้ว่าเธอเป็นทายาทเศรษฐี

ื มันน่าตลกดี

   มันทำให้อีฮวารู้ว่ามีคนที่เปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังมือได้ในชั่วข้ามคืนแบบนี้อยู่เหมือนกัน

   " นี่เธอไม่อยากเห็นเหรอ จางฮยอนของเราน่ะหล่อมากเลยนะ "

   คิ้วเรียวเลิกขึ้นด้วยความสงสัยกับสรรพนามพ่วงท้ายของชื่อรุ่นน้องปีหนึ่ง จู่ ๆ เพื่อนร่วมห้องของเธอก็เรียกเด็กหนุ่มคนนั้นว่า ของเรา ทั้ง ๆ ที่ไม่ได้มีความสัมพันธ์พิเศษอะไรต่อกันไปมากกว่ารุ่นพี่รุ่นน้อง มันจึงค่อนข้างแปลกสำหรับการออกตัวเป็นเจ้าข้าวเจ้าของใครสักคน

   แต่อีฮวาก็พอจะเข้าใจได้ เด็กหนุ่มปีหนึ่งคนนั้นตอนนี้ถูกยกให้เป็นสมบัติของแผนกเสริมสวยไปแล้ว เพราะเป็นผู้ชายเพียงคนเดียว แถมข่าวลืมเกี่ยวกับรูปร่างหน้าตาราวกับเทพบุตรมาจุติขนาดนั้น คงไม่แปลกที่สาว ๆ ในแผนกจะหลงรักและบอกว่าเขาคือของพวกเธอ

   น่าขนลุกดีแหะ

   " พวกเธอจะมายุ่งอะไรกับยัยนี่ วัน ๆ เอาแต่เรียนกับทำงาน "

   หนึ่งในกลุ่มสนทนาเอ่ยขึ้นนั่นจึงทำให้ทุกคนเห็นแจ้งเกี่ยวกับอีฮวา มันดูเป็นเรื่องปกติที่เด็กสาวคนนี้จะไม่สนใจโลกภายนอกเลยจนหลายคนสงสัยว่าเธอเคยมีความรู้สึกคิดจะรักใครหรือสนใจใครบ้างไหม

   อีฮวามักจะขีดเส้นชัดเจนและมีกำแพงสูงลิบลิ่วยากพอให้ใครจะสามารถข้ามไปอีกฝั่งได้ ราวกับเจ้าหญิงที่อาศัยอยู่บนหอคอยลึกเข้าไปในป่าใหญ่ห่างไกลจากผู้คนจะเข้าถึง

   " นั่นสิ อีฮวาเป็นทายาทมิรากรุ๊ปนี่นา "

   " เกี่ยวอะไรกับการที่ฉันเป็นทายาทมิรา " อีฮวาเอ่ยอย่างสงสัย " ฉันแค่รู้สึกว่าไม่จำเป็นที่จะต้องไปรู้จักเท่านั้นเอง "

    น่าเสียดายไม่ว่าเพื่อนร่วมชั้นจะพูดเท่าไหร่เด็กสาวก็ไม่ได้สนใจเลยแม้แต่น้อย อีฮวาหวังแค่สามปีในการศึกษาเธอจะสามารถเรียนจบได้โดยไม่ต้องมีเรื่องอะไรมากมายให้ปวดหัว การทีเพื่อนเยอะสำหรับเธอมักจะมากไปด้วยมรสุมปัญหาร้อยทิศทางเสียมากกว่า แม้เธอจะสามารถพูดคุยกับเพื่อนร่วมชั้นเรียนได้ แต่คนที่สนิทสนมกลับมีเพียงไม่กี่คนเท่านั้น

   ช่วงชีวิตของเธอมักจะอยู่กับหน้าจอหุ้นของตลาดหรือกองเอกสารมากมายของบริษัท เธอมีหน้าที่รับผิดชอบแบรนด์เครื่องสำอางค์ในเครือธุรกิจของครอบครัว เพราะฉะนั้นงานของอีฮวาเลยมักจะยุ่งอยู่เสมอ เธอแทบจะไม่ได้มีเวลามัวโอ้เอ้หาความสนุกสนานให้ชีวิตเสียเท่าไหร่

   พอจำความได้อีฮวาก็เดินสายงานตามแม่ของเธอไปเสียแล้ว แต่ถึงอย่างนั้นมันก็ใช่ว่าจะไม่ดี อีฮวากลับพอใจเวลาเห็นจำนวนเม็ดเงินกำไรของบริษัทเสียมากกว่าการนั่งจับเข่าเม้าท์มอยทั้งวันแบบนี้อีก

   ดั่งคติประจำใจต่อให้เหนื่อยแค่ไหน เงินก็จะสามารถเยียวยาทุกสิ่ง

    " ยัยบ้างานนี่ เฮ้อ อย่างน้อยไปทักทายรุ่นน้องคนอื่น ๆ บ้างก็ได้ "

   " เห็นว่าวันนี้ตอนบ่ายมีตารางเรียนปฏิบัติรวมกับปีหนึ่งนี่นา "

   " อร๊ายยย จะได้เจอจางฮยอนแล้ว "

   " นี่ น้อย ๆ หน่อยนะยะ นอโผล่หมอแล้ว "

    อีฮวายกแขนขึ้นเท้าคางมองเหล่าเพื่อนร่วมห้องท พวกเธอกำลังทำใบหน้าเพ้อฝันถึงชายหนุ่มราวกับสาวน้อยวัยแรกแย้ม จนเธอรู้สึกอดขำไม่ได้

    เด็กหนุ่มคนนั้นทำให้เพื่อนร่วมห้องของเธอเพ้อหาถึงได้ขนาดนี้ จนอดสงสัยไม่ได้ว่าคนที่ชื่อจางฮยอนนั้นไปยุ่งเกี่ยวกับไสยศาสตร์หรือเปล่า ทำไมใคร ๆ ก็ดูจะหลงรักได้ง่ายเพียงเจอหน้ากัน

   แต่อีฮวาก็ไม่อยากจะขัดความสุขของเหล่าสาวน้อยทุกคนหรอก ไม่ว่าพวกเธอจะรักใครชอบใครหรือยกใครให้เป็นสมบัติของแผนก อีฮวาก็เพียงแค่ปรบมือยินดีและอยู่ในพื้นที่ตัวเองไม่ขอเข้าไปยุ่งเกี่ยวเท่านั้น เธอขออยู่กับกองงานและเม็ดเงินจำนวนมากที่หามาได้ดีกว่า

   " จะว่าไปแล้วเห็นว่ามีเด็กใหม่แผนกแฟชั่นย้ายเข้ามาด้วยล่ะ "

   " ปีไหน ปีสองเหรอ ? "

   " ปีหนึ่ง "

   " จริงอ่ะ ใครเหรอผู้หญิงหรือผูัชาย ? "

   " ผู้ชายนะ "

   " เห็นว่าชื่ออะไรน้า ~ ปาร์ค ฮยองซอก น่าจะใช่นะ "

   " หล่อหรือเปล่า "

   " หล่อสู้จางฮยอนของเราได้มั้ย ? "

   " นี่...ถ้าเม้าท์กันก็ไปตรงนู้นเลยฉันจะทำงาน " อีฮวาเท้าคางเอ่ยเสียงเรียบ " มันเกะกะ "

   " โห้ ยัยคุณหนูใจร้าย "

   กลุ่มเพื่อนขาเม้าท์ที่มารวมตัวกันตรงโต๊ะของอีฮวาพอไดยินเจ้าของโต๊ะไล่ก็ออกอาการโวยวายขึ้นมา เด็กสาวเริ่มแยกย้ายตัวกันออกไปจับกลุ่มคุยกันอยู่อีกฟากของห้อง แน่นอนว่าคำพูดของอีฮวาเมื่อครู่มันจะกลายเป็นหัวข้อสนทนาใหม่ให้พวกเธอเอาไปพูดแขวะ แต่อีฮวาก็ไม่ได้สนใจหรอก

   ยังไงปกติมันมักเป็นอย่างนี้เสมอ ต่อหน้าเพื่อนร่วมห้องมักพูดด้วยรอยยิ้มหาเรื่องมาชวนเธอคุย แต่ลับหลังพวกนั้นก็แซะกันสนุกปาก ถ้าหากถามว่ารู้ได้อย่างไร เธอสามารถตอบมันได้ง่าย ๆ เพียงเพราะเธอคือ ชอน อีฮวา

   ต่อให้ตอนนี้คนเหล่านั้นจะไม่ได้พูดต่อหน้า แต่ลับหลังไม่มีทางที่จะไม่พูด

   ต่อให้เบื้องหน้าจะสามารถเปลี่ยนไปได้ในชั่วข้ามคืน แต่เบื้องหลังกมลสันดานทุนเดิมมันเปลี่ยนกันไม่ได้หรอก

    " เธอกำลังจะโดนยัยพวกนั้นนินทาอีกแล้วนะยัยเจ้าหญิง "

    " แหม แปลกใจจัง "

    อีฮวายกยิ้มมุมปากตอบกลับด้วยเสียงหยอกเย้าให้กับเพื่อนที่สนิทเพียงคนเดียวในแผนก ลี ซอยอน กดอกพิงเอวที่โต๊ะเรียนของอีฮวา ใบหน้าของหัวหน้าแผนกดูยุ่งเหยิงและเหวี่ยงตลอดเวลาดูเป็นปกติ แต่อีกฮวารู้ดีว่าเด็กสาวผมไฮไลท์ดัดลอนคนนีัไม่ได้หงุดหงิดอะไร เพียงเธอหน้าดุเฉย ๆ แค่นั้นเอง

   " เธอปล่อยไว้เฉย ๆ แบบนี้ เดี๋ยวในอนาคตก็มีข่าวใส่สีว่อนโรงเรียนหรอก "

   คำเตือนของเพื่อนสนิทมันไม่ได้ทำให้อีฮวาเป็นกังวล หากแต่ว่ามันเกิดเรื่องแบบนั้นขึ้นมาจริง ๆ เธอก็คงไม่ต้องลงมือทำอะไรเลย ยังไงข่าวฉาวมันคงจะแล่นไปเข้าหูแม่ของเธอในระยะเวลาไม่กี่นาที และผู้หญิงคนนั้นก็จะนำดินฝังกลบไปให้มิดเพราะภาพลักษณ์ของลูกสาวต้องสมบูรณ์แบบ

   อีฮวาไม่ได้ชอบสิ่งที่คนเป็นแม่ทำ แต่เธอก็เข้าใจได้เพราะไม่มีผู้ปกครองคนไหนอยากให้ลูกมีภาพลักษณ์เสื่อมเสียหรอก

   " ฉันไม่ได้สนอยู่แล้ว " อีฮวาเอ่ยเสียงเรียบก่อนจะกลับมาเปิดแท็บเล็ตดูกราฟหุ้นต่อ " เธอไม่ไปร่วมวงด้วยหรือไง "

   " มันก็ต้องมีเบื่อบ้างแหละ ยัยพวกนั้นเล่นพูดแต่เรื่องเดิม ๆ ทุกวัน "

   หัวหน้าห้องถอนหายใจยาวราวกับเหนื่อยต่อชีวิตมาร่วมสิบปี มันก็จริงอย่างที่เธอว่าการพูดแต่เรื่องเดิม ๆ ทุกวันมันน่าเบื่อจนบางคนก็ไม่อยากจะไปร่วมด้วย อีฮวาเองก็สงสัยเหมือนกันว่าคนที่ยังคุยอยู่ไม่รู้สึกเบื่อการวิจารณ์หน้าตาคนอื่นบ้างเหรอ

   หรือบางทีเธออาจจะทำตัวขวางโลกเกินไปก็ได้ อีฮวาไม่เข้าใจเรื่องพวกนี้เท่าไหร่สำหรับเด็กสาวที่ทำงานมาตั้งแต่จำความได้ มันคงยากที่จะเข้าใจการชีวิตวัยรุ่นแบบคนอื่น ๆ

   คาบเรียนยามเช้ายังคงปกติเช่นเดิม การเรียนการสอนของโรงเรียนแจวอนไม่ได้แย่นอกจากวิชาพื้นฐานอย่างพวก ภาษา คณิตศาสตร์ วิทยาศาสตร์ ก็จะมีวิชาเฉพาะแผนกสำหรับนีกเรียนที่ต้องการวิชาชีพไปใช้ต่อในอนาคต

   มันดี

   แต่นักเรียนโดด

   ภายในห้องเรียนปฏิบัติแผนกเสริมสวยนั้นว่างเปล่า อีฮวาทอดมองสายตายาวจากหน้าห้องไปสุดหลังห้องไร้วี่แววผู้คนเข้ามาเยือน ไม่มีแม้แต่อาจารย์ประจำวิชาสอน นี่คงเป็นข้อเสียที่อีฮวาเจอสำหรับโรงเรียนนี้ เธอสงสัยอยู่เหมือนกันว่าทำไมแจวอนถึงรอดมาได้จนถึงปัจจุบัน ไม่ว่าจะอาจารย์หรือนักเรียนที่ไร้จรรยาบรรณมีให้เห็นกันเกลื่อน

   คาบเรียนปฏิบัติช่วงเช้าของปีสองมีเพียงอีฮวาคนเดียวที่เข้าเรียน ส่วนสาว ๆ ในห้องของเธอตอนนี้แห่กันไปที่ชั้นเรียนของปีหนึ่ง เพื่อไปส่องดูพ่อเดือนประจพแผนกเสริมสวยและนักเรียยใหม่สุดหล่อแผนกแฟชั่น

   ฉับ

   คมกรรไกรตัดเข้าเส้นผมปลอมอย่างปราณีต หัวจำลองเป็นหุ่นไร้ชีวิตชีวาเช่นเดียวกับใบหน้าของอีฮวาในตอนนี้ ความเงียบเหงามันเป็นเรื่องปกติสำหรับคนที่เจ้ามาในห้องเรียนคนเดียว

   อีฮวานึกโทษเพื่อนสนิทเพียงคนเดียวในใจ ซอยอนบอกว่าจะมาเป็นเพื่อนเธอแต่กลับหายหัวไปกับฝููงชน เธอพอจะเข้าใจยังไงเพื่อนเธอก็เป็นผู้หญิง อีกฝ่ายคงอยากเห็นหน้าของนักเรียนใหม่เหมือน ๆ กับคนอื่นนั่นแหละ

   ยัยนั่นเลยส่งของความมาบอกว่าจะตามมาที่หลัง

   ครืน

   " มาแล้วเหรอ ลีซอยอน "

   บานประตูเลื่อนเปิดออกสาดแสงจากทางเดินเข้ามาในห้องเรียน อีฮวาไม่ได้หันไปมองว่าใครแต่เธอเดาว่าคงจะเป็นเพื่อนสนิทเพียงคนเดียวแน่ ๆ เพราะในเวลาแบบนี้นอกจากหัวหน้าห้องสาวที่จะตามเธอมาทีหลัง

   อีฮวาใจจดใจจ่ออยู่กับการปั้นทรงผมให้หุ่นจำลองโดยไม่สนใจคนข้างหลังที่เดินเข้ามาใกล้ ๆ เพลงโปรดยังคงบรรเลงภายในเฮดโฟนมันทำให้อีฮวาตัดออกจากโลกภายนอกอย่างสมบูรณ์ ถึงแม้จะไม่ได้ยินเสียงแต่เธอก็ค่อนข้างมั่นใจว่ามีคนเข้ามาในห้อง

   " เป็นไงบ้างล่ะ หน้าตาเด็กใหม่ " เด็กสาวยังคงพูดออกมาโดยไม่หันไปมอง " สมคำล่ำลือของยัยพวกนั้นหรือเปล่า "

   " เอ่อ... "

    คิ้วเรียวเลิกขึ้นด้วยความสงสัย หากเป็นเพื่อนสนิทหน้าเหวี่ยงคนนั้นเธอคงจะโวยวายเรื่องที่อีฮวาไท่หันไปคุยดี ๆ และกระชากเฮดโฟนออกไปเสียตั้งแต่เริ่มพูด แต่นี่ไร้วี่แววการกระทำหยาบคายแบบนั้นมันชักทำให้อีฮวาไม่แน่ใจแล้วว่าใครยืนอยู่หลังเธอ

   เด็กสาวค่อย ๆ หันไปมองด้วยความสงสัย เหมือนกับช่วงเวลาหยุดนิ่งชั่วขณะ เสียงเพลงในเฮดโฟนยังคงเล่นต่อไปอยู่หลายนาที อีฮวากระพริบตาปริบ ๆ ภายในสมองของเธอกำลังประมวลผลไม่สำเร็จ

   ผู้ชายผมหวานตรงหน้าเป็นคนที่เธอไม่รู้จัก และไม่เคยเห็นหน้ามาก่อน อีกฝ่ายมีสีหน้าเลิ่กลั่กแปลกชอบกลกำลังมองซ้ายทีขวาทีเหมือนหาอะไรอยู่สักอย่าง ริมฝีปากอ้าพะงาบคล้ายกำลังจะพูด ก่อนมือหนาจะชี้ที่ข้างหูอีฮวาจึงรู้สึกตัวว่าเธอโดนเสียงเพลงกลบจนไม่ได้ยินสิ่งที่คนตรงหน้าอยากจะสื่อสาร

   " อ่า...โทษที นายมีอะไรหรือเปล่า " อีฮวาเอ่ยเรียบเฉยพร้อมถอดเฮดโฟนสีขาวออก

    " สวัสดีครับ... "

   คิ้วเรียวเลิกขึ้นหลังจากได้ยินประโยคทักทาย มันค่อนข้างแปลกที่จู่ ๆ คนที่เข้าห้องเรียนปฏิบัติมาสวัสดีทักทายเธอแบบนี้ แต่อีฮวาก็ลืมไปว่าที่นี่คือโรงเรียนแจวอนจะไปตั้งคำถามหรือหาเหตุผลอะไรกับพวกนักเรียนที่นี่กัน

   " มีอะไรหรือเปล่า "

   " ผมมาเอา...เซ็ตตัดผม "

   พอได้ยินคำตอบของเด็กหนุ่มตรงหน้าอีฮวาก็ร้องอ๋อในใจ การใช้เครื่องมือในแต่ละแผนกจำเป็นต้องขออนุญาตจากอาจารย์ก่อน การที่เด็กหนุ่มตรงหน้ามาถามหาอุปกรณ์แบบนี้เธอพอจะเดาได้ว่าอีกฝ่ายคงมาเอาไปใช้ หรือไม่ก็โดนอาจารย์ใช้มาแน่ ๆ

   มือเรียวสวยชี้ไปทางตู้เก็บของหลังห้องก่อนจะกลับไปสนใจสิ่งที่ตัวเอง อีฮวาคิดว่าเด็กหนุ่มผมสีหวานคนนี้น่าจะเป็นเด็กที่ชื่อ จางฮยอน เพราะดูจากหน้าพระเจ้าปั้นมาแบบนั้นคงจะไม่มีใครที่ไหนหรอก เพราะไม่เคยเห็นมาก่อน แผนกเสริมสวยปีสองก็ไม่มีผู้ชาย ปีสามก็ไม่มี เพราะฉะนั้นเธอจึกเดาได้ไม่ยาก

   " ขอบคุณครับ "

   ก็ดูเป็นเด็กที่มีมารยาทดี

   แล้วก็หล่อดี ตามแบบนิยมในปัจจุบัน

   อีฮวามองเพื่อนในแผนกตัวเองด้วยความเหนื่อยใจ ตอนเรียนปฏิบัติคาบเช้านั้นไร้วี่แววเด็กปีสองสักคนแม่แต่อาจารย์ก็ยังไม่มี ทว่าตอนนี้คนกลับเต็มห้องลบเลือนภาพจำในช่วงเช้าหายไปหมด อาจารย์ประจำวิชาผู้ไร้จรรยาบรรณขณะนี้ก็ปรากฏตัวออกมาอย่างพร้อมที่จะสอนเช่นกัน

   พอถึงช่วงบ่ายทุกคนนั้นมาพร้อมหน้าพร้อมตากันเชียว

   เธอสามารถรายงานเรื่องนี้ให้กับกระทรวงศึกษาได้หรือเปล่า

   การเรียนรวมของทุกชั้นปีไม่ได้มีบ่อยนัก ส่วนมากในคาบนี้จะเป็นเวลาว่างให้เด็กในแต่ละปีได้มีเวลาพักผ่อนสมอง ถึงแม้ปกติเด็ก ๆ แต่ละคนมักจะโดดเรียนจนแทบจะไม่มีคะแนนเข้าเรียนก็ตาม โรงเรียนก็ยังคงจะมีคาบว่างเอาไว้ให้อยู่อีก

   ทำไมถึงยังไม่โดนปิดกันนะ

   การแบ่งแยกรุ่นพี่รุ่นน้องแต่ละชั้นปีจะอยู่ที่เน็คไท แต่ละรุ่นนั้นพอเข้ามาเรียนจะได้เน็คไทสีไม่เหมือนกัน ในปีหนึ่งของอีฮวาเธอเข้าเรียนมาด้วยเน็คไทสีแดง ส่วนปีหนึ่งของตอนนี้เป็นสีน้ำเงิน ปีสามที่เป็นสีเขียวก็ไม่ต้องเดาอะไรทั้งนั้น

   อย่างน้อยอีฮวาก็คิดว่าระบบการจำแนกแต่ละชั้นปีของโรงเรียนนี้ยังพอได้เรื่องอยู่บ้าง แค่เรื่องเดียวที่ เธอคิดว่าทำได้ดีนั่นแหละ อย่าไปหาคิดถึงระบบอื่น ๆ เลย อีฮวาไม่อยากจะดิสคัตระบบการศึกษาในประเทศเสียเท่าไหร่ แถมโรงเรียนรัฐ ฯ แบบนี้อีก เธอก็ไม่อยากจะคาดหวังมันหรอก

   " จางฮยอน "

   " จางฮยอนหล่อจัง "

   " โอ้ย ฉันจะเป็นลม "

   " สมบัติของแผนกเสริมสวย "

   การคาดเดาของอีฮวาถูกเผง เด็กหนุ่มผมสีหวานที่เข้ามาเอาเช็คอุปกรณ์ตัดผมเมื่อเช้าคือ จางฮยอนสุดหล่อ ของสาว ๆ อีกฝ่ายดูท่าจะเห็นเธอเหมือนกันจึงได้ยิ้มหว่านเสน่ห์มาทางกลุ่มนักเรียนปีสองตรงนี้ หรือมันอาจจะเป็นแค่การปั้นยิ้มแบบธุรกิจที่อีฮวาเคยเห็นมาก่อนก็ได้

   อย่างไรก็ตามมันไม่ได้สำคัญกับอีฮวาอยู่แล้ว

   คาบเรียนรวมในวันนี้มุ่งเน้นไปที่การออกแบบทรงผมและเรียนรู้เกี่ยวกับอุปกรณ์ โดยจะให้นักเรียนปีสองจับคู่เรียนกับปีหนึ่ง เป็นช่วงเวลาที่ชุลมุนวุ่นวายที่สุดเมื่อใคร ๆ ก็อยากจะไปคู่กับเด็กหนุ่มเพียงคนเดียวของแผนก

   อีฮวานึกสงสารจางฮยอนขึ้นมานิดหน่อย การเป็นผู้ชายหน้าตาดีเพียงหนึ่งเดียวในหมู่คนนิยมรูปลักษณ์ ก็ไม่ต่างกับชินเนื้อที่ตกลงมาหาฝูงไฮยีน่า เด็กสาวกอดอกพิงเคาท์เตอร์หลังห้องเรียน มองภาพแสนยุ่งเหยิงของเพื่อนรุ่นเดียวกับและรุ่นน้องกำลังโวยวายยืดแบ่งตัวของพ่อเดือนแผนก

   " น่ารำคาญชะมัด "

   เพียงคำพูดเบา ๆ มันไม่สามารถหยุดการกระทำของคนในแผนกตอนนี้ได้ ถ้าหากบอกว่ามันน่าสมเพชคงจะแรงเกินไป แค่อีฮวาก็ไม่คิดว่าจะมีคำไหนเหมาะสำหรับสถานการณ์ในตอนนี้อีกแล้ว

   กว่าจะได้เริ่มเรียนก็ผ่านไปเกือบครึ่งชั่วโมง สุดท้ายจางฮยอนนั้นก็เลือกเลือกที่จะคู่กับหัวหน้าแผนกปีสอง อย่างน้อยลีซอยอนก็ไม่ได้ไปแย่งตัวเขากับคนอื่น ๆ เธอจึงเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุดสำหรับเขา

   แน่นอนว่าสาว ๆ คนอื่นที่ไม่ได้คู่กับเขาต่างก็เสียดายและตัดพ้อทุกครั้งยามที่เห็นจางฮยอนกับซอยอน อีฮวาคิดว่าเธอทำหน้าที่ห้ามทัพได้ดี ไม่อย่างนั้นเพื่อนสนิทของเธออาจจะตะโกนด่ายามได้ยินคำพูดไม่เข้าหูนั่นแล้วก็ได้

   เวลาเรียนล่วงเลยไปจนถึงท้ายคาบสิ่งสุดท้ายที่ต้องทำคือการให้อาจารย์ประเมินผลงานของนักเรียนปีหนึ่ง คู่ของอีฮวาและรุ่นน้องสาวผ่านไปได้ด้วยคะแนนมากกว่าครึ่ง เธอไม่ได้ลงมือทำอะไรเลยเพียงแค่เอ่นปากสอนตามที่ตัวเองเข้าใจ ถ่ายทอดวิชาที่เรียนมาตลอดหนึ่งปีให้รุ่นน้องข้างกายเพียงแค่นั้น

   " นั่นมันอะไรน่ะ "

   อีฮวาเอ่ยถามเพื่อนสนิทหน้าเหวี่ยงข้าง ๆ ซอยอนหันมาถอนหายใจราวกับว่าชีวิตนี้ไม่ขออะไรอีกแล้ว เธอดูเหนื่อยจากการสอนเด็กหนุ่มของแผนกเพียงคนเดียว จนแทบจะล้มตัวลงไปนอนกับพื้น

   ผลงานชิ้นเอก ทรงผมงูรัด มันแย่มากจนอีฮวายังคิ้วกระตุก ฝีมือแบบนี้ไม่ได้เรียกว่าดีเลยสักนิด มันเป็รผลงานที่พังอย่างไม่น่าให้อภัย แต่ทำไมเพียงแค่เด็กหนุ่มยิ้มคะแนนความนิยมของมันก็พุ่งพรวดพิลึก

    " จางฮยอนเก่งจัง "

    " ถึงมันจะ... "

     " มันก็สวยออก "

    " สวยนะ แต่แปลก ๆ "

    " แต่จางฮยอนของเราตั้งใจทำนี่นา "

   " นั่นสิ "

   บิวตี้พรีวิลเลจมันใช้กับสาว ๆ พวกนี้ได้ดีจริง ๆ สำหรับอีฮวาที่ทำงานเกี่ยวกับความงามและมีร้านเสริมสวยเป็นของตัวเองแบบเธอ ทรงผมบนหัวจำลองของจางฮยอนมันคะแนนติดลบและเขาคงจะโดนไล่ออกแน่ ๆ พอมาเห็นกองอวยที่ไม่สนผลงาน สนแค่หน้าตาคนทำแบบนี้อีก อีฮวาคอดว่าตรรกะการใช้ชีวิตของเธอคงจะต้องพังพินาศไปแล้วแน่ ๆ

   " อีฮวาเธอคิดว่าผลงานของจางฮยอนของเราเป็นยังไง "

   เพื่อนร่วมแผนกหนึ่งในกองอวยยิงคำถามมาให้เธอ เหมือนอีกฝ่ายจะลืมว่าอีฮวาเป็นคนอย่างไรถึงได้กล้าเอ่ยออกมาแบบนั้น

   " ห่วยแตก "

   อีฮวาไม่ได้พูดเบาเกินไป และไม่ได้พูดดังเกินไป เธอไม่ใช่คนใจดีและมักจะวิจารณ์อย่างตรงไปตรงมาโดยไม่สนเสียงตอบรับ

   แน่นอนว่าคำวิจารณ์เมื่อครู่มันทำให้สาว ๆ กองอวยของจางฮยอนไม่พอใจ แต่ใครจะไปสน

   ห่วยก็คือห่วย

   เธอจำเป็นต้องอวยด้วยหรือไง

...----------------...

   Talk : นางเอกของเราตรงแบบไม่เลี้ยวค่ะ ไม่อ่อนโยนด้วย

ไว้เจอกันตอนหน้า หากชอบอย่าลืมกดไลก์และคอมเม้นท์นะคะ(⁠。⁠・⁠ω⁠・⁠。⁠)⁠ノ⁠♡

เลือกตอน
เลือกตอน

อัพเดทถึงตอนที่ 2

กกาวน์โหลดทันที

ชอบผลงานนี้ไหม? ดาวน์โหลดแอพ บันทึกการอ่านของคุณจะไม่สูญหาย
กกาวน์โหลดทันที

โบนัส

ผู้ใช้ใหม่ที่ดาวน์โหลดแอพสามารถปลดล็อค 10 ตอนได้ฟรี

รับ
NovelToon
เปิดประตูต่างภพ
เพื่อวิธีการเล่นเพิ่มโปรดดาวน์โหลดMangatoon APP!